แสบนักไม่ให้รักยังไงไหว

-

เขียนโดย ป้านิล

วันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 15.02 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,362 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558 15.08 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นแห่งความเลวร้าย(มั้ง)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 1

จุดเริ่มต้นแห่งความเลวร้าย(มั้ง)

          แสงไฟยามค่ำคืนที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้ากับเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มยามราตรี ไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ในร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะรู้สึกดีขึ้นได้เลย คำบอกเล่าจากปากของเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับสิ่งที่เขาเห็นเมื่อซักชั่วโมงที่ผ่านมาสรุปได้ว่าผู้หญิงที่เขารักกำลังจะตีจากเขาไป แต่อย่าหวังเลย เพราะมันไม่มีทางจะเป็นเช่นนั้นได้ ในเมื่อเขาทุ่มเทให้เธอขนาดนี้ ทั้งเงินทอง ข้าวของอีกหลายอย่าง แม้แต่ตัวละหัวใจเขาก็ยังให้เธอได้ แล้วแบบนี้จะปล่อยให้หนีจากเขาไปได้อย่างไรกัน

          ตาคมที่แฝงแววกรุ่นโกรธเหลือบมองไปยังทางเข้าอยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้วี่แววของคนที่เขากำลังรอ ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหวนคำนึงไปถึงวันแรกที่เขาเหยียบย่างเข้ามาในร้านแห่งนี้เมื่อห้าเดือนก่อน รุ่นพี่ที่จบการศึกษาและกำลังรอรับปริญญาในสาขาวิชาเดียวกันกับเขา มาฉลองการจบการศึกษาที่ร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะแห่งนี้ และโชคชะตาก็ทำให้เขาได้พบกับหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งซึ่งทำหน้าที่เชียร์แขกอยู่ในร้านนี้ ครั้งแรกเขาก็มิได้สนใจเธอ จะมองก็ตามประสาผู้ชายทั่วไปที่มักจะชอบมองคนสวย และก็เป็นหญิงสาวนั่นแหละที่เป็นคนขอเข้ามาคุยกับเขาก่อน ขอเบอร์โทรศัพท์จากเขาและติดต่ออยู่เรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ลงเอยกันบนเตียง ความเจนจัดของเธอทำให้เขาหลงรักหัวปักหัวปำ เขาไม่สนใจว่าเธอจะผ่านผู้ชายมาแล้วกี่คน คิดเพียงอย่างเดียวว่าถ้าเธอรักเขาและหยุดที่เขาเพียงคนเดียว เขาก็จะดูแลเธอตลอดไป

          วรรณวลีคือชื่อของผู้หญิงคนนั้น เธอเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อแห่งหนึ่งที่เขารู้จักดี นักศึกษาสาวๆ แต่ละคนถ้าไม่รวยล้นเพราะฐานะทางบ้านดีก็จะเป็นเด็กป๋าเลี้ยงซะส่วนใหญ่ วรรณวลีเป็นคนสวย ยิ้มง่ายและเอาใจเก่ง แรกๆ หญิงสาวก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขา แต่มาพักหลังๆ นี่พอเห็นเขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น เธอจะออดอ้อนเอาโน่นเอานี่จากเขาตลอดและชายหนุ่มก็ต้องสนองให้ทุกครั้ง

          สะท้านกรุงเป็นลูกชายคนเดียวของดาริกาม่ายสาวผู้เป็นเจ้าของร้านจิลเวลรี่ชื่อดัง จนเมื่อเดือนก่อนหญิงสาวออดอ้อนเอารถจากเขาแล้วไม่ได้ เนื่องจากมารดาไม่ยอมซื้อให้เพราะชายหนุ่มมีรถขับอยู่แล้วจะเอาไปอีกทำไม และก็คาดคั้นจนได้ความว่าเขาจะซื้อไปให้วรรณวลี ดาริกาจึงลดเงินที่เคยให้แล้วยังยึดบัตรเครดิตทั้งหมด แถมยังไม่ให้เขาขับรถเอง เวลาไปไหนก็ต้องให้คนขับคอยตามรับตามส่ง สะท้านกรุงจึงไม่ได้มีโอกาสเจอเธออีกเลย เนื่องจากมารดาคุมตัวแจ พอเขาโทร.ไปหา หญิงสาวก็ไม่ยอมรับ เพราะเมื่อไม่ได้ดังใจวรรณวลีก็ตีตัวออกห่างจากเขา หันไปควงลูกชายนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่งแทนช ทีแรกเพื่อนเขาบังเอิญไปเห็นเจ้าหล่อนหลายๆ ที่ก็นำมาเล่าให้เขาฟังแต่ชายหนุ่มก็ไม่ยอมเชื่อ จนเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ขณะที่เขาแอบหนีเดชคนขับรถที่เขาหลอกให้จอดรถในปั้มเพราะอยากเข้าห้องน้ำ และใช้ให้เข้าไปซื้อน้ำดื่มภายในร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในปั้ม ขณะที่เดชเข้าเดินเข้าไปในร้าน เขาก็แอบขึ้นแท็กซี่เพื่อมาหาเธอที่นี่ และช่วงติดไฟแดงแถวแยกบางนา สะท้านกรุงก็เหลือบไปเห็นวรรณวลีอยู่ในรถเก๋งสีดำแบบสปอร์ตคันหนึ่ง และกำลังอี๋อ๋ออยู่กับคนขับที่เป็นหนุ่มท่าทางนักเลง เขาจึงบอกให้รถแท็กซี่ตามไปแต่ก็ไม่ทันเนื่องจากรถติดไฟแดงซะก่อน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจมารอเธอที่นี่ แต่พอถามเด็กในร้านก็รู้ว่าเธอลาออกไปแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่รู้ว่าจะไปตามเธอได้ที่ไหน เพราะวรรณวลีไม่เคยพาไปที่หอพักเลยซักครั้ง

          สะท้านกรุงก้มดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูที่บ่งบอกว่าเป็นเวลาสามทุ่มถึงกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ร่างสูงเดินออกมาหน้าร้านและระหว่างที่กำลังหันซ้ายหันขวาตัดสินใจว่าจะไปทางไหนนั้น ก็บังเอิญหันไปเจอหญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดสีน้ำตาลซึ่งเป็นแบบฟอร์มของพนักงานในโรงงานแห่งหนึ่ง หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังอยู่ตรงป้ายรถเมล์ และปลายเท้าก็มีกระเป๋าเงินสีชมพูที่หญิงสาวทำหล่นออกมาจากกระเป๋าสะพายที่ไม่ได้รูดซิป ด้วยความหวังดีชายหนุ่มจึงรีบเดินเข้าไปหาเพื่อจะบอกให้เธอรู้ตัว แต่เขาก็ไปไม่ทันเมื่อหญิงสาวคนนั้นวิ่งขึ้นรถประจำทางไปก่อน สะท้านกรุงจึงรีบเดินเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์สีชมพูนั้นขึ้นมาก่อนที่จะมีใครมาคว้าไปเพื่อจะนำไปคืนเจ้าของในภายหลัง เพราะสำหรับเขาไม่มีวันเอาของใครไปใช้แน่ ขณะที่มือแกร่งกำลังจะเปิดดูหลักฐานที่อยู่ด้านใน ตาคมก็เหลือบไปเห็นวรรณวลีกับเจ้าหนุ่มท่าทางนักเลงกำลังเดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อฝั่งตรงข้ามซะก่อน มือหนาจึงยัดกระเป๋าเงินที่เก็บได้ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ก่อนจะวิ่งข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม

 

          “แม่งเอ๊ย!” อาการที่ถูกกระชากต้นแขนอย่างแรง ทำให้ร่างของวรรณวลีถลาไปตามแรงดึงจนเกือบหงายหลัง หญิงสาวสบถอย่างหัวเสีย หันไปมองหน้าคนที่ดึงด้วยแววกรุ่นโกรธ แต่พอเห็นหน้าเขาดวงตาของหญิงสาวก็วูบไหวเล็กน้อย ก่อนจะปรับเปลี่ยนมาเป็นท่าทีฉงน

          “ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ” ได้ยินคำถามนั้นสะท้านกรุงถึงกับพูดไม่ออก

          “หึ! มีธุระอะไร คุณพูดกับผมแบบนี้หรือวลี”

          “ฉันว่าคุณคงจำคนผิดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นธนดลคู่ขาคนใหม่ของเธอกำลังมองมาอย่างจับผิด วรรณวลีไม่อยากให้เขารู้เรื่องระหว่างเธอกับชายหนุ่มตรงหน้า เพราะกลัวว่าเงินก้อนโตที่จะได้จากเขาจะอันตรธานหายไป ผิดกับสะท้านกรุงที่เมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากของหญิงสาว ชายหนุ่มก็โมโหสุดขีด เขย่าร่างบอบบางจนหัวสั่นหัวคลอนพลางตะคอกถาม

          “จำคนผิดงั้นหรือวลี คนที่เคยแนบร่างกันขนาดนั้น ผมไม่มีวันลืมง่ายๆ หรอก” ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะได้โต้ตอบอะไร สะท้านกรุงก็ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น พร้อมกับเลือดไหลซิบตรงมุมปาก

          “มันจะมากไปแล้วนะไอ้เ-ย.. นี่ลิลลี่ผู้หญิงของกู ไม่ใช่วลีอะไรของมึง จำใส่กะโหลกไว้” ธนดลมองคนที่นั่งกองกับพื้นตาขวาง ถึงเขาจะไม่ได้รักใคร่ใยดีอะไรกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง แต่นี่คือของเล่นชิ้นใหม่และปรนเปรอเขาอย่างถึงใจอย่างไม่มีใครเคยทำมาก่อน อีกอย่างไอ้หน้าอ่อนนี่มันเป็นใคร ถึงได้กล้ามาหาเรื่องกับคนอย่างเขา สะท้านกรุงเช็ดเลือดออกจากมุมปาก ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน หรี่ตามองไอ้หนุ่มนักเลงด้วยความไม่พอใจ

          “จะลิลลี่อะไรกูไม่สน แต่กูจะบอกมึงไว้ว่านี่คือวลีผู้หญิงของกูเหมือนกัน” ชายหนุ่มพูดพลางยัดกำปั้นเข้าดั้งจมูกของธนดลอย่างจัง ด้วยความไม่ทันระวังตัวจึงทำให้ร่างของธนดลเซไปด้านหลังหลายก้าว

          “ตายแล้ว! คุณดล เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” วรรณวลีรีบวิ่งเข้าไปประคองหนุ่มผิวเข้มก่อนละล่ำละลักแก้ตัว

          “คุณดลอย่าไปเชื่อค่ะ ลิลลี่ไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนเลยนะคะ” หนุ่มผิวเข้มแกะมือวรรณวลีออก ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อสะท้านกรุงแล้วเอ่ยปากท้าทาย

          “มึงแน่มากใช่ไหมไอ้หน้าอ่อน”

          “แน่สิ ถ้าไม่แน่กูคงไม่มา”

          “ได้ ที่นี่คนเยอะไม่สะดวก มึงกล้าไปตกลงกับกูที่อื่นไหม” มือแกร่งของสะท้านกรุงปัดมือหนาของธนดลออกจากคอเสื้อของตนก่อนจะตอบกลับไป

          “ถ้ามึงกล้า กูก็กล้า” สะท้านกรุงจ้องตอบอย่างไม่ลดละ

          “งั้นตามกูมา แล้วอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ธนดลหันหลังกลับ เดินนำหน้าสะท้านกรุงไปยังรถเก๋งคนงามสีดำที่จอดอยู่ โดยมีวรรณวลีวิ่งตามไปติดๆ

          “คุณดลรอลิลลี่ด้วยสิคะ” วรรณวลีรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่คนขับ เธอจะไม่มีวันปล่อยให้เขาหลุดมือ เพราะชายหนุ่มเป็นถึงลูกนักการเมืองท้องถิ่นที่รวยล้น มีบ่อนการพนันอยู่หลายที่ ให้เธอได้อย่างที่เรียกร้อง สะท้านกรุงเห็นอาการนั้นถึงกับเดือดปุดและเจ็บปวดไปในคราวเดียวกัน ทำไมเขาถึงได้โง่เง่ามารักคนแบบนี้ได้นะ แต่ขณะนั้นความโกรธแค้นมีมากกว่า อยากจะสั่งสอนไอ้หนุ่มที่เป็นคนขับ ชายหนุ่มจึงเปิดประตูขึ้นนั่งด้านหลัง มองผู้หญิงที่เคยรักด้วยดวงตาวาวโรจน์

 

          รถกระบะสี่ประตูสีดำที่แล่นตามรถเก๋งคันงามของเธอเข้ามาภายในบริเวณบ้าน ทำให้ดาริกาม่ายสาวถึงกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ  ก่อนจะเพ่งมองอีกครั้งก็จำได้ว่าเป็นรถของหลานชาย เธอเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงสังสรรค์ในแวดวงไฮโซ ถึงจะไม่ค่อยชอบงานแบบนี้ แต่ม่ายสาวก็จำเป็นต้องไป เพราะว่ารายได้ส่วนใหญ่ของร้านจิวเวลลี่มาจากลูกค้าเหล่านี้ทั้งนั้น

          ดาริกาจอดรถหน้าบ้านของตัวเองที่เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่แถวรังสิต ที่สามีผู้ล่วงลับทิ้งไว้ให้ สามีเธอเป็นคนเชียงราย ครอบครัวของสามีทำสัมปทานไม้และปลูกไม้สักขายในเนื้อที่พันกว่าไร่มาตั้งแต่รุ่นปู่ แต่เดี๋ยวนี้หันมาปลูกพืชเมืองหนาวเกือบหมดเนื่องจากเห็นคุณค่าของป่าไม้ อีกอย่างการปลูกต้นสักขายนั้น กว่าจะโตก็ต้องใช้เวลานาน เธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบิดามารดาที่เป็นเจ้าของจิวเวลลี่ชื่อดังย่านสีลม เมื่อแต่งงานกันแล้วสามีก็แยกตัวออกจากครอบครัวหันมาทำธุรกิจกับเธอแทน ส่วนที่เหลือก็ยกให้พี่ชายทำทั้งหมด

          “อาดาสวัสดีครับ” เมื่อดาริกาลงจากรถมา อหังการ์ก็เดินมาหาพร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ผู้เป็นอาสะใภ้

          “สวัสดีจ๊ะ ไปไงมาไงถึงได้มาจนดึกดื่นป่านนี้ แล้วขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรล่ะเชิด ” ดาริการับไหว้หลานชายพร้อมกับเอ่ยถาม เพราะปกติแล้วชายหนุ่มมักจะมีงานยุ่งจนไม่ค่อยมีเวลาไปไหนมาไหน นอกจากอยู่ในไร่เท่านั้น

          “มาได้สามวันแล้วครับ ผมขึ้นมาส่งคุณแม่ พี่ฟ้าก็เลยชวนให้อยู่พักผ่อนที่บ้านด้วย” อหังการ์พูดถึงรุ่งฟ้าพี่สาวคนเดียวของตัวเองที่แต่งงานจนมีลูกสองคน และมาอยู่กับสามีซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอยู่ในกรุงเทพฯ หลังจากบิดาเสียชีวิตเมื่อสามปีก่อน มารดาของเขาก็มาอยู่กับพี่สาวเพื่อมาช่วยเลี้ยงหลาน ชายหนุ่มซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวก็เลยต้องรับภาระทุกอย่างในไร่แทน

“แล้วจะกลับเมื่อไรล่ะ พักกับอาซักคืนไหม” อหังการ์เป็นลูกชายของทระนงพี่ชายของกำแหงสามีของดาริกา แต่สองพี่น้องถูกรถสิบล้อพุ่งชนรถเก๋งที่นั่งมาด้วยกันจนตกเหวแถวจังหวัดแพร่ในวันสงกรานต์เมื่อสามปีที่ผ่านมา เพราะทระนงกับอรพรรณผู้เป็นภรรยาขึ้นมาเยี่ยมลูกสาวเลยแวะมาหากำแหงน้องชายที่นี่ หลังจากนั้นก็ชวนกันกลับไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่แถวเชียงราย พอหลังสงกรานต์ก็จะขึ้นมาส่งน้องชายพร้อมทั้งรับผู้เป็นภรรยาที่บ้านของลูกสาวด้วย แต่สุดท้ายทั้งสองก็ต้องมาจบชีวิตลงซะก่อน

“ผมคิดถึงจิ๊บครับอาดา คิดว่าจะเข้ามาหาจิ๊บซักหน่อย สัญญากับจิ๊บไว้ว่าถ้ามาหาอีกครั้งจะไปเที่ยวทะเลด้วยกัน” อหังการ์พูดถึงสะท้านกรุงที่มีศักดิ์เป็นน้องชาย ชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดย่างยี่สิบเก้า เรียนจบปริญญาโทด้านการบริหารธุรกิจที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากเรียนจบแล้วก็ช่วยบิดาบริหารจัดการงานในไร่และศึกษาเกี่ยวกับการปลูกพืชเมืองหนาวไปด้วย เพราะหลังจากที่ล้มต้นสักขายจนหมดแล้ว บิดาของเขาก็ไม่ได้ปลูกอีก แต่หันมาทำการเกษตรแผนใหม่แทน

“จิ๊บเหรอ น่าจะอยู่ในบ้านนะ เข้ามาข้างในก่อนสิ” ดาริกาเดินเข้าไปในบ้าน พร้อมกับเอ่ยชวนหลานชายไปด้วย

“ปีนี้จิ๊บก็จะเรียนจบแล้วใช่หรือเปล่า”

“ใช่จ๊ะ วันนี้เห็นว่าไปสอบเป็นวันสุดท้ายแล้ว ตอนนี้อากำลังคิดว่าจะให้จิ๊บไปเรียนต่อต่างประเทศน่าจะดี”

“อ้าว! ทำไมให้ไปเรียนไกลจังครับ”

“ก็อาอยากกันจิ๊บกับแม่สาวที่จิ๊บกำลังติดพันน่ะสิ”

“ใครครับอาดา” คิ้วหนาขมวดมุ่นด้วยความไม่ชอบใจ

“ไม่รู้เหมือนกัน อาไม่เคยเห็นหน้า แต่คงไม่ใช่คนดีหรอก ก็เล่นผลาญเงินกันซะขนาดนั้น คิดดูสิขอมาได้ยังไงรถเก๋งราคาเป็นล้าน จิ๊บเองก็เหลือเกินยังจะซื้อให้อีก นี่ถ้าอาไม่หลอกถามจนรู้เรื่องซะก่อนได้สูญเงินล้านแน่ๆ ไม่รู้หลงอะไรกันนักหนา”

“แล้วผู้หญิงคนนี้ทำงานอะไรครับ”

“ไม่รู้เหมือนกันถามก็อ้ำๆ อึ้งๆ เล่าให้ฟังแต่ว่าน่ารักเอาใจเก่งสารพัดและก็สวยมากด้วย พักอยู่แถวๆ บางนาอะไรนี่แหละ” ตาคมฉายแววเหยียดแสดงความรังเกียจ เพราะสมัยเรียนเขามักจะเจอผู้หญิงแบบนี้เสมอ ที่มักจะเอาร่างกายปรนเปรอให้ผู้ชายหลงจนไม่เป็นอันทำอะไร หาแต่สิ่งอำนวยความสะดวกมาปรนเปรอ แล้วหลังจากนั้นก็เขี่ยทิ้ง เพื่อนของเขาก็โดนกันหลายคน แทบจะฆ่าตัวตายเลยก็มี แล้วน้องชายของเขาก็เป็นพวกหัวอ่อน ไม่ทันคนซะด้วย

“แล้วตอนนี้จิ๊บอยู่ไหนครับ”

“นั่นสิ หรือว่ายังไม่กลับนะ รถของเดชอาก็ยังไม่เห็นเลย” พูดจบม่ายสาวก็เดินออกไปดูที่หน้าบ้าน ซึ่งจังหวะนั้นเองเดชก็ขับรถเข้ามาจอดด้านหน้าบ้านพอดี แต่ดาริกาก็เห็นเพียงคนขับลงมาคนเดียวเท่านั้น โดยไร้เงาของลูกชาย ม่ายสาวจึงรีบเดินเข้าไปหาคนขับที่ทำหน้าตายุ่งยาก

          “จิ๊บอยู่ไหนล่ะเดช”

          “คุณจิ๊บหายไปไหนก็ไม่ทราบครับคุณดา”

          “ว่าไงนะเดช จิ๊บหายไป หายไปได้ยังไง” ดาริกาถามคนขับรถด้วยเสียงอันดัง

          “ความจริง วันนี้หลังจากที่สอบวันสุดท้ายเสร็จแล้ว คุณจิ๊บก็ให้ผมพาไปโน่นไปนี่หลายที่บอกว่าอยากคลายเครียดที่ต้องสอบมาหลายวัน แล้วตอนที่กำลังจะกลับบ้าน คุณจิ๊บบอกผมว่าปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำให้ผมจอดรถที่ปั๊ม แล้วใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้ พอผมซื้อเสร็จมานั่งรอคุณจิ๊บที่รถ รอตั้งนานก็ไม่เห็นออกมาจากห้องน้ำ ผมเลยเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่เจอใครซักคน ตามหาแถวนั้นก็ไม่มี จนผมจนปัญญา สงสัยจะไปตามหาคู่รักน่ะครับ เพราะคุณจิ๊บชอบเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ่อยๆ”

          “บ้าจริง ตาจิ๊บนะตาจิ๊บ จะติดใจแม่นั่นอะไรนักหนา เดชเคยเห็นหน้าไหม” ดาริกาบ่นอุบด้วยความร้อนใจ เพราะไม่อยากจะให้ลูกชายคบกับผู้หญิงคนที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้าคนนั้นอีก

          “ไม่เคยเห็นครับ แต่คุณจิ๊บเคยเล่าให้ฟังว่าแฟนแกเป็นคนสวย”

          “สวยแต่รูปจูบไม่หอมน่ะสิ แล้วทีนี้เราจะไปตามหาจิ๊บที่ไหนกันดี” ดาริกาทำเสียงร้อนรน

          “ผมลองโทร.เข้ามือถือแล้วครับแต่คุณจิ๊บไม่ยอมรับสาย” เดชรายงานอีกครั้ง

          “โธ่! ลูกหนอลูก เดชพอจะรู้จักเบอร์เพื่อนตาจิ๊บไหม” ดาริกาถามเสียงร้อนรน แม้แต่เดชเองก็ต้องถอนใจด้วยความหนักอก เพราะนายหญิงของเขาเป็นคนเข้มงวดกับลูกชายเสมอ แม้แต่เพื่อนๆ ก็ไม่ยอมให้คบหา จนนายน้อยของเขาไม่กล้าพาใครมาที่บ้าน แล้วเขาจะไปรู้จักเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนๆ สะท้านกรุงได้อย่างไร แค่คุยกันเขาก็ยังไม่เคยคุยด้วยเลย

          “ไม่รู้จักครับ”

          “แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย” ม่ายสาวบ่นด้วยความร้อนใจ

          “คุณดาลองโทร.อีกทีสิครับ บางทีคุณดาโทร.ไปหา คุณจิ๊บอาจจะรับโทรศัพท์ก็ได้”

          “ฉันจะลองดู” ม่ายสาวรับคำด้วยสีหน้าหนักใจ

 

เพราะความเคียดแค้นที่กำลังสุมแน่นเต็มอก ทำให้สะท้านกรุงไม่สนใจถนนหนทางและบรรยากาศภายนอกที่กำลังเปลี่ยนไป จากบ้านเรือนที่มีคนหนาตาเข้ามายังถนนสายเปลี่ยว ไร้แสงไฟ ซึ่งคนขับปรายตามองไอ้หนุ่มหน้าโง่ที่บังอาจมาท้าทายคนอย่างเขา

‘แล้วกูจะทำให้มึงเจ็บจนลืมกูไม่ลงเลยดีเดียวไอ้น่าโง่’

          “ลงมาไอ้หน้าอ่อน เจ๋งมากหรือมึง” พอธนดลจอดรถเสร็จก็เปิดประตูลงจากรถ อ้อมมาทางด้านหลังที่สะท้านกรุงนั่งอยู่ กระชากแขนชายหนุ่มที่กำลังเปิดประตูแล้วลากลงมาจากรถอย่างไม่ปรานีปราศรัย เมื่อเจอแบบนี้สะท้านกรุงก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกัน สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของคู่กรณีพร้อมกับกระแทกกำปั้นไปที่ปากของคนอวดเก่งนั้นจนเลือดไหลออกจากมุมปาก ธนดลใช้หลังมือปาดเลือดออกจากมุมปาก ตาสีดำจ้องชายหนุ่มตรงหน้าเขม็ง ก่อนจะเดินไปเปิดหลังรถหยิบท่อนเหล็กขนาดข้อมือออกมา

          ชายหนุ่มถอยหลังเตรียมตั้งหลักสู้ จ้องหน้าของคนที่กำลังย่างสามขุมมาทางเขา พร้อมกับเหลือบมองไปด้านข้างตัว เพื่อหาอาวุธมาป้องกันตัว แต่ขณะนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีเงาดำวูบมาทางด้านหน้า ชายหนุ่มจึงยกมือขึ้นกันด้วยสัญชาตญาณ

“โอ๊ย!” แรงกระทบของท่อนเหล็กกับแขนมนุษย์ทำให้สะท้านกรุงทรุดฮวบ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจตั้งตัวได้ทัน เมื่อธนดลกระหน่ำตีไม่ยั้งทั่วทั้งร่างและสำนึกสุดท้ายก็ดับวูบ เมื่อเหล็กท่อนนั้นกระทบเข้ากับศีรษะอย่างจังจนเลือดทะลักอาบแก้มและไหลเปรอะเปื้อนเสื้อผ้า ธนดลมองดูร่างที่หมอบอยู่แทบเท้าของเขาแล้วมีเลือดท่วมตัวด้วยความสะใจ แต่ขณะที่หนุ่มผิวเข้มกำลังจะหันหลังกลับขึ้นรถ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังแว่วมาจากร่างที่กองอยู่ซะก่อน เขาจึงล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ เมื่อเห็นหน้าจอมือถือที่ขึ้นว่าคนโทร.เข้าคือแม่ เขาจึงกดรับ

          “ตาจิ๊บ ตอนนี้อยู่ที่ไหนล่ะลูก”

          “ผมจะบอกให้เอาบุญนะคุณนาย ว่าลูกชายคุณอยู่ที่ไหน” ได้ยินเสียงคนอื่นที่ไม่ใช่ลูกชายที่ใช้ถ้อยคำแปลกๆ ดาริกาก็ถึงกับอึ้ง 

“คุณเป็นใคร แล้วตาจิ๊บอยู่ที่ไหน”

          “ผมเป็นใคร ผมก็เป็นคนที่ใช้เหล็กท่อนใหญ่เท่าแขนตีลูกชายของคุณนายจนเลือดท่วมน่ะสิ โทษฐานที่บังอาจมายุ่งกับผู้หญิงของผม”

          “นี่แก แกว่าแกทำอะไรลูกฉันนะ แล้วลูกฉันเป็นยังไงบ้าง” ม่ายสาวถามปลายสายเสียงดัง ด้วยอาการหน้าซีดปากสั่น

          “ผมไม่รู้หรอกนะว่าไอ้หน้าอ่อน ลูกชายหน้าโง่ของคุณนายมันเป็นยังไงบ้าง เพราะผมไม่สนใจ แต่ถ้ามันตายไปได้เลยก็ยิ่งดี แต่ผมก็รู้สึกเห็นใจคนเป็นแม่อย่างคุณนาย จะบอกให้เอาบุญก็ได้ แต่ต้องรีบมาดูหน่อยนะในซอยร้างแถว... ก่อนที่จะไม่ทันได้ดูใจมัน” ธนดลพูดจบก็ตัดสายทิ้ง โยนโทรศัพท์ลงพื้นแล้วกระทืบจนพังไม่มีชิ้นดี ใบหน้าเข้มยิ้มเหี้ยมเกรียม ทำให้วรรณวลีที่ยืนตะลึงอยู่เมื่อครู่ถึงกับเสียวสันหลังกับความโหดร้ายของชายหนุ่ม ถ้าหากวันหนึ่งเขาไม่พอใจเธอขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อชายหนุ่มหันมาตะคอกถาม

          “ตกลงเธอชื่ออะไรกันแน่ ฮะ!”

          “ชื่อลิลลี่จริงๆ ค่ะ คุณดล” วรรณวลีตอบพร้อมกับหน้าที่ซีดเผือดลงทุกขณะ เธอไม่เคยพาใครไปที่ห้องพักเพราะไม่อยากจะให้เกิดความยุ่งยากหากคิดจะสลัดใครทิ้ง จึงโกหกทุกคนว่าห้องของเธอนั้นทั้งเก่าทั้งเล็กและอาศัยอยู่กับแม่เพียงแค่สองคนเท่านั้น แต่นานๆ ทีแม่ถึงจะกลับเนื่องจากต้องไปขายของเลยเช่าอยู่อีกที่หนึ่งเพื่อความสะดวก เธอเลยไม่อยากจะพาใครไปที่ห้อง เพราะไม่ต้องการให้คนที่อยู่ในตึกเดียวกันต้องมองในแง่ไม่ดีหากแม่รู้แม่จะเสียใจ และทุกครั้งเธอจะไม่ยอมบอกชื่อจริงของตัวเองกับใคร ตอนทำงานเป็นพนักงานเชียร์เบียร์อยู่นั้นเธอก็ใช้ชื่อว่าแนน แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่เธอกำลังเข้าห้องน้ำในโรงแรมหรูที่เข้าไปปรนเปรอรักให้กับสะท้านกรุง แม่ที่ติดการพนันงอมแงมของเธอโทร.เข้ามือถือของเธอพอดี เมื่อชายหนุ่มรับก็ถามถึงเธอ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็เรียกเธอว่าวลีตามแม่มาตลอด

          “อย่าให้ฉันรู้นะว่าเธอหลอกฉัน ไม่งั้นได้เห็นดีแน่”

          “ใครจะกล้าหลอกคุณดลได้ล่ะคะ ไอ้บ้านี่มันคงเข้าใจผิดค่ะ” หญิงสาวแก้ตัว

          “ให้มันแน่จริงๆ เถอะ ไม่งั้นฉันเอาเธอตาย แล้วอย่าหวังนะว่าจะมาสลัดฉันทิ้งง่ายๆ เหมือนไอ้หน้าอ่อนนี่ เพราะถ้าฉันยังไม่เบื่อ เธอก็อย่าหวังว่าจะได้ไป” ธนดลพูดทิ้งท้ายพร้อมกับผลักร่างของวรรณวลีกระแทกกับรถจนหญิงสาวเจ็บจนพูดไม่ออกแต่ก็รีบเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านหน้าคู่กับเขา ก่อนที่ชายหนุ่มจะทิ้งเธอไว้ที่นี่คนเดียว

 

          “เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน โธ่! ตาจิ๊บ” หลังจากสายถูกตัดไปแล้วดาริกาถึงกับซวนเซเกือบล้มพับ ถ้าเดชไม่คว้าตัวไว้ทันซะก่อน

          “คุณดาเกิดอะไรขึ้นกับคุณจิ๊บครับ” เดชถามเสียงดังด้วยความร้อนใจ เขาได้ยินบทสนทนาของนายสาว ถึงจะไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร แต่เขาก็เดาได้จากอาการของดาริกา  

          “อาดาเกิดอะไรขึ้นหรือครับ” อหังการ์ที่นั่งอยู่ด้านในได้ยินเสียงร้องลั่นของดาริกา พร้อมกับภาพที่เดชคนขับรถเก่าแก่ประคองอาสาวอยู่ก็รู้ว่าต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ

          “เรื่องมันเป็นยังไงน้าเดช” เมื่อเห็นอาสะใภ้เอาแต่หน้าซีดเผือดทำท่าแต่จะเป็นลม อหังการ์จึงหันไปถามเอาคำตอบกับเดชแทน

          “คือคุณจิ๊บหายไปครับ ผมตามหายังไงก็ไม่เจอ เลยกลับมาบอกคุณดา ให้คุณดาลองโทร.ไปหาคุณจิ๊บ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ” ฟังคำพูดของเดชที่ให้ความกระจ่างอะไรไม่ได้ซักอย่าง ทำให้อหังการ์ถอนใจเฮือกใหญ่

          “อาดา ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ น้าเดชมียาดมไหม” อหังการ์เข้าไปช่วยประคองอาสะใภ้อีกคน

          “มีครับมี” เดชยื่นยาดมในกระเป๋าเสื้อให้กับอหังการ์ ชายหนุ่มจึงรับมาแล้วรีบจ่อไปที่จมูกของอาสะใภ้

          “อาดาค่อยยังชั่วแล้วนะครับ มีอะไรเกิดขึ้นกับจิ๊บครับ อาดาถึงได้เป็นแบบนี้” เมื่อเห็นว่าอาสะใภ้ผลักมือของเขามีจับยาดมอยู่ออก และยกมือทำท่าให้รู้ว่าพอ อหังการ์ก็เอ่ยถามขึ้น

          “อาโทร.ไปหาตาจิ๊บ แล้วมีผู้ชายคนหนึ่งรับสาย เขาบอกว่าเป็นคนทำร้ายตาจิ๊บ เพราะว่าไปแย่งผู้หญิงของเขา ใช่สิเชิดช่วยอาด้วยนะ มันบอกว่าให้ไปรับจิ๊บก่อนที่จะไม่ทันได้ดูใจอีก ที่ซอยร้างแถว....” ดาริกาพูดเสียงสั่น

          “งั้นไปกันเถอะครับ ไอ้เจตน์แกไปนั่งข้างหลังเดี๋ยวฉันขับเอง น้าเดชไปนั่งด้านหน้ากับผม ช่วยบอกทางให้ด้วย ส่วนอาดานั่งด้านหลังนะครับ” อหังการ์ตะโกนบอกคนสนิทที่มักจะไปไหนมาไหนกับเขาเสมอ พร้อมกับจัดแจงทุกอย่างด้วยตัวเองเสร็จสรรพ ร่างสูงใหญ่วิ่งไปที่รถกระบะของตัวเอง พร้อมกับดาริกาที่หายจากอาการหน้ามืดรีบขึ้นไปนั่งด้านหลัง ไม่ต่างจากเดชที่วิ่งหน้าตั้งไปนั่งด้านข้างคนขับด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา