ปลูกรักในรั้วใจ

10.0

เขียนโดย อิสวารายา

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 15.26 น.

  39 ตอน
  0 วิจารณ์
  38.39K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2559 15.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) ตอนที่ 19 ผิดที่ผิดเวลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 19 ผิดที่ผิดเวลา

 

ชลธีกลับถึงบ้านตอนค่ำก็ต้องปวดหัวตึ้บขึ้นมาอีกแต่ไม่ใช่เพราะยังไม่หายเจ็บแผล สิ่งที่ทำให้เขาต้องปวดขมับขึ้นมาอีกเกิดจากสตรีขาวหมวยตรงหน้าที่นั่งเอี้ยมเฟี้ยมยิ้มแป้นพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ กลาง เล็ก รวมๆแล้วก็ห้าใบ คุณวารีกับรมณ์นลินก็นั่งทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่ตรงนั้นเหมือนกัน

“ลูกปลาจะมาทำงานกับพี่ชลตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป” สตรีที่เรียกตัวเองว่า ‘ลูกปลา’ บอกวัตถุประสงค์ของตนเองชัดเจน

“เอ่อ...ลูกปลาบอกว่าจะมาอยู่กับเราที่นี่ค่ะ ตอนนี้ส้มกำลังจัดห้องอยู่” รมณ์นลินบอกพี่ชาย ก็ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าอยู่ดีๆปาลิดาเด็กสาวข้างบ้านที่ระยองจะบุกขึ้นมากรุงเทพแล้วประกาศว่าจะมาทำงานกับพี่ชาย หนำซ้ำยังขนข้าวขนของมาอยู่ที่นี่เรียบร้อย

“เฮ้ย! แล้วเตี่ยเรายอมเหรอ? แล้วอะไร? ยังไง?” ชลธีเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไง มารดาเคยเปรยกับเขาเมื่อครั้งโน้นตอนกลับไประยองว่าลูกปลาอยากจะมาทำงานด้วยแต่ก็ไม่คิดว่าหล่อนจะทำจริงๆ

“โธ่...ก็เตี่ยกับแม่นั่นแหละมาส่งลูกปลาที่ท่ารถวันนี้ อ้อ..นี่แน่ะ จดหมายส่งตัวอย่างเป็นทางการของเตี่ยกับแม่ พี่ชลสบายใจได้เลยว่าลูกปลาจะขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้ ไม่อู้ด้วย” สาวร่างเล็กยื่นจดหมายส่งตัวที่ว่าให้ ชายหนุ่มรับมาคลี่อ่านแล้วก็ต้องขมวดคิ้วแทบจะเป็นปม พ่อแม่ของปาลิดาเขียนข้อความฝากฝังบุตรสาวคนเล็กเสียเป็นงานเป็นการ นึกไม่ถึงว่าอยากได้เขาเป็นลูกเขยถึงขนาดส่งลูกสาวมาให้ถึงบ้านเลย

“แล้วจะมาอยู่นี่เนี่ยนะ ยัยตาตี่เอ๊ย...เอาอะไรคิด?” เขาเกาหัวแกรก หันไปขอความช่วยเหลือจากมารดาและน้องสาวแต่สองคนนั่นเอาแต่นั่งอมยิ้มส่ายหน้าไปมาแบบว่าไม่รู้จะช่วยยังไง

“เอางี้นะลูกปลา ตอนนี้อยู่ที่นี่ไปก่อนแต่พอหาที่พักได้แล้วค่อยย้ายไป ป้าไม่ได้รังเกียจนะแต่ว่าเราจะเสียหายได้” คุณวารีแนะนำ

“ไม่เอาหรอกป้าวา ลูกปลาไม่กล้าอยู่คนเดียว ผู้หญิงตัวเล็กๆอ่อนแอ โลกสวยแบบลูกปลาอยู่คนเดียวมันอันตรายมากค่ะ เดี๋ยวมีคนมาทำมิดีมิร้าย” ปาลิดาตอบอย่างเอาแต่ใจ

“โห...กล้าพูดนะ พี่ว่าคนอื่นเค้ากลัวเราจะไปทำมิดีมิร้ายมากกว่า” ชลธีว่า หนักใจอยู่มากที่ผู้หญิงสาวอย่างปาลิดาจะมาอยู่ร่วมชายคาด้วย ก็จริงอย่างที่มารดาบอก...คนที่จะเสียหายคือหล่อนเอง ถึงจะสนิทสนมกันมากแค่ไหนแต่อย่างไรปาลิดาก็เป็นผู้หญิง

“พี่ชลอ่ะ...ไม่รู้ล่ะ ลูกปลาจะอยู่ที่นี่และต้องได้ไปทำงานที่โรงแรมด้วย ตอนเช้าเราต้องออกไปทำงานด้วยกัน ห้องทำงานก็ต้องอยู่ใกล้กัน กลางวันก็ต้องไปกินข้าวด้วยกัน ตอนเย็นก็ต้องกลับบ้านด้วยกัน อ้อ...บางวันอาจจะต้องไปดูหนังหรือเดินเล่นกัน” คนเอาแต่ใจจัดตารางให้เสร็จสรรพ รมณ์นลินกับคุณวารีหัวเราะพรืดแต่ชลธีขำไม่ออก

“จ้ะ...เชิญคุณปาลิดาตามสบายแล้วกัน กระผมขอตัวไปทำวัตรสวดมนต์ก่อน” เมื่อชลธีหมดหนทางปฏิเสธก็ต้องจำยอม จะส่งกลับไปก็ทำไม่ได้เดี๋ยวจะหาว่ารังเกียจลูกสาวเขา

 

ใกล้วันชิงชนะเลิศเข้ามาทุกทีแล้วแทนดาวก็ยิ่งต้องทำการบ้านหนัก ไหนจะต้องดูแลคุณพ่อ เตรียมทำปริญญานิพนธ์แล้วต้องซ้อมเปียโนทุกวัน แต่สิ่งเหล่านี้ก็มิได้สร้างความลำบากให้กับสาวน้อยผู้มีความพยายามสูงกว่ายอดตาล ส่วนเทียมภพผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการก็ใจดีพาน้องสาวไปช้อปปิ้งคลายเครียด แทนดาวได้ขอให้รมณ์นลินไปเป็นเพื่อนด้วย สังเกตเห็นว่าพักหลังๆนี้คุณครูกับพี่ชายดูจะสนิทกันมากขึ้นก็อดดีใจไม่ได้

เทียมภพปล่อยให้สองสาวเข้าไปลองชุดในร้านเสื้อจนผ่านไปพักใหญ่ทั้งคู่ก็เดินออกมาแทนดาวถือถุงใส่เสื้อที่เพิ่งซื้อมาใหม่ มีรมณ์นลินเดินตามมาข้างๆ

“แล้วคุณล่ะ เลือกได้หรือยัง?” เขาพูดกับรมณ์นลินเมื่อเห็นว่าหล่อนเดินออกมามือเปล่า

“เอ่อ...เลือกอะไรหรือคะ?” หล่อนเลิกคิ้วถาม

“อ้าว...ก็ชุดใส่ไปงานไง หรือว่าวันนั้นจะไม่ไป?” เขาตอบอย่างรำคาญ

“อ้อ...ไม่หรอกค่ะ แฟงมีแล้ว”

“ไปเลือกมาเถอะ ผมจะซื้อให้ เป็นการตอบแทนที่มาช่วยน้องพลู” รมณ์นลินยืนนิ่ง ไม่คิดว่าเทียมภพจะพูดจริงๆจนเมื่อเขาหันไปพูดกับอน้องสาวนั่นแหละ

“น้องพลูจ๋า...ไปช่วยคุณครูเลือกหน่อยสิคะ เอาสวยๆแบบน้องพลูเลยนะคะ”

“แต่ว่า...” รมณ์นลินอึกอัก

“ไปกันเถอะค่ะ พี่หมากเค้าใจป้ำขนาดนี้แล้วเราก็อย่าขัดศรัทธาเลยค่ะ” แล้วก็ฉุดครูสาวกลับเข้าไปในร้านอีกครั้ง เป็นนานกว่าที่จะกลับออกมาอีกพร้อมกับถุงกระดาษอีกใบ

“คุณจะไม่ลองให้ผมดูหน่อยเหรอ” สายตาแพรวพราวระยับทำให้คนถูกมองเก้อกระดาก

“อดใจหน่อยสิคะ อีกไม่กี่วันก็จะได้เห็นแล้ว น้องพลูรับรองว่าสวยถูกใจพี่หมากแน่ๆค่ะ” แทนดาวตอบแทนคุณครูที่ยืนเขินอยู่ รมณ์นลินเผลอส่งยิ้มไปให้ขณะที่เทียมภพก็ยิ้มตอบอย่างไม่มีกั๊กเช่นกัน

แทนดาวอยากเปิดโอกาสให้พี่ชายอยู่กับคุณครูตามลำพังจึงให้แวะไปส่งที่บ้านคุณหลีโดยอ้างว่าคิดถึงหลาน รมณ์นลินรับรู้ได้ว่าแม้เทียมภพจะเป็นคนบุ่มบ่ามใจร้อนแต่ก็เป็นคนที่ใจดีมากๆทีเดียวยิ่งเวลาอยู่กับน้องด้วยแล้ว รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นยามเมื่ออยู่ใกล้ชิดและนั่นก็ยิ่งทำให้ ‘รัก’ เขามากขึ้นแต่เทียมภพจะรู้ไหม

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะทั้งเรื่องเสื้อกับอาหารเย็น”

“เล็กน้อย...ไม่ได้ซื้อให้ทุกวันนี่นา ถ้าคุณเป็นเมียผมสิถึงจะซื้อให้บ่อยๆ” รมณ์นลินสะอึก เอาเถอะ...ถึงจะปากร้ายแต่ก็ใจดี

“งั้นแฟงไปก่อนนะคะ”

“เดี๋ยว...” เขาร้องเรียกไว้ทันก่อนที่หล่อนจะลงจากรถไป

“ยื่นมือมาสิ” รมณ์นลินยื่นมือให้อย่างกล้าๆกลัวๆ เขาดึงร่างบางเข้ามาหาตัวและกอดเอาไว้แน่นหนา

“ปล่อยนะคะ จะทำอะไร?”

“ผมไม่อยากได้แค่คำขอบคุณ...รมณ์นลิน” พอดิ้นขลุกขลักก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น เทียมภพก้มลงไปกระซิบข้างหู คนฟังขนลุกซู่ รู้ทันทีว่าคนที่กอดรัดตัวอยู่นี่อยากได้ ‘อะไร’

“นะครับ...นะ” เสียงทุ้มออดอ้อนอยู่ชิดแก้มนวลก่อนจะฝังจมูกสุดความหอมแผ่วเบา รมณ์นลินรู้สึกถึงวัตถุเย็นๆพาดที่ข้อมือด้านซ้ายแต่ก็ไม่มีโอกาสได้มองดูว่ามันคืออะไรเพราะอีกฝ่ายจับคางให้แหงนเงยขึ้นมาสบตา

“รังแกแฟงอีกแล้วนะคะ” เจ้าของแก้มนวลบ่นอุบอิบได้แต่ก้มหน้าเอียงอาย

“มองผมสิ...รมณ์นลิน” เสียงของดังแผ่วเบาลอดริมฝีปากขณะที่รมณ์นลินค่อยๆหลับตาลงเมื่อริมฝีปากอุ่นจัดประทับลงบนกลีบปากบอบบาง...

 

-Salmon Festival next Fri. Interested?-

-Sounds good, but I have to ask P’Mark-

-OK-

แทนดาวอ่านข้อความในไลน์พร้อมโบรชัวร์ที่ชลธีส่งมาชวนไปงานเทศกาลปลาแซลมอนที่โรงแรมของเขาแล้วก็ถอนหายใจเซ็งๆ ถามพี่หมากก่อน...เชื่อเลยว่าไม่ได้ไปแน่นอน หญิงสาวเปิดเฟสบุ๊คอ่านแก้เซ็ง มีแจ้งเตือนการแท็กภาพมาจากชลธี นิ้วเรียวแตะลิงค์ตามไป ภาพที่เห็นคือช่อดอกไม้ประดิษฐ์ในตะกร้าหงายน่ารักตั้งอยู่บนโต๊ะทำงาน มีคอมเม้นต์สั้นๆประกอบภาพนั้น

My May Lilly.

แทนดาวยกลูบหน้าตัวเองจึงรู้สึกว่ามันร้อนผะผ่าว ไม่แน่ใจว่าเขาจะสื่อถึงอะไรแต่หัวใจดวงน้อยกำลังเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกอันอธิบายไม่ได้ซึ่งกำลังเกิดกับกับบุรุษผู้เงียบขรึมเจ้าของนิยาม May Lilly อันแสนจะโรแมนติก

 

            เทียมภพกลับเข้าบ้านมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปลั้ลลาตามประสาหนุ่มโสดกับเพื่อนฝูงเฉกเช่นปกติ เขาไม่ลืมที่จะแวะดูน้องสาวสุดที่รักว่าเข้านอนเรียบร้อยหรือยัง พอเปิดประตูเข้าไปก็ยังเห็นน้องสาวอ่านนิยายแปลเล่มโปรดอยู่บนเตียง

            “ทำไมยังไม่นอนคะ พรุ่งนี้ต้องไปเรียนนะ” เขานั่งลงข้างๆน้องสาวพลางดึงหนังสือนิยายเล่มหนาออกจากมือ แทนดาวขยับเข้าไปใกล้พี่ชายแล้วก็กอดเอวหนาๆนั้นไว้

            “คิดถึงพี่หมากจ้ะ” คนเกิดทีหลังหยอดลูกอ้อน

            “อะไรกัน...ห่างกันไม่กี่ชั่วโมง อ้อนแบบนี้ต้องอยากได้อะไรแหงๆ กระเป๋าใหม่ มือถือ หรือว่าไปเที่ยวเมืองนอกล่ะ?” พี่ชายเดาสิ่งที่คิดว่าน้องสาวอยากได้

            “ผิดหมด น้องพลูไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น แค่อยากจะถาม...” หญิงสาวยันกายลุกนั่งหันหน้าคุยกับพี่ชายเป็นงานเป็นการจนคนเกิดก่อนยังแปลกใจ

            “มีอะไรเหรอคะ?” พี่ชายถามเสียงอ่อนโยนพลางลูบเส้นผมนุ่มสลวยที่แสนจะหวงแหน

            “พี่หมากรักพี่สิตามั้ยคะ?” คนถูกถามอึ้งไปเล็กน้อยที่อยู่ดีๆน้องสาวถามอะไรแบบนี้

            “ถามอะไรน่ะฮึ? เป็นเด็กเป็นเล็ก” มีอะไรบางอย่างสะกิดใจให้เขาต้องครุ่นคิดว่าทำไมน้องสาวถึงถามเรื่องความรัก ตนเองที่เป็นคนดูแลฟูมฟักคนเกิดทีหลังตั้งแต่แบเบาะมั่นใจเต็มร้อยว่าให้การปกป้องดูแลและอาจจะเรียกได้ว่า ‘ปิดกั้น’ เรื่องราวความรู้สึกเชิงชู้สาวที่อาจจะเกิดขึ้นกับน้องสาวมาตลอด

            “ตอบมาก่อนสิคะ” เมื่อน้องสาวยังคาดคาดคั้นก็คงต้องตอบ

            “การที่ผู้หญิงกับผู้ชายจะคบหากัน มันก็ไม่ได้มีแค่ความรักอย่างเดียวเสมอไปหรอก”

            “งั้นแสดงว่าพี่หมากก็ไม่ได้รักพี่สิตา แล้วทำไมพี่หมากถึงคบเค้าล่ะ” เทียมภพถอนหายใจเบาๆมองหน้าน้องสาวอย่างใช้ความคิดว่าจะอธิบายอย่างไรดี

            “ความรักมันไม่ได้เกิดขึ้นกันง่ายๆนะน้องพลู มันต้องใช้เวลาบ่มเพาะหรือที่เรียกกันว่าศึกษาดูใจกัน สำหรับพี่นะ...จะบอกตรงๆว่ารักสิตามั้ย? ก็ต้องบอกว่ารักบ้างแหละแต่มันจะพัฒนาเป็นความรักยั่งยืนแค่ไหนก็ไม่รู้ มันขึ้นอยู่กันว่าเราสองคนปลูกต้นรักนี้ให้มันเติบโตงอกงามได้ดีแค่ไหน ดีไม่ดีอีกสองสามวันก็อาจจะเลิกกัน พี่ก็อาจมีแฟนใหม่”

            “งั้นก็แสดงว่า...พี่หมากไม่ได้รักเธอแต่ที่คบเพราะพี่หมากเป็นคนเจ้าชู้ใช่มั้ยล่ะ?” แทนดาวยิ้มเมื่อคิดได้ว่าคนเกิดก่อนเจ้าชู้แค่ไหน เทียมภพอมยิ้มกับคำตอบใสซื่อ ก็ดีแล้วที่น้องสาวคิดไปแบบนั้น เซ็กส์กับความรักแม้มักจะมาคู่กันแต่ก็แตกต่างกันซึ่งเขาไม่ปรารถนาให้น้องเรียนรู้ทั้งสองอย่างในเวลานี้

            “ยังมีเวลาอีกมากที่หนูจะเรียนรู้เรื่องความรัก ตอนนี้น้องพลูมีอย่างอื่นที่สำคัญมากกว่านั้นต้องทำคือตั้งใจเรียน อย่าคิดเรื่องอื่น ตอนนี้น้องพลูยังเป็นของพี่เพราะงั้นใครก็เข้ามาเกาะแกะไม่ได้เด็ดขาด” เขาเน้นย้ำประโยคหลัง

            “แล้วพี่หมากเคยรักใครบ้างหรือยัง? แบบว่ารักจริงๆเลยน่ะ” คนถูกถามนิ่งไปพลันก็นึกถึงสตรีคนหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา...เปรมยุตา แล้วสักประเดี๋ยวภาพของเปรมยุตาก็เลือนรางจางไปแทนที่ด้วยหญิงสาวหน้าตาสวยหมดจดอีกคนหนึ่ง...รมณ์นลิน

            “ว่าไงคะ?” แทนดาวกระตุ้นอีกครั้งเมื่อเห็นพี่ชายทำท่าเหม่อลอย เทียมภพไล่ภาพเหล่านั้นออกไป ก้มลงมองน้องสาวด้วยสายตาอ่อนโยนอบอุ่บในแบบที่เป็นมาอยู่เสมอ

            “พี่น่ะ...รักผู้หญิงอยู่คนนึง รัก...ตั้งแต่เธอยังไม่ลืมตาดูโลก พอรู้ว่าจะมีเธอก็นั่งนับวันนับคืนเร่งให้ถึงวันที่จะได้เห็นหน้าเธอไวไว...” เขาเขยิบมาใกล้น้องสาวอีก แทนดาวจับมือพี่ชายมาแนบแก้มเพื่อโอนถ่ายความอบอุ่นให้กันและกัน

“พอเธอเกิดมา รู้มั้ย?...พี่ดีใจมากแค่ไหนเมื่อในที่สุดพี่ก็ได้ดูแล ได้เลี้ยงดูจนเธอเติบโตเป็นสาวสวยที่ใครๆก็หลงรักและอยากอยู่ใกล้ๆ แล้วตอนนี้เธอก็นั่งอยู่ตรงนี้ ในโลกใบนี้..พี่รักผู้หญิงคนนี้สุดในชีวิต” แทนดาวกระพริบตาอีกหลายครั้งเพื่อขับไล่น้ำอุ่นๆออกจากนัยน์ตาคู่สวยด้วยความตื้นตันใจขณะที่พี่ชายจูบแผ่วเบาที่หน้าผากและจุ๊บเบาๆที่แก้ม ความรู้สึกใดๆก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่าความรักที่ผู้ชายคนนี้มีให้ ความอบอุ่นแผ่ซานไปทั่วหัวใจดวงน้อยแล้วลองทบทวนคำสอนของพี่ชาย นั่นสินะ...ยังมีเวลาอีกมากมายที่จะเรียนรู้ความรู้สึกที่เรียกว่ารัก ตอนนี้มันอาจจะยังไม่ใช่ก็ได้ อาจจะแค่คิดมากไปเองเท่านั้น

            เทียมภพเก็บคำถามคำถามของน้องสาวที่ยังวนเวียนให้เก็บกลับมาครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมา แทนดาวเอ่ยปากถามเรื่องความรัก จริงอยู่ว่าตนเองก็เลี้ยงน้องมาแบบผิดๆหลายอย่าง ไม่เคยชี้นำเรื่องความรักในเชิงชู้สาวที่วัยรุ่นทั่วไปจะต้องเคยมี จากที่เคยคิดว่ามันอาจจะเร็วไปที่น้องสาวจะคิดเรื่องรักๆใคร่ๆแต่ถ้าลองคิดอีกแง่มันก็อาจจะช้าไป ความรัก...ถ้ารักไม่เป็นก็อาจจะเจ็บปวดและอันตราย ยิ่งอยู่ในยุคสมัยที่การสื่อสารไร้พรมแดนเช่นนี้ก็ยิ่งน่าเป็นห่วงจนอดหวาดหวั่นไม่ได้ว่าน้องสาวอยากจะริลองทำอะไรๆตามอารมณ์

ด้วยความที่ตนเองเป็นหนุ่มเจ้าสำราญจึงค่อนข้างจะห่วงหวงน้องสาวคนเดียวเป็นพิเศษ ดังนั้นอะไรต่างๆที่ควรจะได้รับตามวัยก็อาจจะถูกตัดสิทธิ์ลิดรอนไปบ้าง ทั้งเรื่องการแต่งตัวหรือออกไปเที่ยวเตร่ตามประสาวัยรุ่น ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเขาทั้งหมดโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเพศตรงข้าม ถึงขนาดให้น้องเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาตลอด แต่จากที่คุยกันเมื่อครู่มันก็ทำให้หัวใจของเขาแปลบปลาบเหมือนหัวใจกำลังสูบฉีดกระแสไฟฟ้าแทนเลือด เมื่อคิดว่าน้องสาวสุดหวงอาจกำลังมีความรัก! จากการตริตรองอย่างถ้วนถี่ก็ต้องพบกับความจริงที่น่าใจหายว่าแทนดาวไม่เคยมีผู้ชายที่ไหนเข้ามากล้ำกลายได้เลย เว้นเสียแต่...ชลธี!

เทียมภพย้ำกับตัวเองหนักแน่น แทนดาวคือดวงใจของเขา เพราะฉะนั้นจะไม่มีวันยอมให้น้องสาวสุดที่รักต้องตกล่องปล่องชิ้นผู้ชายคนนี้เด็ดขาด!

 

รมณ์นลินออกมาต้อนรับหมออชิตะที่วันนี้หอบขนมนมเนยมาให้มากมายจนต้องแบ่งปันให้บรรดาลูกศิษย์ไปบ้าง อชิตะได้ชวนไปทานข้าวกลางวันด้วยซึ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธคุณหมอหนุ่มผู้สุภาพและแสนจะใจเย็นคนนี้

“วันนี้คุณหมอไม่ต้องไปทำงานหรือคะ?” รมณ์นลินถามขณะนั่งอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง

“วันนี้ผมหยุดครับ แต่ว่ามีงานนิดหน่อยที่โรงพยาบาล พอเสร็จแล้วก็เลยแวะมานี่” อชิตะขยับแว่นนิดหนึ่งขณะมองดูรายการอาหาร

            “คุณแฟงจบจาก Musicians Institute นี่นา แล้วก็ไปแข่งเวทีต่างประเทศมาหลายที่”

            “แฟงไปเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรที่นั่นค่ะ ตั้งแต่เด็กพอรู้ว่าชอบดนตรีก็ลงแข่งขันเก็บประสบการณ์มาเรื่อยๆ พักหลังมานี่ไม่ว่างไปลงแข่งที่ไหนเลยเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ที่โรงเรียน ตอนนี้ก็ปั้นเด็กๆแข่งอย่างเดียวค่ะ” หล่อนตอบยิ้มๆ

“แล้วน้องพลูมานานหรือยังครับ?”

            “ก็เกือบปีแล้วล่ะค่ะ ครูคนเก่าของเธอแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ต่างประเทศ”

            “แล้ววันนี้...ต้องไปสอนกี่โมงครับ?” รมณ์นลินมองหน้าคนถามนิดหนึ่งอย่างไม่แน่ใจว่าที่ชวนตนมาทานข้าวด้วยเพื่อถามถึงลูกศิษย์คนโปรดนี้น่ะหรือ

            “บ่ายสองค่ะ” แล้วบทสนทนาต่อจากนั้นก็วกเข้าเรื่องสัพเพเหระ อชิตะอาสาไปส่งที่บ้านทวีกิจไพศาล แต่เป็นโชคร้ายของทั้งคู่ที่บังเอิญเทียมภพซึ่งกำลังแกล้งเดินเตร็ดเตร่รอคุณครูอยู่แถวหน้าบ้านเห็นเข้าเสียก่อน หมออชิตะคนเดิมเพิ่มเติมคือยิ้มหน้าบานลงมาเปิดประตูรถให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพบุรุษพร้อมกับช่วยถือถุงต่างๆให้ด้วย คนที่แอบซุ่มโป่งรู้สึกขัดตาขัดใจเป็นอย่างยิ่งที่ฝ่ายหญิงเองก็ดูร่าเริงยิ้มแย้มแจ่มใสผิดกับเวลาเจอหน้าตนเอง เขารอให้หล่อนเดินเข้ามาในบ้านแล้วจึงรีบกระชากตัวเข้าไปหลบในห้องหนังสือที่แยกไปทางปีกด้านหนึ่งของตัวบ้านอันเงียบสงบและหลบมุมปลอดผู้คน ซึ่งเป็นที่รู้กันของคนในบ้านว่าห้องนี้คุณเทียมภพไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเพราะมีเอกสารสำคัญหลายรายการ

            “มากับหมอแว่นนั่นได้ไง? แล้วรถไปไหน?” คนถามใส่เป็นชุดและไม่ยอมเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร ก้มหน้าลงมาปิดปากคนที่กำลังจะอธิบายแนบแน่นและเนิ่นนาน

            “คุณทำอะไรของคุณน่ะ! นี่มันในบ้านคุณนะ” รมณ์นลินหอบหายใจจนเหนื่อยเมื่อเขาถอนริมฝีปากออก รู้สึกแสบร้อนไปทั่วปากแต่เทียมภพก็ยังไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ

            “ใช่! ในบ้าน ทำไม? ต้องเป็นในห้องเหรอถึงจะยอมให้ทำน่ะฮึ?” แล้วก็ก้มลงปิดปากเคลือบสีชมพูสวยนั่นอีกอย่างหนักหน่วงไม่แพ้ครั้งแรก

            “ทุเรศ! ใครจะคิดน่าเกลียดแบบคุณ ปล่อยนะ!”

            “ตอบมาก่อนว่ามากับไอ้แว่นนั่นได้ไง แล้วสร้อยข้อมือที่ซื้อให้ไปไหน? ทำไมไม่ใส่ฮะ?” เขาตะคอกเสียงถามเมื่อยกข้อมือขึ้นมาดูแล้วพบกับความว่างเปล่า

            “ฉันเก็บไว้ใส่ในโอกาสสำคัญ ไม่ได้ใส่ติดตัวตลอดนี่” หล่อนเถียงพลางจับริมฝีปากที่ยังแสบร้อน

            “งั้นรึ? ไม่ใช่เพราะไปกับคนอื่นแล้วต้องถอดออกรึ?” ดูเหมือนว่าเทียมภพจะไม่ยอมฟังคำอธิบายอะไรเลยยังคงชุดกระชากหล่อนอยู่อย่างนั้น

            “นี่ปล่อยฉันนะ! คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ ปล่อยนะ! ฉันจะไปไหว้คุณย่าก่อน” ถึงประท้วงกึ่งอ้อนวอนแค่ไหนเขาก็ยังไม่ยอมปล่อย

            “ไม่ต้อง!” คนขี้โมโหตวาดอีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงร่างบางไปนั่งเขลงอยู่บนเก้าอี้

“เอาล่ะ...ก่อนทำการเรียนการสอน เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อย” คนตัวโตทำหน้าถมึงทึง

“บอกมาให้หมดว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้าง ถ้าได้รับคำตอบที่ไม่น่าพอใจล่ะก็...น่าดู!” เขา

ขู่เสียงเข้ม รมณ์นลินพยายามจะไม่กลัวแต่หน้าตาท่าทางของเขาตอนนี้เอาเรื่องน้อยเสียที่ไหน เลยเล่าทุกฉากทุกตอน จนเห็นสีหน้าพึงพอใจของคนเผด็จการแต่ก็ยังติดบึ้งตึงอยู่นิดๆ

เทียมภพคว้าตัวหญิงสาวขึ้นมากอดแล้วประทับจูบลงไปใหม่แต่คราวนี้นุ่มนวลอ่อนโยนหวานละมุนละไมจนเผลอโอนอ่อนผ่อนตาม

            “นี่ถือเป็นการลงโทษที่คุณไปกับผู้ชายคนอื่น” เขาพูดชิดริมฝีปากแล้วจุ๊บเบาๆ รมณ์นลินได้แค่ยกมือดันอกเขาไว้เพราะไม่อยากเผลอใจไปมากกว่านี้

            “บอกมานะ...ว่าคุณยอมให้มันจูบคุณแบบนี้ด้วยหรือเปล่า? หืม...”

            “หมออชิเค้าเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าคุณเยอะ” คนถูกรังแกต่อว่าคนเอาแต่ใจอยู่กลายๆ

            “ก็ไม่รู้สินะ...ผมก็ไม่เคยโฆษณาว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษแต่แรก” เขาทำท่าจะหอมอีกแต่รมณ์นลินรีบดันหน้าเจ้าเล่ห์นั้นไปที่อื่น

            “พอเถอะค่ะ ป่านนี้น้องพลูรอแย่แล้ว” หล่อนขืนตัวออกจากอ้อมแขนนั้นได้สำเร็จและรีบถอยห่างไปยืนอีกฝั่งของห้อง เอาโต๊ะทำงานเป็นเกาะกั้น

            “มานี่นะ...” เขาสั่งแต่อีกฝ่ายไม่ทำตามก็เลยพุ่งพรวดไปตะครุบตัวอีกฝ่ายที่ตั้งท่าจะวิ่งหนี

            “ปล่อยนะ!” พยายามดิ้นรนให้เป็นอิสระแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัดแน่นขึ้น

            “อย่าร้อง อย่าดิ้น อย่าลืมว่าที่นี่บ้านผม...คุณมีแต่เสียเปรียบ” รมณ์นลินหยุดดิ้นเพราะคิดว่ามันคงไม่มีประโยชน์ ยิ่งไปขัดใจยิ่งจะทำให้เขาโมโหมากขึ้นเปล่าๆ

            “ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ...ขอร้องล่ะ” ลองใช้ไม้อ่อนดูบ้าง ทั้งอายทั้งโกรธผสมปนเปกันไปหมด เทียมภพค่อยๆประคองร่างบางไปนั่งที่เก้าอี้อย่างเดิม ส่วนตนเองทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าอยู่ต่อหน้า รมณ์นลินมองเขางงๆว่าจะมาไม้ไหนกันแน่ คนเจ้าอารมณ์ก็จับมือคู่นั้นขึ้นมาพิจารณา ยอมรับว่าโกรธมากที่เห็นหล่อนมากับผู้ชายคนอื่น จะว่าหึงก็ใช่ หวงก็ใช่อีกนั่นแหละ

            “รมณ์นลิน...ผมว่ามันถึงเวลาแล้วล่ะ” เขาเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวด้วยประกายตาหวานซึ้ง จนคนถูกมองใจเต้นตึกตัก อยากรู้นักว่าเขาจะทำอะไรต่อ

            “ผมจะบอกคุณว่า...” พูดได้แค่นั้นก็ต้องหยุดค้างไว้เพราะประตูห้องถูกเปิดเข้ามากะทันหัน เขานึกโมโหตัวเองที่ลืมล็อกเอาไว้ คนที่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็นน้องสาวสุดที่รักนั่นเอง ทั้งคู่รีบผละออกจากันทันที แทนดาวมองคนนั้นที คนนี้ทีแล้วก็ยิ้มเผล่ออกมา

            “อ้อ...เอ่อ...น้องพลูแค่จะมาตามหาพี่แฟง แต่ดูเหมือนพี่สองคนจะคุยธุระกันอยู่ งั้นน้องพลูไปรอข้างนอกนะคะ อ้อ...ไม่ต้องรีบคุยกันนะคะ น้องพลูขอไป...ไปไหนดีล่ะ? อ้อ...ไปดูคุณพ่อหน่อย สักพักใหญ่ๆเลย” พูดจบก็เดินยิ้มแก้มแทบปริออกจากห้องอย่างรู้หน้าที่โดยไม่ลืมปิดประตูให้ด้วย เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เทียมภพรู้สึกว่าไม่อยากมีน้องสาวเลย ส่วนคนตัวเล็กก็กำมือชูแขนขึ้นพร้อมกับอุทานเบาๆว่า “Yes!” ด้วยความปรีดิ์เปรมที่พี่ชายกับครูสาวมีพัฒนาการที่มาไกลมาก ไอ้ที่ระแคะระคายมาหลายเดือนว่าคู่นี้ต้องมี something มีเค้าว่าน่าจะจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ คนสมหวังเดินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีไปรอในนั่งเล่นไม่ได้ไปดูคุณพ่ออย่างที่อ้างเมื่อกี้

 

            “หวัดดีครับ” เสียงคุ้นหูทักขึ้น แทนดาวหันไปมองแล้วยกมือไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร พอดีกับที่คุณดวงทิพย์เดินนำแม่บ้านที่ยกบรรดาของว่างออกมาต้อนรับ

            “เจอกันพอดีเลย คุณหมอมาส่งครูแฟงแล้วก็มาหาคุณพ่อด้วย แม่เลยชวนมานั่งเล่นก่อนจ้ะ”

            “พอดีวันนี้พี่ไม่มีตรวจเลยแวะไปคุยกับคุณแฟงที่โรงเรียน ไปกินข้าวกันแล้วก็มาส่งที่นี่ ก็ถือโอกาสเยี่ยมคุณอาผู้ชายเสียเลย” หมอหนุ่มตอบข้อสงสัยในแววตาทรงอัลมอนด์คู่นั้น แทนดาวใจเสียนิดหนึ่ง พี่หมาก...ถ้าขืนช้านี่คู่แข่งตีค่ายแตกแน่

            “น้องพลูคุยเป็นเพื่อนพี่หมอนะคะ” คุณแม่บอกแล้วกลับไปดูแลคุณพ่อต่อ

            “พี่อชิเจอพี่แฟงบ่อยเหรอคะ?” แทนดาวอ้อมแอ้มถาม ไม่มั่นใจว่าระหว่างครูสาวกับหมอหนุ่มคนนี้สนิทกันมากแค่ไหน คนถูกถามเพียงแต่หัวเราะในคอพอจะเดาความคิดของคนถามได้

            “ก็คุยกันมาเรื่อยๆตั้งแต่เจอกันในงานเลี้ยง เห็นว่าที่ทำงานอยู่ใกล้กันก็แวะไปทักทายบ้างน่ะครับ” คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้แทนดาวหยุดความสงสัยได้

            “อ้อ...พี่แฟงกับพี่ชายน้องพลูก็สนิทกันค่ะ พี่อชิต้องเหนื่อยหน่อยนะคะ” คนตัวเล็กบอกความในใจออกไปตรงๆแล้วก็แทบมุดพรมหนีที่ใช้วิธีสกัดดาวรุ่งทื่อๆแบบนั้น

            “ฮ่าๆ น้องพลูคิดมากไปแล้ว พี่ไม่กล้าลงสนามตีคลีกับคุณเทียมภพหรอก” หมอหนุ่มหัวเราะเบาๆทำให้คนเข้าใจผิดยิ้มแหย

            “ว่าแต่ตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น น้องพลูได้คุยกับเค้าหรือยัง? ขอโทษนะที่พี่ถามเรื่องส่วนตัวแต่เผอิญวันนั้นอยู่ในเหตุการณ์” คนถูกถามเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะตอบ

            “ก็คุยกันบ้างค่ะ แต่ว่าตอนนี้น้องพลูสนใจแต่เรื่องเรียนอย่างเดียว ส่วนเรื่องนั้น...ยังอีกนานค่ะ” คนตัวเล็กหลบสายตาค้นคว้าหลังกรอบแว่นสีดำนั้น พลางคิดย้อนไปถึงวันที่โดดเรียนไปหาเขาทำให้เกิดความหวามไหวในหัวใจขึ้นมาอย่างประหลาด

            “ดีแล้วครับ...ยังมีเวลาให้แก้ปัญหาอีกมาก” หมอหนุ่มพูดเป็นนัยๆ

            “คะ?” คนตัวเล็กไม่เข้าใจที่เขาพูด

            “พี่หมายถึง ยังมีเวลาที่น้องพลูกับเค้าจะเรียนรู้กัน”  

“น้องพลูหวังว่าจะเป็นแบบนั้นค่ะ” อชิตะยิ้มให้คนตัวเล็กพลางหยิบของบางอย่างส่งให้

            “อ้อนี่แน่ะ...พี่รู้มาว่าน้องพลูชอบอาหารญี่ปุ่น พี่ได้กิ๊ฟท์วอชเชอร์มาสองใบ” อชิตะยื่นบัตรกำนัลทานอาหารญี่ปุ่นที่ระบุรายละเอียดงานเทศกาลปลาแซลมอนที่ชลธีส่งไลน์มาชวนวันก่อน

            “คุณชลธีฝากมาให้พี่เป็นการขอบคุณที่ช่วยตอนหัวแตก” เขาหยุดเล่าเมื่อเห็นใบหน้าสลดของอีกฝ่าย

            “พี่ชลเค้าก็ชวนไปงานนี้เหมือนกันค่ะ น้องพลูอยากไปมาก....แต่พี่หมากไม่อนุญาตแน่ๆ” คนตัวเล็กตอบเสียงอ่อยพลางวางบัตรกำนัลลง

            “อ้อ...มีพี่ชายที่หวงน้องสาวขนาดนี้บางทีก็อึดอัดนะ แต่ไม่เป็นไร...พี่มีทางออก” เขาพูดอย่างให้ความหวังจนคนตัวเล็กมองด้วยประกายตาฉาบความดีใจ

            “แต่ถ้าพี่ทำให้น้องพลูไปงานนี้ได้ น้องพลูต้องไปกับพี่นะครับ” หมออชิตะยิ้มขณะรอคำตอบ คนฟังที่ไม่ได้คิดอะไรอื่นนอกจากเห็นแก่กินรีบพยักหน้าไวไว

            “ไปค่ะ...ไป”

 

            “อ้าวหมอ... นึกว่ากลับไปแล้วซะอีก จะอยู่ช่วยคุณครูสอนน้องผมเหรอ?” เสียงทักไม่เป็นมิตรทำให้คนที่กำลังสนทนากันต้องหยุดทันที เทียมภพมองแขกผู้มาเยือนอย่างไม่สบอารมณ์นัก ยังรู้สึกครุกรุ่นที่เห็นอชิตะแสดงอาการสนิทสนมกับรมณ์นลินแล้วยังมานั่งคุยกับต่อน้องสาวอีก

            “พี่หมาก...พี่อชิเค้ามาเยี่ยมคุณพ่อด้วย น้องพลูเลยอยู่คุยเป็นเพื่อนระหว่างที่รอพี่แฟง...” คนตัวเล็กหยุดพูดเมื่อเห็นคุณครูที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลังเริ่มแสดงท่าทางเขินอาย

            “เรามาเริ่มกันดีกว่านะน้องพลู” รมณ์นลินรีบเดินนำลูกศิษย์ไป พอคล้อยหลังสองสาวเทียมภพก็กลับมาหาเรื่องแขกผู้มาเยือนต่อ

            “เจอกันบ่อยนะหมอ...พักนี้” อชิตะไม่แน่ใจว่าไอ้คำว่า ‘เจอกันบ่อย’ นี่หมายถึงใครกับใคร เทียมภพกับตนเอง หรือตนเองกับรมณ์นลิน ก็เลยลองเดาว่าอาจจะหมายถึงคู่หลัง

            “วันนี้ผมหยุดเลยแวะไปคุยกับคุณแฟงที่โรงเรียนแล้วเลยมาส่งให้ที่นี่” หมอหนุ่มตอบเรียบๆมาดนิ่งสงบและสุภาพทำให้จอมหาเรื่องไม่กล้าออกอาการเหวี่ยงมากนัก ก็คงจะมีอชิตะเพียงคนเดียวนี่เองที่เทียมภพยังให้ความเกรงใจอยู่บ้าง เพราะหนึ่งเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทบิดา สองด้วยตำแหน่งการงานและสามลักษณะที่นิสัยนิ่งสุขุมและมีเหตุผล

            “อ้อ...มีนัดบอดกันนอกรอบ” เทียมภพพูดกระแทกแดกดัน

            “ผมกับคุณแฟงเป็นเพื่อนกัน คุณหมากควรจะพูดถึงเธออย่างให้เกียรติมากกว่านี้” อชิตะพูดเรียบๆแต่แฝงความไม่พอใจจนสัมผัสได้ “ผมกลับก่อนล่ะ...หมดธุระแล้ว” เขาพูดเพียงเท่านี้ก็เดินผ่านไปทำเหมือนคนพูดเป็นอากาศธาตุ

            “โธ่...ไอ้แว่นพิศวงเอ๊ย!” เทียมภพสบถเบาๆ

                       

            ชลธีรวบช้อนพลางมองกับข้าวหน้าตาประหลาดฝีมือของปาลิดาด้วยอารมณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จำได้ว่าตอนเช้าสั่งแม่บ้านให้ทำกับรอเพราะตอนเย็นจะกลับมากินแต่พอมาถึงก็ได้รับรายงานว่าปาลิดาอาสาทำเองทั้งหมด

“อ้าว...ไม่กินหรือคะพี่ชล ลูกปลาทำสุดฝีมือเลยนะเนี่ย” สาวหมวยร้องถามไอดอลในดวงใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมแตะต้องอาหารที่ตนเองทำสักคำ

“อ๋อ...พี่เพิ่งนึกได้ว่ากินยาแก้อักเสบเข้าไปต้องรอสักพักน่ะ พี่ไปนั่งเล่นข้างนอกดีกว่าเดี๋ยวกลับมากิน” เขาบ่ายเบี่ยงและเตรียมลุกออกไป

“งั้นลูกปลาไปนั่งเป็นเพื่อนนะ จะได้ดูแลพี่ชลไง..นะคะ” ยังมิวายที่ปาลิดาจะตื๊อ

“เฮ้ย...ไม่ต้องหรอก นี่แน่ะ...พี่เอาตำรา เทคนิคการบริการในโรงแรมขั้นพื้นฐาน มาให้อ่าน สมัยก่อนพี่ก็ต้องเรียนจากตำรานี่แหละ ก่อนจะไปทำงานมันต้องรู้งานขั้นพื้นฐานเสียก่อน เอาไปอ่านให้จบนะแล้วพี่จะถาม ถ้าตอบไม่ได้คงจะให้เราไปทำงานด้วยไม่ได้หรอก” ปาลิดามองหนังสือเล่มหนาอย่างไม่ปลื้มเท่าไหร่นักแต่ก็ยอมทำตามคำสั่ง

“นี่ส้ม...ต้มไข่ให้สองใบกับทำพริกน้ำปลาให้หน่อยนะแล้วยกขึ้นไปให้ฉันบนห้อง” ชลธีแอบกระซิบบอกแม่บ้าน รู้สึกสมเพชตัวเองนิดๆที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมไฮเอนด์แต่กลับต้องมากินไข่ต้มจิ้มน้ำปลา

“แล้วกับข้าวพวกนี้ล่ะคะ?”

“ถ้าเธอกินได้ก็กิน ไม่งั้นก็เทให้หมาท้ายซอยก็ได้”

ชลธีเดินชมนกชมไม้ฆ่าเวลาอยู่หน้าบ้าน เวลารมณ์นลินไม่อยู่มันรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ในบ้านกับปาลิดาตามลำพัง ไม่รู้ว่ารายนั้นจะหาอะไรแผลงๆมาเล่นอีก กำลังคิดหาวิธีทำให้คนจอมจุ้นย้ายออกไปอยู่ที่อื่น อีกพักใหญ่ก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดหน้าบ้าน อึดใจต่อมาเทียมภพก็ลงมาเปิดประตูให้น้องสาวแถมยังประคองลงจากรถด้วย มันเกิดอะไรขึ้น?

            “นี่มันอะไรกันน่ะแฟง...มากับมันได้ไง?” พอน้องสาวเดินเข้าบ้านมาแล้วเขาก็ดึงตัวมานั่งคุยที่โต๊ะกลางสนาม กะว่าวันนี้ยังไงๆก็ต้องคาดคั้นกันให้รู้เรื่องไปเลย รมณ์นลินหน้าซีดเผือดตกใจกับท่าทีของพี่ชายที่กำลังโมโห ชลธีไม่เคยอารมณ์เสียกับตนสักครั้งตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา

            “คือคุณหมากเค้าอาสามาส่งให้ค่ะ ตอนแรกแฟงก็ปฏิเสธไปแล้ว แต่คุณย่าท่านบอกว่าไม่อยากให้แฟงกลับเองคนเดียว” หล่อนอธิบายกล้าๆกลัวๆ ชลธีเป็นคนใจเย็น ยอมรับฟังเหตุผลของคนอื่นเสมอและไม่ใช้อารมณ์ก่อนจะได้พูดจากัน (ซึ่งผิดกับอีกคนลิบลับ)

            “รถพี่ก็มีตั้งหลายคันทำไมไม่เอาไปใช้ แล้วไอ้หมากน่ะเหรอมันเต็มใจมา มันเกลียดพี่จะตายแฟงก็รู้” พี่ชายถามอย่างไม่พอใจ รมณ์นลินได้แต่ทำตาปริบๆ จะพูดอย่างไรดีพี่ชลถึงจะไม่โกรธ เทียมภพน่ะทั้งบังคับทั้งขู่เข็ญเรื่องจะขอมาส่ง พอไม่ได้ดั่งใจก็วิ่งไปฟ้องคุณย่าให้ท่านมาช่วยพูดแถมทำท่ากระเง้ากระงอดเหมือนเด็กๆ ตอนนั้นหล่อนกับแทนดาวแอบขำกันจนจุกท้องไปหมด

            “มีอะไรปิดบังพี่หรือเปล่าจ๊ะ?” เขาจ้องหน้าน้องอย่างจับพิรุธ

            “ถามอะไรอย่างนั้นล่ะคะ แฟงไม่เคยปิดบังอะไรพี่ชลเลย พี่ชลก็รู้นิสัยแฟงดีไม่ใช่เหรอคะ?” รมณ์นลินตอบพลางหลบสายตาจับผิดของพี่ชาย จริงอยู่ว่าไม่เคยโกหกถ้ามีอะไรก็จะเล่าให้ฟังทุกเรื่องราว

            “งั้นมีอะไรที่ยังไม่ได้บอก พูดออกมาเถอะ...บางทีมันอาจจะดีกับแฟงก็ได้นะ” เขาดึงน้องสาวเข้ามากอด รมณ์นลินเป็นคนค่อนข้างเจียมตัว คิดเสมอว่าเป็นแค่เด็กเก็บมาเลี้ยง ไม่ควรสร้างปัญหาให้แม่กับพี่ชายต้องมีเรื่องทุกข์ใจ แม้คุณวารีกับชลธีจะไม่เคยคิดแบบนั้นเลยสักครั้ง

         “ไม่มีนี่คะ พี่ชลก็เห็นอยู่แล้ว” หล่อนตอบออกมาในที่สุดแต่เสียงก็แผ่วเบาเต็มที

         “แฟง...แฟงไม่รักพี่ ไม่ไว้ใจพี่ใช่มั้ยถึงได้พูดปดกัน” ชายหนุ่มช้อนคางน้องสาวให้แหงนมาสบตา มีหยดน้ำใสๆไหลรินออกมาจากดวงตาแสนเศร้า

         “แฟงจ๋า...อย่าเก็บไว้คนเดียวเลย มันจะดีกว่าถ้าอย่างน้อยแฟงได้ระบายมันออกมา พี่สัญญาว่าจะไม่โกรธเลยไม่ว่าเรื่องอะไร” ชลธีปาดน้ำตาออกจากแก้มให้อย่างอ่อนโยน น้องสาวยืดตัวขึ้นสายตาบ่งบอกความมุ่งมั่น

         “แฟงรักเค้าค่ะ...รักมานานแล้วด้วย” สิ้นคำสารภาพก็โผกอดพี่ชายอีกครั้ง เขาออกจะตกใจสักเล็กน้อยที่น้องสาวเกิดมีความรักเข้าแล้ว แต่มันก็เทียบไม่ได้กับความตกใจสุดขีดที่รู้ว่าคนที่น้องสาวรักคือเทียมภพ

         “เอาล่ะ...ทีนี้เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” พอทำใจยอมรับกับสิ่งที่ได้รับรู้แล้วก็บอกให้น้องสาวเล่ารายละเอียดปลีกย่อย พอฟังจนหมดเปลือกก็รู้ว่ารมณ์นลินมีความรักที่ฝังใจอยู่กับคนๆหนึ่งมานานแสนนาน แต่น่าหนักใจที่คนๆนั้นดันเป็นไอ้ตัวไร้ค่าบ้าเลือดชื่อเทียมภพ!

         “พี่อยากให้แฟงคิดดูดีๆก่อน ใช้เวลาไตร่ตรองและถามใจตัวเองจนแน่ใจ ไอ้หมากก็รู้ๆอยู่ว่ามันเป็นเสือผู้หญิง แฟงยังมีตัวเลือกอีกเยอะ...เชื่อพี่สิ แล้วพี่ก็ไม่ชอบหรอกนะที่มันจะมาจับไม้จับมือเราน่ะ เห็นพี่เป็นหัวหลักหัวตอหรือไง?” ชลธีบ่นแต่ก็ไม่ได้ดูเครียดมากนัก ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็จะยอมรับมันหากรมณ์นลินมีความสุขที่จะรักผู้ชายคนนี้ เขาก็ไม่ห้าม

         “พี่ชลนี่นะ...แล้วทีตัวเองไปชอบน้องสาวเค้าล่ะ แถมยังทำเก๋แอบไปขอลูกสาวเค้าเงียบๆซะด้วย” รมณ์นลินที่รู้สึกสบายใจขึ้นมากโขเลยย้อนพี่ชายกลับบ้าง

         “เฮ้ย...นั่นมันคนละเรื่องกันนะ” คนถูกแหย่หยิกแก้มน้องสาวดึงไปมา

         “ห้ามเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นเชียวนะ พี่น่ะ...จริงจัง จริงใจ ไม่เหมือนไอ้หมากหรอก ไม่รู้มันจะมาเล่นไม้ไหนกับน้องพี่”

         “ฮึ...แล้วทีตัวเล่นไม่ซื่อกับน้องพลูล่ะ ต่อหน้าคนอื่นล่ะทำเป็นตีขรึมๆไม่สนใจแต่ถ้าอยู่ใกล้น้องพลูล่ะก็ตาเชื่อมเชียว”

         “เดี๋ยวเถอะ!” ชลธีทีเสียท่าให้น้องสาวย้อนเอาแต่ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวล รู้สึกเป็นห่วงรมณ์นลินเหลือเกิน เทียมภพจะใช้หล่อนเป็นเครื่องแก้เผ็ดตนเองหรือเปล่าที่บังอาจไปคว้าตัวน้องสาวสุดที่รักมา เขามองไม่เห็นเลยว่าเทียมภพจะรักรมณ์นลินตรงไหนได้ ในอดีตที่คบหาเป็นเพื่อนกันมานานจนรู้ไส้รู้พุง ทำให้รู้ว่ารมณ์นลินไม่ใช่ผู้หญิงในอุดมคติแน่

         ... แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่า...บางทีอุดมคติของคนเรามันเปลี่ยนแปลงกันได้

 

“อาฝากหมออชิดูแลใบพลูด้วยนะ” คุณเที่ยงธรรมฝากฝังลูกสาวกับหมออชิตะที่มารับไปงานเทศกาลปลาแซลมอน

“ครับ...ผมจะดูแลอย่างดี” อชิตะรับคำเป็นมั่นเหมาะ

“ขากลับไม่ต้องห่วงนะคะ น้องพลูมากับพี่ผึ้ง ป่านนี้เจ๊เธอคงไปถึงงานแล้ว สงสัยไปรอตั้งแต่ปลายังไม่วางไข่” วันก่อนพี่สาวเพิ่งจะมาอวดว่าชลธีโทรมาชวนด้วยตัวเอง พอมีน้องสาวคนรองไปด้วยเทียมภพจึงยอมไฟเขียวให้น้องสาวคนเล็กไปงานนี้ได้

“ทำไมไปว่าพี่เค้าแบบนั้น แล้วอย่าสร้างเรื่องให้พี่หมอเค้าล่ะ เรานี่ตัวยุ่งอยู่” มารดากำชับ                “คุณแม่เนี่ย...น้องพลูดูแลตัวเองได้น่า ไปก่อนนะคะ...เดี๋ยวไม่ทันพี่ท้อปร้องเพลงเปิดงาน

ต้องไปเก็บภาพถ่ายพร้อมลายเซ็นพี่ท้อปวงไลค์ยูให้ได้” แทนดาวพูดถึงนักร้องดังที่ทางโรงแรมเชิญมาร้องเพลงในงานที่ว่า

หมออชิตะเดินประกบแทนดาวไม่ห่างตามที่บิดาของหล่อนได้ฝากฝังไว้ ระหว่างนั้นมีพนักงานหลายคนมองทั้งคู่อย่างตั้งคำถาม ทุกคนที่นี่ทราบกันทั่วแล้วว่าสตรีในชุดสีชมพูคนนี้เป็นว่าที่คู่หมั้นของบอสใหญ่แต่ทำไมถึงมากับหนุ่มเนิร์ดคนนี้ได้ ในขณะเดียวกันคนตัวเล็กดูจะไม่สนใจอะไรนอกเหนือไปจากการฟังเพลงจากนักร้องคนโปรดและทานสารพัดเมนูปลาแซลมอนจากเชฟฝีมือดี

            “พี่อชิเบื่อหรือเปล่าคะที่น้องพลูเอาแต่กินแบบนี้?” สาวน้อยถามคนพามาอย่างเกรงใจ

            “ไม่เลยครับ...ดูน้องพลูกินก็อร่อยแล้ว อยากรู้จังว่าเอาไปเก็บไว้ในกระเพาะส่วนไหน” เขาพูดติดตลกจนแทนดาวพลอยยิ้มตาม พี่หมอเป็นคนใจดีและใจเย็นอีกทั้งยังเป็นพี่ชายที่อบอุ่น นี่คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่พี่หมากยอมวางใจให้มาด้วย

            “น้องพลูอยู่นี่น่ะเอง เป็นไงคะคุณหมอ? ใบพลูกวนใจมากไปหรือเปล่า?” ปลายเดือนเดินเข้ามาทัก มือข้างหนึ่งเกาะเกี่ยวแขนของชลธีเอาไว้ แทนดาวมองสีหน้าเรียบเฉยติดออกจะบึ้งตึงเล็กน้อยแล้วก็ไหว้เขาอย่างเคย สองหนุ่มก้มหัวให้กันเป็นการทักทาย

            “ไม่เลยครับคุณสีผึ้ง ว่าแต่ทานอะไรแล้วหรือยังครับ?” อชิตะถามปลายเดือนที่ยังคงยืนกอดแขนชลธีแน่น

            “บังเอิญว่าผึ้งมาถึงเร็ว คุณชลก็เลยพาขึ้นไปทานกันสองคนที่ร้านข้างบนค่ะ นี่ลงมาดูน้องพลูซะหน่อยกลัวว่าแกจะงอแงกับคุณหมอ” ปลายเดือนตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงมากเสียจนน้องสาวต้องเบ้ปากนิดๆ

            “พี่ชลขา...น้องพลูอยากไปห้องเบเกอรี่ที่มีขนมเยอะๆ พาน้องพลูไปหน่อยได้มั้ยคะ...นะค๊า” ด้วยความหมั่นไส้บวกกับอยากแกล้งพี่สาวจึงลุกขึ้นไปเกาะแขนอีกข้างของเขา ทำเสียงออดอ้อนจนทั้งหมดต้องมองตามกิริยาของสาวน้อยอย่างงงงวย

            “เห็นทีจะไม่ได้ครับ อาธรรมบอกให้พี่ดูแลน้องพลูให้ดี พี่พาไปเองจะดีกว่า” อชิตะรีบค้านทำให้ชลธีเคืองนิดๆกับคำว่า ‘ดูแล’ ที่อีกฝ่ายพูดกับว่าที่คู่หมั้น

            “วางใจเถอะครับ ลุงธรรมจะไม่ตำหนิคุณแน่ถ้าท่านทราบว่าไปกับผม” เขาบอกหมอหนุ่มอย่างไว้เชิงและไม่รอให้ใครพูดอะไรอีก รีบคว้าข้อมือคนตัวเล็กเดินออกไป

            “คุณสีผึ้งนั่งก่อนเถอะครับ เดี๋ยวพวกเค้าก็กลับมา” อชิตะบอกปลายเดือนที่ยืนยิ้มค้างอยู่ตรงนั้น

 

           

            “เห็นหน้าพี่ผึ้งมั้ยคะ? ยับยู่ยี่อย่างกับผีนางเม่ย” คนตัวเล็กยังไม่หยุดหัวเราะคิกคักที่แกล้งยั่วพี่สาวได้สำเร็จ

            “ตัวอะไรนะ?” เขาสงสัยไอ้สิ่งที่หล่อนใช้เปรียบกับพี่สาว

            “อ๋อ...เป็นผีหน้าตาน่าเกลียดในละครหลังข่าวค่ะ น้องพลูว่าเหมือนพี่ผึ้งตอนโกรธ” คนตัวเล็กหยุดหัวเราะแล้วแต่ใบหน้ายังฉาบไปด้วยรอยยิ้ม

            “แล้วรู้ได้ไงว่าเค้าโกรธ?” เขาถามต่อ

            “ก็...พี่ผึ้งตั้งใจจะควงพี่ชลให้น้องพลูเห็นอยู่แล้วนี่คะ แต่พอน้องพลูฉกตัวพี่ชลมาต่อหน้าต่อตาก็หน้าหงิกอย่างที่เห็น” คำตอบที่ไม่คิดให้รอบคอบเสียก่อนกลายเป็นว่าเข้าทางอีกฝ่ายน่ะสิ

            “อ้อ...แล้วน้องพลูล่ะรู้สึกยังไงตอนที่พี่กับคุณผึ้งมาด้วยกัน? โกรธหรือเปล่าครับ?” เขาถามเสียงเรียบ ตาสีเหล็กยังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้น

            “เอ่อ...รู้สึกขัดตานิดๆแต่โกรธหรือเปล่าอันนี้ไม่แน่ใจค่ะ” คนเล็กบอกไปตามความรู้สึก เพียงแค่นี้ก็ทำให้คนรอฟังคำตอบยิ้มออกมาน้อยๆ

            “แต่งานสนุกมากเลยค่ะ น้องพลูกินปลาเข้าไปเป็นกิโลได้ ครีบใกล้จะงอกแล้วมั้ง แถมยังได้ฟังพี่ท้อปร้องเพลงสดด้วย” คนตัวเล็กเล่าเรื่องตัวเองอย่างเพลินเพลิน

            “เอาจริงๆพี่ก็ไม่รู้จักหรอกนะนักร้องคนนี้ แต่รู้มาว่าน้องพลูชอบพี่ก็เลยจ้างมา”

            “ห๊า! อะไรนะคะ? แล้วทำไม่พี่ชลรู้” แทนดาวมองเขาตางค้าง นี่เขาลงทุนติดต่อศิลปินคนนี้มาเพราะว่ารู้ว่าตนเองปลื้มอยู่กันหรือ

            “จะไปยากอะไร พี่เห็นน้องพลูฟอลโล่ววงนี้ในเฟสบุ๊ค เห็นตามไปกดไลค์แทบจะทุกคลิป” เขาตอบสบายๆจนอยากจะถลาเขาไปหยิกหน้านิ่งๆนั้นนัก นี่เขาแอบส่องเฟสบุ๊คทุกซอกทุกมุมเชียวหรือ

            “น้องพลูจะกลับขึ้นไปแล้วนะคะ ทิ้งพี่อชิมาแบบนี้ไม่ดีเลย” สาวน้อยรีบเปลี่ยนเรื่อง     “เป็นห่วงเค้าเหรอ?” ชลธีถามคล้ายจะไม่พอใจ

            “เกรงใจมากกว่าค่ะ พี่อชิพาน้องพลูมา ถ้าไม่ได้พี่อชิน้องพลูก็ไม่ได้มาหรอกค่ะ” ชลธีถอนใจเฮือกหนึ่งแล้วมองลึกไปในดวงตาทรงอัลมอนด์

            “พี่ต่างหาก...ที่เป็นคนทำให้น้องพลูมางานนี้ได้”

            “อะไรนะคะ พี่ชลน่ะเหรอ?” แทนดาวเบิกตากว้าง

            “หมออชิตะเอากิ๊ฟวอชเชอร์ไปให้น้องพลูใช่มั้ย?”

“ค่ะ พี่อชิบอกว่าพี่ชลให้มา” แทนดาวพยักหน้า

            “พี่ฝากแฟงเอาไปให้เค้าเพื่อเป็นการขอบคุณที่เคยช่วยพี่ แล้วก็มั่นใจว่าถ้าให้บัตรไปสองใบ...หมอต้องชวนน้องพลูไปด้วยแน่ๆ” ชลธีอมยิ้มเมื่อคนตัวเล็กยังทำตาโตตั้งใจฟังตาแป๋ว “หมออชิไปขออนุญาตลุงธรรมได้แต่ก็มีอีกปัญหาคือพี่ชายเราคงไม่ยอมให้มาเดี่ยวๆ พี่ก็เลยโทรไปชวนคุณผึ้งให้มาด้วยกัน” คำเฉลยที่เพิ่งได้รู้ทำให้คนช่างสังสัยมองคนตรงหน้าอย่างทึ่งมากว่าคิดได้ยังไง

            “ทำไมพี่ชลต้องทำถึงขนาดนี้ด้วยล่ะคะ?” สาวน้อยถามต่อด้วยอยากรู้เหตุผลที่เขาลงทุนทำอะไรหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึง

            “มากกว่านี้พี่ก็ทำได้...เพื่อว่าที่คู่หมั้น” เขาตอบเสียงเบาพลางส่งยิ้มฉาบเสน่ห์ให้ สาวน้อยผู้ยังไม่คุ้นชินกับการถูกเกี้ยวพาก็หน้าแดงไปตามระเบียบ

            “อ้อ...แล้วทำไมพี่ชลถึงได้มั่นใจว่าพี่อชิจะต้องชวนน้องพลูมา?”

            “เรื่องบางเรื่องมันก็ต้องใช้เซ้นส์” คนถูกถามตอบแบบมีเลศนัย

 

“น้องพลู...อยากกลับหรือยังครับ?” อชิตะถามแทนดาวที่กำลังยืนเลือกขนมต่างๆ สาวน้อยหันกลับไปยิ้มให้อย่างขอโทษที่ทิ้งเขาไว้นานเสียเกือบลืมว่ามาด้วยกัน

“พี่เห็นว่าลงมานานแล้วเลยตามมา อยากกลับขึ้นไปมั้ย? หรืออยากกลับบ้านแล้ว?” หมอหนุ่มเข้ามายืนข้างๆในลักษณะที่บังตัวชลธีเอาไว้ซึ่งสร้างความขัดใจเล็กๆให้บังเกิดขึ้นกับคนถูกบัง

“กลับขึ้นไปก็ได้ค่ะ” แทนดาวบอกพลางรับถุงขนมจากพนักงาน

“เดี๋ยวผมจัดการเอง” อชิตะรีบชิงวางเงินสดที่กะว่าพอดีกับค่าขนมก่อนที่ชลธีจะทันได้หยิบกระเป๋าสตางค์

“น้องพลูกลับขึ้นไปนะคะ” คนตัวเล็กบอกคนหน้าดุที่ตอนนี้ดูยิ่งดุกว่าเดิม

“ขอโทษด้วยนะคุณชลธี ผมรู้ดีว่าสถานะของคุณคือใคร แต่ว่าวันนี้อาธรรมให้ผมมาดูแลใบพลู ท่านฝากเธอไว้กับผม ผมแค่ทำหน้าที่ให้ดีเท่านั้นเอง หวังว่าจะไม่เคืองกันนะ” หมอหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพเช่นเคย คำว่า ‘ฝากเธอไว้กับผม’ ทำให้ต้องชลธีต้องแอบขบกรามจนเป็นสันนูนแล้วรีบก้าวเท้ายาวๆตามไป

คนหน้าดุตามมาทันและตอนนี้ได้แทรกตัวเข้ามาอยู่ในลิฟต์ด้วย มีชาวต่างชาติร่างใหญ่เข้ามาเพิ่มอีกสามคนทำให้แทนดาวโดนเบียดไปเข้ายืนมุมหนึ่ง ส่วนชลธียืนประกบอยู่ใกล้ชิดโดยเจตนาเอาตัวขวางไม่ให้หล่อนได้ยืนติดกับอชิตะ คนตัวเล็กรู้สึกว่ามือข้างหนึ่งของเขาเริ่มป่ายขึ้นมาลูบผมข้างหลังจึงใช้สายตาสยบการกระทำแต่คนเจ้าเล่ห์กลับทำไม่รู้เรื่อง

“ขอบคุณนะครับที่เชิญมาวันนี้ ใบพลูชอบมาก ถ้ามีกิจกรรมสนุกๆแบบนี้อย่าลืมบอกนะครับ ผมจะได้ขออนุญาตอาธรรมพาน้องพลูมาอีก” หมอหนุ่มบอกอีกฝ่ายด้วยสีหน้าและแววตาเป็นมิตรแต่ทำไมคนฟังกลับกำหมัดแน่นก็ไม่รู้

“ครับ” ชลธีพยายามบังคับเสียงและเก็บอาการให้นิ่งที่สุดก่อนจะแยกตัวไป

คนตัวเล็กได้ลายเซ็นและถ่ายรูปกับนักร้องสมใจแล้วก็อยากจะกลับ แต่พี่สาวตัวดีกลับติดลมคุยกับเพื่อนคนหนึ่งแล้วจะไปหาที่ดื่มต่อ แน่นอนว่าพี่สาวผลักภาระให้คุณหมอสวมแว่นพาน้องไปส่งซึ่งฝ่ายนั้นมิได้ปฏิเสธ

            “น้องพลูขอตัวแป๊บนึงนะคะ ขอไปโทรบอกพี่ชลเดี๋ยวเดียว” แทนดาวบอกอชิตะก่อนจะเดินออกโทรศัพท์ไปด้านนอกแต่ปรากฏว่าชลธีไม่รับสาย ความคิดสนุกๆก็เกิดขึ้น ถ้าแอบย่องไปทำเซอร์ไพร้ส์เขาเหมือนคราวที่แล้วจะเป็นยังไงนะ คนตัวเล็กลงลิฟต์ไปสอบถามตรงจุดประชาสัมพันธ์ก็เลยทราบว่าชลธียังอยู่ในออฟฟิศ ขอให้พนักงานพาขึ้นมาโดยไม่ต้องอ้างชื่อพี่สาวอีกต่อไปแล้วเพราะเวลานี้ทุกคนรู้โดยทั่วกันว่าหล่อนเป็นใคร

ความตื่นเต้นค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อมาหยุดยืนภายในห้องทำงานส่วนตัวรายล้อมด้วยผนังกระจกใสที่ตอนนี้ถูกมูลี่รูดปิดไว้ ภายในห้องเงียบสนิทแต่เห็นประตูห้องทำงานของเขาเปิดแง้มไว้ แทนดาวเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วหยุดอยู่แค่นั้น ประตูที่แง้มไว้ทำให้เห็นภาพในห้องที่ทำให้ชาวาบไปทั้งร่าง

            ชลธียืนกอดเปรมยุตาแนบแน่น ทั้งสองกำลังดูดดื่มกับจุมพิตที่มอบให้กันและกัน แทนดาวยืนตัวแข็งอยู่เสี้ยววินาทีก็มือไม้อ่อน แล้วสายตาของชลธีก็เหลือบมาเห็นเข้าพอดี

            “ขะ...ขอโทษค่ะ น้องพลูคิดว่าพี่ชลอยู่คนเดียว” แทนดาวพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นแต่มันก็ยังสั่นอยู่ดี ชลธีรีบผละจากเปรมยุตาตรงมาหาแต่แทนดาวถอยหนี วูบหนึ่ง...รู้สึกโกรธเขาขึ้นมาจับใจ

            “น้องพลูครับ พี่อธิบายได้...” ชลธีรั้งแขนข้างหนึ่งของหล่อนเอาไว้ แทนดาวแกะมือหนานั้นออกอย่างสุภาพ

            “เรื่องนี้...รวมอยู่ในเซอร์ไพร้ส์ที่พี่ชลตั้งใจจัดให้น้องพลูด้วยหรือเปล่าคะ?”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา