The Water's Pure Heart: ดวงใจของสายน้ำ

-

เขียนโดย Valentinlover

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 22.14 น.

  56 ตอน
  0 วิจารณ์
  52.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 10.14 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ความในใจของจุ๊ย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         

โยชิถูกเรียกออกมาจากงานงานอีเว้นเพราะความครึกครื้นอย่างฉับพลันที่เกิดขึ้นซึ่งดึงคนที่มางานให้ไปหาแทนจะมาสนใจดูเขาเปิดตัวสินค้า

“รู้สึกเขาระดมทุนช่วยวงโยธวาทิตที่ชนะเลิศให้ได้ไปแข่งที่ต่างประเทศนะ” ผู้จัดการบอกแก่เขา

โยชิพยักหน้าช้าๆ

เขาเหลือบไปเห็นนักข่าวที่มาทำข่าวเขาเมื่อครู่ทยอยกันเดินออกมาจากงาน

มองอีกทางเห็นเด็กนักเรียนสองคนกับป้ายเดินมา

เขาก็เกิดความคิด

“น้องๆพี่ขอยืมหน่อย” เขาเดินไปขอป้ายจากเด็กนักเรียนสองคน

แล้วเดินไปหากลุ่มนักข่าว

“พี่ๆครับ”

 

หลังปล่อยให้น้องๆกลับบ้านไปแล้วก็เหลือแต่พวกประธานชมรมและหัวหน้าทีมมารวมตัวกันนับเงินอยู่ภายในร้านอาหารฟาตฟู๊ดชื่อดัง

แม้ตัวเลขไม่ได้สูงมากพอจะน่าทำให้จุ๊ยยิ้มออกได้  ทว่าเขาก็ยังยิ้มได้เพราะพวกเพื่อนๆ

“ก็ได้แค่นี้หล่ะ หรือว่าเราจะจัดอีกรอบ”  ก้องภพกล่าวแก่ทุกคน

“ยังขาดอีกเป็นล้านนี่น่า” เดฟกอดอก แต่เอนไปซบไหล่จุ๊ย

“เราเต็มที่แล้วนะจุ๊ย  ได้แค่นี้เอง”

จุ๊ยไม่ได้ว่าอะไรปล่อยให้ซบอย่างนั้น

“เฮ้ยแค่นี่กูก็ซึ้งใจพวกนายแล้ว ก็ทำเต็มที่แล้วนี่หว่า  ขอบใจพวกนายมาก” จุ๊ยแจกคำขอบคุณให้ทั่ว

เดฟลุกนั่งตรง

“อันนี้จุ๊ยต้องขอบคุณน้องวา เมียน้อยของจุ๊ยนะครับ  เพราะน้องวาเขามาบอกผม ผมก็เลยไปรวมกำลังพวกนี้ๆๆๆๆ” เดฟชี้หน้าประธานและหัวหน้าทีมที่ละคน

“มาช่วย”

จุ๊ยหันมองวาทิตที่นั้งอยู่เกือบปลายโต๊ะที่ต่อออกไปจนยาวเหยียด

“วา” เขาลากเสียงเข้ม เปลี่ยนท่าทีไปในทันที

ทุกคนเงียบ งงกับท่าที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

“คือผมได้ยินที่พวกพี่คุยกับอาจารย์ก็เลยไปบอกเพื่อนๆในวง” วาทิตก้มหน้าตอบ เพราะคิดว่าอาจมีความผิดเนื่องจากจุ๊ยมีเจตนาไม่บอกพวกเขา

“พี่จุ๊ยอย่าดุผมนะครับ ผมแค่อยากจะช่วยบ้าง”

“เฮ้ยพี่จุ๊ย”  อู๊ดออกมาปกป้อง

“พวกเราก็อยากจะช่วยพวกพี่นะครับ  แล้วตอนแข่ง ที่พวกเราตั้งใจเป็นพิเศษก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ  เราก็เลยชนะ”

“เออมึงดุน้องไม่ได้เว้ย  ถ้าพวกกูไม่รู้เรื่อง พวกกูก็ไม่ได้มา” ก้องภพสนับสนุนบ้าง

“ถ้ากลายเป็นว่ากูมารู้ทีหลังว่ามึงปิดเรื่องนี้กับพวกกู  กูเลิกคบจริงๆ  เพื่อนต้องช่วยกันยามยากสิวะ  จริงไหม”

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย

จุ๊ยโบกมือ

“พวกมึงนี่พอเลย  พวกมึงคิดรีเปล่าว่าถ้าหากผลเป็นด้านตรงข้าม  วงโยเสียกำลังใจ  แล้วตกรอบ  อย่าว่าแต่ไปต่างประเทศเลย  อะไรสักอย่างก็ไม่ได้”

ทุกคนมองหน้ากัน  ลืมคิดถึงข้อนี้กันทุกคน

“ก็จริงอยู่  แต่จุ๊ยก็เห็นเด็กพวกนี้มันรักจุ๊ย รักไอ้อ็อด รักไอ้ฮ้อย พวกมันก็เลยเล่นกันได้ดีขนาดนี้” เดฟแย้ง

อ็อดมองหน้าเดฟแล้วบ่นเบาๆ

“ทีไอ้จุ๊ยเรียกจุ๊ยๆซะหวาน ทีกูเรียกไอ้”

“ใช่จุ๊ย..” เจ้าของเสียคือประธานชมรมวิทยาศาสตร์

“เอาเหอะวะ  น้องมันหวังดี”

“ใช่จุ๊ย” คนออกเสียงคือประธานชมรมคหกรรม ดีดเสียงสูง

“ที่ฉันรากร่างลุกมาทำขนมตั้งแต่ตีสี่ก็เพราะเห็นแก่ความตั้งใจจริงของน้องๆนะยะ แล้วก็เห็นแก่ซิกแพค เอ้ยความดีของแกด้วย”

“ซิคแพครีความดี อีเหมียว” กัปตันทีมบาสแซวเพราะอยู่ใกล้ๆ

“ความดีสิ” ประธานคหกรรมตีไหล่

จุ๊ยโบกมืออีกรอบ

“เอาเป็นว่ากูขอบใจพวกมึง  พวกมึงดีกับกูกับชมรมกูมาก” จุ๊ยกล่าว

“แต่นี่มันเรื่องในชมรม  วามานี่”

วาทิตมองหน้าอู๊ดก่อนจะลุกมา

“อย่ารุนแรงนะพี่” อู๊ดกล่าวดักเสียก่อน

วาทิตเผชิญหน้ากับจุ๊ย 

เวลาจุ๊ยเอาจริงอ๊อดก็ไม่กล้าขัด เขาได้แต่นั่งก้มหน้า

“เราผิดรู้ไหม” จุ๊ยถาม

“ครับ” วาทิตตอบน้ำตาเริ่มซึมๆ

“อีจุ๊ยมึงก็” เหมียวกล่าวด้วยความสงสารน้อง

“เฮ้ยจุ๊ย” เดฟก็ห้ามแต่ไม่กล้าจะแตะตัวจุ๊ยเวลานี้

“ถ้าหากเราบอกแล้วเพื่อนเสียกำลังใจ ผลมันจะเลวร้ายมากเลย  พวกพี่กลัวตรงนี้กัน  พวกพี่ก็เลยไม่บอกพวกเรา  ไม่ใช่เพราะพวกพี่อยากทำเท่ห์หรอกอะไรนะ  ถ้าหากเราไม่ได้ถ้วยใหญ่ใบนี้ก็ไม่ควอลิไฟล์จะไปร่วมแข่ง  ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องการเงินก็เถอะ” จุ๊ยกล่าวเสียงจริงจัง

ประธานและหัวหน้าทีมหันไปมองฮ้อยเหมือนจะถามว่าจริงไหม

ฮ้อยก็พยักหน้า

วาทิตน้ำตาร่วงแหมะ

“พรุ่งนี้วาต้องวิ่งรอบสนามสามรอบ เย็นสามรอบ ติดต่อกันจนกว่าจะไปแข่ง  เข้าใจไหม”

“ผมทำด้วย”อู๊ดลุกขึ้น เพราะผมก็ต้องรับผิดชอบกับวา เพราะ”

จุ๊ยหันมามองหน้า  อู๊ดถึงกับฟ่อนั่งลง

“อีกอย่างหนึ่ง” จุ๊ยหันหาวาทิตที่ก้มหน้าอยู่

“ต่อไปนี้วันเสาร์ วาต้องมาซ้อมกับพี่วันละสองชั่วโมงเป็นอย่างน้อย พี่จะสอนให้เราเล่นแซกโซโฟนสักที”

วาทิตเงยหน้าแต่น้ำตายังอาบอยู่

จุ๊ยยิ้มแล้วขยี้หัวเบาๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้

“พี่บอกแล้วไง  คนจะเล่นเครื่องเป่าต้องมีกำลังลม  ไม่วิ่งเข้าเย็นจะเอาลมมาจากไหน”

“โถไอ้จุ๊ย” เพื่อนประสานเสียงกัน แล้วระดมขว้างเฟรนฟรายใส่

จุ๊ยโอบวาทิตเข้ามาในลักษณะปกป้องจากกระสุนเฟรนฟราย

“กูก็นึกว่ามึงโกรธน้อง”

“ใช่ๆ”

“เนียนเลยนะไอ้จุ๊ย”

ก้องภพให้จุ๊ยกับอ็อดติดรถกลับบ้านด้วย เพราะยังไงก็ต้องผ่านทั้งบ้านของจุ๊ย และหอของอ๊อตอยู่แล้ว

“นี่มึงมีใบขับขี่ไหม” จุ๊ยถามมือก็ลื้อซีดีเพลง

“มีสิ... กูอายุสิบแปดแล้วจุ๊ย”

“อ้าวแก่” จุ๊ยว่าซี่งหน้า

“ไอ้เหี้ยกูแก่เดือน  กูเกิดวันที่สามมกรา  ก็ที่เลี้ยงวันนั้นไง” ก้องภพตอบ

มองไปเบาะหลังเห็นอ๊อดที่บอกจะเอนหลังหลับไปแล้ว

“มึงรู้รีเปล่าว่าทำไมกูถึงบอกว่าคำพูดนั้นเป็นของมึง  คำพูดบนเสื้อที่กูออกแบบน่ะ”

 “เออ.. ทำไมวะ” จุ๊ยถาม

“ก็คือคำพูดของมึงสองปีที่แล้วไงหน้าเสาธง” ก้องภพตอบ

“ตอนนั้นมึงเป็นตัวแทนไปแข่งแซกโซโฟน แล้วชนะเลิศมากล่าวรายงานความสำเร็จ”

ก้องภพกดไฟเลี้ยวเพื่อเลี้ยวตรงสี่แยก

“มึงบอกว่า  เคล็ดลับความสำเร็จของมึงคือมีเป้าหมาย  แต่มึงไม่ได้มองแต่เป้าหมายอย่างเดียว  มีงก็เลยไม่ผิดหวังหรือถอดใจ” ก้องภพกล่าว

“แล้วมึงก็บอกว่า”

“ชัยชนะคือเป้าหมาย แต่ความสนุกที่ได้ทำสิ่งที่รักคือรางวัล” จุ๊ยคิด..

“เออใช่เนอะกูพูดอย่างนั้นจริงๆ”

ก้องภพท้าวแขนกับขอบกระจกข้างหนึ่งในจังหวะที่รถติดไฟแดง

“กูจำคำนี้ได้แม่นเลย  แล้วกูก็เอาคำนี้มาปรับใช้กับชมรมกู  จนกูกับชมรมกล้าส่งผลงานเข้าประกวดกัน  จนได้รางวัล”

จุ๊ยนิ่งเพราะเขิน  เหมือนโดนชมซึ่งหน้า

“ปรากฏว่าตอนไอ้เดฟเรียกประชุมพวกเราปรึกษาเรื่องชมรมมึง  กูก็เลยบอกว่ากูจะทำเสื้อขาย โดยใช้คำพูดของมึงเนี่ยละใส่ไปบนเสื้อ รู้ไหมพวกมันบอกว่ายังไง” ก้องภพเล่าต่อก่อนจะถาม

จุ๊ยหยิบได้ซีดีแผ่นหนึ่งพลิกไปพลิกมา

“จะไปรู้ได้ไง”

“พวกมันบอกว่าก็เพราะคำนี้ล่ะที่พวกมันออกไปประกวดนั้นประกวดนี่โดยไม่กังวลผล  แล้วปรากฏว่าผลออกมาดี  พวกมันยังบอกอีกว่า  พอรู้ว่าวาระของเดฟเกี่ยวข้องกับชมรมมึง  พวกมันก็คิดแผนจะมาช่วยกันเต็มที่ เพราะอยากขอบใจมึงที่เป็นแรงบันดาลใจให้” ก้องภพหันมามองหน้าจุ๊ย

จุ๊ยก็หยุดหมุนซีดี

“บ้าน่า  กูก็แค่พูดสวยๆ พวกมึงพยายามกันเองต่างหาก”

แต่ก้องภพเอามือมาวางบนบ่าของเขา

“มึงคงไม่รู้  ว่ามึงไม่ได้แค่เล่นแซกโซโฟนเพื่อนำเราร้องเพลงชาติ  แต่มึงทำให้กูและพวกมันระลึกถึงคำพูดของมีง...”

จุ๊ยหันมามองหน้าก้องภพ แล้วก็เงียบทั้งคู่ นานพอสมควร

“ขอบคุณนะเว้ยเพื่อน”ก้องภพกล่าวจากความจริงใจ

จุ๊ยเงียบอยู่สักพัก

แล้วก็ถอนหายใจออกมา

“เฮ้อโล่งอก”

“อะไร” ก้องภพถามโดยไม่หันมาเพราะได้จังหวะไฟเขียว

“ก็มึงมองตากู แถมพรรณนาขนาดนั้น” จุ๊ยตอบพลางสอดแผ่นซีดีใส่เครื่องเล่น

“กูนึกว่ามึงจะบอกว่า”

แล้วก็ดัดเสียง

“เฮ้ยเพื่อน กูรักมึงว่ะ”

ก้องภพหัวเราะ

“ไอ้สัดว์นี่มึงจะเว้นความฮาของมึงสักนาทีให้พอซึ้ง นิด...นึงได้ไหมวะ”

จุ๊ยหันมายิ้มทะเล้น

“ไม่ได้เพราะกูเป็นคนตลก”

 

“แน่ใจนะว่าไม่หิว” จุ๊ยถามก่อนที่ลงจากรถ

“เออไม่  เมื่อกี้เล่นไปไก่เป็นสองชิ้น  อิ่มโคตร” ก้องภพตอบ

“ร้านก๋วยเตี่ยวไก่ร้านนี้อร่อย  ลูกสาวคนโตสวยโคตร” จุ๊ยชี้ไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่

“กูไม่หิว” ก้องภพปฏิเสธ

จุ๊ยทำหน้าน้อยใจ

“มึงปฏิเสธน้ำใจเพื่อน  กูก็คิดว่ามึงมาส่งเลยจะตอบแทน”

ก้องภพถอนหายใจ แล้วทำท่าจะดับเครื่อง

“เอาวะนานๆมึงจะเลี้ยงกูสักที”

“ใครว่าเลี้ยง” จุ๊ยถาม

“อ้าว” ก้องภพชะงัก

“นี่มึงชวนนี่ไม่ใช่ว่ามึงจะเลี้ยงกูหรอกเหรอวะ”

“โห... ดูๆๆ นี่มึงมีรถราคาเป็นล้านขับ  นี่มึงกะจะให้กูเลี้ยง  มึงนี่เห็นแก่ตัวฉิบหาย  มึงต่างหากที่ต้องเลี้ยงกู” จุ๊ยว่าแล้วส่ายหน้า

ก้องภพขำก็ขำหมั่นไส้ก็หมั่นไส้  ดันตัวจุ๊ยจนติดประตู

“ไปๆลงไปเลย คุยกับมึงตัวๆนี่ สู้มึงไม่ไหวจริงๆ  ไม่มีไอ้ปอไอ้ตั้มช่วยกูตาย  ไม่ทันมุกมึงจริงๆ”

“แล้วมีงอย่าไปลักหลับไอ้อ๊อดนา... พรุ่งนี้มามันบ่นเจ็บตูกูจะให้มึงแต่งงานกับมันเพื่อแสดงความรับผิดชอบ”

ก้องภพชำเรืองมองไปเบาะหลัง

“เออ... “

จุ๊ยยกนิ้วชี้กำกับแล้วทำท่าจะลงจากรถ

“เออจุ๊ย” ก้องภพนึกได้

จุ๊ยหยุด

“อะไรเปลี่ยนใจจะเลี้ยงกูแล้วสิ”

ก้องภพเคาะพวงมาลัยเหมือนช่างใจจะพูด ก่อนจะกล่าว

“คือมึง  กูก็เข้าใจนะว่ามึงอาจจะรังเกียจไอ้เดฟ  ก็เข้าใจก็มันเล่นเข้าหามึงแบบสุดๆจริงๆนั้นหล่ะ” ก้องภพเกริน

“แต่มึงรู้ไหมว่า  เรื่องนี้มันเป็นตัวตั้งตัวตีในการประสานงานชมรมต่างๆ  ค่าเสื้อที่ทำเสื้อที่กูออกแบบ มันก็ออกไปก่อน  แถมบอกว่าไม่ต้องเอามาคืนมัน  แล้วมึงก็เห็นมันเอาตัวเข้าแลกขนาดนั้น  ถึงมันจะเป็นแค่พระรอง แต่มันก็เป็นดาราคนหนึ่งนะเว้ย  มันยอมให้คนนั้นถ่ายรูปหอมแก้ม สารพัดก็เพื่องานนี้”

ก้องภพไม่กล้ามองตาจุ๊ยตรงๆจึงมองผ่านกระจกมองหลัง

“คือกูก็ไม่ขออะไรมาก  ก็แค่อยากให้มึงรุนแรงกับมันน้อยๆหน่อย  กูว่ามันไม่แค่เงี่ยนหื่นกับมึง  แต่มัน... ชอบมึงจริงๆเลยนะเว้ย”

จุ๊ยนิ่งไป

“มึงคิดว่ากูไม่รู้เหรอ”

ก้องภพต้องหันมามองหน้าจุ๊ย

“ไอ้เดฟมันชอบกูมาก กูรู้  กูถึงไม่เคยหลบหน้ามัน  แล้วก็ปล่อยให้มันลวนลามอยู่ได้ทุกวันไง” จุ๊ยมองไปข้างหน้า

“กูก็ไม่ได้รังเกียจมันหรอก แต่มันน่ะแสดงออกเกินไปแล้วลามกกับกู กูก็เลยต้องตอบโต้บ้าง  ไม่งั้นมันได้ปล้ำกูกลางโรงเรียนแน่ๆ”

ก้องภพพยักหน้า แต่ก็ถามกลับ

“แล้วถ้ามันไม่หื่นกับมึง  แสดงออกอย่างพอดี มึงจะเล่นด้วยรึไง”

จุ๊ยถอนหายใจ

“มันไม่ควรเป็นแบบนั้นรีเปล่าวะเพื่อน  กูกับมันไม่ควรจะเป็นอะไรมากกว่าที่เป็นใช่ไหมเพื่อน  เพราะเราคือเพื่อนกัน”

แล้วจุ๊ยก็เปิดประตูรถ  แต่ไม่ลืมหันไปคว้ากล่องแซกโซโฟนคู่ชีพ

“เอาเป็นว่าก่อนจะจากกันกูจะเคลียร์กับมันแน่นอนมึงไม่ต้องห่วง”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา