นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  24.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ตอนที่ 9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9

    ณ กระโจมพักทหารชายแดนนครหลวงของเพียรซ์ เงาดำเงาหนึ่งมุ่งหน้าไปสู่กระโจมนอนของผู้กล้าแสงตะวันโดยปราศจากสายตารู้เห็นอย่างน่าประหลาดใจ คนในผ้าคลุมปิดกระโจมอย่างแน่นหนาในขณะที่ ไบรอัน แบล็คสโตนยังนอนนิ่งบนเตียงหนังสำเร็จ

    “ธีโอดอร์...ไม่สิ ต้องเรียกว่าไบรอันสินะ ขอบคุณสำหรับดอกไม้ช่อนั้น มันสวยมาก”

    ผู้กล้าแสงตะวันลืมตาทันควันแต่ไม่มีอาการตกใจแม้แต่น้อย เขารู้อยู่แล้วว่านางสามารถเข้ามาที่นี่ได้ตามใจชอบ แต่ก็ทักไปตามมารยาทที่ดี

    “มาเสียมืดค่ำเชียวอโฟเดล ข้ารู้ อย่างเจ้าต่อให้เป็นกลางวันแสก ๆ ก็ลอบมาหาข้าได้โดยไม่มีใครเห็น”

    “ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” ร่างในผ้าคลุมถอนใจคุกเข่าลงข้างผู้กล้าแสงตะวัน

    “ถ้าคิดถึงจริงก็เลิกทำสิอโฟเดล เลิกเป็นสายให้ข้าได้แล้ว”

    “เพราะท่านตั้งใจแน่วแน่จะต่อต้านฝ่ายมืด ข้าที่ถูกฝ่ายมืดจับไปจึงทำได้แค่ส่งข่าวให้จากด้านนี้เท่านั้น”

    “แล้วผลมันเป็นอย่างไร เจ้าต้องยกทัพมาต่อกรกับข้า” ไบรอันหมดความหวังจะพูดให้อีกฝ่ายเปลี่ยนใจจากสิ่งที่ทำอยู่ “ทั้งที่เจ้าสามารถเลิกได้ ข้ากับหมอนั่นช่วยเจ้าได้”

    “ข้าอยากทำตัวเป็นประโยชน์กับท่านเท่านั้นไบรอัน” แขกยามดึกเอื้อมมือออกมากุมมือของไบรอันไว้ “ข้ารักท่าน ท่านไม่ได้รักข้าหรือ”

    “เจ้าเป็นครอบครัวคนสุดท้ายของข้า เป็นคนสำคัญที่สุด เหมือนที่บอกทุกครั้ง”

    “ข้าเป็นคนสำคัญที่สุดจริงหรือ” คนในผ้าคลุมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แล้วเหตุใดท่านไม่ขัดขืนเล่า เมื่อยามถูกสตรีสองคนจูบเมื่อวันก่อน”

    ไบรอันชะงักราวกับถูกจับกรอกยาขมถ้วยใหญ่ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ขัดขืน แต่ไม่สามารถขัดขืนเซรีน่ากับไซเรน่าได้ต่างหาก ตอนนั้นเป็นเหตุการณ์ฉุกละหุกที่แสนเลวร้าย

    “หรือท่านต้องการให้การพบกันอีกครั้งของเรามีสีสันขึ้น” นางในผ้าคลุมยืนขึ้น ปล่อยมือของไบรอันลงบนที่นอน “หากท่านต้องการก็ได้ ข้าจะทำตามคำสั่ง นำกองทัพมังกรปิศาจในการควบคุมบุกถล่มนครหลวงนี่จริงๆ เป็นการลงโทษที่ท่านหักหาญน้ำใจข้า”

    ไบรอันสำลักความคิด แค่เรื่องเล็กน้อยไม่น่าเอามาเป็นประเด็นใหญ่โตแบบนี้ได้ การจูบกันเพื่อทักทายเป็นวัฒนธรรมของบางที่อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ควรนำมาคิดมากเลย หรือบางทีมังกรครึ่งมนุษย์อาจดื้อด้านแบบนี้โดยธรรมชาติ

    “มันไม่ใช่เรื่องเลยอโฟเดล เหตุใดเราต้องสู้กันด้วย”

    “เพราะท่านทำร้ายข้าอย่างไรล่ะ! มีข้าอยู่ทั้งคนยังแอบไปมีหญิงอื่น แบบนี้ข้าจะยอมได้อย่างไร” นางกระซิบอย่างฉุนเฉียวแล้วออกจากกระโจมพักโดยไม่รอผู้กล้าแสงตะวันโต้แย้ง...


    ท่านหญิงโรเซลลิน่า ชัพเพิร์ท กำลังครุ่นคิด บางทีนี่อาจเป็นแผนการอย่างหนึ่งของผู้กล้าแสงตะวันก็เป็นได้ แผนดึงพระนางมาช่วยเป็นกำลังเสริมในการรับมือกับฝูงมังกรนับพันที่ปลายฟากฟ้านั่น โดยใช้เจ้าชายมาเวอร์ริคและดาริอุสที่นางแอบชอบเป็นเหยื่อล่อ

    จะว่าชอบโดยแรกเห็นก็ว่าได้สำหรับพระนางกับผู้ติดตามของผู้กล้าแสงตะวัน แม้เจ้าตัวจะจำไม่ได้แต่พระนางเคยพบเขามาก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ตอนเกิดปัญหาสัตว์ปิศาจบุกขบวนเกวียนใหญ่ที่พระนางปลอมตัวเดินทางไปด้วย ดูเขาช่างว่องไวและมีความสามารถเหมือนเจ้าชายขี่ม้าขาวมาช่วย ตั้งแต่ตอนนั้นพระนางก็แอบเขียนนิยายรักระหว่างผู้สำเร็จราชการกับสามัญชนมาตลอด กระทั่งได้รู้ว่าเขาคนนั้นมาเป็นเพื่อนร่วมทางของผู้กล้าแสงตะวันจึงมีโอกาสได้คุยด้วยสักที

    “หมายความว่าอย่างไรที่ว่ามาไม่ได้น่ะ” ท่านหญิงเอ็ดใส่ผู้กล้าแสงตะวันเมื่อไม่เห็นผู้ติดตามเดินมาด้วยอย่างเคย “ข้ากลัวคนไม่พอหรอกนะ อยากศึกษากระบี่เล่มนั้นด้วย ไม่ได้เป็นห่วงหรืออะไรหรอก”

    “ตอนนี้เขากำลังพักฟื้นอยู่ฝ่าบาท ต้องใช้เวลาจึงจะได้สติอีกครั้ง” ผู้กล้าแสงตะวันตอบอย่างนอบน้อม ทั้งที่เคยวางแผนเล่นงานกันแทบตายไปข้างหนึ่ง

    ท่านหญิงสะบัดหน้าอย่างขัดใจ ด้วยฐานะที่ต่างกันทำให้ไม่สามารถแสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมาตรงๆได้ แล้วยังแผนเดิมที่คิดชักจูงเจ้าชายมาเวอร์ริคเพื่อเป็นหลักในการชักใยองค์ฮ่องเต้อีก หากท่านชายรู้พระนางคงเสียหน้าแน่

    “ไม่ต้องห่วงฝ่าบาท เมื่อถึงเวลาเขาจะมาช่วยเราแน่” ผู้กล้าย้ำด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

    “ใครรอกัน ข้าไม่ได้อยากให้เขามาช่วยสักหน่อย ข้าไม่จำเป็นต้องมีผู้ติดตามสักนิด”
    ท่านหญิงยกมือออกคำสั่งกับธาตุทั้งห้า อากาศธาตุที่อยู่รอบตัวพระนางก่อตัวห่อหุ้มร่างบอบบางไว้แล้วออกบินขึ้นท้องฟ้าในทันที ฝ่ายผู้กล้าก็กระโดดขึ้นหลังนางอัศวินมังกรไซเรน่าตามมาด้วยอีกแรงหนึ่ง จนไปหยุดในระยะสองร้อยหลาก่อนถึงกองทัพมังกร

    “ใกล้พอแล้ว” พระนางหยุดเคลื่อนที่ หากยังคงลอยนิ่งในอากาศราวยืนบนแท่นสูงกลางเวหา

    “อย่าบอกเขานะว่าข้าเป็นคนจัดการ ข้าต้องอ่อนแอในสายตาเขา” ท่านหญิงยกมือเตรียมใช้เวทมนตร์อีกครั้ง

    “รับบัญชาฝ่าบาท” ผู้กล้าแสงตะวันตอบห้วนสั้น

    “เตรียมปิดหูไว้ได้เลย” พระนางแสยะยิ้ม

    ไม่ทันสิ้นเสียงบรรยากาศรอบด้านก็ลดต่ำลงเหมือนถูกบีบ เมฆบนท้องฟ้าก่อตัวฉับพลันหมุนวนเป็นรูปก้นหอยเหนือกองทัพมังกรจนมืดครึ้ม สายฟ้าระหว่างก้อนเมฆแลบแปลบปลาบชวนเสียวไส้

    “ไม่ต้องให้พวกเจ้าออกโรงก็ยังได้ แค่ข้าก็พอแล้ว!”

    เมื่อพระนางโบกมือลงอากาศรอบด้านก็เปลี่ยนในฉับพลัน ความดันสูงจากเบื้องบนถาโถมลงสู่เบื้องล่างดั่งค้อนเหล็ก มังกรบินที่อยู่บนฟ้าต่างถูกกระชากลงพื้นด้วยความแรงของพายุคลั่ง มังกรที่อยู่บนพื้นอยู่แล้วก็โดนแรงอัดขยี้ซ้ำจนร่างแหลกเหลว สายฟ้าและลูกเห็บระดมยิงลงมาจากกลุ่มเมฆอย่างไม่ยั้งดั่งวันโลกาวินาศ

    ขณะเดียวกันก็เกิดเสียงดังสนั่นของลมฝนอื้ออึงจนหูแทบแตก ไบรอันรั้งเชือกล่ามมังกรไว้แน่นทั้งที่เจ้ามังกรสามเขายังต้องพยายามสุดชีวิตยื้อตัวไม่ให้ปลิวตามแรงลมกระชาก ทั้งผู้กล้าแสงตะวันและนางอัศวินมังกรเบิกตาด้วยความตกใจที่พระนางสามารถบังคับอากาศได้คล่องแคล่วถึงขนาดนี้ ส่วนตัวท่านหญิงนั้นยังตั้งมั่นอยู่กับที่ยิ้มอย่างเลือดเย็นมองดูเหล่ามังกรตายตกตามกันนับร้อยนับพันตัวด้วยเวทมนตร์ของพระนาง

    ท่ามกลางเสียงและแสงจากพายุสายฟ้าของท่านหญิงทางฝั่งแม่ทัพมังกรก็ออกโรงบ้าง เมฆรูปก้นหอยถูกดึงดูดลงสู่พื้นด้วยเวทมนตร์ชั้นสูง ทั้งลมฝน สายฟ้า และลูกเห็บค่อยๆหายไปพร้อมกลุ่มเมฆเหล่านั้น จนท้องฟ้าเปิดโล่งเห็นตะวันยามบ่ายได้ชัดเจน หากมันสายเกินแก้สำหรับกองทัพมังกร กว่าสองในสามถูกสังหารหมู่ด้วยการใช้เวทเพียงครั้งเดียว

    แม่ทัพผู้แข็งแกร่งจำต้องแสดงฝีมือด้วยตนเอง!


    เห็นแน่ชัดว่าผู้นำทัพมังกรคืออโฟเดลผู้กล้าแสงตะวันก็ขบกรามแน่น แล้วเขาควรทำอย่างไรเพื่อให้เสียเลือดเนื้อน้อยที่สุด เขาไม่อยากให้นางได้รับอันตรายพอๆกับพรรคพวกรอบข้าง

    “ลงพื้นก่อนไซเรน่า ฝ่าบาทด้วย” ผู้กล้าแสงตะวันขอร้องเบาๆ “ข้าอยากคุยกับแม่ทัพคนนี้ก่อน”

    นางอัศวินมังกรกับท่านหญิงมองหน้ากันแล้วพร้อมใจร่อนลงสู่พื้นดิน ในขณะที่แม่ทัพของฝ่ายมืดก้าวผ่านซากศพของมังกรในการควบคุมออกมาเพื่อเจรจาก่อนเปิดศึก ไซเรน่าและท่านหญิงโรเซลลิน่าลดการป้องกันลงเพราะอีกฝ่ายเป็นหญิงในชุดเสื้อคลุมเนื้อบาง

    “ระวังตัว นางเป็นมังกรครึ่งมนุษย์” ผู้กล้าเตือนเบาๆ

    ใช่แล้ว นางงดงามด้วยโครงหน้ารูปหัวใจและเส้นผมสีเขียวสลวย หากใบหูของนางกลับเป็นครีบปลาสีเขียว นางใช้ดวงตาสีเขียวมองผู้กล้าแสงตะวันเป็นคนแรก ก่อนจะมองคนยืนเคียงข้างอีกสองคนและหนึ่งตัว

    “ต้องการสู้กับข้าหรือ ผู้กล้าแสงตะวันและผู้ติดตาม” นางแม่ทัพผู้เป็นมังกรครึ่งมนุษย์พูดเรียบๆ

    ท่านหญิงประท้วงทันทีว่าตนไม่ใช่ผู้ติดตาม ในขณะที่ผู้กล้าแสงตะวันก้าวถอยหลัง ให้หญิงสาวต่อสู้กันเอง

    “ข้าไม่อยากทำร้ายผู้หญิง ฝากท่านหญิงกับเจ้าด้วย ไซเรน่า” ไบรอันตอบหน้าตาเฉย หากตัดกำลังเขาออกคนหนึ่งอโฟเดลคงรับมือได้อย่างไม่มีข้อกังขาเรื่องเขา

    มังกรครึ่งมนุษย์แข็งแกร่งกว่ามังกรธรรมดาหลายเท่าตัว มีทั้งความสามารถในการต่อต้านเวทมนตร์และเปลี่ยนร่าง ท่านหญิงคงจัดการไม่ได้ง่ายๆแน่ หากทุกอย่างเลื่อนไหลไปตามที่ควร หญิงสาวทั้งสองคนจะรุกไล่ให้อโฟเดลเปลี่ยนร่างเป็นมังกร พวกเขาจะตกสู่ความสิ้นหวังเพราะไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว

    ตอนนั้นล่ะที่นักรบจันทราจะปรากฏตัว! เขาคือผู้ช่วยคนสำคัญของงานครั้งนี้

    “ไม่เป็นไรผู้กล้า กับมังกรครึ่งมนุษย์ไม่ต้องพึ่งท่านหรอก” พระนางโรเซลลิน่าพูดอย่างยโส

    “ข้าบาทจะไปสังเกตการณ์ที่ด้านหลังกับพวกทหาร ขอตัว”

    กรงแสงเวทมนตร์เคลื่อนย้ายครอบคลุมร่างของผู้กล้าแสงตะวันแล้วส่งเขาไปประจำอยู่แนวหลังกับเหล่าทหารและอัศวินนกไฟ ในเวลานี้เขาจะต้องเยือกเย็นที่สุด จะต้องไม่ให้แผนชิงตัวอโฟเดลผิดพลาด เป็นทางเดียวที่จะช่วยนางให้ออกจากฝ่ายมืด

    การต่อสู้ระหว่างหญิงสาวเริ่มขึ้นแทบทันทีที่ไบรอันเคลื่อนย้ายเสร็จ แสงสีและเสียงจากการปะทะดังไปทั่วบริเวณ เขาได้แต่ภาวนาขออย่าให้บาดเจ็บสาหัสไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด เพราะข้างหนึ่งคือครอบครัวอีกข้างคือเพื่อนรัก แม้จะอยู่คนละฝั่งแต่เขาตัดใจลงมือกับอโฟเดลไม่ได้จริง ๆ

    ไบรอันกอดอกรอคอยการต่อสู้อย่างอกสั่นขวัญแขวน เขารู้ผลอยู่ก่อนแล้วด้วยการเปิดมิติเวลาดูก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้ หวังว่าดาริอุสคงจะออกจากการทดสอบมาทันอโฟเดลเปลี่ยนร่างเป็นมังกรนะ ไม่อย่างนั้นแย่แน่...


    ทางด้านดาริอุสซึ่งผ่านการทดสอบต่าง ๆ นานาในความฝันแล้วตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง หากบัดนี้เขารู้แล้วว่าตนคือใคร และเจ้าผู้กล้าแสงตะวันปิดบังเรื่องอะไรไว้บ้าง ข้างเตียงหรูหราคนครึ่งนกร่างบอบบางยืนอย่างสง่า แผงปีกสีฟ้าใสแทบทำให้สีของท้องฟ้าหม่นมัวลง

    “เจ้าชื่ออะไรนะ เรมิเอลใช่ไหม” ดาริอุสพยายามฟื้นความทรงจำตอนหลับใหล

    “เรียกว่าดาเรียดีกว่า นกเพลิงของเชื้อพระวงศ์ต้องเปลี่ยนชื่อตัวให้เหมือนกับชื่อของนาย”

    “อย่างนั้นหรือ อย่างนี้ข้าก็ใช้เจ้าแก้แค้นชิงโรงฝึกของพ่อบุญธรรมข้ากลับมาได้สินะ”

    “ตกลงท่านสมองกลวงจริงหรือเปล่า” คนครึ่งนกเลิกคิ้ว

    “เดี๋ยวก่อน ข้าพูดเล่น...”

    “ทั้งที่ข้าพูดปากเปียกปากแฉะ ว่าพ่อของท่านถูกจอมปิศาจควบคุมอยู่ก็ยังคิดทำอย่างอื่นอีก”

    “ก็บอกว่าพูดเล่น”

    “อย่างนี้สิถึงโดนเจ้านั่นจูงจมูกไปไหนมาไหนได้ตามใจชอบ ผู้กล้าที่มนุษย์ตั้งขึ้นพรรค์นั้น”

    “เขาไม่ได้เลวร้ายสักหน่อย” ดาริอุสแก้ต่างให้เพื่อนที่ถูกว่าร้ายนับสิบครั้งในความฝัน

    “ไม่ได้เลวร้าย นี่ข้าบอกท่านไปแล้วนะว่าหมอนั่นวางแผนใช้ท่าน แล้วยังเข้าข้างมันอีก”

    “ก็เขาเพื่อนข้านี่ เป็นนายจ้างด้วย”

    “เจ้าบ้าแสงตะวันนั่นคือผู้ที่จะช่วยพ่อแม่ของท่าน ไม่ใช่เพื่อนหรือนายจ้างสักหน่อย” ชายครึ่งนกเชิดจมูกอย่างยโส “หรือท่านมีอะไรกับเจ้านั่นแล้ว บอกข้ามาสิว่าไม่จริง”

    “ก็อาจจะ...” ดาริอุสมองไปที่กระบี่ดาบแสงตะวันที่ผู้กล้ามอบให้ ตามเส้นทางของเวลามันต้องเป็นของเขา ท่านผู้กล้าทำในสิ่งควรทำแล้ว

    ในขณะที่คนครึ่งนกอ้าปากค้างด้วยความตกใจจนพูดไม่ออก

    “ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เขาสอนข้าหลายอย่าง น่าจะเรียกว่าเป็นอาจารย์เสียมากกว่า” ดาริอุสพูดจากใจจริง เขาคิดว่าผู้กล้าแสงตะวันทำตัวเหมือนครูมากกว่านายจ้างหรือเพื่อนร่วมทาง

    “ข้านึกว่าท่านมีรสนิยมอย่างนั้นเสียอีก” คนครึ่งนกถอนหายใจเฮือกแล้วพูดต่อ “การชอบเพศเดียวกันได้รับการยอมรับในบางวัฒนธรรมเท่านั้น ดีแล้วที่คนสำคัญอย่างท่านไม่ได้ชอบเพศเดียวกัน ถ้าใช่หน้าข้าจะเสียเป็นอันดับแรกเลยละ ในฐานะปีกของนักรบจันทรา”

    “ข้าสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือดาเรีย แค่ช่วยพ่อกับแม่ออกมาก็พอไม่ใช่หรือ” ดาริอุสเริ่มรำพึงรำพัน

    “ท่านจะเป็นผู้เลือกเส้นทางเอง มันเป็นไปตามชะตากรรม” ชายครึ่งนกตอบ “แต่ตอนนี้เราไปช่วยเจ้าบ้าแสงตะวันก่อนดีกว่า ทัพมังกรกำลังปะทะกับพวกเขาที่ชายแดน”

    “แล้วทำไมไม่รีบบอก!” ดาริอุสที่กำลังเช็ดหน้าอยู่ร้องเสียงหลง วิ่งไปหากระบี่ดาบแสงตะวันแล้วเตรียมตัวออกไปทันที

    “ไปกับข้าเร็วกว่า”

    คนครึ่งนกดาเรียเดินออกไปที่ระเบียง แล้วเปลี่ยนร่างเป็นนกไฟขนาดใหญ่ที่มีขนสีฟ้าใสเหมือนปีกในร่างคนครึ่งนก ดูไปแล้วเหมือนไฟสีน้ำเงินกองใหญ่ยักษ์ปกคลุมพื้นที่ระเบียงจนหมด เมื่อดาริอุสเกาะปีกขึ้นไปนั่งก็พบว่าถูกเวทบางอย่างตรึงร่างไว้กับนกไฟของตนไว้อย่างมั่นคง

    “รับประกันว่าเร็วและไม่หล่น แค่ท่านอย่างลนลานจนตั้งใจร่วงลงไปเองก็พอ”

    แล้วนักรบจันทราก็ออกไปสมทบกับผู้กล้าแสงตะวัน...


    การต่อสู้ทางด้านผู้กล้าแสงตะวันก็ใกล้ถึงจุดแตกหัก แม่ทัพฝ่ายมืดมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดลเลือดเปรอะทั่วร่าง แขนทั้งสองข้างมีเกล็ดมังกรปรากฏเพื่อใช้ในการต่อสู้ บนหลังก็มีปีกมังกรคู่หนึ่งงอกออกมา ฝ่ายท่านหญิงโรเซลลิน่าและไซเรน่าก็ได้รับบาดเจ็บหนักพอสมควร ส่วนไบรอันขบกรามแน่นไม่เข้าไปยุ่งการต่อสู้ระหว่างผู้หญิงด้วยกัน

    “ไม่เข้าไปช่วยจะดีหรือ” คริสทาร่า แม่ทัพของเพียรซ์ถามไบรอันเป็นครั้งที่ห้า

    “บอกให้ทหารถอยไปได้แล้ว รอบแรกใกล้จบแล้ว”

    ไม่ทันสิ้นเสียงสัญญาณแห่งหายนะก็ดังขึ้น บรรยากาศรอบด้านปั่นป่วนสายลมพัดฝุ่นคลุ้งราวกับเกิดพายุอีกครั้ง ร่างเล็ก ๆ ของนางมังกรครึ่งมนุษย์ค่อยๆขยายออก เกล็ดสีเขียวงอกเงยขึ้นทุกตารางนิ้วบนร่างกาย แล้วนางก็เปลี่ยนไปใช้ร่างมังกร เพียบพร้อมด้วยศาตราวุธทั้งเขี้ยวเล็บและหางที่เหวี่ยงไปมาดั่งแส้ ทั้งท่านหญิงโรเซลลิน่าและไซเรน่าหน้าซีดเผือด ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะอ่อนกำลังเกินกว่าจะสู้ต่อแล้ว ยิ่งคู่ต่อสู้เป็นสัตว์วิเศษก็ยิ่งยากลำบากขึ้นหลายเท่าทวีคูณ

    “เป็นมังกรครึ่งมนุษย์จริง ๆ หรือนี่ เผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งกว่ามังกรปกติหลายสิบเท่า” แม่ทัพหญิงของเพียรซ์ตาเหลือก “ข้าจะสั่งนกเพลิงตั้งกระบวนทัพเดี๋ยวนี้ ยากหน่อยแต่ต้องต้านให้อยู่”

    เสียงแตรเคลื่อนทัพดังก้อง เหล่านกเพลิงบินฉวัดเฉวียนขึ้นท้องฟ้าล้อมกรอบมังกรยักษ์เอาไว้ตรงกลาง เปิดช่องว่างให้หญิงทั้งสองที่อ่อนแรงหนีออกมาตั้งหลักข้างผู้กล้าแสงตะวันซึ่งช่วยรักษาอาการบาดเจ็บเบื้องต้นให้ทันที

    “ทำไมไม่ไปช่วยพวกเราไบรอัน!” ไซเรน่าร้องเสียงหลง

    “ข้าขอโทษ นางเป็นคนสำคัญของข้าเช่นกัน จึงมิอาจลงมือได้” ไบรอันผินหน้าไปทางมังกรยักษ์ที่กำลังโดนอัศวินนกไฟรุมกินโต๊ะอยู่ “แล้วแค่นี้ทำอะไรนางไม่ได้หรอก”

    “เจ้าอยู่ฝ่ายไหนกันแน่!” ไซเรน่าขึ้นเสียง

    ไม่ทันให้ไบรอันตอบอะไรผลการต่อสู้ก็ออกมาทันที นักรบนกเพลิงทั้งหลายกระเด็นไปคนละทิศละทางเหมือนเมล็ดที่ถูกหว่านบนไร่นา แม้แต่ผู้นำทัพสุดแกร่งอย่างคริสทาร่าก็ยังไม่สามารถต่อกรกับมังกรตัวนั้นได้ นกเพลิงของนางโดนคมเล็บตวัดใส่จนตัวนางแทบหล่นสู่พื้นดินถ้าทหารนายหนึ่งเข้ามารับไม่ทัน

    เสียงคำรามของมังกรร้ายทำลายขวัญของทหารทุกนายจนเลือดแทบจับตัวเป็นก้อนแข็ง!

    “เรียกมังกรของเจ้าออกมาช่วยสิไบรอัน ตัวไหนก็ได้!” ไซเรน่าร้องอย่างสิ้นหวัง

    ทันใดนั้นลำแสงสีน้ำเงินแห่งความหวังก็พุ่งเข้ามาดั่งดาวหาง เพียงบินเฉี่ยวมังกรครึ่งมนุษย์ก็ลงไปนอนกองกับพื้นดินในบัดดล แสงนั้นลดความเร็วจนเห็นว่าเป็นนกไฟที่แปลกประหลาดเพราะมันมีสีฟ้าสวยเหมือนท้องฟ้ายามฤดูร้อน

    และผู้ที่นั่งอยู่บนหลังคือดาริอุส ผู้ติดตามของผู้กล้าแสงตะวัน!

    “ผู้ช่วยเหลือมาถึงแล้ว” ไบรอันพูดกับตัวเองเบาๆ

    นกไฟสีฟ้าร่อนเข้ามาใกล้แล้วส่งตัวคนขี่สู่พื้นดินอย่างทุลักทุเล ดาริอุสต่อว่านกเพลิงของตนก่อนหันมาทางผู้กล้าแสงตะวัน

    “ข้ามาทันเวลาใช่ไหม ท่านผู้กล้า” ดาริอุสยิ้มกว้าง ไบรอันพยักหน้ารับ

    “ทันเวลาพอดีเลยละ ท่านนักรบจันทรา”

    ผู้กล้าแสงตะวันทำในสิ่งที่ไม่คาดคิด เขาคุกเข่าลงเบื้องหน้าผู้ติดตามด้วยความเคารพ ดาริอุสเกาหัวแกรกด้วยความเก้อเขินแล้วบอกให้อีกฝ่ายลุกขึ้น

    “อธิบายมาเดี๋ยวนี้ ผู้กล้าแสงตะวัน!” ท่านหญิงโรเซลลิน่าประท้วงเสียงแหลม “เหตุใดดาริอุสจึงมีนกเพลิงได้”

    ในระหว่างการพูดคุยสัตว์วิเศษทั้งสองก็กรีดร้องแล้วพุ่งเข้าต่อสู้กันโดยไม่รีรอ!

    “ขอแนะนำให้รู้จัก คนๆนึ้คือท่านชายมาเวอร์ริค” ไบรอันพูดเสียงเรียบ ในขณะที่ท่านหญิงโรเซลลิน่าและไซเรน่าพูดอะไรไม่ออก

    “หลอกข้ามาตลอดเลยหรือ” ไซเรน่ากรีดร้อง

    “เขาเรียกบอกไม่หมด” ผู้กล้าแสงตะวันปรามให้นางสงบสติอารมณ์ “ข้าต้องการให้เขาเป็นกลางที่สุด ไม่เข้ากับฝ่ายใด...จึงต้องปิดจนถึงตอนนี้”

    “จริงหรือ เจ้า...ไม่สิ ท่านคือท่านมาเวอร์ริคหรือ” ท่านหญิงโรเซลลิน่าพุ่งเข้ามาคว้าแขนดาริอุสด้วยอารามดีใจ แล้วก็รีบปล่อยเมื่อรู้ตัวว่าแสดงกิริยาโจ่งแจ้งเกินไป

    “เรียกดาริอุสเหมือนเดิมดีกว่า” ดาริอุสตอบอย่างสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “แต่เราต้องคุยกันหน่อยแล้วไบรอัน สิ่งที่ท่านต้องการอย่างแท้จริง...ตอนนี้เรามาให้กำลังใจดาเรียก่อนดีกว่า นั่นนกไฟของข้าเอง มันสีแปลกกว่าชาวบ้านแต่เก่งมากเลยละ”

    “ทุกสิ่งต้องการการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม ข้าก็ช่วยเจ้า เจ้าก็ช่วยข้า ผิดตรงไหนหรือ” ไบรอันตอบ

    “ไม่ได้ว่าเลยสักคำ” ดาริอุสบ่นอุบ “คนเป็นเพื่อนไม่ควรมีสิ่งปกปิดกันมากมายนัก ข้าคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันเสียอีก หรืออยากเป็นอาจารย์มากกว่า สอนข้าหลายอย่างเลยนี่นา แถมสัญญาจ้างยังไม่หมดเลยด้วย”

    ไบรอันถอนหายใจแล้วเสมองสัตว์วิเศษสองตัวที่กำลังห้ำหั่นกันด้วยกรงเล็บอย่างถึงเลือดถึงเนื้อ เหลือแค่ให้นางหมดแรงจนสามารถจับกุมได้ก็จบเรื่องแล้ว

    “ข้าช่วยให้ท่านล้างแค้นท่านก็ต้องช่วยข้าด้วยนะ” ดาริอุสพูดคุยอย่างเป็นกันเองโดยไม่ดูสถานการณ์เลยสักนิด “งานของข้าคือรับมือจอมปิศาจ งานของท่านคือรับมือจอมอสูรพ่อข้า แต่ข้าก็ยังอยากได้โรงฝึกคืนอยู่ดี”

    “จอมปิศาจ จอมอสูร พูดเรื่องอะไรกันน่ะ...ข้าคิดว่ามีแต่จอมอสูรเสียอีก” ไซเรน่าขมวดคิ้ว “ข้าต้องการคำอธิบายไบรอัน ไม่อย่างนั้นข้าจะจูบท่านอีกจนกว่าจะบอก”

    “เรื่องนี้ต้องเป็นความลับถึงที่สุด อธิบายตรงนี้ไม่ได้” ไบรอันตัดบท “แล้วก็ ทางนั้นสู้กันเสร็จแล้ว”

    ไม่ทันสิ้นเสียงมังกรครึ่งมนุษย์ก็คำรามด้วยความเจ็บปวดแล้วเปลี่ยนร่างกลับไปเป็นมนุษย์อีกครั้ง นกไฟสีฟ้าบินวนกลับมาหาเจ้านายทันทีเพื่อรายงานผลการต่อสู้ ดาริอุสพยักหน้ากับไบรอันแล้วเดินไปดูร่างบอบบางที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นดินชุ่มเลือด...


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา