บัลลังก์ฉิมพลี

8.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.

  59 ตอน
  1 วิจารณ์
  57.67K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

16) การยืนยัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          ภายในห้องครัว...


เพชรเกล้ารับหน้าที่เป็นแม่ครัวแทนมาลัยอย่างเร่งรีบเธออยากทำทุกอย่างให้เสร็จๆไป

เวลาจะได้ผ่านไปเร็วๆโดยมีเด็กสาวตากลมเดินวนไปวนมาคอยชวนคุยอยู่ด้วย

ใบตองคอยถามถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เธออยากรู้เรียกว่าชวนคุยไม่ขาดปาก

ทำเหมือนกับรู้จักเพชรเกล้ามานานเสียอย่างนั้น

 


“ ใบตอง...ฉันขอถามอะไรบ้างได้มั้ย ” ร่างบางนึกขึ้นได้ตอนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด

“ ได้สิคะ ” ใบตองยิ้มกว้าง

“ ที่นี่..ที่ไหนเหรอ? ”

“ อ่าว?? ”

 

 

“ พี่เต้ไม่ได้บอกน่ะ ”

 

เมื่อเห็นเด็กน้อยมึนงงเสียงนิ่มจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

 

“ อ๋อออ ที่นี่..ไร่สตรอว์เบอร์รีอรทุมาค่ะ ”


ใบหน้าเรียวขมวดคิ้วสงสัย


“ ปากช่องค่ะ โคราช.. ” เด็กสาวยิ้มพูดอย่างร่าเริง

 

เพชรเกล้ายืนอึ้งเธอรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเสียเดี๋ยวนั้นเพราะจากระยะทางตอนนี้

เธออยู่ไกลจากบ้านมากเหลือเกิน..ร่างบางเหม่อลอยขึ้นมาด้วยความลืมตัว

จึงทำให้ใบตองแอบเห็นดวงตาซึมเศร้าของเพชรเกล้าเด็กสาวจึงชักสงสัยขึ้นมาในใจ

 

ระหว่างนั้นตรีทิพย์ที่มุ่งตรงมายังห้องครัวโดยเฉพาะ

เดินเข้ามาถึงจึงเห็นร่างของสาวน้อยผิวขาวกำลังเริ่มทำอะไรบางอย่าง

ซึ่งคงจะเป็นเมนูอาหารของเธอ นางแบบสาวจึงหยุดมองยืนกอดอกพิงกับริมประตู


สาวน้อยถูกอบรมกิริยามารยาทมาหรืออย่างไรทำไมถึงได้นุ่มนิ่มเรียบร้อย

เหมือนนางเอกในละครไม่มีผิดหรือว่าสิ่งที่แสดงออกเป็นแค่เพียงการแสดง

แต่คนอะไรจะแอ๊บได้ตลอดเวลา..แม่อย่างปิ่นรักน่ะเหรอจะเป็นคนสั่งสอน

แล้วรูปที่ปริฉัตรพี่สาวส่งมาให้เธอดูล่ะ? นี่มันยังไงกันแน่นะ!


ตรีทิพย์ขมวดคิ้วคุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างเริ่มทำให้เธอสับสนและไขว่เขวในเวลาเดียวกัน

 

ใบตองที่กำลังเพ่งมองอากับกิริยาของเพชรเกล้าด้วยความสงสัยเหลือบมาเห็นตรีทิพย์เข้าพอดี

ซุปตาร์สาวจึงโบกมือให้เด็กน้อยออกไปเสีย เด็กจอมแก่นทำหน้าตาล่อแล่ล้อเรียนกวนประสาท

ก่อนจะต้องยอมออกไปแต่โดยดีเมื่อเจอสายตานิ่งดุของเจ้านายคนสวยที่ไม่ได้เล่นด้วย

 


ร่างสูงทอดสายตามองเรือนร่างหญิงสาวเสื้อยืดแขนยาวตัวบาง

นุงพร้อมกางเกงขาสั้นสีน้ำดำตัวเล็ก..หุ่นเรียวบางดูช่างสมส่วนดีเสียจริง

ใบหน้าสวยอมยิ้มกรุ้มกริ่มยืนพิจารณาทุกอิริยาบถก่อนจะค่อยๆก้าวขาเข้าไปใกล้

เดินให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เป้าหมายแตกตื่น

 

" ทำอะไร... "

" !!!!! "


เมื่อลมหายใจร้อนๆวิ่งผ่านแทรกเส้นผมใกล้กับใบหูร่างบางจึงสะดุ้งตกใจพร้อมกับหันมาทันที

 


นางแบบสาวยิ้มหวานมีสายตาปนเจ้าเล่ห์ขยับเข้าหาสาวน้อย

ผู้ที่ขวัญอ่อนนำพาเรือนร่างอันผุดผ่องให้หันมาหาเธอจนได้จังหวะที่เหมาะเหม็ง

ตรีทิพย์ท้าวสองมือไว้กับขอบปูนอันเป็นพื้นที่ของการทำอาหาร

เพื่อกั้นบล็อกล็อคร่างบางเอาไว้ให้อยู่ใกล้ชิด

 

" หันมาเองนะ "

 

เพชรเกล้าหายใจแรงช่างเป็นความซุ่มซ่ามของเธอเองจะโทษใครไม่ได้เลย

ดวงหน้าในตอนนี้สื่อให้รับรู้ว่ากำลังร้อนฉ่าและอาจเปลี่ยนสีได้

หากตรีทิพย์ยังคงจ้องมองเธออยู่แบบนี้


นางแบบสาวเชยชมความงามของใบหน้าใสอย่างเพลินตา

ตอนนี้ไม่มีเครื่องสำอางมาประดับตกแต่งจึงทำให้เพชรเกล้า

ดูอ่อนเยาว์เหมือนเด็กสาวมัธยมไม่มีผิด

 


ตรีทิพย์เผลอใจไปกับเพชรเกล้าตลอด เยื้องกายขยับเข้าใกล้ร่างเล็กอีกนิด

สายตาลดมองเรียวปากที่เผยอปล่อยลมหายใจแรงๆออกมาจนน่าหมันเขี้ยว

ร่างสูงจึงค่อยๆโน้มเข้าไปหาช้าๆด้วยความลืมตัว


สาวน้อยรีบยกมือดันใบหน้าสวยออกห่างพร้อมส่งเสียงเล็กๆอู้อี้นิดหน่อย

ตรีทิพย์จึงยอมถดถอยออกมาแต่โดยดีเพียงเท่านี้เธอก็มีความสุขแล้ว

 

เพชรเกล้ารีบหันไปหาวัสดุต่างๆที่ได้เตรียมไว้เพื่อจะทำอาหาร..อย่างรวดเร็ว

เธอกำลังอยู่ในโหมดของความไม่พอใจอีกคนอยู่

ยิ่งมาทำกิริยาตามอำเภอใจแบบนี้เธอก็ยิ่งเบื่อหน่ายขึ้นมาอีก


สาวสวยยังไม่ลดละขยับเข้าไปยืนซ้อนไหล่นิดๆ ก้มมองดวงหน้าที่จดจ่อขะมักเขม้นกับการตีไข่

 

“ ไม่เห็นตอบเลยว่าทำอะไร จะกินได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ”


ตรีทิพย์เอ่ยบอกเบาๆก่อนจะปิดท้ายด้วยการส่งจมูกโด่ง

เข้าไปชนแก้มใสหนึ่งครั้งอย่างเรียบนิ่ง..จึงได้สัมผัสกับเนื้อนิ่มเย็นเฉียบ


ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันพร้อมถอนหายใจออกมาเบาๆ

พยายามใจเย็นให้มากที่สุด..เธอบอกก็หลายครั้ง

ว่าไม่ชอบให้อีกคนฉวยโอกาสทำอะไรตามใจชอบแต่ก็ยังไม่วายที่ตรีทิพย์จะ..ฮึ่ม!

 

“ ไปรอข้างนอกได้มั้ยคะ ”

“ ไม่..จะอยู่ตรงนี้ ”


เพชรเกล้าเหล่สายตามองในความเอาแต่ใจของตรีทิพย์

เธอจึงไม่สนใจอะไรอีกต่อไปรีบเร่งทำเมนูตรงหน้าให้เสร็จๆจะได้ออกไปจากตรงนี้เสียที

 

 

เวลาผ่านไปสักครู่..ตรีทิพย์กลับมายังห้องรับประทานอาหารอีกครั้ง

และกำลังมีความสุขกับการกินเนื่องจากมีสาวน้อยที่เธอบังคับให้มานั่งร่วมอยู่ด้วย

คอยป้อนข้าวให้อย่างพอดีคำ เมนูอาหารธรรมดาๆที่นางแบบสาวยอมกิน

โดยที่ไม่บ่นเลยแม้แต่น้อยนั่นก็คือ ไข่เจียวหมูสับ ร่างบางสีหน้าเรียบเฉย

มองเพียงจานข้าวที่มีไข่สีเหลืองกรอบราดวางทับและปลายช้อน

ที่คอยส่งป้อนเข้าปากให้กับตรีทิพย์เท่านั้น แต่ระหว่างนี้หาใช่ว่าซุปเปอร์โมเดลร่างสูง

จะกำลังทานอาหารอยู่เพียงคนเดียว ตรีทิพย์นั่งชมดูทีวีที่ติดอยู่กับผนัง

เธออ้าปากรับช้อนที่ป้อนเข้ามาเป็นจังหวะๆและเคี้ยวตุ้ยๆ

สลับกับจับมือของเพชรเกล้าให้หันช้อนไปป้อนข้าวกับตัวเองอีกด้วย

ทำให้ตอนนี้นางแบบสาวค่อนข้างจะอารมณ์ดีเอามากๆ

 

ตรีทิพย์มองดูสาวน้อยแล้วก็ช่างเพอร์เฟคกิริยามารยาทดูเพียบพร้อมเรียบร้อยอ่อนหวาน

เพียงท่าทางการรับประทานอาหารก็ดูเหมือนกับได้รับการฝึกฝน

ริมฝีปากสวยอมยิ้มอยู่เงียบๆเธอเริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นให้ความพิเศษกับเจ้าหญิงตัวเล็กคนนี้

เพราะไม่ว่าเพชรเกล้าจะทำอะไรเธอก็เอาแต่เก็บมาชมเชยไปเสียทุกอย่าง...


แก้วน้ำถูกวางลงเบาๆหลังจากที่ได้ยกขึ้นดื่มไปเสียเกือบครึ่ง


“ เดี๋ยว..ไม่ต้องไปเดี๋ยวให้มาลัยมาเก็บ ”


เมื่อเห็นสาวน้อยจะลุกออกไปเพื่อจะนำจานไปในครัว

ตรีทิพย์จึงเอื้อมจับแขนไว้ทันที..เพชรเกล้าจึงนั่งลงที่เดิมทั้งที่ความจริง

เธอไม่ได้อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เสียเท่าไหร่

 

“ อิ่มมั้ย ” ริมฝีปากสวยยิ้มถาม

“ ค่ะ ” เพชรเกล้าตอบสั้นๆ

 

เพียงเท่านี้ตรีทิพย์จึงไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะสังเกตเห็นว่าสาวน้อยดูจะไม่ค่อยร่าเริงอีกตามเคย

คงจะอึดอัดมากที่ต้องมาอยู่ที่นี่โดยเฉพาะต้องมาอยู่กับเธอสินะ

เธอคงจะไม่มีแรงดึงดูดเท่ากับคนที่อยู่แม่ฮ่องสอน..หึ!

ใบหน้าสวยเบนออกเล็กน้อยไม่อยากนึกถึงบุคคลคนนี้เสียเท่าไหร่

เพราะทุกครั้งที่คิดสิ่งที่ตามมานั้นก็มักจะเป็นอารมณ์อันหงุดหงิดของตัวเอง

 

ระหว่างนั้นเป็นเวลาเดียวกับที่หน้าจอโทรทัศน์เครื่องแบรนด์ดัง

กำลังถ่ายทอดโฆษณาถึงเรื่องการจัดบูทขายสินค้าจากงานแฮนด์เมด

ของเหล่าดารานางแบบเพื่อการกุศล จึงมีการให้สัมภาษณ์จากผู้บริหารหญิงคนเก่ง

ที่ได้ออกมาเชิญชวนด้วยตนเองให้ทุกคนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้

เมื่อเพชรเกล้าได้ยินเสียงที่คุ้นหูจึงหันมองทันทีเพราะเธอจำได้เป็นอย่างดี

ว่าเสียงนี้คือแม่ปิ่นรักของเธอนั่นเอง

 

ร่างบางจ้องมองด้วยความคิดถึงเพียงเท่านี้ใจของเธอก็ลอยไปอยู่ที่กรุงเทพแล้ว

นานแค่ไหนกว่าเธอจะได้กลับไปสัมผัสกับความอบอุ่นจากมารดา

หรือจะไม่มีกำหนดก็ยังไม่รู้แน่ชัด

 

ตรีทิพย์หันมองกระตุกยิ้มนิดหน่อยที่เห็นเพชรเกล้าดูจะสนอกสนใจเป็นพิเศษ

เช่นนั้นนางแบบสาวจึงหยิบรีโมทขึ้นจ่อเป้าหมายพร้อมกับกดปิดทันที

เมื่อใบหน้าของมารดาหายไปอย่างฉับพลันสาวน้อยจึงหันมองคนใกล้ตัว

 


“ ไม่ให้ดู ” ริมฝีปากสวยยิ้มร้ายหวังจะยั่วโมโหอีกคนให้ต่อว่าเธอเล่น

 

แต่กับไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายเพราะสาวน้อยดันลุกหนี

พร้อมกับเดินออกไป..ตรีทิพย์วอกแวกนิดหน่อยนี่เพชรเกล้าจะใจเย็นไปถึงไหนกันนะ

นางแบบร่างสูงจึงรีบตามไปทันที

 

เพชรเกล้าเดินออกมาด้านนอกรู้สึกเบื่อๆนิดหน่อยแต่ก็ยังคงผ่อนคลายลงไปบ้าง

เพราะอากาศของที่นี่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวถึงแม้จะมีแดดแต่ความเย็นนั้นมีมากกว่า

ทำเอากางเกงขาสั้นของเธอเริ่มมีปัญหาเนื่องจากปิดกั้นลมเย็นๆ

ที่พัดเข้ามากระทบเนื้อผิวไม่ได้เลย ใบหน้าเรียวเหม่อมองไปตามท้องถนนแห่งเดิม

ตอนนี้มีแสงสว่างให้เห็นกับทำให้เธอท้อใจอย่างไรบอกไม่ถูก

เพราะหนทางช่างยาวไกลจนหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ความหวังในการออกไปจากที่นี่ช่างริบหรี่เต็มทน


ในระหว่างที่เพชรเกล้ากำลังยืนคิดเรื่องราวต่างๆอยู่นั้นร่างของเธอ

ก็ต้องหมุนกลับไปอย่างรวดเร็วด้วยแรงดึงจากผู้ที่เดินตามมาติดๆ

ใบหน้าเรียวเหยเกด้วยความเจ็บนิดหน่อยบิดข้อมือตัวเองที่ถูกจับเบาๆ

 


“ เหม่อคิดถึงผู้ชายล่ะสิ..! ”

“ หยุดพูดแบบนี้นะ ” สาวน้อยโต้แย้ง

“ ทำไมจะพูดไม่ได้ ห่ะ!..ทำไม๊!! ” ใบหน้าสวยเริ่มป่วนยั่วโมโห

“ แป๊ะ!!! ”

“ ถ้าอยากให้อยู่ด้วยนักก็หยุดพูด..! ”

 

สาวน้อยเม้มปากหมันเขี้ยวในกิริยาอันลอยหน้าลอยตาของตรีทิพย์เอามากๆ

เธอจึงสะบัดการบีบรัดออกเสียก่อนจะใช้ปลายมือซ้ายตบเข้าไปที่แก้มของร่างสูง

แบบไม่ได้จริงจังนักเอ่ยบอกเสียงเรียบทำเอาคนปากร้ายยืนนิ่ง

 

ตรีทิพย์กลิ้งสายตาคิดลอกแลก

‘ เธอไม่ได้อยากให้อยู่ด้วยเสียหน่อยเปล่าเลยสักนิด ที่ให้อยู่ก็แค่..ก็แค่ แค้นไง
โกรธไง เกลียดด้วย เพชรเกล้าไม่ได้รู้ตัวเลยหรือไง หึ! ’

 

“ เดี๋ยว ”


ตรีทิพย์ถกเถียงกับตัวเองอยู่ชั่วครู่ก่อนจะคว้ามือคนที่กำลังจะออกห่าง

พร้อมกับพาเดินมาตรงระหว่างประตูทางเข้าออกของบ้าน

นางแบบสาวนั่งลงกับพื้นทางต่างระดับเงยหน้ามองร่างเล็กด้วยรอยยิ้ม

 


“ อะไรคะ ”


“ ใส่รองเท้าให้หน่อย ”

 

เพชรเกล้าลดสายตาลงมองเรียวขาเล็กเลยมาจนถึงปลายเท้าขาว

จึงเห็นว่าขณะนี้ตรีทิพย์ไม่ได้ใส่รองเท้า ชะลอยว่าตอนที่ตามเธอออกมาคงจะรีบน่าดู

 

“ อยู่ตรงนั้น ”


นางแบบคนสวยชี้ไปยังสิ่งของๆเธอ..ร่างบางจึงเดินไปหยิบรองเท้าบูท

ที่ออกจะผสมคาวบอยนิดๆถูกวางอยู่ตรงริมประตู

ดูช่างเหมาะสำหรับชาวไร่สไตล์อย่างตรีทิพย์เสียจริง

เพชรเกล้าเดินกลับมานั่งคุกเข่าลงตรงหน้าขาเรียวยาวที่ยื่นออกมา

สาวน้อยยกมือทัดผมไม่ให้มาปิดบังหน้าตาและค่อยๆยกข้อเท้าว่างเปล่าขึ้นเล็กน้อย

 

ร่างสูงนั่งตะลึงกับการกระทำที่เธอได้เห็นตรงหน้าตอนนี้นั่นก็คือ

เรียวมือนุ่มนิ่มของคุณหนูกำลังปัดเกลี่ยเบาๆฝุ่นละอองเนื้อผงต่างๆ

ที่ติดอยู่กับใต้เท้าของเธอด้วยความเรียบเฉย ตรีทิพย์คลี่ยิ้มรู้สึกดีอย่างไรบอกไม่ถูก

หากมีสาวน้อยคอยดูแลเธอแบบนี้ตลอดไปคงจะดีไม่น้อย

 

เมื่อการทำความสะอาดในแบบคล่าวๆผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

ร่างบางจึงค่อยๆสวมรองเท้าให้กับซุปตาร์ร่างสูงอย่างเบามือ

ใบหน้าสวยก้มมองดูการกระทำอันนุ่มนิ่มที่ไม่ได้เก้งก้างอย่างที่คาดไว้

มือเรียวแตะบางเบาดูไม่มีอารมณ์ฉุนเฉียวที่ถูกสั่งให้ทำเรื่องแบบนี้

เพชรเกล้าดันบูทสีดำข้างสุดท้ายขึ้นไปจนสุดของความยาวในระดับหัวเข่า

และเริ่มรู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆวูบเข้ามาที่ใบหน้า

 

ร่างบางเงยขึ้นไปเจอกับรอยยิ้มหวานๆของตรีทิพย์ที่โน้มเข้ามาใกล้

นางแบบสาวส่งยิ้มให้ไม่มีหุบก็เพราะเธอพอใจกับความสวยที่อยู่ตรงหน้า

มือข้างหนึ่งเอื้อมประคองผิวแก้มใสลูบไล้เล็กๆ ทั้งสองตกอยู่ในวังวนของความเสน่หา

ที่มีเพียงความนุ่มนวลและอ่อนหวานสายตาจ้องมองคล้องประสาน

สู่กันและกันเสียจนลืมเลือนทุกสิ่งอย่าง

 

“ วันนี้พราวจะโมโหมั้ย ” ริมฝีปากสวยยิ้มถามกวาดสายตาไปทั่วเรียวหน้า

“ พี่เต้ต่างหากที่ชอบโมโห ” ร่างบางลดสายตาลงเอ่ยบอกเสียงนิ่ม


ตรีทิพย์ยิ้มหัวเราะในลำคอหยุดมองรูปหน้าที่แสนดึงดูด

ก่อนจะค่อยๆโน้มศีรษะเข้าไปใกล้มากขึ้น เพชรเกล้าเชยตาขึ้นมองเห็นดวงหน้าสวยมุ่งตรงมาหา

แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะขัดขวางด้วยเสมือนเวลาหยุดหมุนเธอไม่สามารถปริปากเอ่ยเอื้อนสิ่งใด

กับค่อยๆปิดเปลือกตาลงเบาๆและรับจุมพิตนุ่มนวลที่แตะแต้มลง

กับหน้าผากของเธอด้วยความอ่อนโยน

 

 

“ ทำไมคุณเต้ต้องจูจุ๊บคุณคนสวยด้วยล่ะคะ.. ”


เสียงใสคุ้นหูดังใกล้อยู่เพียงด้านข้าง เพชรเกล้าสะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกับหันมองทันที

ใบหน้าเรียวผุดแดงขึ้นอย่างอัตโนมัติเมื่อหันมาเจอกับเด็กสาวใบตอง

ที่นั่งยิ้มแย้มรอฟังคำตอบด้วยแววตาใสซื่อปนสงสัย

ตรีทิพย์ถอนหายใจเบาๆเพราะเด็กใบจอมแก่นดันเข้ามาขัดจังหวะเธอเสียนี่

 

“ ไม่มีอะไรทำหรือไง ” นางแบบสาวหันมอง

“ มีค่ะ หนูกำลังจะไปถูบ้านผ่านมาตรงนี้พอดีเลยแวะถามก่อน ”


ถึงแม้ใบตองจะแฝงไปด้วยความแก่แดดแต่อาจจะยังไม่เข้าใจ

ถึงพฤติกรรมการพลอดรักของผู้ใหญ่เธอจึงพูดออกมาด้วยความไร้เดียงสา

 

เพชรเกล้าขยับปากอ้ำอึ้งเพราะเธอไม่รู้จะตอบอย่างไร

และที่สำคัญเธอจะไม่หันไปสนใจกับคนตรงหน้าเด็ดขาด

เพราะมั่นใจว่าตรีทิพย์จะต้องมองเธออยู่อย่างแน่นอน

 

ใบหน้าสวยอมยิ้มกรุ้มกริ่มจ้องมองเรียวหน้าที่เอาแต่หลบสายตาเธออยู่อย่างเนียนๆ

ก่อนจะค่อยๆยื่นมือเข้าไปจับปลายคางนิ่มให้เงยขึ้นสบตาเธอโดยตรง

 

“ แค่ยืนยันก็เท่านั้น ” ตรีทิพย์ยิ้มพูดกวาดสายตามองความงามตรงหน้าด้วยความพึงใจ


เพชรเกล้าเม้มปากนิดหน่อยเพราะตอนนี้เธอแอบตื่นเต้นอยู่เงียบๆ

ร่างสูงถอนหายใจเบาๆด้วยความหมันเขี้ยวเมื่อเห็นแววตาแสนเสน่ห์

กระพริบขึ้นลงๆเป็นช่วงๆด้วยกิริยาที่นุ่มนิ่ม

 

“ ยืนยันอะไรกันเหรอคะ ” ใบตองซักถามไม่เลิกหันมองทั้งสองด้วยความสงสัย

 


“ ยืนยันว่าคุณพราว...เป็นของฉัน ”

 

ร่างบางถอยปลายคางออกเบาๆสบตาตรีทิพย์ด้วยความเก้อเขิน


“ คนเดียว.. ”

 


เพชรเกล้าหน้าแดงจัดรีบลุกขึ้นยืนด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย

ก่อนจะรีบเดินออกไปให้พ้นจากการเพ่งเล็ง นางแบบสาวหันมองตามด้วยรอยยิ้ม

เธอรู้สึกมีความสุขมากจริงๆเวลาที่เห็นสาวน้อยมีอาการเขินอายแบบนี้

 

“ หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลยเนี่ย? คุณเต้พูดอะไร?? ” ใบตองขมวดคิ้วมึนตึบ

 


“ เธอเป็นเด็กอย่าถามมาก ไปทำงานได้แล้วอู้มากนักเดี๋ยวไล่ออก ”

 

ร่างสูงเอ่ยบอกรวดเร็วพร้อมกับรีบเดินตามเพชรเกล้าไปทันที

ทิ้งให้เด็กสาวใบตองหันมองตามด้วยความมึนงง

 


ตรีทิพย์ตรงเข้ามาจับฝ่ามือนิ่มและเดินกุมไปอย่างอารมณ์ดี

สาวน้อยก้มมองสัมผัสจากร่างสูงด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

กลิ่นอายความอบอุ่นที่ลอยเข้ามาสะกิดในหัวใจช่างเร้าให้เต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

เพชรเกล้าเงยหน้าขึ้นมองนางแบบสาวผู้ที่ทำให้เธอเผลอยิ้มออกมาอยู่เงียบๆ

หากตรีทิพย์เป็นแบบนี้ตลอดไปเธอคงจะมีความสุข กับการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ขึ้นมาบ้าง...

 

 

 

 

แสงแดดอ่อนๆผสมผสานกับสภาพอากาศที่เย็นกำลังดี

นำพาให้เพชรเกล้าเริ่มผ่อนคลายจากการตึงเครียด

ร่างบางก้าวขาเดินตามตรีทิพย์มาเรื่อยๆไม่รู้เช่นกันว่าจะถูกพาไปที่ใด

ก่อนที่สายตาของเธอจะหันไปเจอกับพื้นที่เขียวชอุ่มทางด้านขวามือ

สาวน้อยจึงจ้องมองด้วยความสนใจพร้อมกับหยุดเดินต่อทันที

ร่างสูงหันกลับมาเมื่อมือนุ่มได้รั้งให้ชะลอระยะทางลง

 

ลานดินกว้างที่คล้ายเปลวคลื่นตระหง่านตาไปด้วยสีสันของใบไม้

ที่สอดคล้องกับความสดแดงกร่ำจากผลสตรอว์เบอร์รีกำลังดึงดูดให้เพชรเกล้า

เพลิดเพลินไปกับการเชยชม ความสวยที่ทอดยาวลงไปจนไกลลิบ

ร่วมกับหุบเขาเขียวขจีที่อยู่รายล้อมช่างดูธรรมชาติและสวยงามมากจริงๆ

 

ตรีทิพย์ยกมือขึ้นกอดอกยืนมองเพชรเกล้าที่แสดงรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าด้วยความสดใส

พลางหันมองไปยังสิ่งสวยงามของไร่สตรอว์เบอร์รีที่ร่างบางนั้นให้ความสนใจ

จึงเห็นคนงานที่กำลังยืนประจำทำหน้าที่อยู่ตามจุดต่างๆ

ที่ตนเองนั้นต้องรับผิดชอบฉีกยิ้มหันมองกันเป็นตาเดียว

 

นางแบบสาวจึงแจกรอยยิ้มไปทั่วๆพอประมาณ

หลายคนก็ยิ้มหันสนทนาปราศรัยกันไปตามเรื่อง..ก็นะ เธอเป็นถึงนางแบบคนดัง

แม้จะรู้จักกันเป็นอย่างดีในนามของหลานสาวเจ้าของไร่

แต่คนแถวนี้ก็ต้องตื่นตาตื่นใจกันไปตามสไตล์ของคนต่างจังหวัดที่เคยเห็นเธอผ่านหน้าจอทีวี

 

แต่กระนั้นชื่อเสียงและดีกรีความโด่งดังของเธอดูจะไม่น่าดึงดูดความสนใจเสียเท่าไหร่

เนื่องจากคนงานทั้งหลายมักจะเพ่งเล็งมาทางสาวน้อยน่าตาดีผิวขาวออร่า

ที่กำลังเชยชมความงดงามจากผืนไร่สตรอว์เบอร์รีที่เด่นชัดรับแสงตะวันในยามเช้า

 


“ หวัดดีเต้ ”

ระหว่างนั้นเองเสียงของบุคคลหนึ่งก็เอ่ยทักทายมายังตรีทิพย์ ใบหน้าสวยจึงหันมอง


“ ...นึกว่าใคร คุณผู้จัดการนี่เอง ”

 

ร่างสูงพูดขึ้นเมื่อหันมาเจอกับวันลพชายหนุ่มซึ่งอายุเทียบเท่ากับเธอ

และรับหน้าที่เป็นผู้จัดการไร่สตรอว์เบอร์รีแห่งนี้

 

“ คิดอยู่แล้วว่าเต้ต้องมาที่นี่ ”

 

ชายหนุ่มผิวสีแทนสวมใส่เสื้อเชิ้ตทับกับกางเกงยีนส์

และรองเท้าผ้าใบคู่หนาตามแบบฉบับของชาวไร่ ยิ้มพูดคุยกับตรีทิพย์

 

“ คิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

“ ก็ตั้งแต่ซุปเปอร์โมเดลตรีทิพย์ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าจะเบรกงาน
อยากพักผ่อนนั่นแหละแค่นี้ลพก็รู้แล้วว่าเต้ต้องมาที่ไร่ ”


“ ลพดูทีวีกับเขาด้วยเหรอ ” ตรีทิพย์ถามกลับหัวเราะปะปน

“ ก็ต้องมีบ้างสิใช่ว่าลพจะทำงานอย่างเดียวนะ ”

“ ก็เพราะว่าใช่น่ะสิที่มัวแต่ทำงานถึงไม่มีแฟนกับเขาสักที ”

“ แหม ผู้หญิงที่ไหนเขาจะมาชอบคนไร่คนสวน ”

 

วันลพเป็นผู้ชายคนเดียวของที่นี่ที่ตรีทิพย์รู้จักมาตั้งแต่เด็ก

เนื่องจากพ่อแม่ของเขาเคยทำงานเป็นคนงานอยู่ในไร่แห่งนี้

ก่อนจะลาออกไปเพราะอายุค่อนข้างเยอะแล้ว จึงรับจ้างต่อไปไม่ไหว

พอวันลพโตเป็นผู้ใหญ่จึงได้มารับหน้าที่ต่างๆนาๆและด้วยความขยันหมั่นเพียร

เขาจึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้จัดการไร่โดยที่อาศัยการเรียนรู้จากประสบการณ์


ทั้งสองพูดคุยทักทายกันไปตามเรื่องถามถึงความเป็นอยู่

และการใช้ชีวิตของแต่ละคนก่อนที่ชายหนุ่มจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวร่างบาง

ที่กำลังก้มมองก้านใบสีเขียวด้วยความสนใจ ตรีทิพย์หันมองสาวน้อยของเธอ

และหันกลับมาหาวันลพที่ยังคงจ้องมองเพชรเกล้าไม่กระพริบตาอีกครั้ง

 

“ คนนี้เต้หวงนะลพ.. ” ริมฝีปากสวยเอ่ยขึ้นทำเอาวันลพต้องละสายตากลับมา

“ ไม่บอกก็พอจะเดาได้ ไม่อย่างนั้นเต้ไม่พามาที่นี่หรอก ” วันลพยิ้มกล่าว

 

“ ไม่คิดจะแนะนำให้เพื่อนรู้จักหน่อยเหรอ ”

“ ไว้ทีหลังแล้วกัน ตอนนี้ขอยืมก่อนได้มั้ย..หมวกอ่ะ ”

 

ตรีทิพย์ตอบกลับเรียบๆพร้อมมองไปยังมือของเพื่อนชาย

ที่กำลังถือหมวกทรงคาวบอยใบสีน้ำตาลเข้ม

 

“ อ๋อ ได้สิ ใบนี้พึ่งซื้อมาใหม่ถือมายังไม่ใช้เลย ”


วันลพส่งของในมือให้..นางแบบสาวรับมาถือด้วยรอยยิ้ม

ก่อนจะหันเดินกลับไปหาเจ้าหญิงร่างน้อยของเธอ

 


“ พี่เต้ พราวขอเข้าไปเดินเล่นได้มั้ยคะ ”


ใบหน้าเรียวหันมาเห็นตรีทิพย์เข้าพอดีเธอจึงพูดเสียงหวาน

และยังคงหันมองไปทางสิ่งที่กำลังสนใจ

 

“ ได้สิคะ ใส่หมวกไว้ด้วยเดี๋ยวไม่สบาย ”

 


ร่างสูงเอ่ยบอกพร้อมวางหมวกใบเรี่ยมลงบนศีรษะของสาวน้อย

เพชรเกล้ายกมือขึ้นจับตกแต่งให้เข้าที่เข้าทางและเงยหน้าท้าลมหนาวนิดหน่อย

ซุปตาร์สาวยิ้มมองหญิงหน้าเรียวจมูกแดงนิดๆเนื่องจากอากาศเย็น

ดูแล้วกิริยาช่างหน่อมแน้มเหมือนเด็กเล็กๆหันมองตามเรือนร่างน้อย

ที่ตรงเข้าไปยังล่องทางเดินภายในผืนดินเห็นเพชรเกล้าเพลิดเพลิน

ไปกับไร่สตรอว์เบอร์รีก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมา………

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา