HOT PLAYBOY ร้อนรัก ร้ายลึก

8.7

เขียนโดย TheDaziie

วันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2559 เวลา 22.28 น.

  9 CHAPTER
  0 วิจารณ์
  11.86K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 มกราคม พ.ศ. 2559 23.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) CHAPTER 6 [100%] :: HOT PLAYBOY

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

CHAPTER 6

 

 

 

          "ไง...จัดการเรียบร้อยแล้วสินะ" ฉันทักโปสเตอร์เมื่อเห็นว่าหมอนี่อารมณ์ดีผิดปกติ คนถูกถามส่งยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้แล้วหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ พลางหยิบขนมในมือฉันไปกินหน้าตาเฉย หน้าด้านชะมัด!

          แล้วอีกอย่างนะคือเก้าอี้ตัวถัดไปก็มีป่ะ ทำไมต้องมานั่งเบียดกับฉันด้วยก็ไม่รู้!

          "แหม คนอย่างฉันเคยทำให้แกผิดหวังเหรอ...ไหนพูดซิ!"

          "ฉันไม่เคยคาดหวังเรื่องเลวๆ จากแกอยู่แล้วล่ะโปสเตอร์"

          "อ่า...งั้นเหรอ ฮี่ฮี่" หัวเราะแบบดัดจริตก่อนจะกลายเป็นแหวใส่ฉันเมื่อเห็นใครอีกคนนั่งอยู่ด้วย "แล้วนี่แกมานั่งกินขนมกับหมอนี่ได้ไง!"

          ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตายาวเลยมองใกล้ๆ ไม่ชัดหรือไม่ได้แหกตามองตั้งแต่แรกกันแน่ถึงได้เพิ่งมารู้สึกว่าฉันไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว และจากตอนแรกที่น้ำเสียงฟังดูร่าเริงเพราะได้ระเริงรักกับคู่ควงก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          "ทำไมฉันจะนั่งกับพี่โอฬารไม่ได้ เขาเป็นพี่เทคฉันนะ!" ฉันเองก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน หมอนี่มีสิทธิ์อะไรมาขึ้นเสียงใส่พี่เทคฉันแบบนี้ ไม่มีมารยาททางสังคมเอาเสียเลย

          "มีปกป้องกันด้วยเว้ย นี่มันจะมากเกินไปแล้ว!" ขึ้นเสียงใส่ไม่พอยังเบียดตัวเข้ามาใกล้จนแทบจะขึ้นมานั่งบนตักฉันได้อยู่แล้ว ซ้ำยังหันมามองฉันสลับกับพี่โอฬารด้วยสายตาไม่พอใจอีกต่างหาก

          ไอ้บ้านี่กินอะไรผิดสำแดงมาหรือเปล่า ทำไมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังส้นเท้าได้ขนาดนี้!

          หมับ!

          "แกจะมาโอบไหล่ฉันทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!"

          ฉันหันไปแหวใส่โปสเตอร์ทันทีเมื่อจู่ๆ ก็ตวัดท่อนแขนมาโอบไหล่ฉันแน่นจนต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ การกระทำอันอุกอาจของโปสเตอร์ต่อหน้านิสิตหลายสิบคนที่กำลังมองมาอย่างสนอกสนใจเริ่มทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดของจริงเสียแล้ว

          "นิ่งดิวะ! จะดีดดิ้นทำไม"

          "แล้วทำไมแกต้องมาโอบไหล่ฉันด้วยเล่า!"

          "แล้วทำไมฉันถึงโอบไหล่แกไม่ได้ในเมื่อแกเป็น..." โปสเตอร์ลากเสียงยาวพลางเลื่อนสายตาไปมองพี่โอฬารซึ่งกำลังจ้องมองมาด้วยสายตาที่ยากจะอ่านออก "ผู้หญิงของฉัน"

          พึ่บ!

          เหล่านิสิตทั้งชายและหญิงที่นั่งอยู่ในรัศมีห้าสิบเมตรหันขวับมามองทางเราสามคนกันเป็นตาเดียว บางคนนี่ถึงกับทำตาเหลือกด้วยความตกใจ ส่วนบางคนก็หันไปซุบซิบนินทากันอย่างสนุกปาก

          เอาแล้วไง...ไอ้เพลย์บอยสร้างเรื่องให้ฉันโดนเกลียดแล้วไหมล่ะ!

          "แกพูดบ้าอะไรออกมาฮะโปสเตอร์!" ฉันใช้มืออีกข้างฟาดเข้ากลางกระหม่อมของคนปากพล่อยเต็มแรง โดยไม่แคร์ว่าผู้หญิงรอบข้างที่หลงใหลได้ปลื้มไอ้จอมกะล่อนนี่จะขุ่นเคืองใจมากแค่ไหน ก็อยากมาทำรุ่มร่ามกับฉันก่อนทำไมล่ะ

          "ไม่ได้พูดบ้าสักหน่อย ก็แกเป็นผู้หญิงของฉันจริงๆ นี่หว่า"

          อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ขาดเสียจริงๆ ทำไมหมอนี่ต้องเน้นคำว่า 'ผู้หญิงของฉัน' มากขนาดนั้นด้วย เข้าใจไหมว่าคนอื่นเขาไม่ได้รู้เรื่องที่ฉันยอมตกลงแกล้งเป็นแฟนหลอกๆ เพื่อตบตาคุณย่าด้วยสักหน่อย (หมอนี่โทรมาอ้อนวอนฉันให้ช่วยน่ะก็เลยตกลงเพราะความสงสาร) แล้วเหตุไฉนเขาถึงจงใจพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดแบบนี้

          หรือกลัวว่าฉันจะกลับบ้านอย่างปลอดภัยไร้คนกลั่นแกล้งถึงได้อยากหาเรื่องน่าปวดหัวมาให้!

          ใครต่อใครก็รู้ว่าโปสเตอร์เป็นหนุ่มฮอตมากคนหนึ่งของคณะนิเทศศาสตร์ ตั้งแต่รุ่นพี่ยันรุ่นน้องไม่เคยมีใครไม่หลงใหลกับหน้าตาอันหล่อเหลาและคารมดีของเขาเลย จะมีก็แต่ฉันกับลาวานี่แหละที่ไม่ตกหลุมพรางเหมือนผู้หญิงคนอื่น

          และถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับโปสเตอร์ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรอดน้ำมือของผู้หญิงที่จ้องจะเขมือบเขาอยู่ตลอดเวลานี่นา เกิดพวกหล่อนหมั่นไส้หาทางกลั่นแกล้งฉันจะทำยังไงเล่า!

          "ถ้ายังปากพล่อยบอกว่าฉันเป็นผู้หญิงของแกต่อหน้าคนอื่นอีกล่ะก็...เตรียมตัวไปอยู่นิวซีแลนด์กับคุณย่าได้เลย"

          "มะ...หมายความว่าไงวะ แกจะทำอะไร!" พอฉันยกเรื่องคุณย่าขึ้นมาพูดไอ้ตัวสร้างเรื่องก็รีบคลายฝ่ามือออกแทบจะทันทีแถมยังถลึงตาใส่ฉันด้วย แต่คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง ตอนนี้ฉันถือไพ่เหนือกว่านะรู้ไว้ซะ!

          "ก็หมายความว่าฉันจะบอกเรื่องทุกอย่างกับคุณย่ายังไงล่ะไอ้เซ่อ!" ฉันกระซิบเสียงค่อยเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าได้ยินก่อนจะหันมาพูดปฏิเสธคำพูดของโปสเตอร์ก่อนหน้านี้ด้วย “พี่โอฬารอย่าเข้าใจผิดนะคะ เอมกับโปสเตอร์ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยค่ะ เขาแค่แกล้งอำเล่นเฉยๆ”

          "แกล้งซะจนพี่เกือบเชื่อเลยนะเนี่ย" พี่โอฬารส่งยิ้มบางๆ ให้ฉันก่อนเลื่อนสายตาไปจ้องโปสเตอร์เขม็ง

          ฉันรู้สึกได้ว่าพี่โอฬารไม่ค่อยพอใจโปสเตอร์ที่พูดจาแบบนั้นกับฉัน อาจเพราะเขาเห็นว่าโปสเตอร์เป็นผู้ชายและฉันเป็นผู้หญิง ดูไม่เหมาะไม่ควรที่จะมานั่งโอบกอดกันตอนกลางวันแสกๆ ต่อหน้าผู้คนแบบนี้ล่ะมั้ง

          "ฉันจะแกล้งหรือพูดจริงแล้วมันเกี่ยวอะไรกับแกวะ!"

          "โปสเตอร์!" ฉันเรียกคนข้างๆ เสียงเข้มเพราะเห็นว่าเริ่มจะแสดงปฏิกิริยาก้าวร้าวขึ้นทุกที ขืนปล่อยเอาไว้ไม่พูดปรามอาจได้ปะทะกันสักรอบก็เป็นได้ ดูท่าทางและสีหน้าของพี่โอฬารแล้วก็ไม่ใช่คนจะยอมอะไรง่ายๆ เหมือนกันเสียด้วยสิ "ขอโทษด้วยนะคะพี่โอฬาร"

          "ไม่เป็นไรครับ" คนตรงหน้ายิ้มให้อีกครั้ง แต่ฉันก็พอจะเดาได้ว่าเขาก็แค่พูดเพื่อให้ฉันไม่ต้องรู้สึกแย่ก็เท่านั้นเอง

          "เอ่อ...เอมว่าน่าจะได้เวลาเข้าเรียนแล้วนะ ไปกันเลยไหม?" ไม่ต้องรอคำตอบฉันก็ลุกขึ้นพรวดแล้วจัดการหยิบขนมทั้งหมดมาไว้ในมือก่อนหันหลังแล้วก้าวเดินไปยังลิฟต์เพื่อขึ้นไปเรียนโดยมีชายหนุ่มทั้งสองคนเดินตามหลังมาติดๆ

          ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่านะแต่ฉันก็สังเกตได้ว่าพี่โอฬารดูเงียบไปเลยตั้งแต่โปสเตอร์โผล่หน้ามา เขาดูขรึมอย่างเห็นได้ชัดในขณะที่ไอ้ตัววุ่นวายกลับทำดี๊ด๊าและเกาะติดฉันแจประหนึ่งลูกแหง่ติดแม่

          โอ๊ยยยย! มันจะอะไรกันนักกันหนานะผู้ชายคนนี้

        เฮ้ออออ ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าพี่โอฬารจะไม่เข้าใจผิดคิดว่าฉันผู้หญิงของโปสเตอร์จริงๆ หรอกนะ...ขออย่าให้เขาคิดแบบนั้นเลย

 

 

 

        Olivia International School

         กว่าคลาสเรียนสุดท้ายของวันนี้จะสิ้นสุดลงก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว ฉันจึงบอกโปสเตอร์ให้รีบบึ่งรถมารับโคลินที่โรงเรียนก่อนเจ้าตัวแสบจะอาละวาดเพราะปล่อยให้รออยู่คนเดียว ดีไม่ดีอาจงอนฉันไปสามวันเจ็ดวันเลยก็ได้

        ตั้งแต่ป๊ากับม๊าพาอาม่ากับอากงไปเที่ยวกระชากวัยไกลถึงไต้หวันเมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อน หน้าที่พี่เลี้ยงเต็มรูปแบบก็ตกเป็นของฉันไปโดยปริยาย แม้จะมีคุณป้าพรซึ่งเป็นแม่บ้านประจำตระกูลคอยช่วยเหลือและจัดเตรียมทุกอย่างเกี่ยวกับโคลินไว้ให้เรียบร้อยแล้ว แต่การจะเลี้ยงเด็กแสบสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

         ยิ่งการเลี้ยงโคลินนี่ยากยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้งเสียอีก...

         "รีบอะไรนักหนา น้องชายแกไม่หายไปจากโรงเรียนหรอกน่า" โปสเตอร์ส่งเสียงไล่หลังมาเพราะฉันเดินทิ้งห่างจากเขาพอสมควร เขาคงหงุดหงิดใจที่ต้องตามฉันมารับโคลินแทนที่จะได้ไปเที่ยวกับสาวในสต็อกนั่นแหละ

         แต่ช่วยไม่ได้นะ...ก็คุณย่าโทรมาสั่งการด้วยตัวเองว่าต้องไปส่งฉันกับโคลินให้ถึงบ้าน ไม่อย่างนั้นเรื่องดราม่าได้เกิดขึ้นแน่ๆ หมอนี่ก็เลยต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ไงล่ะ (กลัวคุณย่ายิ่งกว่าสรรพสิ่งใดในโลกหล้า)

         "ฉันรู้แต่ช่วยแหกตามองเวลาหน่อยได้ไหม นี่มันห้าโมงกว่าแล้วนะ ฉันจะปล่อยให้เด็กอายุสี่ขวบอยู่โรงเรียนคนเดียวได้ยังไง"

         "คนเดียวที่ไหนกัน คุณครูก็อยู่ด้วยไม่ใช่เหรอ ใครเขาจะปล่อยให้นักเรียนอยู่คนเดียวกันเล่ายัยบ้า!"

         "โอ๊ย! ไอ้สมองทึบ ถ้าไม่รู้ก็หุบปากไป" ฉันรีบจ้ำไปยัง Kindergarten Zone โดยไม่หันไปมองคนสมองทึบที่เดินตามอยู่ข้างหลังให้เสียเวลา

         'อยู่โรงเรียนคนเดียว' ในที่นี้ฉันหมายถึงไม่มีเพื่อนร่วมชั้นหรือนักเรียนคนอื่นๆ อยู่ด้วยต่างหาก!

         เมื่อตอนฉันเรียนอยู่ชั้นประถม ป๊ากับม๊ามารับช้าเพราะติดทำธุระฉันก็เลยต้องนั่งรออยู่ในโรงเรียนคนเดียวโดยปราศจากเพื่อน จะมีก็แต่ลุงภารโรงที่ยังคงทำความสะอาดโรงอาหารกับพวกป้าๆ จากร้านขายขนมสองสามคนช่วยกันเก็บข้าวของเตรียมกลับบ้าน

         ณ เวลานั้นฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งร้องไห้เงียบๆ คนเดียว ร้องจนกระทั่งเห็นรถยนต์คันคุ้นตามาจอดอยู่ตรงหน้าจึงรู้ว่าป๊ากับม๊ามารับฉันกลับบ้านแล้ว

         ฉันไม่รู้ว่ามีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบฉันไหม...แต่ถ้าเคยก็คงเข้าใจความรู้สึกของฉันดีว่ามันหดหู่และวังเวงมากแค่ไหนที่เราต้องนั่งอยู่เพียงลำพังโดยติดต่อสื่อสารกับพ่อแม่ไม่ได้เพราะเด็กเกินไปที่จะมีเครื่องมือสื่อสารเหมือนเด็กสมัยนี้

         และเพราะเหตุนี้ฉันจึงต้องรีบมารับโคลินเพราะกลัวว่าน้องจะรู้สึกแบบเดียวกับฉันเมื่อตอนเด็กๆ

         "ก็พ่อแม่ฉันไม่เคยทิ้งให้อยู่คนเดียวนี่หว่า อีกอย่างฉันก็ไม่มีน้องด้วย" คนตัวสูงก้าวยาวๆ จนเดินมาตีคู่กับฉัน แต่ก็ไม่วายพูดจาวอนให้ฉันรู้สึกอยากด่าจนได้

         "นั่นถือเป็นความโชคดีของพ่อกับแม่แกไงที่ไม่มีน้องให้แกอีกคน"

         "ทำไมวะ! คนอย่างฉันมีน้องไม่ได้หรือไง"

         "ถ้าใครได้เกิดมาเป็นน้องแกฉันว่านั่นคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด"

         "ทำไมๆๆๆ ไหนพูดมาให้เคลียร์ดิ๊!"

         "เพราะแกมันเห็นแก่ตัวไง ถ้ามีน้องอีกคนแกก็คงเอาเปรียบน้องไปซะทุกอย่าง"

         "นี่แกว่าฉันเหรอวะไอ้เอม!"

         "พี่โอฬาร!" ฉันเมินคำถามของคนตัวโตข้างๆ แล้วร้องเรียกพี่เทคตัวเองเมื่อเห็นเขาเดินถือเอกสารอะไรสักอย่างออกมาจากห้องธุรการของโรงเรียน "จะมาโรงเรียนก็ไม่บอก เอมจะได้ขอติดรถมาด้วย"

         "โอ๊ยยยยย! ทำไมฉันต้องมาเจอไอ้หน้าตี๋นี่อีกแล้ววะ" โปสเตอร์พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะหันไปถามพี่โอฬารด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าไม่เป็นมิตรอย่างแรง "แกเสนอหน้ามาที่นี่ทำไมฮะ!"

         "ทำไมเขาจะมาไม่ได้ในเมื่อ..."

         "ฉันถามมัน...ไม่ได้ถามแก ตอบแทนทำไม"

         "ถ้าแกจะมาหาเรื่องก็กลับไปเลยไป"

         "ฉันก็แค่ถามเฉยๆ ไม่ได้จะหาเรื่องอะไรสักหน่อย" คนขี้หงุดหงิดทำปากมู่ทู่ใส่ฉันแล้วหันไปทำเสียงแข็งใส่ผู้ชายอีกคน "ตกลงว่าเสนอหน้ามาที่นี่ทำไม หรือมารับลูกกลับบ้าน?"

         "ฉันไม่ได้มารับลูก แต่ฉันมาดูความเรียบร้อยของโรงเรียน"

         "ดูทำไมความเรียบร้อย แกรับจ็อบเป็นยามที่นี่หรือไง"

         ฉันล่ะอยากเอื้อมมือไปฟาดปากไอ้บ้านี่ให้เลือดกบปากสักทีจริงๆ ปากพล่อยไม่พอสมองยังมีแต่ขี้เลื่อยอีก คิดได้ยังไงว่าพี่โอฬารรับจ็อบเป็นยามให้โรงเรียนของตัวเอง สักแต่ว่าจะพูดก็พูดแบบไม่ได้คิดอะไรเลยสินะ 

         "ยิ่งถามยิ่งดูโง่" ฉันตำหนิเสียงเข้มก่อนจะพูดเฉลยเพื่อไม่ให้หมอนี่ดูโง่ไปมากกว่านี้ “พี่โอฬารเป็นทายาทของโรงเรียนนี้ ถ้าเขาจะมาตรวจดูความเรียบร้อยหรือแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร...เข้าใจยังไอ้กระบือ”

         "หน้าอย่างนี้อ่ะนะเป็นทายาทโรงเรียนนานาชาติชื่อดัง โฮะๆๆ เชื่อก็ควายแล้วว่ะ"

         แล้วที่แกทำอยู่ตอนนี้ไม่ 'ควาย' ตรงไหนฮะโปสเตอร์?

         "ไม่เชื่อก็แล้วแต่แก แล้วก็เงียบปากด้วย...รำคาญ!" ฉันยื่นมือไปดันหน้าโปสเตอร์ให้หันไปทางอื่น ส่วนพี่โอฬารก็ระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะถามกลับ

         "แล้วนี่เอมมารับโคลินใช่ไหม"

         "ใช่ค่ะ พอดีวันนี้เลิกคลาสช้าก็เลยมารับเจ้าตัวแสบช้าไปด้วย ไม่รู้ว่าเจอหน้าจะทำบึ้งตึงใส่เอมมากแค่ไหน" ฉันหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าบูดบึ้งของน้องชายตัวแสบ

         "ถ้าอย่างนั้นพี่ว่ารีบไปหาโคลินดีกว่า เดี๋ยวงอนขึ้นมาแล้วจะยุ่งนะ" พี่โอฬารยิ้มให้ฉันอีกครั้งก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำฉันไปยังโซนอนุบาลโดยมีโปสเตอร์เดินตามหลังมาติดๆ

         เมื่อเดินมาถึงฉันก็สอดส่องสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบโคลินเลยแม้แต่เงา เริ่มใจไม่ดีพลางคิดไปต่างๆ นานาว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโคลินบ้างหรือเปล่า และเมื่อหันไปมองทางห้องพักครูฉันก็เห็นว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากในนั้นจึงไม่ลังเลที่จะพุ่งตัวเข้าไปหาเธอด้วยความร้อนใจ

         "ขอโทษนะคะ เห็นโคลินหรือเปล่าคะ"

         "อ๋อ...มีคนมารับน้องโคลินไปแล้วค่ะ เพิ่งจะไปเมื่อสักครู่นี้เอง"

         "มะ...มีคนมารับโคลินไปแล้วเหรอคะ ใครกัน?" โดยไม่รอฟังคำตอบฉันก็ออกวิ่งไปยังสนามเด็กเล่นและเส้นทางที่จะไปยังลานจอดรถอีกฝั่งหนึ่งของโรงเรียนทันที ภาวนาขออย่าให้มีพวกโรคจิตมาจับตัวน้องชายฉันไปเลย ไม่อย่างนั้นฉันได้ถูกป๊าฆ่าตายแน่ๆ "โคลิน! โคลิน!"

         "แกอย่าเพิ่งโวยวายสิวะ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่แกคิดก็ได้นะเว้ย" โปสเตอร์รีบวิ่งเข้ามาคว้าแขนฉันเอาไว้เมื่อเห็นว่าสติฉันเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว

         ถ้าเกิดน้องหายไปแล้วฉันจะทำยังไง ฉันจะกล้ากลับไปเจอหน้าป๊ากับม๊าได้ยังไงกัน...

         "โคลินไม่ใช่น้องของแกก็พูดได้นี่!"

         "ตั้งสติก่อนได้ไหมวะ แล้วทำไมต้องขึ้นเสียงใส่ฉันด้วย"

         "ถ้าไม่คิดจะช่วยก็เงียบปากไป แล้วก็ปล่อยมือออกจากแขนฉันด้วย!" รู้อยู่แล้วว่าขอให้ปล่อยดีๆ คงไม่ยอม ฉันเลยสะบัดแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของโปสเตอร์อย่างแรงแล้วรีบวิ่งเข้าในไปสนามเด็กเล่นอันกว้างขวางพลางร้องเรียกชื่อเดิมซ้ำๆ "โคลิน! ได้ยินเสียงพี่เอมไหมโคลิน!"

         "พี่เอมฮะ! โคลินอยู่นี่!" น้ำเสียงสดใสของคนที่ฉันกำลังตามหาดังขึ้นไม่ไกลนัก ฉันจึงชะงักฝีเท้าก่อนหันไปทางต้นเสียงก่อนพบกับโคลินกำลังวิ่งเข้ามาหาฉัน ห่างออกไปไม่กี่ก้าวมีผู้ชายคนหนึ่งในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์ยืนอยู่...

         "โวยวายอะไรกัน เสียงดังไปถึงลานจอดรถเลย" น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นหลังจากโคลินวิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของฉันแล้ว ฉันจึงเพ่งสายตาไปมองก่อนจะเผลออุทานเรียกผู้ชายคนนั้นด้วยความตกใจระคนดีใจ

         "ปะ...ป๊า!"

       ใช่เหรอ...นั่นป๊าตัวจริงเสียงจริงใช่ไหม! ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่หรือเปล่า!

 

 

 

TO BE CONTINUED...

 

 

ภาพประกอบจาก : www.tumblr.com , www.siamzone.com ฯลฯ

 

The-Daziie's Talk

[01/03/2016] อาการแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรน้ออออ...หมาหวงก้างหรือเปล่า 55555 แค่แฟนปลอมๆ เองนะ ถึงกับต้องกันท่ากันขนาดนี้ไหมคะอีโปส? เรื่องมือไวและหน้าด้านหน้าทนต้องยกให้เขาแหละ งานถนัดเลย

[03/03/2015] หล่อแต่สมองทึบจริงๆ นะโปสเตอร์ 555555 แล้วนี่ก็จิกกัดพี่โอฬารอีก มันน่าตบปากจริงๆ พี่โอฬารออกจะเป็นคนดี และบอกเลยว่าอีโปสเทียบไม่ติด แต่ก็ยังมั่นหน้าพูดแซะเขา สาวกคนดีรับไม่ได้! ยอมรับมาซะดีๆ ว่าใครแอบปันใจให้พี่โอฬารแล้วบ้าง?? =O=//// อ่านแล้วเม้นท์และโหวตคะแนนให้ด้วยนะคะ

 

นักอ่านคนไหนสนใจสั่งซื้อนิยาย สอบถามได้ที่แฟนเพจ The-Daziie นะคะ โดยการเสิร์ชหาชื่อนี้ใน Facebook ได้เลย (จริงๆ ทำลิ้งค์ไว้แต่มันกดไม่ได้ ยังไงใครสนใจเสิร์ชหาชื่อแล้วกันเนอะ)

 

ตัวอย่างหน้าปกนิยายค่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา