บัลลังก์ฉิมพลี

8.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.

  59 ตอน
  1 วิจารณ์
  57.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นโดยอิงเหตุการณ์ทางจินตนาการ ตัวอักษรทุกตัวถูกปรับแต่งขึ้นเพื่อให้ได้อรรถรสในการอ่าน ตัวละคร เรื่องราว สถานที่ เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง โปรดใช้วิจารณญาณในการบริโภคข้อมูล หากมีความผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

 

                                                                 กรุงสยาม......

 

          ณ บ้านกุสุมานันต์

 

“ ไม่จริงนะดา ฉันไม่เคยคิดที่จะทำเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด ”

ปิ่นรัก..พยายามอธิบายต่อรินลดาเพื่อนสาวคนสนิทที่ได้รับข่าวสะเทือนหัวใจจากลูกสาวคนโตของเธอเพราะบังเอิญเข้ามาเห็นว่าปิ่นรักกำลังนอนกอดอยู่กับอินเกษมผู้เป็นพ่อและเป็นสามีของรินลดาเอง..ด้วยสภาพที่เปลือยเปล่าใต้ผ้าห่มในห้องนอน

 

“ จริงๆนะดา ผมกับคุณปิ่นเราไม่เคยคิดอะไรที่เกินเลยมากกว่าคำว่าเพื่อน เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ”

อินเกษม..สามีของรินลดายืนยันเต็มอกว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง

 


“ คุณพ่อยังจะแก้ตัวแทนมันอีกเหรอคะ! ในเมื่อต้อมเห็นกับตาว่าคุณพ่อกับนังผู้หญิงคนนี้นอนกกอยู่ด้วยกัน!! ”

ปริฉัตร..บุตรสาวคนโตวัย 20 ปี พูดขึ้นเสียงดังด้วยความโมโห

“ ทุกอย่างคือความจริงค่ะคุณแม่!! เพื่อนคนนี้ของคุณแม่กำลังทำตัวเป็นเมียน้อยคุณพ่อ! ”

 


“ ยัยต้อม! หยุดพูดจาไร้สาระได้แล้วนี่มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่!! ”

อรทุมา..ผู้เป็นอา น้องสาวคนเดียวของอินเกษมพูดขึ้นกำราบเพื่อเป็นการตักเตือน
เพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า ปิ่นรักจะเป็นคนแบบนั้น


“ ถ้าคุณแม่ไม่เชื่อก็ถาม ต้ากับเต้ดูก็ได้ค่ะ เพราะว่าน้องก็เห็นเหมือนอย่างที่ต้อมเห็น! ” ปริฉัตรบอกกล่าวอีกครั้งชี้แนะไปยังน้องสาวทั้งสองคนของเธอที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“ อย่างว่าละนะผัวเธอตายไปแล้วนี่คงจะว้อนท์มากเลยซินะถึงได้มายุ่งกับพ่อฉัน ไม่อายลูกตัวเองบ้างหรือไงห่ะ!! ”


“ ต้อม! หยุดพูดเดี๋ยวนี้!!! ” อินเกษมสุดทนกับคำพูดของปริฉัตรลุกขึ้นยืนตวาดเสียงดัง

“ ไม่หยุด! ”

 

 

“ พอได้แล้วต้อม... ”

รินลดา..ภรรยาของอินเกษมพูดขึ้นเบาๆหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน

 

“ ถ้าเกิดคุณแม่ยังไม่เชื่อและยังไว้ใจผู้หญิงคนนี้อยู่!..ก็ลองถามพิมพ์ใจดูก็ได้นะคะ เพราะพิมพ์ใจเป็นคนนำเรื่องนี้มาบอกกับต้อมเอง ” ปริฉัตรหันมองหญิงรับใช้คนดังกล่าวที่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงประตูทางเข้าออกนอกบ้าน

 

“ แม่บอกว่าให้พอได้แล้วไง!!! ” รินลดาลุกขึ้นยืนพูดเสียงดังจนทุกคนในที่นั้นเงียบกริบ

“ ฉันไม่เชื่อ! ว่าเพื่อนของฉันจะทำกับฉันแบบนี้ เข้าใจกันแล้วใช่มั้ย ขอตัว! ” รินลดาบอกเสร็จก็ก้าวขาเดินออกจากบริเวณนั้นก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้าประตูและหันกลับมาอีกครั้ง


“ อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกนะคุณอินเกษม ไม่ว่าจะกับใครก็ตาม! ” ภรรยาสาวเอ่ยบอกเรียบนิ่งก่อนจะหันเดินออกไป

 

เวลาผ่านไป 2 เดือนทุกอย่างดูจะเข้าที่เข้าทาง ครอบครัวของอินเกษมและรินลดายังคงผสานกันเป็นปึกแผ่นเฉกเช่นดังเดิมทั้งสองปรับความเข้าใจและลืมเรื่องราวในวันนั้นไปจนหมดสิ้นโดยรินลดาก็ยังคงสนิทสนมกับปิ่นรักเช่นเดิมเพราะเธอนั้นมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเพื่อนสาวไม่มีทางเป็นชู้กับสามีของเธออย่างแน่นอนแต่เหมือนเหตุการณ์ในชีวิตจะพลิกผัน.....คืนวันหนึ่งสายฝนโปรยปรายกระหน่ำตกลงมาไม่ยั้งลมพัดโรยแรงโบกใบไม้ล่วงหล่นกันระนาว รินลดานั่งรถกลับมายังที่บ้านหลังจากเสร็จภารกิจงานเลี้ยงในหมู่เพื่อนฝูงเธอจึงมุ่งตรงขึ้นไปที่ชั้นสองเพื่อไปยังห้องนอนตามปกติ

 

แต่ทันทีที่ประตูได้ถูกเปิดออกสายตาของรินลดาก็ต้องเบิกกว้างด้วยอาการตกตะลึง
ร่างของเธอแทบจะล้มพับลงไปกองกับพื้นเมื่อเห็นสามีของตัวเอง
กำลังมีสัมพันธ์สวาทอยู่กับผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี

 


“ คุณอินเกษม... ” เสียงสั่นเครือเอ่ยพูดบางเบา

 


“ ดา!!! ” อินเกษมหันมาตามเสียงมองเห็นภรรยาของตัวเองยืนนิ่งน้ำตาไหลพรากตกใจสุดขีดรีบผละออกจากสตรีตรงหน้าหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่แบบลวกๆพร้อมกับพุ่งเข้ามาหารินลดาทันที

 

“ ฟังผมก่อนนะ คือว่า.. ”

 

“ เพี๊ยะ!! ”

รินลดาตบเข้าไปที่ใบหน้าของสามีทันควันเธอไม่ต้องการฟังคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น
เพราะสิ่งที่เห็นทำให้เธอได้คำตอบหมดแล้วอย่างชัดเจน

 

“ เลว! คุณมันเลว ฉันจะหย่ากับคุณ!! ” รินลดาพูดขึ้นเสียงดังน้ำตาล่วงหล่นก่อนจะหันวิ่งออกจากห้องไปทันที อินเกษมยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไปหมดเขาไม่ควรคล้อยไปกับกิเลศตัณหามารยาหญิงเลยจริงๆ

 


ท้องถนนเงียบเชียบเพราะเวลานี้ดึกสงัดแสงสว่างจากรถยนต์แล่นตรงไปตามเส้นทางฝ่าสายฝนลมแรงด้วยความเร็วสูง...มีเพียงรถของรินลดาและรถคันอื่นที่แล่นตามมาอยู่ห่างๆเธอขับรถออกจากบ้านมาด้วยความเศร้าโศกเสียใจภาพเหตุการณ์ที่เห็นเมื่อสักครู่ทำให้ชีวิตของเธอสิ้นหวังมืดมนลงอย่างฉับพลันความไว้ใจเชื่อใจในคนของตัวเองมันทำให้เธอเจ็บปวดอย่างรุนแรง หยาดน้ำตาไหลนองบนใบหน้าหยดลงรินรดต้นขานับครั้งไม่ถ้วน.....ยานพาหนะแล่นมาด้วยความเร็วจนมาถึงโค้งอันตราย รินลดาเผลอก้มเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าของตัวเองจนลืมมองทางและในขณะนั้นได้มีรถบรรทุกคันใหญ่ที่กำลังเสียหลักหันเหพุ่งตรงมาพอดี!

 

“ ปรี๊นนนน!!! ” แตรรถบรรทุกบีบให้สัญญาณฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้หลบหลีก


“ กรี๊ดดด..!! ”


รินลดาเงยหน้าขึ้นเบิกตาโตเห็นแสงไฟของรถคันใหญ่พุ่งตรงมาเธอจึงรีบหักพวงมาลัยหลบทันทีแรงเสียดสีของล้อรถยนต์กระทบกับพื้นคอนกรีตดังขึ้นสนัดไปท่ามกลางความเงียบ


“ ปึง!!!! ” รถยนต์ของรินลดาพุ่งเข้าชนกับต้นไม้ใหญ่เสียงดังกึกก้องพร้อมกับศรีษะของเธอฟุบลงหมดสติกับพวงมาลัย...

 


ฝ่ายรถบรรทุกที่ควบคุมรถของตัวเองไว้ได้จนไม่เกิดอันตรายเห็นเช่นนั้น
จึงรีบขับหนีไปทันทีเพราะหวั่นเกรงความผิด

 

เช้าวันต่อมา.....บ้านกุสุมานันต์ได้รับข่าวร้ายจากทางเจ้าหน้าตำรวจอินเกษมและอรทุมาจึงรีบเดินทางมายังสถานที่เกิดเหตุทันที

 

อินเกษมทิ้งร่างคุกเข่าลงกับพื้นเมื่อทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ารถยนต์ของสุชาดาได้รับการกระแทกอย่างรุนแรงจนเกิดไฟไหม้ขึ้นในเวลาต่อมาคาดว่าผู้ขับขี่นั้นคงจะถูกไฟไหม้เกรียมไปพร้อมๆกับรถที่ดำมืดเป็นนิลจนแทบจะไม่เหลือซากแต่เจ้าหน้าที่ได้พบแผ่นป้ายทะเบียนอยู่ทางด้านหนึ่งของพุ่มไม้คงจะกระเด็นหลุดออกจากรถเมื่อตอนถูกกระแทกจึงได้ติดต่อกับทางญาติได้

 

“ ดา..ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้... ” อินเกษมร่ำไห้พร่ำบอกต่อหน้าควันไฟที่ดำเป็นเท่าถ่าน

 

เวลาผ่านไปลูกสาวทั้งสามคนถูกเรียกตัวกลับจากโรงเรียนประจำทั้งหมดร้องไห้เสียใจกันไปตามระเบียบเมื่อได้รับข่าวร้ายถึงการจากไปของผู้เป็นแม่

 

“ เป็นเพราะคุณพ่อคนเดียว! คุณพ่อไปยุ่งกับนังผู้หญิงไม่มียางอายคนนั้น!! ” ปริฉัตรลูกสาวคนโตต่อว่าด้วยความแค้นเคือง

“ ยัยต้อม! อย่าพูดแบบนี้ ” อรทุมาที่นั่งกอดหลานสาวสะอึกสะอื้นอีกสองคนรีบตักเตือน

“ หรือไม่จริงคะ คนใช้ในบ้านมันพูดกันหนาหูว่าคุณแม่เข้ามาเห็นชู้รักของคุณพ่อในห้องนอน มันคือนังปิ่นรักใช่มั้ย! ”


“ หยุดว่าร้ายคนอื่นได้แล้วต้อม อย่าให้พ่อต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกแค่นี้พ่อก็เสียใจมากพอแล้ว!! ” อินเกษมถอนหายใจพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด

“ ทำไมละคะ! คุณแม่ตายไปทั้งคนคุณพ่อยังจะปกป้องมันอีกเหรอ!! ”

ปริฉัตรเสียงดังโวยวายจนทำให้น้องสาวทั้งสองจ้องมองด้วยความสนใจถึงต้นสายปลายเหตุ

“ ไม่เกี่ยวกับเขา…! ” อินเกษมกดน้ำเสียงหนักด้วยความโมโหเพราะเขาไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้อีก

“ แล้วมันเกี่ยวกับใครถ้าไม่ใช่นังปิ่นรัก!! คนทั้งบ้านรู้กันหมดว่ามันนอนกับคุณพ่อ! ”

“ ต้อม...ถ้าลูกยังอยากจะเป็นลูกของพ่ออยากจะเรียกพ่อว่าพ่ออยู่ละก็ อย่าพูดเรื่องนี้อีก อย่าบังคับให้พ่อต้องพูดอะไร ”

“ และอย่าว่าร้ายคนอื่น เพราะว่าเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย ” อินเกษมพูดตัดบทก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปจากตรงนั้น

“ คุณพ่อ!! คุณพ่อปกป้องมันใช่มั้ยคะ!!! ” ปริฉัตรตะโกนโวกเวกตามหลังบิดาของเธอด้วยความไม่พอใจ

“ ยัยต้อมพอได้แล้ว! ” อรทุมาลุกขึ้นพร้อมกับดึงร่างหลานสาวจอมอาละวาดให้หันมาหา

“ แม่เขาก็ไม่อยู่แล้วอย่าให้เขาต้องเป็นห่วงเพราะความไม่เข้าใจกันระหว่างพ่อกับลูก เราเป็นพี่คนโตมีหน้าที่ดูแลน้องๆ เรื่องอื่นปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่อย่าไปก้าวก่าย ”

 

“ เอาหล่ะ เดี๋ยวอาจะให้คนเตรียมอาหารให้ พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรกันไม่ใช่เหรอรอเดี๋ยวนะลูก ” อรทุมาเป็นคนเดียวที่หลานๆเกรงกลัวมากกว่าพ่อเสียอีกจึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะช่วยอบรมสั่งสอนหลานสาวทั้งสามคนต่อไป

 

“ ฟังพี่นะ พี่จะไม่ยอมให้นังปิ่นรักมายุ่งกับคุณพ่ออีก ถึงเวลาของเราเมื่อไหร่..เราจะต้องแก้แค้น! ” ปริฉัตรเดินเข้ามายืนตรงหน้าน้องสาวทั้งสองของเธอก่อนจะพูดออกมา

“ แต่อาอรบอกแล้วนะคะ ว่ามันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เราไม่ควรยุ่ง ” ทอปัท..น้องสาวคนกลางวัย 18 ปีพูดออกมา

“ นี่ต้า! มันเป็นเมียน้อยของพ่อเรานะแล้วมันก็เป็นต้นเหตุทำให้คุณแม่ตาย!! ป่านนี้มันคงนอนหัวเราะเยาะเราสบายใจแล้วล่ะ ฉันเกลียดมันนัก! ”

“ แต่คุณพ่อบอกว่าไม่เกี่ยวเกี่ยวกับเขานี่คะ ”

“ ครั้งก่อนก็มันจะมีใครอีกนอกจากมัน!! ”


“ เต้...เราต้องแก้แค้น..ความแค้นเท่านั้นที่จะชนะทุกอย่าง ที่!! จะเป็นชัยชนะของเรา ” ปริฉัตรหันไปหาน้องสาวคนเล็กที่มีอุปนิสัยเกือบที่จะคล้ายกับเธอ

 

ดวงตามุ่งมั่นเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองหันมองรูปบานใหญ่ของผู้เป็นแม่ที่ติดอยู่กับผนังลูกสาวคนเล็กของตระกูลลุกขึ้นและเดินเข้าไปยืนตรงหน้ารูปอันเป็นที่รักความรู้สึกทั้งหมดเธอได้เก็บมันเอาไว้ในใจตลอดมานับตั้งแต่เห็นพ่อของตัวเองนอนอยู่บนเตียงกับปิ่นรักเพราะเธอไม่เคยได้รับฟังคำอธิบายถึงเรื่องนี้มีเพียงพี่สาวคนโตเท่านั้นที่คอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่าบิดามีเมียน้อยและปิ่นรักก็คือเมียน้อยของพ่อเธอ

 

“ เต้จะแก้แค้นให้กับคุณแม่ ดวงใจของปิ่นรักจะต้องรับผิดชอบ… ” วาจาดุดันเปล่งพูดออกมาเบาๆทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าดวงใจที่ว่านั่นคืออะไร เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมความแค้นทั้งหมดจะถูกปลดปล่อยออกมาด้วยน้ำมือของ ตรีทิพย์…

 

 

เมื่อความซับซ้อนซ่อนปัญหาที่ไม่ได้รับคำอธิบายไร้ซึ่งเหตุผล

การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จึงเป็นเหตุให้ความมืดเข้าครอบงำในจิตใจ

“ ฉิมพลี ” สัญลักษณ์แห่งความไม่เที่ยงธรรม

ถูกเชิดชูให้อยู่เหนือสุดของหัวใจเปรียบเสมือนวางไว้บน “ บัลลังก์ ”



 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา