นักรบจันทรา
เขียนโดย Sagestone
วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.34 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2560 20.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
11) ตอนที่ 11
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความตอนที่ 11
ไซเรน่ากำลังครุ่นคิด คนส่วนใหญ่เชื่อว่านางไม่เคยหยุดคิดอะไรนานเกินครึ่งนาทีเลย ผิดแค่นางชอบคิดตอนทำอย่างอื่นอยู่เท่านั้น เช่นตอนนี้ นางกำลังดวลดาบอย่างเคร่งเครียดกับแม่ทัพคนสำคัญของเพียรซ์อย่างดุเดือด
“มัวคิดอะไรอยู่ ความเร็วตกแล้วย่ะ” แม่ทัพสาวเย้ยหยันเมื่อไซเรน่าหยุดดาบช้าเกินไป
“หนวกหู!” ไซเรน่าสวน แม้จะถูกรายล้อมด้วยทหารของเพียรซ์ก็ตาม
ตอนนี้นางกำลังคิดถึงเรื่องของเขาคนนั้น ความรู้สึกที่มีให้มันเริ่มก่อรูปร่างตั้งแต่เมื่อไรกัน ตั้งแต่พบกันครั้งแรกหรือ ตั้งแต่ได้รับความช่วยเหลือหรือ ช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมันวิเศษจนยากบรรยาย
ไซเรน่าถอนหายใจเบา ๆ ขณะเอี้ยวตัวหลบดาบจริงของอีกฝ่าย ใช่แล้ว ตอนนี้พวกนางกำลังประลองกันด้วยดาบจริง! ตามวิถีทางของอัศวินหญิง!
ตอนนี้นางก็ได้ใกล้เขาแล้ว แม้ต้องแสร้งทำเป็นสืบว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม ใจจริงของนางก็อยากรู้เช่นกันว่าเขาคนนั้นคิดจะทำอะไรต่อ อยากรู้ว่าเมื่อวันก่อนที่หายไปนั้นแอบไปทำอะไร อยากรู้ว่าใจจริงเขาคิดอย่างไรกับนางกันแน่
ไซเรน่าหน้าแดงฉานปัดดาบของอีกฝ่ายทิ้งก่อนพุ่งเข้าใช้ร่างกายปะทะโดยตรง
“เอาจริงสักทีสิยะหล่อน!” แม่ทัพของเพียรซ์ตวาด นางต้องถอยกรูดเพราะปลายดาบของไซเรน่าไล่ตามกระชั้นชิด “เจ้าเป็นฝ่ายขอข้าประลองเองนะ!”
“มันคนละเรื่องกันนี่” นางอัศวินมังกรหมุนตัวใช้ด้ามดาบรับดาบอีกฝ่าย “ข้าอยากสู้กับคนเก่ง ๆ อย่างท่านที่เป็นหนึ่งในสามทหารเสือเช่นเดียวกับข้า คริสทาร่าแห่งเพียรซ์”
“อย่างนั้นมัวคิดอะไรอยู่เล่า ปกติเวลาแกว่งดาบต้องจดจ่อกับคู่ต่อสู้สิ!” คู่ต่อสู้ของไซเรน่าเรียกร้องความสนใจกันดื้อ ๆ
“เรื่องของข้า” ไซเรน่าเลิกคิ้ว นางเป็นฝ่ายถอยบ้างเมื่อเห็นว่าตั้งรับไม่ทันแน่ “หากข้าชนะท่านตอนกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ได้ก็แสดงว่าข้าแข็งแกร่งจริง ๆ ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเท่านั้น”
“เจ้าเป็นคนแบบไหนกันนะ!” แม่ทัพแห่งเพียรซ์บ่นอุบ
แล้วไซเรน่าก็ดึงตัวเองเข้าสู่ห้วงความคิด ปล่อยร่างกายให้ทำงานเองตามความเคยชิน
เอาเท่าที่รู้ เขาคนนั้นเป็นเด็กกำพร้า เหมือนจะมีคนรู้จักเป็นผู้หญิงอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพียงไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์อย่างไรกับเขากันแน่ จะเป็นแค่พี่น้อง หรือคนรัก ตลอดเวลาที่อยู่ใกล้กันเขาไม่พูดถึงเรื่องของตัวเองเท่าไรนัก
อีตาปากหนักจอมบ้องตื้น! ไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าเลยหรือ! ไซเรน่าต่อว่าผู้กล้าแสงตะวันในใจ ใช้ปลอกแขนรับคมดาบอย่างทันท่วงทีสร้างความหงุดหงิดให้คู่ประลองไม่น้อย
แล้วนางมังกรครึ่งมนุษย์นั่นเป็นอะไรกับท่านกันแน่ เหตุใดจึงต้องกันตัวไว้ไม่ให้ทางการเข้ามาเกี่ยวข้องกับการไต่สวน ดูจากท่าทางแล้วต้องรู้จักกันแน่นอน ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านที่ข้าอยากรู้อีกมากมายจนต่อเป็นทางไปถึงดวงดาวได้
แต่อย่างเขาคนนั้นไม่ลดตัวไปรักกับอมนุษย์แน่! ไซเรน่าลงดาบหนักเป็นพิเศษเมื่อจบประโยคในความคิด
“คิดอะไรอยู่หรือ ลงดาบหนักขึ้นนะ” แม่ทัพคู่ประลองของไซเรน่าเอ่ยถาม เพราะนางอัศวินมังกรทุ่มแรงกับดาบมากเกินเหตุ
“คิดจะไปสอบปากคำแม่มังกรครึ่งมนุษย์นั่นอย่างไรล่ะ” ไซเรน่าตอบ
“ฝากคำถามไปได้ไหม ผู้กล้าแสงตะวันยื่นคำร้องทางข้าจึงเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้” แม่ทัพคริสทาร่าหยุดดาบคุย ทั้งคู่ต่างหอบเหนื่อยจากการประดาบอย่างจริงจังโดยเฉพาะคริสทาร่า!
“ข้าจะถามเรื่องส่วนตัว แล้วก็อย่าหยุดดาบสิ เรายังประลองกันอยู่นะ”
ในเมื่อรู้แล้วว่าตนจะทำอะไรต่อ นางอัศวินมังกรไซเรน่าก็รวบรวมสติจดจ่อกับการประลองจนได้ นางก้าวเข้ารุกไล่อีกฝ่ายที่หยุดดาบเพื่อเจรจา...
นางแม่ทัพของจอมอสูรถูกคุมตัวในคุกหลวง แม้ผู้กล้าแสงตะวันจะยื่นคำร้องขอเป็นผู้สอบสวนเองก็ยังต้องถูกคุมขังไว้ในที่มั่นในราชวัง นางมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดลถูกกักอยู่ในอาณาเขตเวทมนตร์ที่สร้างโดยท่านหญิงโรเซลลิน่าและผู้วิเศษประจำจักรวรรดิ จึงมั่นใจได้ว่านางจะไม่มีทางอาละวาดจนหนีรอดไปได้
และไซเรน่าก็กำลังไปที่นั่น ในฐานะพวกพ้องของผู้กล้าแสงตะวันทำให้นางสามารถเข้าถึงนักโทษตนนี้ได้ผิดกับแม่ทัพของเพียรซ์
“สวัสดี ท่านมังกรครึ่งมนุษย์”
นางอัศวินมังกรไซเรน่ายืนอยู่หน้าคุกสี่เหลี่ยมขนาดย่อมๆ ทั้งด้านนอกและด้านในถูกสลักอาคมป้องกันไว้อย่างแน่นหนา ให้เป็นที่อยู่ชั่วคราวของนักโทษกึ่งตัวประกันจากสงครามที่ผ่านมา
“สวัสดี อัศวินมังกร”
นักโทษตอบห้วนๆผิดไปจากนักโทษธรรมดา คงถือว่าตัวเป็นมังกรครึ่งมนุษย์กระมัง ไซเรน่าคิด
“อยากคุยด้วยหน่อย ได้ไหม”
“ข้าจะคุยกับผู้กล้าแสงตะวันเท่านั้น!”
ไซเรน่าลังเล แบบนี้กระมังเขาจึงกันนางไว้สอบเพียงผู้เดียว นางไม่ยอมให้ข้อมูลแก่ใครนอกจากเขา ทำให้นางอัศวินมังกรยิ่งสงสัยว่าทั้งคู่มีอะไรปิดบังกันแน่
“ไม่ได้มาคุยเรื่องสงครามหรอก ข้ามาคุยตามประสาผู้หญิงต่างหาก” ไซเรน่าพยายามผูกไมตรีเต็มที่
“เจ้าคือศัตรูของข้า เหตุใดต้องคุยกันเล่า!” นักโทษตอบสะบัดอย่างขุ่นเคือง
“ผู้กล้าแสงตะวันก็เป็นศัตรูเหมือนกัน เจ้ายังคุยกับเขาได้เลย”
“เขาไม่ใช่ศัตรู เจ้านั่นล่ะศัตรูของข้า”
“ข้าไม่เข้าใจ ข้าเป็นพวกเดียวกับผู้กล้าแสงตะวัน แล้วเหตุใดมีแต่เขาที่ไม่ใช่ศัตรู”
“ข้ากับเขารักกัน แค่นั้นก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่ทำให้เจ้าเป็นศัตรูของข้า!”
นักโทษหญิงทำให้หัวของไซเรน่าขาวโพลนในชั่วพริบตาเดียว ในเมื่อเป็นแบบนี้ไปแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า เป็นเรื่องสมควรปิดบังหากผู้กล้าจะไปรักกับอมนุษย์แบบนี้ ยิ่งเป็นศัตรูด้วยยิ่งแล้วใหญ่
แต่ไซเรน่ายังคงยิ้มให้นักโทษ ยิ้มด้วยดวงตาที่เศร้าหมอง
“อย่างนั้นเราก็มีเรื่องคุยกันแล้วสินะ” ไซเรน่าฝืนพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งคุยเป็นงานเป็นการ “
“ทำแบบนี้ทำไม นึกว่าข้าไม่เห็นหรือที่เจ้าจูบเขาน่ะ” นางมังกรครึ่งมนุษย์กอดอกอย่างไม่ชอบใจ
“เป็นการทักทายอย่างหนึ่งของมนุษย์เรา อย่าถือสาข้าเลย” ไซเรน่าอธิบายอย่างผู้รู้ “บ้างก็กอด บ้างก็จูบ บ้างก็แลกหมัดกันตัวต่อตัว”
“อย่างนั้นเรามาแลกหมัดกันไหม”
“ก็แลกไปแล้วนี่ ถึงแผลข้าจะหายด้วยเวทมนตร์แต่ยังช้ำในอยู่ไม่น้อย สู้กับเจ้าข้าสนุกมากจริง ๆ ข้าชอบสู้กับคนเก่ง ๆ”
ไซเรน่ายิ้มอย่างเป็นกันเองแล้วมองดูคู่สนทนาอย่างพิจารณา โครงหน้าสวยจนเกินมนุษย์เหมือนกับมังกรครึ่งมนุษย์ทุกตน ผมเขียวสะอาดสีเดียวกับเกล็ดในร่างมังกร ครีบปลาที่อยู่ตำแหน่งใบหูทำให้รู้ว่าเป็นอมนุษย์ ทั้งที่อายุไม่ต่างกันนักแต่เป็นถึงแม่ทัพมังกรของจอมอสูร
“เจ้ารู้จักกับผู้กล้าแสงตะวันตั้งแต่เมื่อไร”
ไซเรน่าตั้งคำถามด้วยท่าทีสบายๆผิดกับในหัวที่กำลังครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง นางมีอะไรดีกว่านางมังกรครึ่งมนุษย์ตนนี้บ้าง ความงาม ความน่าทะนุถนอม แม้กระทั่งความแข็งแกร่งก็ยังเทียบไม่ได้ อยู่นานไปรังแต่จะสร้างปัญหาให้เขาเสียมากกว่า
“ตั้งแต่เด็กแล้ว พ่อของเขาช่วยข้าจากการถูกจับเป็นทาส” นางมังกรครึ่งมนุษย์ตอบอย่างเสียไม่ได้
“เพื่อนสมัยเด็กหรือ รู้สึกคุ้นๆเหมือนเขาจะเคยเล่าเรื่องนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นมังกรครึ่งมนุษย์”
“เรื่องของข้าคงสำคัญเกินกว่าจะเล่าให้เจ้าฟังกระมัง”
“แล้วพวกเจ้า...คบกันมานานแล้วหรือ เหตุใดเจ้าไปอยู่ฝ่ายมืดเล่า” ไซเรน่าถามอย่างเพลิดเพลิน
“ข้าเป็นครอบครัวเดียวกับเขาอย่างสมบูรณ์ กระทั่งวันหนึ่ง ภูเขาหิมะกลับปะทุขึ้นกลายเป็นภูเขาไฟในบัดดล น้ำหลากจากหิมะละลายบวกกับหินหลอมเหลวทำลายเมืองที่พวกเราอยู่จนหมดสิ้น ข้ากับเขาจึงแยกจากกันโดยจำใจ” นักโทษหญิงครุ่นคิดถึงอดีตที่เศร้าหมอง ท่าทางนางคงอยากได้เพื่อนคุยเหมือนกันแน่นอน “หลังจากนั้นข้าก็พลัดไปอยู่กับเหล่าสัตว์วิเศษในป่า จนไปเข้ากับฝ่ายมืดในที่สุด”
“เขาบอกว่ามีสายอยู่ในฝ่ายมืดด้วย คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ” ไซเรน่าหัวเราะ นางเริ่มชอบนักโทษคนนี้ขึ้นมาแล้ว
“ข้าอยากให้เขามาช่วยมากกว่า เป็นเหมือนอัศวินขี่ม้าขาว”
“เจ้าเล่าเสียข้านึกภาพลำบาก หมอนั่นไม่เหมาะหรอก” ไซเรน่าหัวเราะได้นิดหนึ่งก่อน นักโทษใช้กรงเล็บมังกรข่วนลูกกรงจนเกิดประกายไฟ
“ห้ามว่าร้ายเขาเด็ดขาด!” นางมังกรครึ่งมนุษย์ขู่ฟ่อ “ไม่ว่าใครก็ห้ามเด็ดขาด”
ไซเรน่ายกมือปรามให้อีกฝ่ายสงบลง ก่อนเริ่มการสนทนาอีกครั้ง
“เขาไม่ใช่อัศวินขี่ม้าขาวสำหรับทุกคนหรอกนะ เชื่อข้าสิ” ไซเรน่าหาทางออกสำหรับการปะทะไร้สาระนี้ “เขาเป็นเพื่อนรักของข้า ดังนั้นข้าจะเห็นเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวได้อย่างไรกัน”
“ก็ใช่ สำหรับเขามีแค่ข้าก็พอแล้ว แค่เรามีกันและกัน”
“ข้าก็ไม่รู้ว่าหมอนั่นวางแผนอะไรเพื่อเจ้า แต่ต้องดีมากๆแน่นอน” ไซเรน่าปรบมืออย่างร่าเริง “เล่าเรื่องสมัยก่อนของพวกเจ้าให้ข้าฟังได้ไหม” แล้วบทสนทนาของพวกนางก็ยาวยืดไปไม่รู้จบ...
ผ่านไปหลายวันในที่สุดรายงานส่วนแรกก็เสร็จ ไบรอัน แบล็คสโตนถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าหลังผ่านการสอบสวนจากเบื้องสูง ต้องใช้ความสามารถมากเพื่อให้ทุกคนเชื่อว่านางมังกรครึ่งมนุษย์เป็นสายของเขาจริง ๆ นางจึงไม่ยอมให้ข้อมูลคนอื่นนอกจากเขาผู้เดียว
ความจริงเขากับเวเบอร์คิดหาทางช่วยให้ออกมาจากฝ่ายมืดก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตัวนางมังกรครึ่งมนุษย์ต้องการอยู่เป็นสายสืบเขาจึงยอมให้นางทำตามใจชอบ อย่างไรก็มีเวเบอร์ช่วยดูแลอยู่
เหตุผลอย่างแรกคือ นางเป็นคนในครอบครัวคนสุดท้ายหลังเหตุการณ์นั้น เหตุผลอย่างที่สองคือ ความมืด เขาเปิดอนาคตของนางออกมาดูพบเพียงความมืดเท่านั้น ไม่คงอยู่ ไม่ตาย แต่กลายเป็นบางอย่างที่เขามองไม่เห็น ไม่อาจเข้าใจได้ ดังนั้นทำตามความต้องการของนางน่าจะดีที่สุด
“ข้ามาสายหรือเปล่า” กลุ่มก้อนแสงสว่างจากมนตร์เคลื่อนย้ายของเวเบอร์พุ่งเข้ามาในห้อง เวเบอร์มาตามนัดหมายว่าจะแสร้งไปสอบสวนนางมังกรครึ่งมนุษย์อโฟเดลด้วยกัน
ไบรอันที่เหม่อมองข้อความในหนังสือเงยหน้าอย่างไม่รีบร้อน
“กำลังรอดาริอุสอยู่ หมอนั่นวุ่นหัวปั่น เห็นบอกว่าต้องพบคนใหญ่คนโตมากมายที่เป็นญาติ ก็ไม่ค่อยเข้าใจหรอก ข้าคนญาติน้อย”
“จะดีหรือที่ให้ข้าไปร่วมดูการสอบสวนด้วย จะให้แอบดูก็ทำได้อยู่หรอก”
“เจ้าชอบนาง แค่นั้นก็เป็นเหตุผลที่หนักแน่นพอแล้ว” ไบรอันยิ้ม การที่มีเวเบอร์เป็นสหายย่อมมั่นใจได้ว่านางจะปลอดภัยจริง ๆ เมื่อทำตัวเป็นสายสืบให้เขาอีกคนร่วมกับเวเบอร์ “แต่ต้องเปลี่ยนร่างเป็นคนรับใช้นะ หนึ่งในอัศวินที่ข้าจ้างก็ได้ จะได้แนบเนียน”
“ช่วงนี้ข้าหายใจไม่ทั่วท้องเลย เบื้องหลังกำลังมีการเคลื่อนไหว” เวเบอร์เปลี่ยนรูปร่างไปในพริบตา เขาใช้ร่างอัศวินหนุ่มคนหนึ่งที่เคยเจอนานมาแล้ว แสร้งว่าเป็นลูกจ้างอีกคนของผู้กล้าแสงตะวัน “อาจเกี่ยวกับพวกนางด้วย”
“เจ้าหมายถึงเบื้องหลังไหนเวเบอร์ รู้สึกเราจะมีเบื้องหลังอยู่สองกลุ่มนะ” ผู้กล้าแสงตะวันขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ทางฝั่งดินแดนของข้าเอง กำลังเคลื่อนไหวโดยเน้นให้ข้าเป็นศูนย์กลางความสนใจ”
“ไม่ค่อยเข้าใจ” ไบรอันสอดที่คั่นหนังสือแล้วโยนไว้บนโต๊ะ “ไม่เกี่ยวกับข้าหรอกใช่ไหม”
คำถามนี้แม้แต่เวเบอร์ก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าเกี่ยวกับไบรอันหรือไม่ ความตึงเครียดเรื่องนี้หายไปเมื่อดาริอุสเปิดประตูเข้ามาโดยไม่มีการเคาะเรียก
“ข้าโดนต่อว่าเรื่องมารยาทสิบครั้งในสามวัน สิบครั้ง!” ดาริอุสเปิดฉากบ่นให้ไบรอันฟัง เวเบอร์ก้มหัวเคารพอย่างนอบน้อม “ข้ามรรยาททรามขนาดนั้นเลยหรือไบรอัน”
“โดยเฉลี่ยแล้วไม่เลวร้ายหรอก ทางจักรวรรดิต่างหากที่จริงจังกับเจ้ามากเกินไป”
“แล้วท่านหญิงน้องสาวข้าอีก เพิ่งรู้ว่าการมีน้องสาวมันต้องใช้แรงกายแรงใจมากขนาดนี้ อะไรก็ไม่เท่ากับที่นางฉลาดกว่าข้านี่สิ” ดาริอุสชิ้นิ้วไปนอกห้อง ทางทิศที่ตึกพักเชื้อพระวงศ์ตั้งอยู่
“ตามลำดับการเกิดแล้วนางเป็นพี่เจ้า” ไบรอันเสริม “ทนนิด อีกไม่นานเราก็จะเดินทางต่อแล้ว” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดโดยไม่มีแผนอยู่ในหัว อย่างไรตอนนี้ต้องทำเป็นว่าไปสอบสวนนักโทษหญิงก่อน
“แล้วนั่นเวเบอร์หรือ เลือกใช้ร่างได้ดีนี่ หน้าเหมือนกับเคยเจอที่ทางใต้ก่อนหน้านี้” ดาริอุสทัก “ที่ไปด้วยกันนี่วางแผนอะไรไว้หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าจะไปฆ่าปิดปากนางหรอกนะ”
“เขาชอบอโฟเดลอยู่ไม่ทำอย่างนั้นหรอก ที่ให้ไปด้วยเพื่อดูว่าข้าไม่ได้ทำร้ายนางจริงๆ ข้าให้คำรับรองได้ อย่าลืมพกกระบี่ไปด้วยล่ะดาริอุส ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
แล้วไบรอันก็นำทางเพื่อนทั้งสองไปยังคุกหลวงที่คุมขังนางมังกรครึ่งมนุษย์อยู่
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ท่านบอกว่าเวเบอร์ชอบอโฟเดล ความจริงนางเป็นคนรักของท่านนี่ไบรอัน” ดาริอุสทำให้อีกสองคนหัวเราะเบาๆ
“ไปฟังมาจากไหน” ไบรอันตอบ “ตอนนี้ข้าเป็นคนตัวเปล่า ไม่มีคนรักหรือภรรยาที่ไหนทั้งนั้น นางเป็นครอบครัวคนสำคัญของข้า เหมือนน้องสาว ไม่ใช่คนรัก ข้าก็ไม่เข้าใจนางเหมือนกันว่าเหตุใดจึงคิดกับข้าเช่นนั้น พวกเราพยายามกันทุกวิถีทางให้นางหันไปสนใจเวเบอร์แล้ว แต่ไม่สำเร็จ”
“ข้าฟังมาจากไซเรน่า เป็นข้าก็คงชอบท่านเหมือนกัน อบอุ่นเป็นกันเอง อยู่ด้วยแล้วสบายใจ เหมือนกับสามารถปกป้องข้าได้ทุกเวลา...ไม่ได้ว่าท่านนะเวเบอร์”
“คนรักคนเก่า ๆ ของข้าก็พูดทำนองนี้เหมือนกัน ข้าล่ะไม่เข้าใจพวกนางจริง ๆ”
“เคยมีมากี่คนแล้ว” เวเบอร์ถามอย่างสนอกสนใจ
“สามสี่คน บอกแล้วว่าก่อนหน้านี้ข้าโดนคำสาป หากรักใครคนนั้นจะต้องล้มป่วยด้วยโรคร้ายแล้วก็ตายในที่สุด ลองแล้วก็ไปไม่รอดสักราย ข้าหมายถึงความรักของข้านะ ไม่ได้หมายถึงชีวิตพวกนาง ตอนนี้เพิ่งตัดใจจากคนล่าสุด...หน้าข้าเหมือนชายเจ้าชู้นักหรือ”
“ก็เหมือนนะสิ” ดาริอุสค่อนขอด “แล้วไม่รอไซเรน่าจะดีหรือ”
“ช่างนางปะไร” ไบรอันหัวเราะดังลั่น “เห็นสองสามวันนี้นางไปดูนักโทษของเราประจำ อาจไปรออยู่ที่ห้องขังแล้วก็ได้” ไบรอันเรียกรถม้ามาคันหนึ่งเพื่อนั่งไปยังคุกหลวง...
สมองของดาริอุสกำลังทำงานอย่างหนักหน่วง ปกติเขาเป็นคนไม่คิดอะไรมากอยู่แล้ว พอจับตัวประกันเป็นแม่ทัพของพ่อเขาได้ก็ต้องคิดหนัก ผู้กล้าแสงตะวันคิดจะทำอะไรต่อไป เขาสมควรมุ่งเป้าไปทางใดแน่ หรือควรปล่อยทุกอย่างเป็นหน้าที่ของไบรอันเช่นเคย อย่างน้อยก็รู้สึกอุ่นใจที่ไบรอันเป็นคนกว้างขวาง รู้จักกระทั่งแม่ทัพของฝ่ายมืดซึ่งเป็นลูกน้องของพ่อเขา แผนของพวกเขาไม่ได้ถูกคิดด้วยตัวคนเดียว
ระหว่างที่ดาริอุสจมในห้วงความคิด ไบรอันกับเวเบอร์ก็พูดกันถึงเซรีน่า สตรีที่อ้างว่าเป็นนักท่องกาลเวลา
“ตามทฤษฎี การเปิดอุโมงค์กาลเวลาซับซ้อนมาก และจะต้องมีพลังอยู่ในสายเลือดด้วย แค่รู้ทำไม่ได้หรอก ที่มีตัวอย่างก็นางผู้หยั่งรู้ที่เปิดดูเหตุการณ์ทั้งอดีตและอนาคตได้ แต่การท่องเที่ยวไปในเวลาต่าง ๆ นี่สิ ต้องใช้ทั้งการฝึกฝนและพลังในสายเลือดอย่างมาก ไม่อย่างนั้นก็ต้องใช้วัตถุเวทมนตร์เป็นสื่อช่วยในการเดินทาง” ดาริอุสหันไปฟังเวเบอร์อธิบายเกี่ยวกับการข้ามเวลาโดยใช้เวทมนตร์
“นางน่าจะมาจากอนาคต ในวันข้างหน้าอาจทำกันได้จนเป็นเรื่องปกติ” ไบรอันพยักหน้ากับเวเบอร์ “นางบอกว่าเจ้าจะรู้ดาริอุส...เจ้ารู้จักนางหรือไม่ คนที่ท่าทางเหมือนนางก็ได้”
“เจอหน้ากันนิดเดียวข้าไม่รู้ขนาดนั้นหรอก อย่างน้อยต้องคุยกันสักพัก” ดาริอุสตอบเรื่อยๆ
“บางทีนางอาจจูบทุกคนที่นางถอนคำสาปให้ก็ได้” เวเบอร์พูดลอยๆ แล้วทั้งสามก็หัวเราะครืน “แต่นางโกรธเจ้าจริงๆนะ ที่ถูกจูบวันนั้น”
ไบรอันคิดข้อแก้ตัว หากการสนทนาหยุดลงด้วยเสียงหัวเราะที่ดังกังวานก้องคุกหลวง เป็นเสียงของนางอัศวินมังกรไซเรน่าแน่นอน พวกเขาเร่งฝีเท้าไปดูที่คุกพิเศษว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าต้องโกหกแน่อยู่แล้ว อย่างตานั่นหรอ ไม่มีทาง!” เสียงพูดกลั้วหัวเราะของไซเรน่าดังเกินพอดี จนดาริอุสสงสัยเป็นครั้งที่สิบแปดว่าผู้หญิงมีเรื่องคุยอะไรกันหนักหนา
“มาพอดี” ภาพแรกที่พวกเขาพบคือไซเรน่ากำลังหัวเราะจนตัวงอ มือคลำท้องด้วยความที่หัวเราะมากเกินไป “จริงหรือเปล่าไบรอันที่เมื่อก่อนท่าน...เอากางเกงในสวมหัว เอาถุงเท้าสวมมือ แล้วประกาศตนเป็นผู้กล้ากางเกงใน” ว่าแล้วนางก็หัวเราะอีกครั้ง ไบรอันทำหน้าเหมือนโดนตบ
“พวกเจ้าไม่ได้คุยเรื่องงานกันหรือ เห็นเข้ามาหลายวันแล้ว” ไบรอันตัดบท พยายามหลีกเลี่ยงการสนทนาเรื่องเก่าๆเต็มที่
ไซเรน่าส่ายหน้าทั้งน้ำตา ยังหยุดหัวเราะไม่ได้
“หัดทำงานทำการให้จริงจังบ้างสิ” ผู้กล้าแสงตะวันเอ็ดนางอัศวินมังกร “เจ้าคงไม่ได้พูดเรื่องนั้นออกไปหรอกนะอโฟเดล” ไบรอันหมายถึงเรื่องที่เขากับเวเบอร์รู้จักกันเป็นการส่วนตัว
“เล่าสิ” นางอัศวินมังกรพยักหน้า ผู้กล้าแสงตะวันใจหล่นไปที่ตาตุ่ม หากมีคนแอบฟังจะเป็นเช่นไร เรื่องที่เขาเป็นพันธมิตรกับแม่ทัพฝ่ายมืดต้องปิดบังให้ถึงที่สุด “เรื่องนั้นใช่ไหม ที่ท่านกับเพื่อนแข่งกันถ่ายเบาวาดเป็นตัวอักษร แล้วเน้นจบประโยคด้วยไอ้นั่น” แล้วนางก็เริ่มต้นหัวเราะอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
“สงบสติหน่อยไซเรน่า เรื่องนั้นเด็กผู้ชายที่ไหนเขาก็ทำกัน” ดาริอุสพยายามช่วยพูดให้ไบรอัน เหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไรนัก
“สรุปว่าพวกเจ้าขุดคุ้ยเรื่องส่วนตัวข้าสนุกเลยใช่ไหม” ไบรอันพูดฉุนๆ นางอัศวินมังกรกับนักโทษพยักหน้าพร้อมกัน “อย่างนั้นก็เริ่มทำตัวเป็นงานเป็นการได้แล้ว ดาริอุสช่วยปิดประตูตรงนั้นด้วย ข้าจะใช้เวทมนตร์ป้องกันเสียงและการแอบฟัง ข้าต้องทำเหมือนกับว่ามีสอบสวน ความจริงก็อยากถามความเป็นอยู่ของเจ้าด้วยอโฟเดล ในฐานะครอบครัวเดียวกัน”
ดาริอุสใช้เวลาไม่มากปิดประตูหนาหนักของคุกแล้วมารวมตัวหน้าห้องขังของนางมังกรครึ่งมนุษย์ รอให้ผู้กล้าแสงตะวันเอ่ยถึงแผนการต่อไปว่าจะดำเนินไปเช่นไร...
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ