The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  53.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

37) เผชิญหน้าสไบทอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        

แดดอ่อนๆยามสายส่องลงมาบนเรือนผม ใต้เงาไม้จุ๊ยนั้งอ่านนิตยสารดนตรีต่างประเทศอยู่อย่างสนอกสนใจ  ไม่รู้เพราะช่วงแสงหรืออะไรตอนที่อ๊อดเห็นจุ๊ยจึงรู้สึกว่าจุ๊ยตอนนี้ก็ดูดี อยู่ใม่น้อย

“กูเริ่มเข้าใจละว่าทำไมไอ้เดฟถึงได้ขอบมึง ดูๆไปมึงก็หล่อนะเนี่ย”

จุ๊ยเลิกคิ้วมองหน้า

“ทำไม  มึงจะเอาอะไรรึเปล่า มาชมกูเนี่ย  ของฝากจากญี่ปุ่นก็ให้แล้วนะเว้ย”

“ไม่ใช่ จังหวะแสงเมื่อกี้  มึงแม่งโครตหล่อ  เหมือนพระเอกซีรี่เกาหลียังไงอย่างนั้น”  อ๊อดว่าแล้วนั่งลง

“ความรักมักทำให้คนดูดีรึเปล่าว๊า”

จุ๊ยไม่ได้ตอบแต่โคลงหัวเบา ๆ

“เฮ้ยพวกมึง  มาช่วยกันหน่อยดิว๊า”  ฮ้อยเดินมาพร้อมกับอุปกรณ์เข้าจังหวะ

“ช่วยอะไร มึงจะไปเข้าค่ายลูกเสือหรือไง แบกกลองทอมมาเนี่ย”

จุ๊ยเงยหน้ามอง

“ก็วันนี้เปิดเทอมวันแรกไง  พวกไอ้หน่องมันเลยให้กูมาตามมึงกับอ๊อดไปดูหน้าน้อง”

“ดูทำไม  ไหนว่าไม่รับน้อง” จุ๊ยย้อนแล้วอ่านต่อ  อ๊อดก็ถอดร้องเท้าถุงเท้ามานั้งแคะเล็บเท้า

“เออ  มันก็ต้องมีการต้อนรับกันบ้างตามธรรมเนียม” ฮ้อยว่า

“แล้วมีคนหนึ่งมึงต้องอยากเจอแน่นอน”

จุ๊ยเลยชักสนใจ

 

เด็กหนุ่มผิวสองสีดวงหน้าคมเข้ม  เขากำลังมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า 

“น้องชื่ออะไรคะ” เธอยิ้มหวาน

เด็กหนุ่มทำตาเชื่อม

“อิทธิครับผม”

หญิงสาวก็ไล่ไปตามรายชื่อ กระทั้งเจอ

“ชื่อเล่นล่ะคะ”

เด็กหนุ่มก็ยิ้มหยาดเยิ้มเหมือนเคย

“ออสซี่ครับ”

“ออสซี่พ่อสิมึง” เสียงมาจากข้างหลังไม่ดังนัก 

พ่อหนุ่มออสซี่ทำท่าสะดุ้ง แต่ไม่ได้หันไปดูหน้า เพราะแค่เสียงก็พอแล้ว

“เอาป้ายชื่อไปนะค่ะ” หญิงสาวยื่นให้

ออสซี่รับแล้วรีบเดินไป

“จะไปไหน” มือของเจ้าของเสียงที่พึ่งปรากฏตัว คว้าคอเสื้อเอาไว้

“มานี่เลย”

“จุ๊ยอยากแกล้งน้องสิ  นี่เป็นกิจกรรมแนะนำตัวเฉย  ไม่ใช่ว๊าก”หญิงสาวติง

“โอ้ยไม่ได้ล่ะ พลอย.. ไอ้นี่ผมขอ”  จุ๊ยบอกแล้วกอดคอเอาไว้

“ทำไมล่ะ รู้จักกันเหรอ น้องออสซี่”

เด็กหนุ่มทำหน้าเจื่อนๆ

จุ๊ยทำหน้าเหมือนผะอืดผะอมแล้ว ขยี้หัว

“ออสซี่ไม่รู้จัก  แต่ไอ้เด็กที่ชื่อไอ้เหี้ยอู๊ดนี่รู้จัก  ใช่ไหมครับน้องออสซี่”

อู๊ดทำหน้าจ๋อยๆก่อนจะยกมือไหว้

“หวัดดีครับพ่อ”

 

เสียงกลองอึกทึกและยิ่งสนุกไปกันใหญ่เมื่อจุ๊ยจงใจเต้นให้อุบาทถ์ที่สุดเพื่อแกล้งอู๊ดที่ต้องเต้นตาม

“โหยพี่  นี่ฆ่าผมเลยดีกว่า ให้เต้นตามพี่น่ะ” อู๊ดอุทธรณ์

เพื่อนก็หัวเราะกันกับเสียงอุทธรณ์นั้น

“นี่เหรอวะพี่นทีธาร จุ๊ย  ที่เขาว่าเป็นอัจฉริยะดนตรี  นี่มันต๊องนะเนี่ย”  เด็กสองคนด้านหลังคุยกัน

“แต่ฉันเคยดูพี่เขาเล่นนะ... เสียงแซกของพี่เขานี้มืออาชีพยังอาย  บาดใจโคตรๆ” อีกคนตอบ

“อ้าวออสซี่น้องรัก... ทำไมใจมดอย่างงี้ล่ะว๊า” จุ๊ยว่า

“ไม่ได้ใจมดแต่พี่เต้นอุบาทถ์” หนุ่มออสซี่เถียง

“โถๆๆ งั้นเอาใหม่  เดื่ยวพี่ให้ท่าใหม่นะ”

“พอๆ พอเลย  ผมรู้จักพี่ดี  เดี่ยวจะยิ่งอุบาทถ์กว่าเดิม”

“อ้าว ทำไมรู้จักกันแล้วหล่ะน้องออสซี่  พี่ไม่เคยมีน้องชื่อออสซี่เลยนะ  เอาอย่างนี้นะครับน้องออสซี่  พี่จะเต้นใหม่ให้ถึงใจน้องออสซี่เลย”

ฮ้อยส่ายหัวอ่อนใจแล้วมองหน้ากันกับเพื่อนๆ

“นี่ใครวะ โดนไอ้จุ๊ยเล่นงานอย่างนี้จะรอดไหม  ไม่ใช่พรุ่งนี้มันลาออกเป็นเรื่องนะเฟ้ย” หน่องถามกับอ๊อด

“มิวซิค” จุ๊ยหันมาสั่ง

อ๊อดก็ลงจังหวะกลอง

“ไอ้อู๊ด ลูกศิษย์ไอ้จุ๊ยมัน  เคี่ยวมาตั้งแต่ยังไม่เป็นอะไรเลย  ไม่ต้องห่วงมันหรอก  สองคนนี้มันกัดกันอย่างนี้มานานแล้ว”

 

ในโรงอาหาร จุ๊ยกำลังหยอกกับเพื่อนๆส่งเสียงเฮฮากันดังพอสมควร  แต่พออาราอิเดินเข้ามาทั้งกลุ่มจุ๊ยกลับเงียบไปเฉย ๆเพราะจุ๊ยหยุดเล่นมุก

อาราอิเลยทำหน้าเก้อๆ เพราะโดนจ้องหน้า

“อะไรกันครับ  ผมมาหาจุ๊ยเฉยๆ”

จุ๊ยเลยขยับให้นั่งข้าง

เพื่อนก็มองกันไปมา

“อะไรเล่า... พวกมึงเนี่ย  ก็เพื่อนกันปล่าววะ” จุ๊ยว่า

“ใช่” มีต้นเสียงสนับสนุน

“เพื่อนหล่ออย่างนี้แหวนยินดีต้อนรับ” ว่าแล้วแหวนก็เข้มาแทรกข้างๆอาราอิ

“แหม่แหวน  ไม่ได้เชียวนะกับผู้ชายเนี่ย  ระวังไอ้จุ๊ยมันหึงนะมึง” เพื่อนอีกคนว่า

จุ๊ยหัวเราะหึๆ แล้วก็เริ่มต้นเล่าต่อจากเมื่อกี้ เป็นเรื่องที่เขาเข้าไปขัดขวางไอ้โรคจิตที่ปีนอาคารหอพักขโมยกางเกงใน

อ๊อดกับฮ้อยมองหน้ากัน แล้วยิ้มอย่างรู้กัน

 

จุ๊ยเลื่อนเปลี่ยนคลื่นสถานีวิทยุไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเจอเสียงที่คุ้นหู  ก็เลยหยุดฟัง

“เสียงนี้มันคุ้นๆไหม” อ๊อดที่นั้งอยุ่เบาะตอนหลังโผล่หน้ามาระหว่างจุ๊ยกับอาราอิ

“เสียงไอ้อัสไง” จุ๊ยแยกแยะได้ทันที

“กูจำหางเสียงมันได้  มันจะตวัดๆหน่อย น่าฟังดี”

อาราอิไม่แปลกใจเพราะเมื่อเช้าเขาพึ่งเจออัศวะ ก็เลยถามในฐานะเพื่อนและรุ่นน้อง

“กูได้ยินมาว่าตอนนี้มันคบกับไอ้เดฟจริงรึเปล่าวะ” อ็อดเอนกลับไปพิงเบาะ

“สอง คนนี้แม่งก็ใจกล้ามาก  คนหนึ่งจะออกเทป อีกคนก็มีละครติดกันสามเรื่อง แถมดัง  แต่แม่งออกตัวกันสุดๆ ไม่กลัวสังคมเล่นงานหรือไงวะ”

จุ๊ยกับอาราอิสบตากัน  ก่อนอาราอิจะกล่าว

“เดฟเขาลอยตัวแล้ว  เพราะแต่แรกเข้าวงการเขาก็เปิดเผยตัวเอง  แถมเขาก็ดูแมนดี  สาววายเลยกรี๊ดกันสนั่น  แถมเรื่องไหนเล่นกับคู่ผู้หญิง  ก็เล่นได้เนียน  เพราะผู้หญิงเขาไม่เกร็ง”

“แต่อัศนี่สิจะแย่” จุ๊ยกล่าวแล้วขมวดคิ้ว

“พ่อของอัศมันประเภทเกลียดตุ๊ดเสียด้วย”

 

 

พ่อของจุ๊ยไปต่างจังหวัดเพื่อร่วมงานศพของญาติผู้ใหญ่ หนึ่งอาทิตย์เต็มๆ วันนี้จุ๊ยก็เลยมาค้างบ้านของอาราอิได้อย่างสะดวกใจมากขึ้น  และไม่ต้องให้อาราอิรีบไปส่งตอนเช้ามืดเหมือนทุกครั้ง

 

ตอนที่จุ๊ยออกมาจากห้องน้ำหลังอาบน้ำเสร็จก็เห็นอาราอิยืนคุยโทรศัพท์ภาษา ญี่ปุ่นอยู่ที่หน้าบานประตูกระจกของระเบียงที่ปิดไว้  เขาเดาว่าน่าจะไม่ใช่นามิจัง  เพราะช่วงหลังๆนามิจังเริ่มรับรู้ตัวตนของจุ๊ยมากขึ้นเวลาโทรศัพท์มาก็จะไม่ คุยนาน  แถมกิริยาการพูดของอาราอิก็เป็นการลงท้ายด้วยไฮ้ๆ ตลอดแสดงว่าเป็นการสนทนากับพ่อ

 

เขารู้ดีว่าเดี่ยวอาราอิคุยเสร็จจะต้องออกอาการหงุดหงิดหรือไม่ก็เศร้า  ก็เลยหันไปหันมาเพื่อหาตัวช่วย มองไปเห็นขวดสีขาวตั้งเรียงกันสามขวดเหนือตู้เย็นใบเล็กในห้อง

 

อาราอิคุยโทรศัพท์จบลงก็ถอนหายใจยาวเหยียดมองออกไปนอกบานประตูสักครู่  แต่พอหันมา

 

“เชิญ คุณชายรับประทาน สาเกอุ่นเจ้าค่ะ” จุ๊ยทำท่าหมอบกับพื้นเหมือนในหนังญี่ปุ่น  โดยมีสาเกขวดสีขาวอุ่นอยู่ในหม้ออุ่นไฟฟ้าตั้งตรงหน้า

 

อาราอิอดหัวเราะไม่ได้

 

 

 

“พ่อบอกว่าไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกผลตรวจไม่ดี  เพราะเนื้อร้ายมันขยายตัว  อาจต้องรักษาอย่างเร็วสุด” อาราอิเล่ามือก็ถือจอกรอให้จุ๊ยรินให้

 

พอจุ๊ยรินเสร็จก็เอนหลังพิงกับขอบเตียงคู่กันกับอาราอิ

 

“พ่อเลยกำลังคิดว่าจะไม่รักษา เพราะหมอเองก็ไม่ได้ยืนยันว่ารักษาแล้วจะหายขาด” อาราอิจิบสาเก

 

“รักษามีโอกาสหาย  แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะหาย หรือหายขาด  แต่ถ้าไม่รักษาก็คือตายแน่นอน”

 

จุ๊ยถอนหายใจก่อนจะโอบเอวอาราอิไว้  เขาก็สบลงมาหัวชนกับจุ๊ย

 

“พ่อ บอกว่ายังพอมีเงินก้อนหนึ่ง  แต่ท่านก็ยังลังเล  เพราะถ้าเอาออกมาใช้ก็คือหมดแน่นอน  แล้วยังไม่ได้ครอบคลุมรายจ่ายด้วย  ส่วนตอนนี้ฉันก็ต้องรอให้ถ่ายหนังเสร็จ  กว่าจะได้เงินอีกก้อน  รวมกันแล้วก็ยังไม่พออยู่ดี” อาราอิกล่าว

 

“ตลก เนอะ ระดับพระเอกอย่างฉัน อยู่บ้านหลังเป็นสิบๆล้าน มีรถคันละสิบล้านขับ  แต่เอาเช้าจริงก็ไม่ได้มีอะไร  แม้แต่จะช่วยพ่อตัวเองยังไม่ได้”

 

 

 

อาราอิแปลกใจที่ไม่เห็นจุ๊ยอยู่ข้างกายเมื่อตื่นขึ้น  แต่พอลุกขึ้นแล้วมองไปก็ยังกระเป๋าสะพายของจุ๊ยวางอยู่

 

เขาเลยลุกไปอาบน้ำเพราะมีคิวถ่ายละครตอนสายๆ

 

ครั้ง พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ยังไม่เห็นจุ๊ย  หากพอเดินลงมาด้านล่าง  แล้วเดินเลี้ยวเข้าครัว  ก็เห็นจุ๊ยสวมผ้ากันเปื้อนยืนจัดเรียงอาหารใส่กล่องเบนโตะอยู่

 

“อาหารเช้าอยู่โน่น” เขาบอกทั้งพยักเผยิบไปทางโต๊ะอาหาร

 

อาราอิเดินเข้ามากอดเอวจุ๊ยมองหน้าตาอาหารกล่อง

 

“น่ารักนะเนี่ย เหมือนข้าวกล่องรถไฟเลย”

 

“ก็จำมาจากที่กินนั้นหล่ะ  เห็นมันน่ารักดี” จุ๊ยตอบ

 

“แล้วทำไมจุ๊ยลุกมาทำเองหล่ะ”

 

“อ้าว” จุ๊ยหันมามองหน้า

 

“ก็ นายจะได้เอาไปกินที่กองถ่าย  ถ้าไม่ห่อไปเดี่ยวนายก็ไปซื้อกิน  แล้วแต่ละอย่างที่นายซื้อก็แพงๆทั้งนั้น  กินธรรมดาเหมือนชาวบ้านเขาที่ไหน  นี่นายต้องเก็บเงินไว้รักษาพ่อไม่ใช่เหรอ  ถ้าไม่ประหยัดจะเอาเงินที่ไหน  ต่อไปนี้เราต้องประหยัด  ข้าวเที่ยงกินในโรงอาหาร ข้าวเย็นถ้าไม่กินบ้านฉันก็กินบ้านนาย  รถนายก็เหมือนกัน  เห็นบอกรถคันนี้เป็นของลุงใช่ไหม  ลุงนายรวยจะตาย น่าจะมีรถคันอื่นอีก  เอารถญี่ปุ่นหรือเก๋งซีดานมาสักคันดีกว่าประหยัดน้ำมัน  รถสปอร์ตมันเปลือง เติมน้ำมันที่ฉันอยากจะเป็นลม”

 

อาราอิ ถอยออกมามองจุ๊ยให้ถนัด

 

“โหนี่วิญญาณศรีภรรยาสิงหรือเปล่าเนี่ย" แล้วก็กลับมาโอบเอวจุ๊ย

 

"ไปเราไปจดทะเบียนกันพรุ่งนี้เลย  แล้วมาอยู่ด้วยกัน ฉันจะได้ให้นายบริหารชิวิตให้เต็มที่เลย”

 

จุ๊ยส่ายหัว เหลียวมองหน้า

 

“ก็ จดซ้อนสิ  นายจดทะเบียนกับนามิจังไปแล้วนี่  อีกอย่างเมืองไทยไม่มีนะเว้ยจดทะเบียนสมรสผู้ชายด้วยกัน” จุ๊ยกล่าวพลางห่อกล่องข้าวด้วยผ้า

 

“ไปกินข้าวได้แล้ว จะได้ไปทำงาน”

 

อาราอิยืนตรง ก่อนจะโค้ง

 

พูดเป็นภาษาญี่ปุ่น

 

จุ๊ยงง

 

“อะไรวะ”

 

“ครับผม ภรรยาที่เคารพ” อาราอิตอบแล้วรีบเผ่นให้พ้นรัศมีการตอบโต้

 

โดยที่สองคนไม่รู้  สไบทองที่พึ่งจะกลับมาบ้านได้ยินการสนทนานั้นโดยตลอด

 

 

 

สไบทองอาบน้ำเสร็จก็เดินลงจากชั้นสองมาในชุดลำลอง  เมื่อลงมาชั้นล่างก็เห็นจุ๊ยกำลังทำความสะอาดห้องรับแขกด้วยเครื่องดูดฝุ่น

 

“ไม่ต้องทำหรอก  เดี่ยวจะมีเด็กมาทำเองหล่ะ  คนรับใช้ที่นี่จะมาส่วนกลาง ทำความสะอาดทุกบ้าน  เธอถึงไม่ค่อยได้เห็นแม่บ้านเท่าไหร่”

 

จุ๊ยหยุดแล้วยกมือไหว้สไบทอง

 

“คุณน้ากลับมาเมื่อไหร่ครับ ผมไม่ได้ยินเสียงเลย”

 

“ก็เธอมัวแต่เล่นกันอาราอิอยู่  จะไปได้ยินเสียงฉันได้ยังไง” เธอตอบ แล้วนั่งลง

 

“ไปล้างมือล้างไม้แล้วมานั่งคุยกันดีกว่า  ฉันอยากจะคุยกับเธอ”

 

จุ๊ยรู้สึกใจแป่ว  หรือว่าสไบทองจะได้ยินที่เขากับอาราอิหยอกเอินกัน

 

“คุณน้าจะรับอาหารเข้าไหมครับ  ผมทำเอาไว้ยังพอมีอยู่บ้าง”

 

“เอาสิ แต่เอาของไม่ค่อยมันนะ” เธอตอบ

 

 

 

สไบทองกินสลัดผักที่จุ๊ยยกออกมาพร้อมน้ำส้มคั้นสด

 

“เธอนี่น่ารักจังเลยนะ  พ่อแม่คงสอนมาดีมากเลย  ใครมีลูกอย่างนี้รักตายเลย” สไบทองกล่าว แล้วชิมสลัด

 

“อร่อยนะ  น้ำสลัดนี่ใสแต่อร่อยมาก  จดสูตรไว้ให้กันบ้างสิ  เดี่ยวฉันจะให้แม่บ้านทำให้กิน”

 

แต่พอกินไปได้หลายคำ เธอก็กอดอกมองหน้าจุ๊ย

 

“ถามจริงๆ เธอกับอาราอิเป็นแฟนกันใช่ไหม”

 

จุ๊ยสะอึก 

 

“คือว่า” เด็กหนุ่มลากเสียง

 

“ไม่ต้องคือว่า... ฉันไม่ได้ห้ามหรอก  ที่จริงครอบครัวของเรา  ฉันหมายถึงฉัตรอัครเปิดเรื่องนี้มานานมาก  ก็ตั้งแต่ลูกลุงเนมของอาราอิ  ที่ชื่อภูธนะ รักกับเพื่อนสมัยเด็กของเขาชื่อนราชล จนทิ้งงานร้องเพลงทั้งที่กำลังดังเปรี้ยงไปอยู่ด้วยกันที่เมืองนอก  บ้านของเราก็เลยเปิดเผยเรื่องนี้กัน  ไม่มีใครว่าอะไรใครเรื่องนี้หรอก” สไบทองยิ้ม เพราะคาดเดาความรู้สึกของจุ๊ยได้

 

“เพียงแต่ว่าเธอต้องรู้ว่าอาราอิน่ะกำลังเป็นที่สนใจมาก  ถ้ามีเรื่องแบบนี้กับเธอจะกระทบกับงานเขาไม่มากก็น้อย  เพราะภาพพจน์ของอาราอิคือพระเอกแมน หล่อ ขวัญใจสาวๆ  ไม่ใช่อย่างนายเดฟที่เปิดเผยตัวเองแต่แรกอย่างนั้น ก็เลยอยากให้ระวังตัวหน่อย”

 

จุ๊ยก้มหน้าลง

 

“ผมทราบครับ”

 

“แต่ฉันก็ไม่ใช่ประเภทแม่แฟนใจร้ายกีดกันหรอกนะ  เธอจะเข้าจะออกบ้านนี้ตามสบาย  เดี่ยวจะให้เด็กทำกุญแจไว้ชุดหนึ่งด้วย  ดีซะอีกจะได้ช่วยฉันทำหน้าที่ที่ฉันไม่มีโอกาสได้ทำ” สไบทองพูดต่อ

 

”ยังดีที่เธอน่ะเป็นแบบแมนๆ ไม่ใช่ตุ๊ดแต๋ว  ก็เลยดูไม่ออก ถ้าทำเนียนๆไป คนก็อาจคิดไปว่าแค่เพื่อนสนิท  ก็ขอให้ทำอย่างนี้ต่อไป เอาไว้สักวันอาราอิกระแสลาลง  หรือถ้าเขาจะออกจากวงการ แล้วจะแต่งงานกันฉันก็ไม่ว่าหรอก  จะจัดงานให้ด้วย”

 

จุ๊ยรู้สึกใจชื้นขึ้น  ทว่าท่าทางขยับนั่งตรงของเธอเป็นสัญญาณว่ายังมีเรื่องอื่น

 

“แต่ทีอยากคุยด้วย คือเรื่องที่เธอบอกให้อาราอิประหยัด  ส่งเงินช่วยรักษาพ่อ  นี่มันอะไร  ไหนเล่าให้ฟังสิ”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา