short time ผ่านมาให้จำ
เขียนโดย เสี่ยงชือหั่วกัว
วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.33 น.
แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 18.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) อำนาจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ตอนที่ 1
สวัสดีค่ะฉันชื่อซูโม่ ที่มาของชื่อฉันมาจากแม่ที่กลัวว่าฉันจะไม่แข็งแรงเลยตั้งชื่อให้ดูบึกบึนเข้าไว้ ทั้งๆที่ฉันออกจะเป็นสาวน้อยบอบบาง วัยย่าง 30 คนหนึ่งเท่านั้น ชีวิตฉันราบรื่นดีถึงดีมากกับอาชีพที่กลายคนใฝ่ฝัน
"หมอ..."
เส้นทางอาชีพนี้ ไม่ง่ายอย่างที่ทุกคนรู้กัน เรียนยาก หนัก เสียเงินเยอะ แต่สิ่งที่ยากกว่านั้นคือการทำงานเป็นหมอ เพราะคุณต้องเจออะไรหลายๆอย่าง
"หมอ!!!"น้ำเสียงไม่พอใจของคนเจ็บตรงหน้าเรียกฉัน
"ทำไมไม่รักษาแขนผม ถ้าแขนผมใช้ไม่ได้คุณจะรับผิดชอบยังไง นี่แขนของสส.เลยนะ"
"ค่ะท่าน ฉันจะบอกเป็นรอบสุดท้ายนะว่าแขนท่านแค่เป็นแผลฟกช้ำ ส่วนที่หัวแตกน่ะพยาบาลสามารถทำแผลให้ท่านได้ "
ถ้าไม่ติดว่าเป็นหมอ ฉันคงสอยหน้าท่านสส.ไปซะแล้วล่ะ คนอะไรตัวเองแผลแค่ตูดมดโวยวายจะให้หมอรักษาเท่านั้น แล้วคนไข้อีกคนที่โดนเขาขับรถชนล่ะนอนอยู่ในห้องผ่าตัดโน่น ฉันได้แต่นิ่งไว้แล้วเดินเลี่ยงเขามุ่งไปหาคนไข้อีกรายที่อาการสาหัสกว่า สส.เยอะ
“คนไข้อายุ 60 ปี ประสบอุบัติเหตุรถชน จนซี่โครงหักไปทิ่มผนังอวัยวะภายในบางส่วนทำให้มีเลือดออกภายใน นี่ผลการสแกนค่ะหมอ” พยาบาลส่งชาร์ทคนไข้มาให้ฉัน
“ห้องผ่าตัดพร้อมแล้วครับ”
แล้วเราก็ช่วยกันเข็นเตียงคนไข้ไปยังห้องผ่าตัด ในตอนนั้นเองคนไข้ได้ลืมตาขึ้นเขาจ้องหน้าฉันแล้วเอื้อมมือมาคว้าฉันไว้อย่างไร้เรี่ยวแรงสิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจกว่านั้นคือเขาเรียกฉัน ก่อนที่เขาจะหมดสติไป
“ปิ่น”
และนั่นคือชื่อแม่ฉันเอง
.
.
.
1 ชั่วโมงผ่านไป
การผ่าตัดเสร็จสิ้น คนไข้พ้นขีดอันตราย เหลือแค่พักให้แผลหาย น่าแปลกที่ไม่มีประวัติผ่าตัดมาก่อน แต่ดันมีแผลผ่าตัดกระสุนอยู่ตั้งสองจุด ทั้งๆที่เป็นคนไข้อายุตั้ง 60 แต่ฉันว่าลุงแกยังดูดีมากเลยทีเดียว สีหน้าดูสุขุม ใจดี รูปร่างก็ดีมากคงเป็นคนแก่ที่ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ร่างกายแข็งแรงแบบนี้พักไม่นานก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่ฉันก็ยังคงคาใจกับแววตาของลุงที่มองมาทางฉันตอนนั้นอยู่ดี มันดูหลากหลายอารมณ์ เหมือนเขาจะทั้งตกใจ ทั้งดีใจ แต่ก็แฝงไปด้วยความรู้สึกเหมือนกับว่าได้เจอกับคนที่ไม่ได้เจอกันมานานอะไรแบบนั้นหรือเขาจะรู้จักแม่ฉันนะ แม่ก็ตายแล้วจะไปถามก็ไม่ได้ด้วยสิ ขณะที่ฉันกำลังเดินคิดอะไรเพลินๆ ก็เดินสวนทางกับ สส. เข้า ตอนนี้เขามีผ้าก็อซปิดแผลอยู่ที่หน้าผากเรียบร้อย ในตอนที่เดินสวนกันเขาก็พูดเสียงต่ำใส่ฉัน
“ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะคุณหมอ”
เขาพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้วก็เดินสวนกันไป และฉันก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแต่อย่างใด
.
.
.
วันต่อมา
ฉันมาตรวจอาการคนไข้ตามหน้าที่ ในตอนเช้า พร้อมกับพยาบาลอีก 1 คน
“อีก 2-3วันก็กลับบ้านได้แล้ว หวังว่าคงไม่ถูกหามส่ง โรงบาลอีกนะ”
ฉันบอกคนไข้วัยรุ่นนักแว้นขาหักที่นอนเข้าเฝือกมาแรมเดือน
“เฮ้อ จะไม่ได้เห็นหน้าคุณหมอแล้วผมเสียใจจัง”
“ฉันแก่กว่าเธอตั้งสิบปีนะไอ้หนู^^”
“แหม่ อายุมันก็แค่ตัวเลขคร้าบ^^”
“พูดได้ขนาดนี้ แสดงว่าอาการปกติแล้วล่ะ”
แล้วเราก็ตรวจคนไข้ไปเรื่อยๆจนมาถึงห้องคุณลุงเมื่อวานที่ฉันเพิ่งผ่าตัดไป ลุงแกชื่อธนิน เป็นอาจารย์สอนกฎหมายในมหาลัยชื่อดังที่เกษียณแล้ว พอฉันเดินเข้าไปใกล้ๆเตียงเขาก็หันมาเมื่อเห็นหน้าฉันเขาก็รีบเอี้ยวตัวมาจับแขนฉันไว้
"ปิ่น!!!!"
เรียกชื่อแม่ฉันอีกแล้ว...ทั้งๆที่ฉันหน้าตาได้พ่อมากกว่า
"อย่าเพิ่งขยับสิคะ เดี๋ยวอันตราย"
"..." เขาดูนิ่งแล้วนอนลงไปเหมือนเดิมใบหน้าเขาดูตื่นเต้น ดีใจปนๆกันเหมือนได้เจอดารา ฉันจึงตรวจอาการ
"รู้สึกเจ็บ หรือปวดอะไรมั้ยคะ "
“เจ็บที่แผลนิดหน่อยน่ะ^^”
“ยิ้มได้แบบนี้แสดงว่าอาการดีวันดีคืนแน่นอนค่ะ^^”
“....” ถึงแม้แววตาคู่นั้นจะดูแฝงไปด้วยความรู้สึกเศร้า แต่ลุงแกก็ดูมีความสุข ทั้งๆที่ตัวเองเจ็บแผล ยิ้มไม่หยุดเลยเนี่ย...
"ที่จริงแม่หนูชื่อปิ่นค่ะคุณลุงรู้จักแม่ด้วยเหรอคะ"
"นี่หนูเป็นลูกปิ่นเหรอ โอ้...หนูเหมือนแม่มากจริงๆนะ^^"
"ค่ะ” เพิ่งมีลุงนี่แหละค่ะที่ทักว่าหนูเหมือนแม่เป็นคนแรก
"แล้วแม่หนูสบายดีมั้ย"
"แม่ตายแล้วค่ะ^^"
พอฉันบอกไปอย่างนั้นลุงก็ยิ้มเศร้าๆออกมา แต่ก็ยังพยายามรักษาใบหน้ายิ้มแย้มเอาไว้
ในระหว่างที่พยาบาลไปเช็คสายน้ำเกลือ ฉันก็ได้รู้ว่าลุง เคยเป็นเพื่อนแม่สมัยเรียนมหาลัย ตลอดเวลาที่คุยกับลุงรู้สึกสบายใจแต่ก็มีความรู้สึกว่าลุงจะคิดถึงแม่จริงๆ ก็ลุงบอกว่าไม่ได้เจอกันเป็น40ปีแล้วนี่ คงเป็นเพื่อนคนสำคัญล่ะมั้ง
แม่ที่อยู่บนสวรรค์คงจะดีใจแน่ๆที่เพื่อนยังจำได้
.
.
.
“เช้านี้ที่หมอนิตนายสมชาย หัวหน้าพรรคพัฒนาเถิดได้ประสบอุบัติเหตุเมื่อเย็นวานนี้ เบื้องต้นอาการแค่มีหัวแตกเพียงเล็กน้อย จึงทำให้การประชุมพรรคเป็นไปโดยราบรื่น....ต่อไปเป็นข่าวสภาพอากาศ เนื่องจากมรสุมอีป้าจะพัดผ่านเข้ามาในประเทศไทย ในเย็นวันนี้ขอให้ประชาชนเตรียมร่ม เสื้อกันฝนให้พร้อมหากต้องเดินทาง จบข่าว”
นักการเมืองคนเมื่อวานนี้นา เฮอะ...ผู้บริหารประเทศเห็นแก่ตัวแบบนั้น ประเทศจะเจริญเมื่อไรกัน
ขอให้พรรคเขาไม่ถูกเลือกเป็นสมัยที่สองด้วยเถิ้ดดดดด สาธุ><
ครืดดดดดดดดด
มือถือในกระเป๋าฉันสั่นขึ้น หัวหน้าโทรมา...ทำไมวะคะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นโทรมา ตั้งแต่ยืมเงินฉันไปคราวนั้น
“สวัสดีค่ะ หัวหน้า”
(หมอซูมาพบผมที่ห้องด่วน)
“ค่ะๆ”
หรือท่านหัวหน้าจะคืนเงินฉันแล้ว อย่างนี้ต้องรีบบบบบบบบ><
ฟิ้ว
ไม่ถึงสองนาทีฉันก็มาถึงห้องหัวหน้า ด้วยฟอร์มยิ้มแย้มแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าเขาจะคืนเงิน ฉันดินเข้าไปใกล้ๆโต๊ะทำงานเขาแล้วนั่งลงส่งยิ้มละมุนของเจ้าหนี้ที่เก็บอาการไว้
“มีอะไรหรอคะ”
“เธอถูกสั่งพักงาน”
“ล้อเล่นแรงไปนะคะหัวหน้า”
“ดูหน้าฉันซะก่อน แถมยังจะโดนสั่งย้ายด้วย นี่ไปทำอะไรมาทำไมเบื้องบนสั่งมาด่วนขนาดนี้”
“เปล่านี่คะ”
“มั่นใจหรอ เธอยิ่งชอบพูดขวานผ่าซากอยู่ด้วยไปพูดอะไรขัดหูใครมารึเปล่า”
“นี่สังคมเราสั่งย้ายคนเพราะคำพูดด้วยหรอคะ”
“ยังจะมาพูดอีก โดนสั่งพักงานตั้งแต่พรุ่งนี้แล้วนะ”
แล้วฉันก็เริ่มสะกิดใจกับประโยคที่ฉันไม่ใส่ใจนั่น....ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะคุณหมอ....
เลวบริสุทธิ์จริงๆนะนักการเมืองคนนั้น ไม่มีดีเจอปนเลย จิตสำนึกจะขอโทษคนที่ตัวเองขับรถชนจนเจ็บสาหัสก็ยังไม่มี ยังมารังแกหมอสวยๆอย่างฉันอีก
โธ่....คนเลวๆแบบนั้นได้รับเลือกตั้งได้ไงกัน
อำนาจและเงินมันทำได้ทุกอย่างจริงๆนั่นแหละ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ