นางพญาไร้ใจ

7.9

เขียนโดย nightshadow

วันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.27 น.

  37 ตอน
  1 วิจารณ์
  41.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 19.13 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) กรรมลิขิตและวิบากกรรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

มี่เหยียน จินหย่ง และพวกพ้องถูกกุมตัวมาทั้งหมด  ในตอนนี้กำลังเผชิญหน้ากับฮ่องเต้หลี่จงอยู่หน้าบัลลังก์ในท้องพระโรง  ฮ่องเต้หลี่จงทอดพระเนตรมองหน้าพระธิดาองค์เล็กของตัวเองเขม็ง  กล่าวน้ำเสียงกร้าวอย่างกริ้วโกรธพร้อมโยนหลักฐานที่เป็นหนังสือลับที่มีใจความคิดกบฎ ล้มราชบัลลังก์อยู่ด้วย        ที่ด้านข้างท้องพระโรงมีบรรดาขุนนางกังฉินและไป๋เฟิง ยืนอยู่ล้านล่างทันทีที่เห็นไป๋เฟิง  มี่เหยียนและจินหย่งก็รู้ได้ในทันทีว่า ใครเป็นต้นเหตุที่ทำให้พวกนางโดนโทษฐานกบฎ   จินหย่งจับจ้องไปที่ไป๋เฟิงราวกับจะใช้สายตาแทนเปลวเพลิงที่แผดเผาร่างตัวน้อยให้กลายเป็นจุน      สายตาที่จ้องมองไปยังไป๋เฟิงแสดงความเกลียดชังอย่างเห็นได้ชัด  ปึก!  เสียงโยนหนังสือลับลงบนพื้นฮ่องเต้หลี่จงกล่าวด้วยสุรเสียงกรุ่นโกรธ   "มาแล้วรึ นังลูกชั่ว!  หนังสือที่เป็นหลักฐาน จดหมายลับนี้น่ะ   แล้วยังมีคำให้การของไป๋เฟิงที่ได้ยินถ้อยคำสนทนาที่เจ้าคิดการณ์ใหญ่     ก่อการกบฎอีก  มีทั้งหลักฐานและพยานอย่างนี้แล้วมีอะไรจะแก้ตัวหรือไม่นังลูกไม่รักดี!  ข้าอนุญาติให้เจ้าไปเที่ยวเล่นนอกวังแต่เจ้ากลับไปทำเรื่องที่ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้า     แล้วยังสั่งประหารคนตามใจชอบอีกจิตใจหยาบกระด้างนัก"       มี่เหยียนยังคงมีสีหน้าเรียบนิ่งไม่ได้หวาดหวั่นต่ออารมณ์กริ้วโกรธของฮ่องเต้หลี่จง  พร้อมกับเอ่ยตอบน้ำเสียงเรียบ ฉะฉาน อย่างอารมณ์เย็น    "ทูลเสด็จพ่อลูกคงไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกเพคะ  เพราะคำแก้ตัวหมายถึงคำกล่าวอ้างของผู้กระทำผิด  แต่หม่อมฉันไม่อาจยอมรับโทษฐานกบฎได้  หม่อมฉันยอมรับผิดแค่ในเรื่องทูลความเท็จแอบขออนุญาติออกนอกวังไปทำในเรื่องที่เสด็จพ่อไม่ทรงโปรดเท่านั้นเพคะ"     ว่าแล้วมี่เหยียนก็ก้มลงหยิบหนังสือลับปลอม ที่เป็นหลักฐานเท็จขึ้นมาดู  ทันทีที่เห็นข้อความในหนังสือ ก็หัวเราะขึ้นและหันไปมองเหล่าขุนนางกังฉินที่อยู่ด้านข้างด้วยสายตาเย็นชาแข็งกร้าว  จนสร้างแรงกดดันให้เหล่าขุนนางที่เป็นผู้ใหญ่ ร้อนๆ หนาวๆกันได้อย่างน่าประหลาด   "หึๆๆ  น่าขันสิ้นดี อยากจะหาหลักฐานเอามาใส่ความ ให้ร้ายข้าโทษฐานกบฎ           ก็ไม่ลงทุนเอาเสียเลยนะ    เสด็จพ่อเพคะ  พระองค์ช่วยให้คนไปเอาหนังสือที่เป็นลายมือของหม่อมฉันและลองมาเปรียบเทียบกับหนังสือลับฉบับนี้ดูก่อนเถอะเพคะ ว่ามันเหมือนกันหรือไม่  คิดจะใส่ความคนอื่นทั้งที  แต่กลับไม่ลงทุนจ้างนักปลอมแปลงเอกสารให้ลายมือในหนังสือลับให้มันเหมือนของข้าเสียหน่อยล่ะ  หรือว่าเป็นเพราะประมาท เห็นว่าข้าเป็นเด็กผู้หญิงอายุหกขวบที่จะให้ร้ายข้าอย่างไรก็ได้งั้นหรือ   เสด็จพ่อเพคะแล้วอย่าง  ไป๋เฟิงจะได้ยินข้อความลับของหม่อมฉันได้อย่างไร       ในเมื่อหม่อมฉันกับจินหย่งไม่ได้ให้นางมามีส่วนร่วมกับพวกหม่อมฉันตลอดเวลาที่อยู่นอกวังเลย  แล้วอีกเรื่องเสด็จพ่ออาจจะทรงกริ้วหม่อมฉันได้ในเรื่องที่กล่าวเท็จแอบไปทำเรื่องที่พระองค์ไม่โปรด  แต่กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ คราวก่อนเสด็จพ่อก็ทรงรับปากหม่อมฉัน  ว่าจะทรงเร่งแก้ปัญหาให้แก่ราษฎรแต่แล้วพระองค์กลับผิดสัญญา  และขุนนางเหล่านี้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงไม่สนใจที่จะแก้ปัญหากันเลย  โดยเฉพาะปัญหาเรื่องโรคระบาดที่มีคนล้มตายเป็นจำนวนมาก  หากปล่อยไว้คงกลายเป็นปัญหาบานปลาย  และหม่อมฉันไม่ได้สั่งประหารคนตามใจชอบ  เพราะขุนนางที่หม่อมฉันสั่งประหารนั้น แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีหลักฐานความผิดที่ชัดเจน         หากเสด็จพ่ออยากจะทรงทอดพระเนตรสำนวนและหลักฐานการทุจริต       บัญชีการเงินของพวกที่หม่อมฉันสั่งประหารได้เลยเพคะ  หม่อมฉันอาจทำผิดที่ทำหน้าที่แทนพระองค์          แต่หากพระองค์ไม่ทรงผิดสัญญากับหม่อมฉันก่อน      หม่อมฉันก็คงไม่ทำเรื่องเช่นนี้แน่เพคะ  หม่อมฉันทำไปเพราะความห่วงใยราษฎร       เมื่อเดือนก่อนตอนที่จินหย่งพาหม่อมฉันไปเที่ยว  หม่อมฉันไปซื้อของ แต่ถูกแม่ค้าโก่งราคาและต่อว่าอย่างเคียดแค้นชิงชัง ซึ่งความโกรธของพวกเขานั้นมีต่อคนของราชวงศ์หม่อมฉันในฐานะองค์หญิงที่เกิดมาในราชวงศ์นี้  รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างยิ่งที่ราษฎรโกรธแค้นเสด็จพ่อ  โกรธแค้นราชวงศ์  แต่จะโทษพวกเขาก็ไม่ได้ในเมื่อพวกเขาเดือดร้อน และไม่มีใครใส่ใจแก้ปัญหาให้พวกเขา  หม่อมฉันไม่อยากให้มีเรื่องเช่นนี้อีก  จึงต้องทำให้ราษฎรไว้วางใจต่อเสด็จพ่อ หากเสด็จพ่อจะทรงกริ้วลูกในเรื่องนี้  จะลงพระอาญาประการใดลูกก็น้อมรับเพคะ       แต่ขออย่าได้    ทรงหลงเชื่อคำยุยุงของใครจนลงโทษในความผิดที่หม่อมฉันไม่ได้ก่อเลยนะเพคะ  ขุนนางเหล่านี้เป็นขุนนางกินเบี้ยหวัดในท้องพระคลังอย่างสุขสบาย  แต่พวกเขาได้ทำหน้าที่ให้สมกับตำแหน่งหรือเปล่า แล้วพวกที่หม่อมฉันสั่งประหารไปนั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกน้องลิ่วล้อของพวกเขาทั้งนั้นพวกเขาย่อมต้องไม่ชอบหม่อมฉันแน่   หากเสด็จพ่อไม่ทรงเชื่อก็ตรวจสอบหลักฐานหนังสือปลอมฉบับนี้และลองเทียบกับลายมือที่ลูกเคยเขียนสิเพคะ"

สิ้นคำกล่าวขององค์หญิงหลี่เหวิน  ขุนนางกังฉินพากันหน้าตาตื่นมองหน้ากันเลิกลัก  เพราะคิดไม่ถึงว่าเด็กหญิงหกขวบจะมีสติปัญญาที่ฉลาดมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้  จริงอย่างที่องค์หญิงกล่าว พวกเขาประมาทเกินไปที่คิดว่าเพียงแค่หลักฐานเท็จฉบับเดียว กับพยานที่เป็นข้ารับใช้คนสนิทจะสามารถสร้างเรื่องใส่ความเด็กหญิงหกขวบคนหนึ่งได้  จึงไม่ได้คิดให้รอบคอบเรื่องการปลอมลายมือให้เหมือน  พวกเขารู้ตัวแล้วว่าเล่นด้วยผิดคนเสียแล้ว

และเมื่อฮ่องเต้นำหนังสือที่พระธิดาองค์เล็กเคยเขียน กับหนังสือลับที่เป็นหลักฐานเท็จมาเทียบลายมือกัน  ก็พบว่าไม่เหมือนกันจริง  และในเรื่องนี้จึงทำให้องค์หญิงหลี่เหวินและพรรคพวกทั้งหมดพ้นเรื่องการก่อกบฏ แต่เรื่องที่สร้างทูลความเท็จขอออกนอกวัง  ยังคงได้รับโทษหลอกลวงเบื้องสูงอยู่และจุดจบของเรื่องนี้ก็คือ  เหล่าขุนนางที่ร่วมกันให้ร้ายองค์หญิงถูกสั่งประหารทั้งหมด โทษฐานสร้างหลักฐานเท็จกล่าวหาคนของราชวงศ์  และในคราวนี้ขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์  แม่ทัพจินหยาง  เสนาธิการเหอจื่อหลง ก็ได้รับโทษประหารเช่นกัน โทษฐานที่ร่วมมือกับองค์หญิงหลี่เหวินหลอกลวงเบื้องสูง    ซึ่งแม้ว่าโทษจะหนักมากแต่ก็นับว่ายังดีกว่าโทษกบฎมากนัก  เพราะจะต้องถูกประหารเจ็ดชั่วโครต   จินหย่งถูกตัดสินให้โดนโทษโบยสิบไม้  และในคราวนี้ ไป๋เฟิงได้เข้าข้อร้องต่อองค์ฮ่องเต้ว่าจินหย่ง เป็นแค่ผู้ทำตามคำสั่ง          ของเจ้านายไปตามหน้าที่เท่านั้น  และเพื่อไม่ให้จินหย่งหลงผิดทำตามคำสั่งขององค์หญิงอีกไป๋เฟิงจึงขอพระราชทานการหมั้นหมายของนางกับจินหย่ง นางจะขอเป็นคนคอยตักเตือนห้ามปรามจินหย่งเอง  ซึ่งในความคิดของเด็กน้อยคนหนึ่งคิดว่าเป็นการทำเพื่อปกป้องเด็กชายคนรัก  แท้ที่จริงมันกลับแสดงให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัว       ทั้งที่การให้ร้ายองค์หญิงในครั้งนี้ทำให้บิดาของจินหย่งแม่ทัพจินหยาง และบิดาบุญธรรมเสนาธิการเหอจื่อหลงต้องโทษประหาร  นางยังไม่สำนึกและยังเอ่ยขอพระราชทานจินหย่งเด็กชายที่นางมีใจมาเป็นคู่หมายเสียอีก และฮ่องเต้ที่อยากจะแยกเด็กชายกับพระธิดาองค์เล็ก       ให้ออกห่างจากกันก็พระราชทานการหมั้นหมายตามที่ขอ       ซึ่งไป๋เฟิงดีใจมาก  แต่หารู้ไม่ว่าจินหย่งที่ต้องสูญเสียบิดาไปเพราะนางเป็นต้นเหตุ  รู้สึกแค้นและชิงชังไป๋เฟิงเป็นอย่างมากและรอเวลาที่จะทำลายนางให้ย่อยยับด้วยมือของเขาเอง  เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้นอกจากเขาจะต้องสูญเสียบิดา และยังต้องจากกับองค์หญิงนางผู้เป็นที่รักของเขาถึงสิบปี  เพราะฮ่องเต้หลี่จงมีราชองค์การเนรเทศ        ให้องค์หญิงหลี่เหวินไปอยู่แคว้นจ้าวเป็นเวลาสิบปี โทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงซึ่งความจริงแล้วฮ่องเต้หลี่จง     เกรงว่าพระธิดาองค์เล็กของพระองค์จะเป็นภัยต่อราชบัลลังก์เพราะพระธิดาองค์เล็ก มีชื่อเสียงและได้รับความชื่นชมต่อราษฎรมากกว่าพระองค์  และแม้ว่าการกบฎในครั้งนี้จะถูกให้ร้ายแต่พระองค์ก็ทรงหวาดระแวงในสติปัญญาที่ฉลาดเกินเด็ก  จึงตัดสินใจเนรเทศให้ออกไปอยู่ใกลๆจากพระองค์   และนั่นก็ยิ่งสร้างความแค้นและชิงชังให้จินหย่งมีต่อไป๋เฟิงมากยิ่งขึ้น  เพราะนอกจากจะพรากเอาชีวิตบิดาของเขา ยังพรากนางในดวงใจให้ไกลห่างเขาอีกด้วย  นี่อาจเป็นชะตากรรมที่แม้จะสวรรค์หรือนรกก็อาจจะนึกไม่ถึง  ว่าเรื่องราวการชิงรักหักสวาท ความรักความหลง แรงริษยาและความแค้นจะมีในหัวใจของเด็กตัวเล็กที่จะเชื่อมโยงกันไปจนเติบใหญ่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา