นักรบจันทรา

7.0

เขียนโดย Sagestone

วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.

  29 ตอน
  0 วิจารณ์
  24.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ตอนที่ 20

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 20

                เมเทอาร์ไม่ใช่เมืองสำคัญทางเศรษฐกิจหรือการเมือง เพราะเป็นอ่าวตอนใต้สุดของทวีปใหญ่แต่น้ำตื้นจอดเรือไม่ได้อีกทั้งยังหาปลาได้น้อย โชคยังดีที่มีสถานศึกษาเกี่ยวกับเวทมนตร์และลานประลองกลางทะเลอยู่ ทำให้มีคนอาศัยอยู่มากมายอีกทั้งนักท่องเที่ยวก็มีมาไม่ขาดสายเช่นกัน

 

                ดาริอุสจำกลิ่นทะเลได้ทันทีที่มนตร์เคลื่อนย้ายดับแสง แม้ทางเหนือจะอากาศหนาวเย็นเพราะเข้าฤดูหนาวแล้วแต่ที่นี่อยู่แถบเส้นศูนย์สูตรอากาศจึงไม่เย็นนัก ประกอบกับลมทะเลทำให้อากาศดีทั้งปี คณะเดินทางของผู้กล้าแสงตะวันแทบไม่มีอาการตื่นเต้นที่ได้ย่างเท้ามาสัมผัสเมืองนี้ เขาและไบรอันเคยมาแล้ว เนอร์วาน่าก็เคยมาในร่างของผู้กล้าแสงตะวัน ส่วนลาควีล่านั้นตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรก

 

                “จะพาไปหาพาลาดิโน่เพื่อนข้าเอง เขาเป็นครูสอนในวิทยาลัยเวทมนตร์ที่นี่ เป็นคนกว้างขวางพอสมควรเลยละ” ไบรอันกระชับสายรัดสัมภาระบนไหล่ ดาริอุสยังยืนทื่อพร้อมของฝากเป็นกระบุงที่จะเอาไปให้คนรู้จักที่นี่

 

                ส่วนเนอร์วาน่าที่แต่งกายด้วยผ้าไหมบางเบาเลิกคิ้วเข้าหาผู้กล้าแสงตะวันแล้วชี้นิ้วไปด้านหลังอย่างตั้งคำถามว่าจะทำอย่างไร

 

                “ไบรอัน!” สำเนียงรัวเร็วของคนทางใต้เรียกทุกคนให้หันไปมอง หญิงผิวสีแทนผมดำสลวย ผ้าชุดสีสดใสเข้ากับท้องฟ้าแสดงว่าเป็นคนท้องถิ่น นางเอามือป้องปากที่อ้ากว้างอย่างตื่นเต้นดีใจ

 

                ส่วนไบรอันเอามือปิดหน้าสบถในความโชคร้ายของตนเบาๆ

 

                “ไม่เจอกันนานนะคูเซีย” ไบรอันทักเสียงอ่อย แล้วแนะนำหญิงสาวให้ทุกคนรู้จัก “นี่คูเซีย เคอร์ริโต้ ส่วนพวกนี้คือคณะเดินทางของข้าเอง”

 

                “จำข้าได้ไหม ข้าไง” ดาริอุสผู้มีอัธยาศัยดีเข้าไปทักทายทันที

 

                “ดาริอุส ดรากานใช่ไหม! ที่เคยมาทำงานกับข้าตอนนั้น” สำเนียงรัวเร็วของนางยิ่งทำให้ดาริอุสรู้สึกดีที่ได้ยิน มันทำให้นึกถึงไซเรน่า

 

                ดาริอุสยิ้มกว้างอย่างร่าเริง แล้ววิ่งไปค้นเอาเข็มกลัดรูปดอกไม้ที่ทำจากเกล็ดมังกรมาให้

 

                “เจ้าอยู่กับไบรอันได้อย่างไร แล้วได้ข่าวว่าท่านเป็นผู้กล้าแล้วนี่นาไบรอัน” คูเซียดูจะชื่นชมของขวัญน้อยกว่าตัวไบรอันที่ยืนทื่อเหมือนต้นไม้

 

                ไบรอันพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

 

                “ใช่แล้ว และคนพวกนี้คือเพื่อนร่วมตายของข้า” แล้วไบรอันก็โดนดาริอุสฉวยโอกาสพูดต่อในทันที

 

                “คนที่ท่านเล่าให้ฟังว่าเคยช่วยเอาไว้ตอนนั้น คงไม่ใช่หมอนี่ใช่ไหม” ดาริอุสไม่ปกปิดสีหน้าประหลาดใจ “ที่ว่าช่วยซื้อท่านให้หลุดจากการเป็นทาส แล้วก็หางานให้”

 

                “เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นอดีตดีกว่า เรากำลังจะไปหาพาลาดิโน่พอดี จะไปทักทายก่อนหาโรงแรมพัก” ไบรอันตัดบทให้เร็วที่สุด พร้อมเสริมด้วยข้ออ้างที่แข็งแกร่ง “ข้ามาทำงานไม่ได้มาเที่ยว”

 

                หญิงสาวกับประสานมือด้วยความดีใจแล้วบอกว่าตนทำธุรกิจบ้านพักชายหาดร่วมกับเพื่อนอยู่พอดี จึงยอมให้พวกไบรอันพักโดยไม่คิดค่าเช่า

 

                “ตอนข้ามาทำงานเสริมตอนนั้นก็ทำความสะอาดบ้านพักนี่ล่ะ” ดาริอุสเอียงคอเมื่อเห็นสีหน้าของนายจ้างที่ทำเหมือนกำลังจะคายของเก่าเสียให้ได้

 

                “ก็ได้ ข้ายอมแพ้ นำทางไปเลยแล้วเราค่อยคุยกันระหว่างทาง”

 

                ดาริอุสรู้สึกสนุกที่เห็นท่านนายจ้างลำบากใจขนาดนี้ เรื่องในอดีตคงไม่ใช่แค่ที่เคยได้ยินจากคำเล่าแน่นอน

 

                “เล่าให้ข้าฟังได้นะไบรอัน รับรองว่าจะเหยียบจมดินเลยละ” ดาริอุสกระซิบกับเจ้าตัวที่พยายามอธิบายความเกี่ยวเนื่องระหว่างตนกับเนอร์วาน่าอยู่

 

                ไบรอันขู่ฟ่อดาริอุสจึงเลิกทู่ซี้ถาม

 

                ที่ทำการบ้านพักเป็นอาคารชั้นเดียวโปร่งโล่ง ข้างๆป้ายมีชายคนหนึ่งอายุไล่เลี่ยกับพวกเขายืนถือช่อดอกไม้อยู่ ดูจากดวงตาและผมเปียสีดำแล้วไม่น่าใช่นักท่องเที่ยว น่าจะนัดใครเอาไว้มากกว่าเพราะถือช่อดอกไม้อยู่ด้วย ไบรอันยิ้มแล้วโบกมือให้ทันที

 

                “ไม่เจอกันนานพาลาดิโน่!” ไบรอันแยกตัวจากกลุ่มไปสัมผัสมือกับเพื่อนรักเก่าแก่ “สบายดีสินะ ขอธิดาแห่งทะเลจงอวยชัย!”

 

                “ขอธิดาแห่งทะเลอวยชัยเจ้าเช่นกันไบรอัน ได้ข่าวว่ามีชื่อเสียงใหญ่โตเป็นถึงผู้กล้า นึกว่าลืมข้าเสียแล้ว”

 

                คราวนี้ดาริอุสเข้าไปขัดไม่ได้เพราะไม่รู้จักเพื่อนของไบรอันคนนี้

 

                “แล้วตอนนี้งานสอนเป็นอย่างไรบ้าง...” ด้วยความคิดถึงทำให้ไบรอันลืมพวกเขาที่ยืนรอเสียสนิท ระหว่างนั้นดาริอุสจึงถามเนอร์วาน่าด้วยความอยากรู้

 

                “ข้าสงสัยมานานแล้วเนอร์วาน่า ทำไมผู้ใช้เวทมนตร์ส่วนมากไว้ผมยาว ทั้งไบรอันและเวเบอร์ และอีกหลายคนที่เคยเห็นก็ล้วนแต่ไว้ผมยาวเหมือนผู้หญิง”

 

                “เพราะผู้หญิงสามารถรับพลังเวทได้มากและง่ายกว่าผู้ชายอย่างไรล่ะ ผู้ชายจึงคิดหาทางเลียนแบบผู้หญิง ทำได้มากสุดแค่ไว้ผมยาว จะว่าไปข้า...ไบรอันก็เคยพบนะ นักเวทชายที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงไปเลย ชอบผู้ชายด้วยกันเหมือนผู้หญิงจริง ๆ ด้วย”

 

                เรมิสต์นี่ช่างกว้างใหญ่จริง ๆ ดาริอุสคิด

 

                “จริงสิคูเซีย นี่ดอกไม้สำหรับวันนี้ ความจริงข้าจะชวนไปทานอาหารเที่ยงแต่เจ้าออกไปแล้ว จึงไปซื้อดอกไม้มายืนรอตรงนี้” พาลาดิโน่เพื่อนของไบรอันพูดด้วยสำเนียงรัวเร็วจนแทบฟังไม่ทัน ดอกไม้สีชมพูอ่อนสำหรับคนที่ชอบถูกยื่นไปให้คูเซีย ทว่านางปัดมันออกด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก

 

                “ขอโทษ บอกแล้วว่ารับไม่ได้” หญิงสาวผิวสีแทนส่ายหน้าไม่รับดอกไม้จากผู้ที่หลงรักนาง ทั้งคู่มองตากันด้วยความรู้สึกที่ต่างกันลิบลับ ไบรอันจึงตัดตอนเสียเดี๋ยวนั้นเพื่อกันการยืดเยื้อเสียเวลา

 

                “ข้ายังไม่ได้แนะนำให้รู้จักสินะ นี่ลาควีล่าคนรักข้า”

 

                ผู้กล้าแสงตะวันตั้งใจเก็บนางไว้แนะนำตัวหลังสุดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดว่าจะไม่สนหญิงอื่นอีกต่อไป แทนที่ผลลัพธ์จะออกมาดี คูเซียกลับน้ำตานองหน้าวิ่งหนีไปด้านในอาคาร เนอร์วาน่าเงื้อมือตบหน้าไบรอันฉาดใหญ่! แม้แต่ดาริอุสยังรู้สึกเจ็บแทน     

 

                “เจ้าคนไร้กึ๋น! รู้ว่าเขาชอบตัวเองแล้วยังเอาคนรักใหม่มาอวดอีก” นางผู้หยั่งรู้ร้องเสียงหลง “เดี๋ยวข้าตามไปที่บ้านพัก พวกเจ้าไปก่อนเถิด” แล้วเนอร์วาน่าก็เดินตามคูเซียไป คงไปคุยกันให้เข้าใจมากขึ้นกระมัง

 

                “ข้าทำเพื่อพาลาดิโน่ต่างหาก นางจะได้ตัดใจสักที” ไบรอันอุทธรณ์ มือคลำรอยตบไม่ยอมหยุด

 

                “อย่างนั้นข้าควรตามไปอีกคน ขอบคุณนะไบรอัน” เพื่อนของไบรอันหันมาขอบคุณด้วยสีหน้ารู้สึกผิด แล้วเดินตามเนอร์วาน่าไปอย่างรวดเร็ว

 

                “อย่างนั้นฝากเรื่องเช่าบ้านพักด้วยนะดาริอุส เราต้องอยู่ที่นี่อีกพักใหญ่ ส่วนข้าจะนั่งรอตรงนี้ล่ะ เจ็บชะมัด” ไบรอันบ่นอุบ

 

                ดาริอุสบอกทันทีว่าจะจ่ายด้วยราคาเต็มไม่รับเปล่าตามข้อเสนอของหญิงสาว เขามองผู้กล้าแสงตะวันทำท่าหงอยอ้อนคนรักแล้วก็หัวเราะกับตัวเอง อย่างน้อยก็ยังมีคนที่แย่กว่าเขา...

 

 

                ทุกอย่างเป็นไปตามแผนของไบรอัน แบล็คสโตนทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องโดนตบ พวกเขาจะรายงานเกี่ยวกับการแฝงตัวของเวเบอร์เข้าสู่เมเทอาร์เพื่อดาบวิเศษ เมื่อถึงเวลาที่เวเบอร์ขึ้นไปบนเวทีเขาก็จะปรากฏตัวอย่างผู้กล้า ใช้การประลองเป็นเงื่อนไขขอเจรจาสงบศึกกับจอมอสูรพ่อของดาริอุส แล้วเขาก็จะชนะอย่างฉิวเฉียด

 

                แผนการประลองกับเวเบอร์ได้ตระเตรียมเอาไว้ก่อนแล้ว สิ่งที่คาดไม่ถึงคือโดนนางผู้หยั่งรู้ตบหน้า ไบรอันยังต้องประคบใบหน้าด้านที่โดนตบด้วยถุงน้ำแข็ง

 

                พวกเขาได้บ้านเช่าสองชั้นที่สามารถมองเห็นทะเลได้ เสียแค่มีสามห้องนอนในขณะที่พวกเขามีกันสี่คน ดาริอุสยอมเสี่ยงชีวิตนอนห้องเดียวกับไบรอันทั้งที่เคยเจอฤทธิ์ละเมอของนายจ้างมาแล้ว ทั้งหมัด ทั้งเข่า ทั้งถีบเขาตกเตียง แถมละเมอใช้เวทมนตร์อีกต่างหาก ทำให้เข็ดขยาดการนอนห้องเดียวกับผู้กล้าแสงตะวันในที่สุด

 

                “เดี๋ยวลาควีล่านอนกับข้าเอง” เนอร์วาน่ายื่นข้อเสนอที่ช่วยชีวิตดาริอุสไว้หวุดหวิด “จะสอนอะไรให้หลายอย่างเกี่ยวกับการต่อสู้และใช้ชีวิตประจำวัน ส่วนที่ความจำยังไม่ตื่นน่ะ”

 

                เป็นอันตกลงว่าสองสาวจะนอนห้องเดียวกัน ตัวไบรอันก็รู้นิสัยการนอนตัวเองดีไม่ค่อยอยากให้ใครนอนข้างๆด้วยถ้าไม่จำเป็น

 

                เหลืออีกครึ่งวันกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ดาริอุสขอตัวเข้าเมืองไปหาคนรู้จักตามที่ต่าง ๆ เพื่อเอาของไปฝาก ลาควีล่าอยู่ในห้องกำลังตั้งอกตั้งใจท่องโคลงมนตราเรียกอสูรที่เนอร์วาน่าจดไว้ให้ เนอร์วาน่านั้นเข้าไปเมืองไปหาซื้ออาหารท้องถิ่นมาทำกิน แล้วเวเบอร์ก็เดินส่ายอาด ๆ เข้ามาหาไบรอันที่นั่งตากลมเล่นอยู่หน้าบ้านพัก ท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดีเสียด้วย

 

                “เป็นอย่างที่ข้ากลัวเสียได้” เวเบอร์พูดสั้น ๆ แต่สัมผัสได้ถึงโทสะเปี่ยมล้น ไบรอันตกใจจนทำหน้าไม่ถูกเมื่อเพื่อนกลายเป็นศัตรูกันด้วยเรื่องผู้หญิงคนเดียว “แต่อย่าให้ความเป็นเพื่อนของเราพังทลายไปมากกว่านี้อีกเลย ข้ายอมให้”

 

                เวเบอร์ฝืนยิ้มอย่างเป็นมิตรแล้วลงมานั่งข้าง ๆ ไบรอันที่เตรียมตัวต่อสู้เต็มที่

 

                “ถือว่าโชคดีที่คราวนี้เจ้ายอมรับความรู้สึกของนางแล้วแล้วถนอมมันไว้ อย่าให้นางร้องไห้ล่ะ”

 

                “แล้วคราวนี้ไม่ต้องสู้ก่อนหรือ” ไบรอันตั้งสติได้ถามขึ้น

 

                “ก็ข้ามาหาเจ้า ไม่ได้มาหานาง” เวเบอร์ตอบตามตรง “มาทบทวนเรื่องแผนอีกครั้งกันพลาด อีกอย่าง ข้ารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติที่นี่ได้ ที่เมืองนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราสองฝ่ายเท่านั้น อย่างไรก็ห้ามลดการป้องกันลงเด็ดขาด ตราบใดที่ยังไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร”

 

                “เวเบอร์มาหรือ สวัสดียามบ่าย” ดาริอุสเดินกลับบ้านพักพร้อมอาหารต่าง ๆ คาดว่าคงได้รับเป็นการขอบคุณสำหรับของขวัญ

 

                แล้วสิ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ก็ออกมาจากที่ซ่อน เกิดลมงวงช้างพัดฝุ่นทรายกระจัดกระจายไปทุกทาง แล้วที่ศูนย์กลางก็ก่อร่างเป็นเทพบุตรรูปงามแผงปีกสีขาวบริสุทธิ์ หากไบรอันสัมผัสได้ถึงกลิ่นซากเน่าได้ชัดเจน เวเบอร์เองก็คงรู้สึกแบบเดียวกัน

 

                “ข้าคือทูตจากมหาเทพเอซีร่า มาขอเจรจาต่อรองกับพวกท่าน ตัวแทนของมนุษย์และจอมอสูร” เทวทูตจอมปลอมกล่าว

 

                “เลิกเล่นละครดีกว่า พวกเรารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว” ไบรอันไม่จำเป็นต้องเล่นละครอีกในเมื่อไม่มีใครอื่นอยู่ในที่แห่งนี้แล้ว สิ่งที่เวเบอร์กังวลน่าจะเป็นลูกน้องของจอมปิศาจ “กี่ครั้งแล้วที่นายเจ้าส่งลูกน้องมาหมายจัดการข้าคนนี้ ยังคิดจะคุยกันดี ๆ อีกหรือ”

 

                “เดี๋ยวก่อนไบรอัน เขาอยากคุยก็ปล่อยเขา ให้ข้าได้ออกหน้าบ้าง” ดาริอุสวางข้าวของไว้บนม้านั่งแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆเทวทูตปลอมโดยไม่ชักกระบี่ออกมาเตรียมพร้อม

 

                “ท่านคงเป็นนักรบจันทรา ยินดีที่ได้พบ”

 

                “โดนกันท่ามาหลายหนสุดท้ายก็ได้เจอกัน บริวารของจอมปิศาจ” ดาริอุสยังไม่มีทีท่าว่าจะต่อสู้ด้วย “หลอกใช้พ่อข้าสนุกไหม”

 

                “ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าคือสาวกของจอมเทพ”

 

                “เลิกแสดงละครห่วย ๆ ได้แล้ว ทุกคนที่นี่รู้ความจริงหมดแล้ว จอมปิศาจเข้ายึดร่างมหาเทพแห่งดินแดนนี้มาตลอดเวลา” ดาริอุสชักกระบี่ออกมาปักลงบนพื้นดินอย่างเด็ดขาด

 

                เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายรู้แกวแล้วทางด้านสมุนของจอมปิศาจจึงเริ่มพูดเรื่องที่อยากพูดทันที

 

                “พวกเราคือกลุ่มก้อนความมืดที่ถูกเทพบีบอัดสู่ใจกลางดาว เมื่อมีโอกาสจึงออกมาสัมผัสกับอิสรภาพอันหอมหวาน จึงเข้ายึดร่างของจอมเทพหนึ่งเดียวของเรมิสต์เพื่อเก็บเรื่องที่พวกเราหลุดออกมาเป็นความลับ เราต้องการอิสระเท่านั้น ไม่ต้องการต่อสู้กับพวกท่านเลยสักนิด”

 

                “สามครั้ง! สามครั้งแล้วที่ข้าได้ยินว่าพวกท่านลงมืออย่างไรเพื่อปิดปากพวกเราที่รู้ความจริงทั้งหมด ไม่รวมที่หลอกใช้พ่อข้าเป็นจอมอสูรอีกนะ ข้าคงโง่บัดซบหากคิดว่าท่านเป็นพวกถกด้วยเหตุผลได้” ดาริอุสส่ายหัว “เล่นเอาพ่อข้าเป็นเหยื่อล่อเป้า เป็นตัวสร้างหายนะบนเรมิสต์แทนจอมปิศาจเสียนี่”

 

                “แต่มนุษย์ก็หลงกลพวกเรา จึงแต่งตั้งผู้กล้าแสงตะวันขึ้นมา ทำให้เราดำเนินแผนตามล่านักรบจันทราได้อย่างไม่เปิดเผยได้”

 

                “แผนของเจ้าหรือแผนของใครกันแน่ เกรงว่านั่นจะเป็นแผนของข้านะ” ไบรอันไม่ยอมให้ดาริอุสได้บทเด่นคนเดียวในวันนี้ “มีผู้กล้าแสงตะวันเพื่อปราบจอมอสูร มีนักรบจันทราเพื่อปราบจอมปิศาจ แล้วทำไมผู้กล้าแสงตะวันอย่างข้ากับสมุนของจอมอสูรจะช่วยปกป้องนักรบจันทราไม่ได้ในเมื่อข้าได้รับผลประโยชน์ด้วยแบบนี้ กี่ครั้งแล้วที่เราปะทะกับพวกเจ้าเพื่อปกป้องนักรบจันทรา เขาคือแสงสว่างในยามรัตติกาลที่เจ้าครอบครองอย่างไรล่ะ”

 

                “อย่างนั้นก็เท่ากับประกาศสงครามกับพวกเรา คงต้องขอดูฝีมือนักรบจันทราสักนิดก่อนจบเรื่องในวันนี้ หากโชคดีข้าอาจ...”

 

                ไม่ทันรอให้เทวทูตปลอมพูดจบดาริอุสก็ชิงลงมือตามที่ไบรอันสั่งสอนมาทันที กระบี่ดาบแสงตะวันเคลื่อนที่เร็วอย่างเหลือเชื่อ มันถูกดึงขึ้นแล้วพุ่งเข้าเสียบหน้าอกของเทวทูตตนนั้นอย่างแม่นยำด้วยฝีมือของนักรบจันทรา!

 

                “ฝากไปบอกนายของแกด้วย! ว่าเรื่องระหว่างเรายังไม่จบ” ดาริอุสถอนกระบี่ให้เลือดสีคล้ำไหลออกมา แล้วถอยไปรวมตัวกับไบรอันด้านหลัง

 

                ร่างของเทวทูตเริ่มบิดเบี้ยวแล้วแผ่ขยายออกไปด้านข้างราวเมฆหมอกสีเลือด มันกำลังเผยร่างจริงเพื่อสู้ ทว่ามีดาบจากด้านหลังเหวี่ยงมาฟันร่างปิศาจเป็นสองส่วนจนสลายไปเหมือนเม็ดทราย ผู้ที่สังหารมันดูเหมือนผู้ชายวัยกลางคน ดูเหมือนคนปกติเกินกว่าจะจัดการลูกน้องของจอมปิศาจได้

 

                “ไม่ไหว ๆ จะพูดหรือจะสู้ก็เอาสักอย่างสิ เสียเวลาคนต่อคิวรอพอดี” เสียงที่น่าจะเป็นของคนๆเดียวกับพร่าเลือนเหมือนมีคนหลายสิบคนพูดขึ้นพร้อมกัน

 

                “ถอยไปก่อนท่านมาเวอร์ริค ปิศาจจากอิเดนต้องให้ชาวอิเดนจัดการ” เวเบอร์ก้าวออกมาป้องกันดาริอุสและไบรอัน “ข้ารู้ว่าเจ้าคือบริวารของเทพปิศาจ แต่ยังไม่รู้ว่ามาด้วยเหตุใด”

 

                “เรามาพบท่าน น้องชายของผู้กล้าพัวร์รีนในตำนาน เพื่อขอให้ท่านร่วมมือกับเรา” จากที่เวเบอร์บอก ชายคนนั้นคือปิศาจจากดาวที่เวเบอร์เกิด แต่ดาริอุสเพิ่งรู้ว่าเวเบอร์มีพี่ชายเป็นผู้กล้า “ท่านคล้ายพวกเรามาก ท่านไม่ควรไปอยู่ฝั่งที่ไม่เคยใยดีท่านเลย”

 

                “ข้าทรยศมามากเกินพอแล้ว ทั้งอดีต พี่ชาย ดาวเกิด รวมทั้งหัวใจด้วย ไม่คิดเพิ่มแต้มการทรยศให้สูงขึ้นกว่าเดิมหรอก!” เวเบอร์ชักดาบวิเศษออกมาทันที ประกาศตัวว่าจะสู้โดยไม่ฟังคำขอของอีกฝ่าย “แล้วใครว่าไม่ใยดี ชื่อสกุลข้าดำรงมาหลายพันปีเนื่องจากมีบุญคุณต่อหนึ่งในสี่เสาหลัก ชื่อกลางข้าหนึ่งในสี่เสาหลักเป็นคนตั้งให้ ข้าได้รับพรให้ใช้วิชาสามอย่างได้อย่างเท่าเทียม พี่ทั้งสองก็เก็บข้าที่เป็นเดนชีวิตมาเลี้ยงดู เทพีเฟรเซียก็ให้เกียรติลงมาตามล่าข้าด้วยตัวเอง บัดนี้ข้าได้โอกาสกลับตัวแล้ว ไม่คิดทรยศใครอีกแน่นอน”

 

                “ถึงอย่างนั้นเราก็ได้รับคำสั่ง หากท่านไม่ยอมเข้าพวกก็ต้องเอาหัวท่านกลับไปให้ได้”

 

                “ตกลงเจ้าประเมินข้าสูงหรือต่ำกันแน่ หางแถวอย่างเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก” เวเบอร์หัวเราะอย่างไร้อารมณ์ขัน “แต่จะลองดูก็ได้ ให้ท่านมาเวอร์ริคเห็นฝีมือข้างบ้างก็ดี”

 

                ไม่ทันสิ้นเสียง ปิศาจในร่างมนุษย์ก็ขาดวิ่นเป็นสิบท่อนด้วยฝีดาบที่เร็วจนมองไม่ทันของเวเบอร์ ดาริอุสไม่รู้ว่าเขาทำอย่างไรแต่คงใช้เวทมนตร์ช่วยแน่ๆ ในวินาทีที่ดาริอุสคิดว่าการต่อสู้สิ้นสุดแล้วนั้น เศษซากนับสิบชิ้นก็มีชีวิตเป็นปิศาจขึ้นมาอีก ไม่ว่าเวเบอร์จะหั่นหรือเผามันก็สร้างและเพิ่มจำนวนได้ตลอดเวลา ไม่กี่อึดใจบ้านพักและพวกเขาก็ถูกรุมล้อมด้วยปิศาจสีแดงเลือดนับร้อยตัวแล้ว

 

                “จริงด้วย มันเกิดจากการรวมตัวกันของปิศาจเล็ก ๆ นับร้อยพันตน” เวเบอร์หันมาคุยกับไบรอันอย่างทองไม่รู้ร้อน “จัดการให้เสร็จเสียดีกว่า ข้ายังไม่ได้ทานอาหารเที่ยงเลย”

 

                เมื่อพูดจบเวเบอร์ก็ลงมือขั้นเด็ดขาดชี้ปลายดาบปีกวิหคขึ้นท้องฟ้า เกิดกลุ่มก้อนความมืดขึ้นที่ปลายดาบเหมือนบอลแสงสีดำสนิท ดาริอุสรู้สึกได้ว่าความดันอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน สายลมรอบตัวหยุดนิ่งทว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้น ปิศาจนับร้อยตัวถูกดูดเข้าไปในกลุ่มก้อนอากาศสีดำนั้นเป็นระลอกๆเหมือนพายุขนาดย่อมๆที่ดูดไปเฉพาะพวกปิศาจเท่านั้น

 

                ดาริอุสไม่ทันได้ถามพวกปิศาจก็หายไปหมดแล้ว กลุ่มก้อนอากาศสีดำทรงกลมหายไปเหมือนควันไฟ เวเบอร์ไม่แสดงอาการอ่อนล้าเลย เขาไม่ได้เปื้อนเลือดของปิศาจเหล่านั้นเลยสักหยดเดียว ยังคงสะอาดเอี่ยมเหมือนก่อนต่อสู้!

 

                “เวเบอร์ เฟียร์เลส!” เนอร์วาน่าร้องคำรามแทรกความว่างเปล่าขึ้นมา นางดูเหมือนนางเสือดาวที่ถือห่อใส่อาหารทะเลมาด้วย “ทำไมไม่รอข้ามาก่อน! กำลังอยากดูอะไรสนุก ๆ พอดี”

 

                ไบรอันคิดว่าคงมีแต่เขาและดาริอุสที่กังวลกับปิศาจตนเมื่อครู่เกินเหตุ

 

                “ข้าจะมีวาสนาได้กินอาหารฝีมือท่านหรือเปล่า ท่านผู้หยั่งรู้” เวเบอร์ครางเบา ๆ ตามที่เจ้าตัวบอก เขายังไม่ได้ทานอาหารกลางวันมาเลย

 

                “เดี๋ยวข้ากันลาควีล่าไว้ที่ชั้นบน ส่วนเจ้ามาร่วมกับเราได้เลย” เนอร์วาน่าตอบเสียงใส...

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา