ELIXIR EP.1 เปิดศึก 3 พิภพ

-

เขียนโดย JayNara

วันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 19.53 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,359 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สมบัติผู้สืบทอด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
---เวลาผ่านไป 7 วัน---
 
          หลังจากที่เคราส์เดินเท้าออกจากหมู่บ้านข้ามน้ำข้ามหวย ฝ่าฝูงอสรพิษมาด้วยมีดถางป่าเล่มเดียวจนถึงป่าตะวันตก เคราส์ก็ยังไม่เห็นท่าทีเลยว่าจะมีถ้ำนั้นอยู่จริงบนโลก เขาเริ่มที่จะถอดใจทรุดตัวลงนั่งร้องไห้กับพื้นด้วยความอ่อนล้าจากการเดินป่าโดยไม่ได้พัก “ตำนานที่ว่าคงไม่มีอยู่จริง ..เรามันบ้าไปเอง..ลูก…ฮือ..พ่อขอโทษด้วย ...อยากกลับบ้าน” ขณะที่กำลังนั่งร้องไห้หมดกำลังใจอยู่นั้น หางตาซ้ายของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นเงาแสงบางอย่างส่องเป็นประกายสีฟ้าราวกับเงาน้ำที่กระทบกับคริสตัล เคราส์ไม่รอช้าปาดน้ำตาบนใบหน้าแล้วรีบลุกเดินตามแสงนั้นไป และที่จุดหมายปลายทางของแสงนั่นเอง เขาก็ได้พบกับความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา... ถ้ำสองพิภพ ตอนนี้มันได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว “นี่มัน...เรื่องจริงใช่ไหม ใช่มันจริงๆใช่ไหม ขอบคุณพระเจ้า” เคราส์พูดพร้อมหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปิติก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างในถ้ำ เมื่อเข้ามาข้างในแล้วเคราส์ก็สัมผัสได้ถึงพลังงานชีวิตอันอบอุ่นและลึกลับอย่างบอกไม่ถูก ทุกอย่างในตัวถ้ำเป็นผลึกคริสตัลทั้งหมด เคราส์กรอกสายตามองไปมารอบๆแล้วก็ต้องร้องอู้หูไปตลอดทาง สถานที่แห่งนี้ยิ่งเดินลึกเข้าไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกว้างใหญ่และสวยงามมากขึ้นเท่านั้น มันยากจะเชื่อได้ว่าเขากำลังเดินอยู่ในถ้ำกลางป่าจริงๆ ที่นี่ราวกับว่าถูกสร้างขึ้นมาด้วยฝีมือของอะไรบางอย่างที่มีอารยธรรมเหนือไปกว่ามนุษย์ เมื่อเคราส์เดินต่อมาได้จนสุดทาง ก็ต้องตกตะลึงอ้าปากค้างยิ่งกว่าเดิม คราวนี้เคราส์แน่ใจแล้วว่าถ้ำแห่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์และมันไม่ใช่ที่อยู่ของมนุษย์เราอย่างแน่นอน เพราะที่ตรงหน้าเขามีสระน้ำคริสตัลขนาดใหญ่มหึมากว้างราวกับมหาสมุทร พอมองถัดไปด้านบนก็เห็นดวงดาวสีฟ้าครามลักษณะคล้ายดวงจันทร์ และดวงดาวสีแดงฉานลุกโชนด้วยเปลวไฟราวกับดวงอาทิตย์ลอยอยู่คู่กันเหนือน้ำบนท้องฟ้าอันมืดมิด "น้ำในบ่อนี่...ไม่ผิดแน่" เขานึกขึ้นได้ทันทีว่านี่ล่ะ คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เล่าขานกันมา เคราส์ไม่รอช้าล้วงมือลงไปหยิบขวดยาแก้วที่เตรียมไว้ในย่าม แล้วก้มลงตักตวงน้ำขึ้นจากบ่อจนได้เต็มขวด น้ำในขวดยังคงส่องประกายแสงเหมือนผลึกคริสตัลแม้จะถูกตักขึ้นมาจากบ่อแล้วก็ตาม เคราส์รีบเอาขวดยาแก้วปิดจุกใส่กลับลงไปในย่ามเพื่อเร่งกลับหมู่บ้านให้ทันเวลารักษาลูก และในวินาทีเดียวกันกับที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับไปยังปากถ้ำ ก็มีเสียงประหลาดดังขึ้น ครืน!!! ซ่าาาา!!! เสียงนั้นไม่ต่างอะไรจากน้ำที่กำลังไหลลงไปในหลุมใหญ่ๆ เสียงที่ว่านั้นดังเอามากๆ เคราส์ด้วยความตกใจจึงหันกลับมาดู ก็ได้พบเจอกับสิ่งที่ชวนงงแบบสุดๆ "เฮ้ย!! มันอะไรวะเนี่ย!?" เคราส์ตะโกนเสียงหลง เพราะบ่อน้ำคริสตัลที่เขานั่งตักน้ำอยู่เมื่อกี้ได้กลายเป็นหุบเหวลึกไร้ที่สิ้นสุด ผลึกคริสตัลที่เคยห่อหุ้มผนังถ้ำไว้ก็กำลังค่อยๆระเหยกลายเป็นหมอกควันลอยขึ้นไปในอากาศจนเหลือไว้แต่ถ้ำหินเปล่าๆอันมืดมืดผิดกับตอนที่เข้ามา เคราส์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเตรียมตัวเผ่นออกไปจากแดนพิศวงแห่งนี้ เขาพยายามวิ่งออกไปตามทางเดิมอย่างทุลักทุเล เพราะวิสัยทัศน์การมองเห็นในตอนนี้ผิดกับตอนเข้ามาที่มีแสงคริสตัลส่องประกายตลอดทาง เวลานี้มีเพียงความมืดมิดและเสียงกระซิบประหลาดที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเขา เสียงพวกนั้นมันกำลังไล่หลังเขามาติดๆ เคราส์ด้วยความที่มัวแต่รีบจะหนีจึงไม่มีเวลาได้หยิบตะเกียงที่ผูกไว้กับเอวขึ้นมาจุด และแล้วเขาก็ได้ไปวิ่งสะดุดเข้ากับก้อนหินบนพื้นถ้ำอย่างจัง จนทำให้ล้มลงก้นจ้ำเบ้ากับพื้น ระหว่างนั้นเขาก็หันหน้ากลับไปมองอีกทีว่ามีอะไรกำลังไล่หลังเขามาอยู่หรือเปล่า ก็ปรากฏว่าเหล่าคริสตัลที่กำลังกลายสภาพเป็นหมอกควันเมื่อสักครู่ มันกำลังลอยไปรวมกันอยู่เหนือหุบเหวลึกข้างหลังเขา ควันเหล่านั้นเริ่มก่อตัวหนาขึ้น...หนาขึ้น...หนาขึ้นจนเห็นได้เป็นรูปเป็นร่าง กลุ่มควันนั้นกำลังก่อตัวขึ้นเป็นรูปคน และเพียงไม่กี่อึดใจมันก็รวมตัวกันจนเสร็จ ภาพที่สายตาของเคราส์ได้เห็นทำให้เขาถึงกับก้าวขาไม่ออก ร่างของหญิงสาวที่งดงามได้มาปรากฏกายอยู่ข้างหลังเขา เธอมีผมสีขาวยาวสลวย แต่งกายด้วยผ้าแพรสีครีมพันไว้รอบตัวคล้ายกับชุดกระโปรง ผิวพรรณของเธอมีลักษณะเปล่งประกายสีฟ้าคล้ายกับคริสตัลบนผนังถ้ำเมื่อตอนแรก ร่างของเธอกำลังลอยอยู่เหนือปากเหว “เจ้า…มนุษย์อย่างนั้นหรือ นานแล้วนะที่จะมีผู้รอดชีวิตจากหมู่มวลอสรพิษที่ข้าเตรียมไว้มาถึงนี่” หญิงสาวกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น เคราส์ซึ่งไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนได้แต่ยืนนิ่งพูดอะไรไม่ออก “อ้อ ข้าลืมแนะนำตัว…ข้าคือเทพีแห่งแก้วสวรรค์ ข้าถูกรับเลือกจากนรกและสวรรค์ให้ดูแลสมบัติที่ประตูมิติแห่งนี้ …มนุษย์เช่นเจ้า ต้องการ Elixir ไปเพื่อจุดประสงค์อันใดหรือ ” เคราส์ที่กำลังตกใจกลัวกลับกลายเป็นงงขึ้นมาแทนเมื่อได้ยินคำว่าประตูมิติกับElixir จึงถามนางว่า “ห๊ะ?? ….Elixir?...ท่านหมายถึง น้ำที่อยู่ในขวดนี้ใช่ไหม แล้ว...ที่นี่คือประตูมิติยังงั้นเหรอ?” เทพีแก้วสวรรค์ตอบกลับว่า “ ใช่ ที่แห่งนี้มีประตูเชื่อมไปสู่นรกและสวรรค์ เจ้าพอรู้ใช่ไหมว่าน้ำที่เจ้ากำลังจะนำออกไปนั้น มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงกฏธรรมชาติของโลกมนุษย์ ”“ค… ครับ ข้าทราบดี ข้าเคยได้ยินเรื่องเล่ามาอยู่บ้าง ว่าถ้ำแห่งนี้มีน้ำวิเศษที่รักษาได้ทุกโรค ข..ข้า…ข้าอยากได้น้ำนี้เพื่อนำไปรักษาลูกชายของข้าที่กำลังป่วยอยู่ ” หลังจากเคราส์พูดจบเทพีแก้วแห่งสวรรค์ก็จดจ้องไปที่ใบหน้าเคราส์อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับว่า ” หึ ข้าสัมผัสพลังของเทพหรือมารไม่ได้เลย..เจ้าไม่ได้มีเชื้อจากเทพสวรรค์หรือยมบาลเลยแม้แต่น้อย แสดงว่า...ที่ผ่านอสรพิษมาถึงที่นี่ได้ ก็แค่บังเอิญสินะ ” ตอนนี้ใบหน้าของเคราส์ออกอาการสงสัยอย่างเห็นได้ชัด ในหัวเขาตอนนี้คิดแต่ว่าใครที่ไหนมันจะไปมีเชื้อสวรรค์หรือนรกได้วะ? จึงตอบกลับนางไปว่า “ข้าก็แค่คนจนๆธรรมดาคนหนึ่ง ข้าไม่เคยได้เรียนหนังสือ เรื่องที่ท่านพูดมาข้าไม่อาจเข้าใจเลยแม้แต่น้อย ” เทพีได้ยินดังนั้น จึงทำหน้าเซ็งๆ “เห้อ..เอางี้..ข้าจะอธิบายให้ฟังตั้งแต่ต้นเลยแล้วกันนะ” เทพีแก้วแห่งสวรรค์เริ่มอธิบายเรื่องราว “ โลกที่เจ้าเกิดและอาศัยอยู่เป็นศูนย์กลางของมิติที่เชื่อมกันระหว่างแดนสวรรค์กับนรกภูมิ ครั้งหนึ่งดินแดนทั้งสองเคยเป็นหนึ่งเดียวกันโดยที่ตอนนั้นยังไม่มีโลก มันถูกเรียกว่า เอรากอน มีการแบ่งเขตการปกครองออกเป็นทวีปเหนือและทวีปใต้ ปัจจุบันทวีปเหนือถูกเรียกว่าสวรรค์ และทวีปใต้ถูกเรียกว่านรก” “..อ้าว แล้วทำไมต้องแยกด้วยล่ะ อยู่ด้วยกันก็ดีอยู่แล้วนี่ครับ?” เคราส์แทรกถาม “ อ่า สาเหตุที่ต้องแบ่งเขตการปกครองกัน ก็เพราะว่าทั้งสองทวีปนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งภูมิประเทศที่อีกด้านหนึ่งร่มเย็นสุขสบายแต่อีกด้านกลับร้อนระอุมีแต่เปลวไฟลุกโชนตลอดเวลาและนั่นก็ทำให้อุปนิสัยของผู้คนของทั้งสองทวีปแตกต่างกันไปอีกด้วย คนทวีปเหนือนั้นมีนิสัยใจเย็นเป็นมิตร ต่างจากคนทวีปใต้ที่ชอบรบราฆ่าฟันและชอบการต่อสู้แลกเลือดแลกเนื้อกันเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทุกอย่างก็เป็นปกติสุขมาจนช่วงเวลาหนึ่ง ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป...”“เปลี่ยนไป...เกิดอะไรไม่ดีขึ้นงั้นเหรอ” เคราส์แทรกถามขึ้น
อ่าสาเหตุที่ต้องแบ่งเขตการปกครองกัน ก็เพราะว่าทั้งสองทวีปนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งภูมิประเทศที่อีกด้านหนึ่งร่มเย็นสุขสบายแต่อีกด้านกลับร้อนระอุมีแต่เปลวไฟลุกโชนตลอดเวลาและนั่นก็ทำให้อุปนิสัยของผู้คนของทั้งสองทวีปแตกต่างกันไปอีกด้วย คนทวีปเหนือนั้นมีนิสัยใจเย็นเป็นมิตร ต่างจากคนทวีปใต้ที่ชอบรบราฆ่าฟันและชอบการต่อสู้แลกเลือดแลกเนื้อกันเป็นชีวิตจิตใจ แต่ทุกอย่างก็เป็นปกติสุขมาจนช่วงเวลาหนึ่ง ทุกๆอย่างก็เปลี่ยนไป...” “เปลี่ยนไป...เกิดอะไรไม่ดีขึ้นงั้นเหรอ” เคราส์แทรกถามขึ้น “ฮื่อ...สถานการณ์ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปเมื่อประชาชนของทวีปทางใต้ได้เบื่อการที่จะต้องมาทนทุกข์อยู่ในดินแดนที่ร้อนระอุลุกเป็นไฟ ในขณะที่คนทางเหนือนั้นกินอยู่กันอย่างสุขสบายร่มเย็น จึงเกิดความริษยาและริเริ่มความคิดที่จะแย่งดินแดนทางเหนือมาเป็นของตนเอง ซึ่งจ้าวเมืองทางใต้หรือท่านยมบาลก็เห็นดีเห็นงามด้วย จึงพากันยกทัพกำลังพลไปเข้าต่อสู้และรุกรานทวีปทางเหนือ จนเกิดเป็นสงครามใหญ่ขึ้น และแน่นอนว่าผู้ที่มีพลังเหนือกว่าในสงครามครั้งนี้ คือกองทัพจากแดนใต้ที่ฝึกการสู้รบกันภายในมาโดยตลอด กองพลทหารของท่านยมบาลได้ล้มทหารของทางทวีปเหนือจนสามารถเปิดทางเข้าสู่วังให้ท่านยมบาลไปถึงตัวเทพทางเหนือหรือเทพสวรรค์ได้สำเร็จ ในจังหวะที่ท่านยมบาลกำลังจะลงมือปลิดชีพเทพสวรรค์นั้น พระเจ้าผู้สร้างจักรวาลและเอรากอน ทรงมองเห็นสงครามนี้จากที่ที่ท่านอยู่ จึงได้เข้ามาห้ามปรามเอาไว้ก่อน หลังจากสงครามจบท่านได้สร้างข้อตกลงให้กับทั้งสองฝ่าย ด้วยการแยกทวีปเหนือและใต้ออกจากกันให้อยู่กันคนละมิติจากนั้นก็สร้างดวงดาวขึ้นมาใหม่ขึ้นมาขั้นกลางมิติทั้งสองไว้ ที่นั่นมีทั้งความอุดมสมบูรณ์และความแห้งแล้งผสมผสานกันไปพร้อมทั้งเสกให้ประชาชนของทั้งสองทวีปลืมเรื่องความทรงจำที่เคยรบกันมา แล้วให้ไปเกิดใหม่อาศัยอยู่ร่วมกัน ณ ที่นั่น เพื่อจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ดาวดวงนี้ได้ถูกเรียกภายหลังว่า โลก ส่วนผู้ปกครองของทั้งสองทวีปนั้น ถูกแบ่งหน้าที่ให้คอยดูแลประชาชนบนโลกร่วมกัน แต่จะให้นั่งปกครองอยู่ในที่เดิมของตนเองและคอยตัดสินว่าประชาชนคนไหนควรจะเกิดใหม่ที่ดินแดนไหนหลังจากตายไป พระเจ้าทรงขนานนามดินแดนทั้งสองใหม่ว่าสวรรค์ ดินแดนแห่งความผาสุขกับนรกภูมิดินแดนแห่งความทรมาน และทรงเรียกประชาชนที่ไปอาศัยบนโลกว่า มนุษย์ ท่านออกกฏว่าถ้าหากมนุษย์คนใดที่ทำดีคงอยู่ในศีลธรรมแม้ว่าผู้คนที่ว่าอาจเคยเป็นคนจากนรกมาก่อน ก็จะให้สิทธิ์ขึ้นไปเกิดอยู่บนสวรรค์เสพสุขเป็นเทวดาได้เพื่อความเท่าเทียม และหากมนุษย์คนใดทำชั่ว ก็ให้จัดการส่งลงไปเกิดอยู่ในนรกภูมิอันร้อนระอุและทุกข์ทรมานเพื่อเป็นการลงโทษก่อนจะให้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกใหม่เป็นการแก้ตัว".....อื้อหือ ยาวแท้วะ" "หืม? เจ้าว่าไงนะ?"
"อ๊ะ! ปะเปล่า ขอรับ"
เคราส์ได้ฟังเรื่องราวก็พอเข้าใจเรื่องนรกสวรรค์ขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังสงสัยอยู่ดีกับเรื่องน้ำที่อยู่ในขวดนี้ว่าทำไมผู้ครอบครองมันถึงต้องมีเชื้อสายเทพสวรรค์หรือยมบาล จึงถามเทพีแห่งแก้วสวรรค์ต่อไปว่า “แล้วทำไมผู้ครอบครองน้ำวิเศษนี้ถึงต้องเป็นเทพสวรรค์หรือยมบาลด้วยล่ะครับ” เทพีได้ยินคำถามก็ได้อธิบายต่อไปว่า “ภายหลังจากที่นรกกับสวรรค์แบ่งหน้าที่กันชัดเจนแล้ว ผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายก็ได้นัดกันมาตกลงประชุมกันอีกที ณ ที่ประตูมิติแห่งนี้ เนื่องจากเห็นว่าจำนวนประชากรมนุษย์กำลังเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆการเฝ้าดูและจัดการก็ยิ่งยากมากขึ้น เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่การปกครองของทั้งสองฝ่าย จึงได้ข้อสรุปว่าพวกท่านจะส่งมอบพลังของตนเองต่อไปยังญาติพี่น้องของพวกเขาที่ไปเกิดใหม่ปะปนกับพวกมนุษย์ธรรมดาคนอื่นๆให้คอยดูแลมนุษย์บนโลกแทนที่พวกเขา และเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างนรกกับสวรรค์ ท่านทั้งสองจึงได้แบ่งพลังของพวกเขาออกมาคนละครึ่งแล้วนำมากลั่นรวมกันเป็น Elixirซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ผู้ดื่มสามารถฟื้นฟูจากโรคภัยและแผลต่างๆได้รวดเร็วแค่ในพริบตา พร้อมทั้งมีพลังกายอันเกรี้ยวกราดและรุนแรง หลังจากเสร็จการประชุมพวกเขาก็ได้ทิ้งมันเอาไว้ในถ้ำแห่งนี้ซึ่งเป็นประตูเชื่อมต่อกับอีกสองโลก เพื่อให้ผู้สืบทอดสามารถหามันเจอได้ แต่เพื่อความปลอดภัยจากการที่จะมีคนนอกอย่างเจ้าแอบนำออกไปใช้ จึงได้จัดเตรียมสร้างสัตว์ร้ายอสรพิษไว้รอบๆบริเวณถ้ำ และแต่งตั้งให้ข้าซึ่งเป็นลูกครึ่งเทพกับยมฑูตเป็นผู้ดูแลเพื่อส่งมอบพลังนี้ต่อไปให้ถูกต้องตามกฏของผู้สืบทอด” หลังจากได้ฟังเรื่องราวที่เทพีแก้วแห่งสวรค์พูดจนจบทุกอย่างที่เคราส์สงสัยตอนนี้ได้กระจ่างแล้ว ว่าทำไมที่นี่ถึงมีแต่เรื่องอะไรแปลกๆ เพราะมันเป็นประตูมิติที่เชื่อมไว้ทั้งสามโลก และเหตุที่เส้นทางในป่าก่อนจะมาถึงถ้ำแห่งนี้มันช่างลำบากยิ่งนักเพราะมันเป็นที่สำหรับเก็บสมบัติสำคัญนี่เอง เคราส์ได้แต่สงสัยว่ามันเป็นปาฏิหารย์อะไรที่พาตัวเขาฝ่าดงอสรพิษมาถึงที่นี่ได้โดยไม่ตายเสียก่อน “งั้น ในเมื่อเจ้าเข้าใจเรื่องทั้งหมดแล้ว ก็จงนำน้ำในขวดนั่นไปเทกลับลงมาที่บ่อ แล้วจงกลับไปซะ! ” หลังจากเล่าเรื่องราวจนเข้าใจกันแล้ว นางเทพีก็ได้ทวงคืนสมบัติผู้สืบทอดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น “ห้ะ?...อะ อะ อะไรนะ..ก็ข้า..” เคราส์อุทานออกมาด้วยความตกใจในน้ำเสียงและคำสั่งของเธอ แต่ด้วยความที่อยากได้น้ำวิเศษกลับไปรักษาลูกชายจริงๆ จึงได้ถามและยืนยันคำขอร้องเดิม “ท่านเทพีแห่งแก้วสวรรค์ ได้โปรด...ได้โปรดเมตตาข้าด้วย ข้าต้องการนำน้ำวิเศษ..เอ่อ..คือ ข้าต้องการอิลิเซอร์ขวดนี้ไปรักษาชีวิตลูกชายของข้า ได้โปรดเถิด ข้าสัญญาว่าจะไม่นำไปใช้ในทางที่ผิ...”เอาไปเทกลับที่บ่อ...เดี๋ยวนี้!! เจ้าเป็นแค่มนุษย์อย่าริอาจคิดฝ่าฝืนกฎของพระเจ้า ท่าลูกจะตายก็ต้องตาย เจ้าไม่มีสิทธิ์!! ถ้าอยากรอดออกไป ก็จงคืนสมบัติมาเสีย!!” เคราส์พูดขอร้องไม่ทันจบประโยคก็โดนนางเทพีตะคอกใส่อย่างแรง ดวงตาของเทพีแห่งแก้วสวรรค์เวลานี้ได้เบิกโพรงเป็นสีแดงก่ำ บ่งบอกถึงความเกรี้ยวโกรธของเธอ พื้นในตัวถ้ำเริ่มสั่นสะเทือน มวลอากาศและลมที่อยู่รอบๆกาย เริ่มอัดแน่นและพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเคราส์แทบจะปลิวกระเด็นไป เวลานี้เคราส์ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่เสียแล้ว ว่าจะคืนสมบัติเพื่อรักษาชีวิตตน หรือจะเสี่ยงตายเพื่อต่อชีวิตให้กับลูก 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา