Impossible Love... รักไม่ได้ก็จะรัก

7.3

เขียนโดย maillynboony

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เวลา 16.19 น.

  6 chapter
  0 วิจารณ์
  8,480 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2559 17.15 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) แปลกใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter 4

            หลังจากที่หมดคาบเรียนไป ผมยังรู้สึกได้ถึงอะไรซักอย่าง เหมือนโดนอะไรบางอย่างอยากจะเข้ามาสิงทั้งชั่วโมง สายตาของเพื่อนของข้าวปั้นมันมองมาทางผมแปลกๆ แถมพอผมหันไปก็ยิ้มหวานแบบขนคอลุกตั้งชันกันเลยทีเดียว มันเหมือนโดนผีอำกรายๆก็ไม่ปาน … พอเสียงออดมันดังเท่านั้นแหละ ผมถึงรู้สึกถึงความอิสระทางสายตา ข้าวปั้นกับเพื่อนก็หอบของออกไปทันที ผมไม่รู้หรอกนะว่าข้าวปั้นมันจะบอกอะไรเพื่อนไปบ้างเกี่ยวกับผม แต่ขออย่างเดียว อย่าให้ผมกับเพื่อนมันรู้จักกันเลย ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยจริงๆ…

            วันนี้ผมอาจจะต้องกลับบ้านคนเดียวเหมือนเดิม เนื่องจากไอ้ปั้นมันไปกับเพื่อนหลังจากสอนเสร็จ ทำไมผมถึงรู้น่ะเหรอ? อาจจะเป็นเพราะมันดูรีบๆด้วยล่ะมั้ง … อีกวันที่ผมต้องมานั่งรอรถเมล์ที่ป้ายเพื่อกลับบ้านโดยที่ไม่มีเพื่อนสามหน่อของผมมาส่งเพราะมันไปหาหญิงของมันต่อ คนไม่มีแฟนอย่างผมจะทำไรได้ นอกจากเหงาอยู่อย่างนี้ไง ผมมีผู้หญิงมาจีบเหมือนกันนะ แต่พอคบไปได้ไม่นาน ผมรู้สึกรำคาญกับนิสัยง่องแง่ง ไม่เชื่อใจ และพูดจาไม่รู้เรื่อง เพราะงี้ ผมเลยคบใครไม่ได้นานซักคน เห็นที่นานก็มีคนล่าสุดที่เลิกไปได้ 5 เดือนกว่า เธอชื่อ พราว เป็นเด็กนิเทศฯ สาเหตุที่ไปไม่รอด ไม่ได้มาจากผมหรอกครับ มาจากยัยนี้เองเนี่ยแหละ … ดันคบผมซ้อนกับอีกคนมาได้ตั้งปีกว่า ตอนนั้นผมนิแทบเหมือนหมาเลยนะ เมาหัวราน้ำทุกวัน จนแม่ด่าแล้วให้ไปดัดสันดานที่ลอนดอนช่วงปิดเทอมใหญ่กับน้าจีน จากนั้นมา ผมเลยรู้ว่า ไม่มีผู้หญิงคนไหนทำร้ายจิตใจผมได้อีกแล้ว เพราะแม่คนเดียวก็สับความรู้สึกผมไปค่อนดวงล่ะ …

            พอผมกลับถึงบ้านที่มีแต่ความเงียบอีกครั้ง … ความหดหู่มันก็กลับมาอีกแล้ว ผมเกลียดบ้านที่ไม่มีเสียงคน ไม่มีแสงไฟเปิด ผมเกลียดตัวเองที่ใจไม่เคยเข้มแข็งซักทีเวลาไม่มีพ่อกับแม่อยู่ด้วย ถ้ามีใครด่าผมว่าเป็นลูกแหง่ … หึ! เออ เอ็งเก่ง

            พรึ่บบบบ!!

            แสงไฟในห้องรับแขกสว่างขึ้นก่อนที่ผมจะถึงตัวบ้าน สิ่งที่ผมเห็นคือเงาของใครคนนึงกำลังผ่านหายไปหลังประตูห้องรับแขก … เชี้ย? ขโมยเหรอ? นั่นคือสิ่งที่ผมคิด ผมคว้าไม้ที่ค้ำต้นกุหลาบแม่มาถือก่อนจะย่องเข้าตัวบ้านไป เอาว่ะ ตายเป็นตาย  ผมไม่รู้หรอกมามันจะมากันกี่คน ผมไม่รู้ว่าผมแม่งจะเสียท่าโดนโจรฆ่ามั้ย แต่อย่างน้อยตอนนี้แค่ผมได้เอาไม้ไปสู้กับมัน แม่งโคตรเท่ห์เลย!! … เสียงฝีเท้าที่แผ่วเบาพร้อมกับบิดลูกบิดประตูบ้านเข้าไป ก่อนจะเห็นไอ้เงาสูงๆนั้นมันกำลังก้มลงอยู่หน้าตู้เก็บของของผม ผมต้องเข้าไปฟาดหัวมัน!!!!

            “หยุดนะไอ้หัวขโมย!!!!!!!”

            “เฮ้ยยยยยยยย!!!”

            เสียงร้องที่แหวกอากาศมาก่อนจะเบี่ยงตัวหลบไม้หน้าสามของผมทัน มันนั่งถลาถอยหลังจากผมไปไม่กี่ก้าว ผมรู้ทันทีว่ามันต้องตั้งสติและจะมาสู้กับผมแน่ๆ … เงาสูงที่นั่งมึนอยู่กับพื้นเหลือบสายตามองคนที่ถือไม้หน้าสามย่างสามขุมเข้ามา พลางถอยหลังตั้งหลักแล้วค่อยๆลุกขึ้นยืน เค้ามองร่างเล็กนั้นตั้งท่าจะเหวี่ยงไม้มาฟาดได้ตลอดเวลา 

            “หยุดถอยหลังเดี๋ยวนี้นะ”

            จะหยุดให้โง่เหรอไง

            “กูบอกให้หยุดไงเล่า”

            รู้งี้เปิดไฟทั้งบ้านดีกว่า

            “ถ้ายังไม่หยุด กูจะไม่ปรานีมึงแล้วนะไอ้หัวขโมย”  … พูดยังไม่ทันจะหมดลม ร่างเล็กก็บึ่งถลาเอาไม้เข้ามาฟาดเค้าทันที ด้วยความที่เป็นนักกีฬาเก่า มีเหรอที่เค้าจะหลบไม่ทัน บอกเลย ไวมากกกก … แต่ก่อนที่ไอ้เตี้ยบ้ามันจะฟาดไปโดนอย่างอื่น เค้าต้องทำอะไรซักอย่างล่ะ

            “ไอ้บ้า!! หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้!!! โว๊ะ!!!”

            เสียงหลงของหนุ่มตัวเล็กขาดช่วงไปหลังจากที่เค้าเบี่ยงตัวคว้าเอวมาได้พอดี เกี๊ยะยังคงดิ้นไปมาและจะเอาไม้มาฟาดเค้าตลอดที่โดนโอบเอวแบบนี้ ไม่ได้การ.. ต้องเปิดไฟ เค้าเลยต้องลากเจ้าตัวเล็กที่ดิ้นอยู่ไปหาสวิทซ์ไฟเพื่อเค้าจะได้ปลอดภัยจากไม้หน้าสามซักที

            “เชี้ยย!! ปล่อยกู ปล่อยยย .. จะเอากูไปไหน ปล่อยยยยยย”

            พรึ่บบบบ!!!

            “มึงเลิกเอาไม้เหวี่ยงใส่หน้ากูได้แล้วไอ้เตี้ยยย!!!”

            “หื้มมม”  คนตัวเล็กหยุดชะงักก่อนจะค่อยๆหันมามองเค้าช้าๆ … ใบหน้าขาวของเพื่อนสนิทเฉียดจมูกเค้าไปนิดเดียว นัยน์ตาเรียวเบิกกว้างพร้อมกับเสียงไม้ที่ร่วงลงพื้นไป

            “ไอ้ปั้น!”

            “เออ กูเอง … นิกะจะเอาให้ตายเลยใช่มั้ยห่ะ เหวี่ยงมาได้สะเปะสะปะมาก”

            “ก็ใครจะรู้ว่าเป็นมึงว่ะ ก็ตอนเลิกสอน มึงก็หายไปกับเพื่อนนิ”

            “ก็ไปมาแล้ว กลับมาแล้วไง .. กลัวว่าจะมีคนกลับมาบ้านร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่คนเดียว”

            “ไอ้ปั้น! กูไม่ใช่เด็กแล้วนะ จะมาร้องไห้ทำขี้เกลืออะไร .. แล้วนิจะไม่ปล่อยหรือไง ปล่อยกูก่อนมั้ย”

            “ไม่!”

            คำตอบของเค้ากลับทำให้เจ้าเตี้ยหันหน้ามามองเค้าอีกรอบ แก้มมันก็เฉียดจมูกไปอีกครั้ง ทำไมรู้สึกหอมว่ะ?... จู่ๆเค้าเริ่มเห็นหูแดงๆของเพื่อนตัวเล็กแล้วก็หันหน้ากลับไปทันที … เค้าปล่อยแขนออกจากเอวบางนั้นก่อนจะเอี่ยวตัวมามองหน้าคนตัวเล็กกว่าอย่างสนใจ

            “นิมึงเขินกูเหรอเกี๊ยะ”

            “เขินบ้าไร กูร้อนเฉยๆเหอะ”

            “อ้อ นึกว่าเขินกู เห็นชอบหูแดงเวลากูอยู่ใกล้ๆแบบนี้”

            ข้าวปั้นไม่พูดป่าว กระแซะตัวเข้ามาเบียดผมอย่างไว ผมได้แต่ผลักตัวมันออกไปแล้วเดินหนีเข้าครัว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ไล่หลังมาเหมือนรู้สึกสนุกที่แกล้งเค้าได้ ผมไม่รู้ว่าผมกับไอ้ปั้นสนิทกันจนเข้าใกล้จนหน้าติดกันแบบนี้เมื่อไหร่ เพราะที่ผ่านมา ผมแทบจะจับตัวมันนับครั้งได้ เข้าใกล้มันได้มากสุดคือ … วิ่งสามขา  = = ตอนม.ต้น โอบกันสนิทสุดล่ะตอนนั้น มันเป็นคนหวงตัว ผมรู้! .. แต่ไอ้เหตุการณ์ที่ผ่านหลังจากที่เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง มันทำให้เค้ารู้สึกแปลกๆไม่ใช่ว่ารู้สึกชอบนะ มันบอกไม่ถูก เพราะข้าวปั้นมันไม่ชอบให้ผมจับตัวมันเท่าไหร่ แต่เมื่อกี้.. มันกอดเอวผม แล้วแก้มผมก็เฉียดจมูกมัน … ขนแขนสแตนด์อัพเลยครับ

            ผมมึนอยู่กับความคิดตัวเองได้พักใหญ่ ก่อนจะมายันตัวเองขึ้นนั่งที่เคาท์เตอร์ครัว ทำไมเวลาผมนึกถึงเรื่องนี้ สิ่งที่ผมสัมผัสได้อย่างแรกคือกลิ่นน้ำหอมที่ไอ้ปั้นฉีด อย่างที่สองที่นึกคือ ลำคอขาวผ่องของมัน เดี๋ยวววววววววววววววว!!! ทำไมผมต้องมานึกอะไรแบบนี้ด้วย มันไม่ใช่ล่ะ ไม่น่าจะใช่ล่ะ… ผมสะบัดหัวเอาความคิดพวกนี้ออกทันที

            “ทำไมเลิกคิดเรื่องนี้แล้วถึงยังได้กลิ่นน้ำหอมไอ้ปั้นอยู่ว่ะ”   ผมพยายามดมไปรอบๆห้องครัวและมองหาตัวต้นตอ ซึ่งก็นั่งทำแผนการสอนอยู่ที่ห้องรับแขก มันไม่มีทางที่กลิ่นมันจะพัดมาไกลถึงห้องครัวได้ เค้าดมไปมาได้ซักพัก ก็หาเจอซักที … ผมดึงเสื้อด้านหลังมาดมและรีบปล่อยมันทันที

            “กูพยายามจะไม่คิดแล้วนะ ..แม่งหลอกหลอนกูจริ๊งงงงง” 

 

(Khaowpan Part's)

 

            พอเจ้าเตี้ยมันเดินโมโหกลบเกลื่อนไปในครัวแล้วไปยืนทึ้งผมตัวเอง ผมมองอาการมันแล้วนิ ได้รับการตอบสนองที่ดีนะ มันน่าแกล้งแต่เด็กล่ะไอ้เกี๊ยะเนี่ย ผมเลิกสนใจที่จะมองมันแล้วกลับไปนั่งทำแผนการสอนต่อ.. ที่ผมกลับมาถึงบ้านก่อนไม่ใช่ว่าอยากจะกลับหรอกครับ ถ้าแม่ผมไม่โทรตามน่ะ ดันโทรมาตามตอนจะไปที่ร้านรุ่นพี่ที่รู้จักตอนป.ตรี .. ตอนแรกผมรู้สึกหงุดหงิดนะที่โดนขัดจังหวะ แต่พอแม่บอกว่า ไม่ว่าไอ้เตี้ยมันจะโตขนาดไหน มันก็ยังร้องไห้คนเดียวอยู่ในบ้านเวลาไม่มีใครอยู่ด้วยทุกครั้ง มันเลยทำให้ผมต้องเลือกที่จะโทรหาไอ้โย่งเพื่อบอกเลิกนัดมัน และเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านทันที...

            แต่ก็ไม่นึกว่า พอไอ้เกี๊ยะมันถึงบ้าน มันจะเอาไม้หน้าสามมาฟาดผมแบบนี้.. นิถ้าโดนขึ้นมา ผมจะได้เมียมั้ยครับ ไม่พิการสมองเสื่อมไปก่อนเหรอ? ... นึกแล้วก็เสียวหัวไม่หายเลย วูบๆ!   

        "ข้าวปั้น...."

        "ว่า.."   ผมละความคิดตัวเองพลางหันไปมองทางต้นเสียงที่ลอยมา

        "มึงคิดยังไงกับ.. คนที่เป็นเพศที่สามว่ะ"  เสียงไอ้เตี้ยมันแผ่วปลายอย่างเห็นได้ชัด แล้วมันก็เดินมาทิ้งตัวลงข้างผม..

        "มึงถามทำไมว่ะ อย่าบอกนะว่า.."

        "กูไม่ใช่เกย์ ไม่ต้องมามองกูเลย.. กูแค่อยากรู้ในความคิดมึงเกี่ยวเรื่องพวกนี้เฉยๆ มึงไม่ได้ข่าวเรื่องของเดือนคณะวิศวะฯบ้างเหรอว่ะ"

        "กูไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อ่ะ แค่ทำแผนการสอนพวกมึง ก็ปวดหัวจะตายห่าอยู่ล่ะ... แต่ถ้าเรื่องที่มึงถาม กูแค่รู้สึกเฉยๆนะ เพราะเพื่อนกลุ่มกูตอนเรียนป.ตรีด้วยกันมันก็เป็นแฟนกันก่อนจะเรียนจบ เพราะงั้น กูเลยเฉยๆ"

         "อืม เหมือนกูเลย ..."

          พอเกี๊ยะมันพูดจบ มันก็พลิกตัวมาพิงแขนผมแล้วนอนเล่นเกมส์โดยไม่สนใจเลยว่า ผมจะทำงานสะดวกมั้ย.. ผมเหลือบมองไอ้เพื่อนสนิทตัวดีที่กำลังตีเมืองอยู่ในเครื่องจิ๋วนั้น มันต่างจากตอนที่ผมแยกกับมันตอนม.ปลายมากนะ ตอนนั้นถึงมันจะลดความอ้วนแล้วก็เหอะ แต่มันก็ยังอวบอยู่ แต่ตอนนี้มันกลับผอม มีกล้ามที่ขึ้นมาจากการเข้ายิม และผิวขาวผ่องยิ่งกว่าเดิม ผมยังนึกสงสัย ว่ามันเป็นผู้ชายแน่หรือป่าว ตาโต หน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียน ปากนิแดงเป็นเชอรี่เลย มันไม่ได้ใส่แว่นเหมือนก่อนตลอดเวลา มันเลยทำให้ผม เห็นหน้าตามันได้ชัดขึ้น.. ว่ามันเป็น ผู้ชายที่น่ารักมากคนนึงเลย

        "เกี๊ยะ.." 

        "ว่าไง.. เออมึงเอาแขนหลบหน่อย ขอนอนตักหน่อยดิ แม่งปวดหลัง"

        "เดี๋ยวๆๆๆ กุทำงานอยู่ ไอ้เกี๊ยะ!"

         พูดยังไม่ทันได้จบประโยค.. มันสไลด์ตัวลงมานอนบนตักผมเป็นที่เรียบร้อย แถมทำท่าทางไม่ได้มีความสนใจผมเลยซักนิด นิถ้าไม่ติดว่ามันเป็นคนขี้แยนะ ผมจะลุกออกจากบ้านไปทำงานข้างนอกจริงๆ ป่วน...

         "งานมึงจะเสร็จกี่โมงว่ะปั้น"

         "อีกนาน ทำไม?"

         "กูหิวข้าวอ่ะ มึงหาไรให้กินหน่อยดิ"

         "ก็ลุกไปหาไรกินในครัวดิว่ะ กูทำงานอยู่"

         "ไม่เอาอ่าาา ข้าวปั้นนน กูหิวววววว"

         "มึงอย่ามาง่องแง่ง กูไม่ใช่ป้าปิ่นของมึงที่จะหาไรให้กินได้ตลอดเวลานะเว้ย"

         "ข้าวปั้นนน.."

         "เฮ้ยยยยยย"

          ...... ปี๊บบบบบ......

          เสียงโน้ตบุ๊คที่ดับวูบไปขณะที่ผมกำลังจะพิมพ์ส่วนสำคัญของการสอน.. ผมไม่ได้ใส่แบตสำรองไว้เพราะกลัวแบตจะเสื่อม ผมช็อค! แผนการสอนที่ผมอุตส่าห์นั่งพิมพ์มาเกือบ 2 ชั่วโมง แต่ทุกอย่างกลับดับวูบหายไปในวินาทีเดียว... สายตาผมเลื่อนไปหาไอ้ตัวทำลายล้างงานของผมอย่างข่มใจ... มันยิ้มเจื่อนๆแล้วกำสายปลั๊กโน้ตบุ๊คผมไว้กับมือ.. มันยังมีหน้ามาโบกสายปลั๊กไปมาใส่ผมอีก.. มึงงงงง!!!!

           "มึง กินข้าวกัน"

           "................."

           "ว่าไงนะ"  ... มันเอียงหน้ามามองผมโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า.. อารมณ์ผมตอนนี้... มันกำลังจะเดือด..  

           "กูจะแดกกกกกกกกกกมึงนี่แหละไอ้ห่าเกี๊ยะ!!!!!"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา