[Kai x Aichi Vanguard] Badly Love รักทรมานสีชมพู

7.7

เขียนโดย SayaTaeru

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.41 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  11.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 19.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3 สาวน้อย กับความสับสน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 3 สาวน้อย กับความสับสน

 

อย่างนั้นหรอครับ...เรียบร้อยแล้วหรอครับ ?

เร็นว่าขณะที่กำลังจิบชาอยู่ในห้องของตัวเขาเอง ขณะที่ไคนั้นนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

หนุ่มหน้าสวยเอาขาข้างขวาขึ้นมาพาดบนขาซ้าย เขาเหลือบตาลงมามองไคที่นั่งก้มหน้าจนกลัวว่าศีรษะจะตกลงไปบนพื้น เร็นเห็นดังนั้นก็เอื้อมมือมาวางไว้บนหัวไคแล้วก็ลูบเบา ๆ

“ทำดีมากครับ...ตอนนี้เด็กคนนั้นก็มีชีวิตต่อได้อีก 1 วันนะครับ..ถ้านายทำตามสัญญา เด็กคนนั้นก็จะอยู่นานขึ้นนะครับ..”เร็นว่า ไคไม่ตอบอะไร เขาผงกหัวรับเพียงอย่างเดียว ก่อนจะเดินกะเผลก ๆ ออกจากห้องไปคล้ายคนที่ไร้วิญญาณ

สองขาเดินออกมาก็พบกับเด็กสาวคนหนึ่งที่กำลังแหงนหน้าขึ้นมามองเขาพอดี ดวงตาหมดอาลัยตาอยาก กับดวงตาแสนขี้อายนั้นสบกัน ก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะรีบวิ่งหนีหายไปในที่สุด

ไคพาร่างตัวเองเข้ามาในห้อง เขาเริ่มกลับมาเป็นไคคนเดิมที่ปลงต่อทุกสิ่ง (ยกเว้นไอจิ) ดวงตาของเขาหมดอาลัยตายอยาก อยากจะเชือดตัวเองให้ตาย ๆ ไปเสีย แต่ถึงจะตายไปตอนนี้ ก็ไม่มีอะไรมารับประกันว่าไอจิจะปลอดภัย สุดท้ายแล้ว ลุงของเขาอาจเอาไอจิไปเป็นของเล่นก็ได้…

มือขาวซีดวางลงบนเตียงของเขาที่เคยมีเด็กสาวแสนน่ารักคนหนึ่งนอนอยู่ แต่ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว เธอได้หนีกลับเข้าห้องของเธอไปโดยที่ทิ้งรอยแผลที่ฟาดใส่เต็มแรงที่แก้มของเขา ทางกายไม่เจ็บเท่าไหร่ เพราะตอนนี้หายแล้ว แต่ทางใจเนี่ยสิ…

เขาสัมผัสได้ถึงความเกลียดชัง ความแค้น ความโกรธที่รุนแรงจนไคนั้นรู้สึกได้ ไหนจะใบหน้าที่เอ่อไปด้วยน้ำตา ไหนจะแววตาที่เหมือนจะฆ่าเขาได้ทุกเมื่อนั่นอีก…

 

ตุ่บ !

 

เสียงเหมือนของหนัก ๆ ตกลงบนพื้นจากห้องข้าง ๆ ทีแรกไคก็นึกว่าแค่ของตก แต่มันก็นานเกินไป มันไม่ได้ยินเสียงเคลื่อนย้ายอย่างที่ควรจะเป็น ไคลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วก็เดินไปที่ระเบียง เขามองรู้ว่าระเบียงห้องของเขากับระเบียงห้องไอจินั้นมันต่อกัน แต่ก็มีช่องว่างเล็กน้อยที่หากตกลงไปแล้วถ้าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแน่นอน

ด้วยความกังวลไคจึงยอมเสี่ยงปีนข้ามไปแล้วก็มาหยุดยืนอยู่ที่ระเบียงห้องของไอจิแล้ว ด้วยความสงสัยเขาจึงค่อย ๆ แอบส่องมองจากช่องว่างระหว่างม่านและพื้นผนังจากข้างนอก พอมองเข้าไปใจของไคก็ร่วงลงไปสู่ตาตุ่มแทบจะทันที

เสียงนั่นมาจากเก้าอี้ในห้องที่ล้มลงไป และข้างบนเก้าอี้นั่นก็มีร่างของเด็กสาวที่ลอยอยู่ข้างบนโดยที่มีเชือกห้อยอยู่ด้านบนขื่อ

เห็นดังนั้นไคก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง (กลอนประตูมันเสียน่ะ) แล้วก็อุ้มร่างของเด็กสาวลงมาบนพื้น เธอสำลักออกมาเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ปรือตาดูว่าใครกันที่ช่วยเธอเอาไว้

“ไคคุง !?”พอเห็นว่าเป็นคนที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องผูกคอกับขื่อเพื่อฆ่าตัวตายนั้นมาช่วยเธอไว้ ไอจิก็พยายามสะบัดตัวออก หากแต่แรงผู้หญิงมีหรือจะสู้แรงของผู้ชายได้ ไคโอบกอดร่างของไอจิเอาไว้

“อย่าทำแบบนี้อีก...ไอจิ”ไคว่าแล้วก็ซุกหน้าลงกับศีรษะของอีกฝ่าย

“ไคคุงนั่นแหละค่ะ ! ที่เป็นคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ ไคคุงเป็นอะไรไปหรอคะ ? ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้ ? ไคคุงต้องการล้างแค้นให้โทยะคุงจริง ๆ หรอคะ ?”ไอจิรัวคำถามใส่พร้อมเสียงสะอื้นที่ดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ

“...”ไคไม่ตอบอะไร เขากอดไอจิแน่นขึ้น แล้วเอามือของเขานั้นลูบหลังไอจิเบา ๆ เป็นการปลอบขวัญให้ไอจิ

“..ขอโทษ..”เพียงสองคำที่หลุดออกมาจากปากไค ก็ทำให้ไอจิหยุดร้องไห้ไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะร้องไห้ออกมาอีก

“ไคคุงคิดว่า..จะรับผิดชอบเรื่องนี้ยังไงหรอคะ ?”ไอจิซุกหน้าลงกับอกของไคหมายจะใช้เป็นผ้าเช็ดน้ำตาที่มันไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

“...ฉัน..”ไคไม่ตอบแต่เชยคางไอจิขึ้นมาแทน “ถึงเวลาเมื่อไหร่...ฉันจะบอกเธอทั้งหมด...ทุกสิ่งที่เธออยากรู้ ฉันจะบอกเธอแบบไม่ปิดบัง”

“แล้ว..ทำไม..”

“ไอจิ..เพื่อตัวเธอเองนะ..”ไคว่าจบแล้วก็เอาริมฝีปากของเขาแตะกับหน้าผากของไอจิเบา ๆ ก่อนจะคลายอ้อมกอดออกแล้วก็เดินไปที่ระเบียงที่เขาใช้มันแทนประตู

“...อย่าฆ่าตัวตายแบบนี้อีกนะ..”ก่อนจะออกไปไม่วายไคก็ยังย้ำไอจิอีก เด็กสาวหลบตาไคแล้วก็พยักหน้ารับไปหงึกนึงเป็นการตอบแทน เมื่อเด็กหนุ่มห็นว่าเด็กสาวไม่อยากจะฆ่าตัวตายอีกแล้วก็ปีนระเบียงกลับห้องของตัวเองทันที

“ไคคุง...เป็นคนยังไงกันแน่นะ ?”ไอจิพึมพำออกมา



ฝัน

 

‘โทชิกิ ! หนีไป !’

 

ฝันอีกแล้วหรอ

 

‘พี่ !’

 

ฝันซ้ำ ๆ เดิม… ไม่เบื่อบ้างรึไงกันนะ

 

ไคค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมาในห้องของเขา ในตอนนี้เขานอนอยู่บนเตียง เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน ก็เลยอยากจะไม่นอนพักผ่อนเอาแรงตอนเช้านี่แหละ

ไคค่อย ๆ ลุกขึ้นมาจากเตียง แล้วก็หันหน้าไปมองตรงหน้าต่าง เขาใจลอยอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง เดินตรงดิ่งไปที่หน้าห้อง พอเปิดประตูออกไปกลับพบเด็กสาวตัวสูงประมาณลิ้นปี่ของเขาที่ตอนนี้กำลังผงะตกใจจนแทบติดกับขอบระเบียง

“เธอคือใคร”ไคถามกลับด้วยความเย็นชา เด็กสาวแสนขี้ขลาดคนนั้นสะดุ้งเฮือกก่อนจะค่อย ๆ ยกกล้องที่ห้อยคอของตนขึ้นมาด้วยมืออันสั่นเทา

“ฉะ...ฉันเป็นนักข่าวจากโรงเรียนฮิตซุย ไม่ทราบว่า...ฉันขอทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องของคุณ..จะได้ไหมคะ”เด็กสาวถามเสียงสั่น ไคจ้องเธอเขม็งแล้วก็จับข้อมือของเธอให้เข้ามาหาตัวหมายจะได้คุยกันง่าย ๆ ไม่ต้องเสียงดังมาก

“ใครเลือกหัวข้อนี้ ? เธองั้นหรอ ? ให้ตายก็ไม่เชื่อ”ไคว่าแล้วก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเธอ

“เอ้า..บอกมาสิ”ไคแสยะยิ้มแล้วก็จ้องเข้าไปในนัยน์ตาของเธอเขม็งราวกำลังจะดูดวิญญาณของเธอออกจากร่าง

“ระ...รุ่นพี่ คนนึงในชมรม..ค่ะ”เธอตอบเสียงสั่น

“รุ่นพี่ ? ผู้ชายผู้หญิง ?”

“ผู้ชาย..คะ...ค่ะ”เด็กสาวกลัวจนน้ำตาเล็ด แว่นของเธอค่อย ๆ ไหลลงตามร่องจมูกไปติดอยู่ที่ปีกจมูก

“หืม...เธอชื่ออะไร”ไคเลิกจ้องตา แล้วก็หันมามองสำรวจเธอบ้าง เด็กสาวกอดกล้องของตัวเองแล้วก็ตอบกลับไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“ชะ..ชินโก โคโมอิ...คะ...ค่ะ”เธอว่าออกมา “อยะ...อยู่ชั้นม.ปลายปีที่ 1”

“...แล้วจะมาทำข่าวอะไรเกี่ยวกับฉันล่ะ ?”ไคถามกลับไปโดยเอามือกอดอกมองเธอ หากมองผ่าน ๆ คงเข้าใจว่าไคกำลังหาเรื่องเธออยู่เป็นแน่แท้

“คะ..คือระ...รุ่นพี่ต้องการจะรู้ว่า..ทะ..ทำไมคุณไคถึงได้กลายเป็นหลุมดะ..ดำของโรงเรียน..ทะ..”

“เลิกพูดติดอ่างซักที..”ไคพูดแทรกขึ้นมาโดยไม่เกรงใจเด็กสาวที่กลัวจนตัวสั่นเทิ้มอยู่ด้านหน้า “พูดต่อสิ ห้ามติดอ่างด้วย”

“ค่ะ…”เธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อรวบรวมความกล้า “พวกเขาต้องการจะรู้ว่าทำไมคุณถึงได้..กลายเป็นหลุมดำของโรงเรียน ทั้ง ๆ ที่สมัยก่อนคุณก็สดใสดุจดวงอาทิตย์…”

“..โห..”ไคแสยะยิ้มแล้วก็จ้องหน้าเด็กสาวแบบติดเย้ยหยันเล็กน้อย “ฝากไปบอกรุ่นพี่ของเธอที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านหน่อยนะ..”

ไคยื่นหน้าเข้าไปกระซิบกับเธอที่ข้างหูเพื่อข่มขวัญเด็กสาวเล่น (เอ่อจ้า สนุกไหม) “ฉันจะเปลี่ยนไปเพราะอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับแก และทุกคนในโรงเรียน..”

“แต่...ถ้าฉันไปบอกแบบนี้ มีหวังโดนด่า..”

“ไม่รู้แหละ ฉันจะพูดแค่นี้… มีปัญหารึยังไง ?”ไคเอามือกอดอกจ้องลงมาที่ตากล้องสาว เด็กสาวสะดุ้งโหย๋งแล้วก็รีบวิ่งลงไปจากห้องพักคล้ายกับคนที่เพิ่งเจอผีหลอกมา รับรองว่ากลับบ้านไปจับไข้หัวโกร๋นแน่ ๆ (?)

ไคมองเด็กสาวรูปร่างเล็กที่รีบวิ่งออกไปโดยเกือบสะดุดอยู่หลายครั้ง ก่อนที่ร่างของเธอจะลับสายตาไปเมื่อเธอวิ่งออกไปทางถนนใหญ่

“...แบบนี้แย่แน่ ๆ..”ไคพึมพำออกมาแล้วก็เดินลงจากบนไดลงไปข้างล่าง หมายจะเดินเล่นให้สบายใจซักหน่อย แต่พอเจอเรื่องแบบนี้เข้าไปก็ถึงกับคิดไม่ตก เขาสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้มีคนคิดระแคะระคายเรื่องของเขาขึ้นมา แถมเป็นคนที่รู้จักเขาในสมัยก่อนอีกต่างหาก

ไคไม่ใช่คนที่ชอบตะขิดตะขวงใจอะไรกับเรื่องที่คนอื่นคิดกับตัวเอง แต่คราวนี้มันก็น่าคิดจริง ๆ เพราะพวกเขาเริ่มจะเข้าใกล้ถึงความลับที่เขาอุตส่าห์ปกปิดมันมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไอจิ เรื่องของพี่ชายของเขาโทยะ แล้วก็เรื่องที่เขาต้องหนีหัวซุกหัวซุนจากลุงของเขาเองอีก

พอเดินลงมาถึงข้างล่าง ก็พบกับเด็กหนุ่มในชุดไปรเวทที่เหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่ตรงนั้นก่อนที่เด็กหนุ่มตารูปครึ่งวงกลมนั้นจะยื่นมือออกมา

“นายคือ ไค โทชิกิอย่างนั้นสินะ ฉันชื่ออิชิดะ นาโอกิ”นาโอกิว่า ก่อนจะมองเด็กหนุ่มที่เอาแต่จ้องมือเขานิ่ง แถมบรรยากาศรอบกายก็ดำมืดตามฉายาหลุมดำจริง ๆ

“อะแฮ่ม ฉันรู้นะว่านายไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ขอถามหนึ่งข้อกับพูดเปล่า ๆ อีกข้อนึงนะ”นาโอกิชักมือกลับ

“อะไร..”ไคถามกลับไป ความหงุดหงิดแล่นเข้ามาในความคิดของไค เพราะไอ้หมอนี่คือคนเมื่อวาน...คนที่ทำให้เขาหงุดหงิดแทบคลั่ง !

“ขอถามก่อนเลยก็แล้วกันนะ..นายน่ะเป็นอะไรกับไอจิกันแน่ ?”นาโอกิถามขึ้นมา ไคเอามือล้วงกระเป๋าจ้องหน้านาโอกินิ่ง

“...คนข้างห้อง”สามคำจากปากของไคหลังจากที่เขาเผลอเงียบไปอยู่นานชั่วอึดใจ นาโอกิจ้องไคกลับคล้ายกำลังไม่ไว้วางในว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรที่นอกเหนือจากคำตอบที่ตอบออกมาอยู่

“แล้ว...มีเรื่องที่จะพูดไม่ใช่รึไง”ไคจ้องกลับตาเขม็ง เพราะเขาไม่อยากจะเสียเวลาไปกับนาโอกินานเกินไป นาโอกิจ้อหน้าไค เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะทำหน้าตายิ้มแย้มให้กับไค

“ไค ! นายรู้ไหม ถึงทุกคนจะเกลียดนายก็เถอะ แต่สำหรับฉัน ฉันว่านายน่ะเท่ห์มากเลยนะ ไอ้บรรยากาศอันดำมืด ดวงตาไร้ความรู้สึก โอ้ย ค่อดเท่ !”นาโอกิกำมือแน่นแล้วก็จ้องมาที่ไคตาแป๋ว ไคมองกลับแล้วก็เบือนหน้าหนี

“เสร็จรึยัง..”

“อะ..อื้ม”นาโอกิขานรับ

“ฉันไปละ”ไคว่าแล้วก็เดินหลบนาโอกิออกไป นาโอกิยิ้มส่งให้อีกฝ่ายไปจนลับสายตาแล้วค่อยหุบยิ้ม แววตาเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ราวคนละคน

“หมอนั่น…”นาโอกิพึมพำได้เท่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปในตัวของอพาร์ทเม้น เขารู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีตอนหลังจากที่ไอจิเดินเข้ามาในอพาร์ทเม้นนี้ ดังนั้นเขาจึงแอบดูอยู่ กะว่าจะรอจนกว่าไอจิกลับเข้าไปในห้องก่อนค่อยเดินจากไป

ดังนั้นเขาจึงมองเห็นทั้งหมด (หากแต่พลาดที่ไม่ได้ยินเสียงด้วย) ตั้งแต่ที่ไควิ่งเข้ามาหาไอจิแล้วก็กอดเธอเอาไว้ ก่อนที่ชายผมแดงจะเดินเข้ามาคุยอะไรบางอย่างกับทั้งสอง ก่อนที่ท่าทีของไคจะเปลี่ยนไป

เขาลากไอจิเข้าไปในห้องนอน หลังจากนั้นก็ไม่ได้ออกมาอีก แต่นาโอกิก้ไม่สามารถเฝ้าแบบทั้งวันทั้งคืนได้ จึงยอมรามือกลับบ้านไปก่อน และวันนี้เขาจึงมาหาไอจิ เผื่อว่าถ้าไม่เกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น ก็จะถือโอกาสชวนออกไปเที่ยวชมเมือง แต่ถ้ามี...เขาก็พร้อมรับฟัง ถ้าไอจิต้องการจะบอก

นาโอกิมาหยุดยืนที่หน้าห้อง ๆ ที่เขามั่นใจว่าเป็นห้องของไอจิ ก่อนจะหันหน้าไปมองข้างห้องทั้งซ้ายทั้งขวา พลอยทำให้นึกถึงเรื่องเมื่อวานอยู่เหมือนกัน

ก๊อก ก๊อก

นาโอกิเคาะประตู โดยไม่ได้สังเกตว่ามีกริ่งอยู่ข้าง ๆ กล่องจดหมายที่อยู่ใกล้กับประตู ใช้เวลาอึดในนึงประตูก็ค่อย ๆ ถูกเปิดออก ปรากฏใบหน้าของไอจิที่ตาบวมช้ำเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน ดวงตาของเธอไม่ได้สดใสเหมือนวันแรกที่ย้ายมา แถมยังดูอิดโรยเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืนอีก

“อะ..ไอจิ ! ไปทำอะไรมาเนี่ย”นาโอกิถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง พอรู้ว่าเป็นใคร ไอจิก็เบิกตากว้างแล้วก็ทำท่าทีสดใสทันที

“สวัสดีค่ะนาโอกิคุง..มีธุระอะไรหรอคะ ?”ไอจิถามเสียงใส นาโอกิมองหน้าเธอด้วยความกังวลอยู่อึดใจ ก่อนจะตัดสินใจตามน้ำไป

“นั่นสิ นี่ก็จะเที่ยงแล้วออกไปหาอะไรทานกันไหม ?”นาโอกิถามออกไป

“นั่นสินะคะ…”ไอจิหันหน้ามองนาฬิกาในห้องอย่างเหม่อลอยซักพัก ก่อนจะหันหน้ากลับมาหานาโอกิ

“แล้ว..นาโอกิคุงมาทำไมหรอคะ ?”ไอจิถามกลับไปด้วยแววตาอันสดใส..แต่ก้ไม่ได้สดใสเท่ากับก่อนหน้าเหตุการณ์นั้น

“ฉันจะมาพาเธอเที่ยวยังไงล่ะ...งั้นเธอไปแต่งตัวดี ๆ ก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันรออยู่หน้าห้องนี่แหละ”นาโอกิว่าแล้วก็ค่อย ๆ แง้มประตูปิด โดยที่มีไอจิพยักหน้าเบา ๆ ให้

พอได้เห็นไอจิในสภาพนี้แล้ว ความกังวลก็พุ่งขึ้นมาในสมองของนาโอกิ เขามโนไว้ต่าง ๆ นา ๆ ว่าไอจิถูกทำร้ายรึป่าว ? ถูกด่าทออย่างรุณแรงรึป่าว ? แต่พอลองโยงกับเหตุการณ์ที่ไคลากไอจิเข้าไปในห้องสองต่อสองแบบนานสองนานนี่…

นาโอกิเบิกตากว้างแล้วก็หันหน้าไปมองประตูห้องไค ดวงตาของเขาสั่นคลอน พลันภาพไอจิที่เดินมากับไคในวันแรกที่เธอมาโรงเรียนก็ผุดขึ้นมาในหัว ในตอนนั้นเธอดูมีความสุขที่ได้อยู่กับไค แต่พอมาวันนี้กลับตาบวมเฉ่งเหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน

 

หรือว่า...ไอจิจะถูกทำลายผนึก !? (มันคือภาษาของไรท์ มีความหมายว่า ‘ถูกทำเรื่องอย่างว่า’)

 

คิดได้แบบนั้นไม่นานไอจิก็เดินออกมาจากห้อง เธอสวมแว่นตาดำเลนส์อะนใหญ่ที่ปิดดวงตาของเธอได้ทั้งดวง พร้อมการแต่งกายด้วยชุดเดรสสีชมพูอ่อน และรองเท้าแบบธรรมดา ๆ เท่านั้น

แต่งกายแบบนี้..ไอจิดูน่ารักไม่หยอกเลยทีเดียว นาโอกิคิดในใจแล้วก็ทำทีเลยตามเลย เหมือนคนที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน และทำทีเหมือนมองไม่เห็นรอยตาอันบวมช้ำนั่นด้วย…

 

เพราะนาโอกิยังไม่มีหลักฐานว่าไคทำการทำลายผนึกของไอจิจริง ๆ !

 

 

-----------------------------------------------------------

ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีว่างานเยอะ สอบก็แยะ และก็ยังไม่มีแรงบันดาลใจในการเขียนเรื่องนี้ด้วยสิคะ (หัวเราะกับประเด็นหลัง) 

เอาเป็นว่าอย่าเพิ่งหนีหายกันไปไหนนะคะคุณนักอ่านทุกคน ; [] ; 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา