The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ
เขียนโดย Valentinlover
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.
แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย
50) ไวโอลีน ร้องไห้..
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ในร้านอาหารราคาแพงในห้างกลางเมือง อ๊อดมองอาหารนิ่งๆ จนสรรค์ต้องถามว่า
“ไม่หิวเหรอ” สรรค์กล่าว
“ของชอบทั้งนั้นเลยนี่”
อ๊อดจึงตื่นตัวแล้วก็ยิ้มออกมา เมื่อสักครู่ตอนได้เห็นอาหารเขาคิดไปถึงอาหารถุงง่ายๆที่เคยจัดเรียงบนโต๊ะในห้องอพาร์ทเม้นท์..
“อ้อไม่ใช่ครับ” แล้วเขาก็ลงมือกิน
“เอ่อเดี่ยวกันเสร็จพี่ว่าจะไปเยี่ยมญาติของพี่หน่อย เห็นว่าอาการหนักมาก เดี่ยวอ๊อดก็ไปด้วยกันนะ”
อ๊อด จำได้ว่าคนที่ว่าคือคนที่สรรค์บอกว่าแนะนำอ๊อดให้กับสรรค์ได้รู้จัก แต่จนป่านนี้ด้วยข้ออ้างที่ว่าเคยไม่ถูกกันอย่างรุนแรงทำให้สรรค์ยังไม่ยอม บอกว่าเป็นใคร
“พอเจอกันก็อโหสิต่อกันนะ อย่าให้เรื่องเก่าๆมันค้างคาใจ” สรรค์กล่าว
พอไปถึงโรงพยาบาลสรรค์ก็ถามจากพยาบาลแต่ข้อมูลทำให้ตกใจ
“คนไข้เสียชีวิตแล้วค่ะ ตอนนี้อยู่ที่ห้องดับจิตแล้ว”
ทั้ง คู่เลยมาที่ห้องดับจิต อ๊อดรู้สึกแปลกๆในหัวใจ เขากลัวอย่างไรพิกล ไม่ใช่เพราะกลัวการไปห้องดับจิต แต่ทุกก้าวที่ย่างไปเหมือนกับหัวใจมันกำลังจะบอกอะไรเขา มันเต้นแรงอย่างผิดปกติ
ที่หน้าห้องมีจุ๊ย อ็อย และอาราอิ
“อ้าวทำไมมากันหมดเลย แสดงว่าสนิทกันอย่างนั้นใช่ไหม” สรรค์หันมาถามกับอ๊อด
อ๊อดไม่ตอบ เขาเดินไปยืนตรงหน้าจุ๊ย
“อ๊อดมึงควรจะเข้าไปดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย แต่ถ้ามึงจะไม่เข้าไปกูก็ไม่ว่าหรอก” จุ๊ยกล่าวแต่ก็หลบสายตาอ๊อด
ร่างที่นอนอยู่บนเตียงซูบซีด ผิวที่ขาวอยู่แล้วจึงซีดเป็นกระดาษ ใบหน้าซูบซีดนั้นสงบนิ่ง
อ๊อดยืนคู่กับสรรค์
“กล่าวอโหสิกรรมกันสิ แล้วถ้าโกรธอะไรกันก็เลิกแล้วต่อกันนะ”
อ๊อดไม่พูดสักคำ เขาหันหลังออกมาจากห้องนั้น
“ผมกลับก่อนนะพี่ ผมง่วงนอน”
งาน ศพเมืองฟ้าผ่านไปแล้วสามวัน จุ๊ยเองแม้จะไปทุกวันแต่ก็ไม่ได้กล้าเอ่ยปากอะไรกับอ๊อดที่ไม่ได้ไปเลย เขาเหมือนเป็นปกติและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“มันอะไรของมัน” ฮ้อยถามออกมาตอนมองอ๊อดกำลังสนทนากับพวกหน่องอย่างร่าเริง
“มันไม่เสียใจอะไรเลยหรือไงวะ”
“มึงเอาเทปที่เมืองเขาขอโทษ มัมไปหรือยัง”
“เปิดให้มันฟังเลย บังคับด้วย แต่มันไม่ได้พูดอะไร” จุ๊ยถอนหายใจชันเข่าขึ้นข้างหนึ่ง
“แต่ กูว่านะ มันแปลกๆ มันน่าจะพูดอะไรบ้าง มันน่าจะแสดงอาการอะไรบ้าง นี่มันผ่านมาไม่เท่าไหร่เองนะ แล้วมันจะไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ แต่ที่มันทำมันเย็นชาเกินไป จะว่าโกรธก็ไม่ใช่ อะไรของมันกูก็งง”
แต่สักครู่ สิทธิก็เดินมาถึง แต่เดินผ่านไปยังตรงที่อ๊อดนั่งอยู่
“พี่อ๊อดผมขอคุยด้วยหน่อยสิ”
จุ๊ยกับฮ้อยมองหน้ากัน
“ผมขอร้อง ผมแค่อยากให้พี่ไปเล่นไวโอลีนหน้าศพพี่เมืองเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้นเอง” สิทธิแทบจะคุกเข่าอยู่แล้วตอนที่พูดประโยคนั้น
“ก็ให้จุ๊ยมันเล่นสิ ไวโอลีนของจุ๊ยมันก็ไม่ต่างกับฉันหรอก มันเก่งนะ” อ๊อดตอบ แล้วหันไปมองทางอื่น
“พี่ใจร้ายมาก” สิทธิกล่าวออกมามองอ๊อดอย่างเจ็บปวดใจ
“พี่เมืองทำเพื่อพี่ทั้งนั้น พี่จะคิดว่าพี่เขาโกหกพี่ หลอกพี่ หรืออะไรก็ตาม แต่ผมอยากจะบอกว่าเพราะพี่เขารักพี่มากพี่เขาถึงได้ทำอย่างนั้น”
อ๊อดเงียบไปนาน
แล้วหันมา
“เขารักนายมากกว่า..” อ๊อดกล่าวเสียงที่ระคนด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“ถ้า เขารักฉัน ทำไมในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาไม่ให้ฉันดูแล ทำไมเขาไม่บอกลาฉันด้วยตัวเอง ทำไมเขาถึงทิ้งฉันไปอย่างนั้น ทำไมเขาต้องทำอย่างนี้ ทำไมล่ะนายช่วยอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อย”
“ในเมื่อเขาต้องการแบบนี้ แปลว่าเขาก็อาจไม่ได้ต้องการให้ฉันไปเล่นจริงๆ แล้วมีประโยชน์อะไรที่ฉันไป ให้ไอ้จุ๊ยไปก็แล้วกัน”
แล้ว เขาก็เดินผ่านหน้าสิทธิที่ยืนนิ่งไร้คำตอบหรือเสียงท้วงติง และผ่านจุ๊ยกับฮ้อยที่ตามมาดูเหตุการณ์ โดยเพื่อนทั้งสองก็ไม่กล้าจะหยุดยั้งเขาไว้
ในงานศพของเมืองฟ้า มีญาติและเพื่อนของเมืองฟ้ามาหลายคนโดยเฉพาะแก๊งค์เกย์สาวที่เคยสนิทกันมา กันเกือบครบ เดฟก็ยังมาทั้งที่ขายังพันผ้าโดยมีอัศวะตามมาด้วย
ฮ้อยจัดการจูนเสียงคีย์บอร์ด แล้วก็หันไปมองจุ๊ยที่ไม่ได้ถือไวโอลีนแต่เป็นฟรุ๊ต
“ถ้ามันไม่มาล่ะจุ๊ย” ฮ้อยถาม
จุ๊ยไม่ได้ตอบ แต่หันไปมองอาราอิที่ยืนอยู่ตรงแถวด้านนอกพื้นที่ฌาปนสถาน เขาส่ายหน้าแสดงว่ายังไม่มีวี่แวว
“มันต้องมากูเชื่อ มันไม่ได้ใจแข็งขนาดนั้น”
สิทธิมองรูปเมืองฟ้า แล้วหันไปหาสรรค์พี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ สรรค์ยังไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
มัคนายกเดินเขามาสอบถามกับมารดาและบิดาของเมืองฟ้า เหมือนเธอจะตอบว่าพร้อมแล้ว
ตอนนั้นจุ๊ยชักใจแป๋ว เพราะแปลว่าเขากำลังต้องเล่น
แต่แล้วอาราอิก็แสดงอาการตื่นตัว โบกมือบอกจุ๊ย
อ๊อดในชุดสีขาวล้วนเดินมาพร้อมกับไวโอลีนของเขา เขาไม่ได้พูดกับอาราอิตอนเดินผ่านมายืนข้างๆจุ๊ย
เขาหันไปมองฮ้อย ก่อนจะหันไปสบตาจุ๊ยแล้วก็ตั้งท่าพร้อม หนีบไวโอลีนตัวเอกเอาไว้ด้วยคาง หันไปหารูปของเมืองฟ้า
แล้วเขาก็เริ่มต้นสีเพลงที่ทำให้เขาได้พูดคุยกับเมืองฟ้าเป็นครั้งแรก
Sad Romance ของ Ji Pyeongkeyon..
เสียงไวโอลีนนั้นยิ่งทำให้บทเพลงที่ประพันธ์อย่างเศร้าสร้อยอยู่แล้วก็ยิ่งทำให้ มันเศร้าไปมากกว่าเดิม เสียงของมันพริ้วไหวและคล้ายกับการครวญสะอื้นของสายลมที่อยู่รอบตัว
“เราพึ่งย้ายมาน่ะ”
“ทำไม อ๊อดเศร้าจังเลย คือเมืองอาจเล่นดนตรีสากลไม่เป็นนะ แต่ชอบฟังมากๆ โดยเฉพาะไวโอลิน แต่เสียงไวโอลินของอ๊อด เมืองว่ามันเศร้าจัง มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
“โอ๊ยแล้วจะเสียใจทำไมเนี่ย... ได้ที่สองจากคนเป็นร้อยก็เก่งจะแย่แล้ว”
“อ๊อด บางอย่างมันไม่ต้องมีเหตุผลหรอก เราก็แค่ทำตามหัวใจของเรา เราอยากเป็นอะไร หรือไม่อยากเป็นอะไร มันอยุ่ที่ตัวเราตัดสินใจไม่ใช่เหรอ... ในโลกของเมืองไม่มีพระเจ้ากำหนด แม่บอกว่าเราเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเองทั้งหมด”
“สำหรับเมือง... เมืองไม่อยากรู้ว่ามันผิดหรือถูกแต่ เมืองแค่อยากจะอยู่ใกล้คนที่เรารักเท่านั้นเอง”
แล้วน้ำตาก็อาบลงมาอย่างห้ามไม่ได้ ในม่านน้ำตา อ๊อดคล้ายจะเห็นเทวดาตัวน้อยของเขา เทวดาที่ยืนเคียงข้างเขาในตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับช่วงเวลาที่อัดอั้นตันใจ เทวดาดูแลเขาด้วยความรักตลอดมา และเทวดาที่โอบกอดเขาอย่างอ่อนโยนในคืนที่เหน็บหนาว
สรรค์เห็นน้ำตาที่ไหลออกมาได้จากในระยะไกล น้ำตานั้นมาจากความเศร้าเสียใจอย่างสุดซึ้งแน่นอนที่สุด
“สิทธิ เมืองไม่ใช่แค่เพื่อนของอ๊อดใช่ไหม...” เขาหันมาถามกับน้องชาย
เสียงไวโอลีนท่อนสุดท้ายหวีดขึ้นกรีดความรู้สึก แล้วอ๊อดก็ทิ้งกายลงกับพื้นอย่างสิ้นไร้เรี่ยวแรง
จุ๊ยส่งฟรุ๊ตให้อาราอิ แล้วก็นั่งลงพอเขาวางมือบนบ่า อ๊อดก็กอดเขาไว้แน่น
“ทำไม จุ๊ย ทำไมเมืองทำแบบนี้กับกู กูรักเขามากเลยมึงรู้ไหม ทำไมเขาไม่ให้กูดูแลเขานาทีสุดท้าย ทำไมเขาไม่ให้กูได้บอกลาเขา ทำไมล่ะจุ๊ย ทำไมเขาต้องทำกับกูแบบนี้ กูไม่ใช่สิ่งของจุ๊ย กูเป็นคน คนที่รักเขา.. ทำไมเขาทำกับกูแบบนี้”
จุ๊ยมองหน้าฮ้อยที่ย่อเข่าลงมาข้างๆ ก่อนเขาจะตอบออกไป
“แล้ว ถ้ามึงได้อยู่จริงๆ มึงทำได้ไหมล่ะที่จะส่งเขาด้วยรอยยิ้ม มึงทำได้ไหมที่จะปล่อยเขาโดยดีโดยไม่พยายามรั้งเขาไว้ทั้งที่รั้งไม่ได้ มึงทำได้หรือเปล่า” จุ๊ยกล่าว
“เมือง รักมึงมากอ๊อด สิ่งที่เมืองทำอาจแปลกๆ แต่เขารักมึงมากจนไม่รู้จะทำยังไง แล้วเขาก็เป็นห่วงมึงมาก ด้วยหัวใจที่อ่อนแอของเขา แต่เขากลับกลั่นใจทำในสิ่งทีเขาเจ็บปวดที่สุด"
"มึงคิดว่าเขาทำได้เพราะอะไรหล่ะ นี่มันไม่ใช่ความใจร้ายนะอ๊อด แต่เขาทำเพราะเขาเป็นห่วงมึง และเขาทำเพราะเขาทนเห็นมึงเสียใจไม่ได้ เขาทนที่จะจากมึงไปทั้งที่มึงกำลังร้องไห้ครำครวญไม่ได้”
“ทั้งหมด มันคือะไร มันคือความรักที่เสียสละไม่ใช่เหรอ... ความรักของคนที่อยากให้มึงมีความสุขที่สุดในชีวิตของเขาไม่ใช่เหรออ๊อด”
อาราอิต้องเบือนหนีไปจากภาพนั้น เขามองขึ้นฟ้าเพื่อไม่ให้น้ำตาตัวเองไหลออกมา
ความเสียสละอย่างนั้นหรือ นี่คือรูปแบบหนึ่งของความรักที่เสียสละใช่หรือไม่...
เพราะ รู้ว่าไม่อาจเคียงข้าง จึงทนเห็นเขาไปกับคนอื่น เพราะรู้ว่าไม่อาจจากไปโดยต้องเห็นคนรักต้องเสียใจ ก็เลยยอมทนจากไปอย่างเดียวดาย ตายไปในความเงียบงันที่เจ็บปวด...
อย่างนี้เรียกว่าอะไร... ใช่ความรัก หรือไม่
ความรักมีคำจำกัดความหลากหลาย หลากหลายเกินไปจริงๆ
หลังจากเหตุการณ์ในวันเผาศพเมืองฟ้า อ๊อดก็ซึมเศร้าไปหลายวัน นานเกือบเป็นเดือน
จากที่อ๊อดเล่า สรรค์เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ก็ยังยืนยันว่าความรักของเขาไม่ได้เกิดอย่างฉาบฉวย เขาก็รักอ๊อดจริงๆตั้งแต่แรกเห็น แต่ก็เข้าใจอ๊อด และยินดีจะปล่อยถอยออกมาให้อ๊อดได้ใช้เวลากับตัวเอง
ฮ้อยก็เลยให้อ๊อดย้ายมาอยู่กับเขาเป็นการชั่วคราว ซึ่งจะอยู่ไปเลยก็ได้ เพราะยังไงเขาก็อยู่คนเดียว แต่ทั้งนี้ก็มอบให้เป็นการตัดสินจากอ๊อด ว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิต
และแม้สรรค์จะทิ้งระยะห่างกับอ๊อด เขาก็ไม่ได้ทอดทิ้ง The Trio Tenders แต่ยังส่งงานดีๆให้มากกว่าเดิม จนจุ๊ยแอบได้ยินวงอื่นที่อยู่ในการดูแลของสรรค์เหมือนกันบ่นว่าน้อยใจ
ดังนั้นในความรู้สึกของจุ๊ย บางทีเมืองฟ้าอาจไม่ได้คิดผิด เขาเป็นญาติกับพี่สรรค์เขาคงเลือกแล้วว่าใครกันแน่ที่จะดูแลอ๊อดที่เขารัก ต่อไปได้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ