One life ครั้งหนึ่งในโรงเรียน

7.8

เขียนโดย Tokanokung

วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  12 ตอน
  15 วิจารณ์
  13.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 มีนาคม พ.ศ. 2563 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Lessons 11 : เปิดเทอมสอง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

หนึ่งอาทิตย์ก่อนเปิดเทอมสอง

ร่างกายของผมตอนนี้เหมือนโดนไอร้อนจากนรกกำลังเผาร่างของผมอยู่สภาพผมที่นอนใส่เสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงขาสั้นนอนแผ่กายอยู่บนโซฟา ทุกคนอาจจะคิดว่าการปิดเทอมเป็นเรื่องที่สบาย ผมให้โอกาสคุณคิดใหม่เพราะสิ่งนั่นนำมาใช้ไม่ได้กับชมรมของพวกผม หนึ่งอาทิตย์ก่อนวันเปิดเทอมผมได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนร่วมชมรมให้ไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าที่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก ผมต้องเดินทางฝ่าแสงแดดที่แรงเกือบจะเท่าไฟจากขุมนรกเพื่อไปเจอเพื่อนร่วมชมรมของผม

วันที่ 26 ตุลาคม ( อีก5วันจะเปิดเทอม )
เช้าวันต่อมาผมก็ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปพบเจอเพื่อนร่วมชมรม แต่ผมดันตื่นสายนี่สิ ผมก็เหมือนเดิมดูนาฬิกาแล้วรีบวิ่งไปที่ห้องนำ้ทันที ผมรีบแต่งตัวและวิ่งออกไปเจอเพื่อนที่จุดนัดหมายทันที ปกติกว่าผมจะถึงจุดนัดหมายก็ใช้เวลา10นาที แต่ครั้งนี้ผมใช้เวลาเพียงแค่4นาทีเท่านั้น ทำไมนะหรอ ผมวิ่งมาสุดชีวิตเลยนะสิ ผมวิ่งเอาร่างกายฝ่าไอร้อนจากนรกมาได้นั้นร้อนจนต้องร้องขอชีวิต ผมรีบวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างรวดเร็วและใบหน้าที่นั่งรออยู่ก็ค่อยๆโผล่พ้นบันไดมาเลื่อยๆ คนนั้นก็คือแบงค์ นั่นเอง

"โทษทีนี่มาสาย ฮือฮา~ ฮือฮา~ "
ผมพูดไปพร้อมกับเสียงหายใจที่หอบหืดของผม

" สวัสดีครับ "
เสียงแรกที่ทักทายทันทีที่ผมถึงที่นัดหมาย

" ไง ฮือฮ่า~ ฮือฮา~ "
ผมตอบกลับเสียงนั้นทันทีพร้อมกับลมหายใจหอบของผม อีกเช่นเคย

" มาสายไป20 นาทีนะครับ แล้วทำไมถึงดูเหนื่อยขนาดนี้ครับเนี่ย "

ผมพักให้หายเหนื่อยและนั่งพักสักพักก่อนจะตอบกลับคำถามกลับไป ผมมองดูรอบๆแล้วผมมาสายตั้ง20นาที ทำไมถึงมีแค่แบงค์คนเดียวล่ะที่มาถึง

" ฉันตื่นสายนะสิ แล้วก็รีบวิ่งมาเลยที่นี่เลยเนี่ยเหนื่อยโคตรๆ แล้วทำไมถึงมีแค่นายล่ะ ไม่ใช่ว่าคนอื่นมากันหมดแล้วแต่รอฉันไม่ไหวกลับกันไปหมดแล้วหรอกนะ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันแย่เลยนะเนี่ย "
ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆผมนี่แย่ของจริงเลยล่ะครับ

" เปล่าหรอกครับ คนอื่นยังไม่มากันเลยผมมารอได้สักพักนึงแล้วแหละครับ แต่ก็ไม่นานเท่าไหร่ "

" ไม่นานเท่าไหร่ของนายเนี่ยมันกี่นาทีมาแล้วล่ะ "

" เรานัดกัน 9.30 น. ผมมาถึงที่นี่ 9.00 น. คุณมาสาย20นาที ตอนนี้ก็ 9.55 น. รวมๆแล้วก็ประมาน 55 นาทีครับ "
แบงค์พูดมาด้วยสีหน้านิ่งเฉยเหมือนมันเป็นเวลาแค่5นาที

" ห๊าาาาาา!!!!!! "
ผมตะโกนตกใจเสียงดังจนคนอื่นหันมาดู แต่ดีที่คนยังไม่เยอะมาก เพราะยังเช้าอยู่
" 55นาที นานไปหรือเปล่าเนี่ยนายพูดซะทำให้ฉันรู้สึกผิดขึ้นมาเลย "
ผมพูดผ่อนเสียงลงมาเบากว่าปกติ

" ไม่หรอกครับๆ ผมไม่ถือสาหรอกครับ แต่ครั้งหน้าผมว่ามาให้เร็วกว่านี้ก็ดีนะครับ "
ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนมันสั่งสอนอยู่แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้เพราะครั้งนี้ผมผิดจริงๆจึงได้แต่นั่งฟังที่มันสั่งสอบไปแบบสงบๆ

" ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วคร๊าบบบ "
นี่คือสิ่งที่หลังจากเถียงไม่ออกแล้วตอบมันกลับไป

" ฮ่าๆๆๆคุณนี่ตลกดีนะครับ "

ผมกับแบงค์คุยกันไปเรื่อยๆประมาน15นาที มายมันก็ตามมาต่อจากนี้ผมจะเรียกมันว่าคนแคระแล้วเพราะครั้งนี้มันมาสายถึงผมก็มาสายก็เถอะแต่ก็ยังมาเร็วกว่าสองคนนี้อยู่ดี แล้วหลังจากมายมายัยไม้กระดาน
ก็ตามมาหลังจากนั้น5นาที สองคนนี้มันไม่รู้ว่าผมมาสายผมมีแผนอะไรแกล้งพวกนี้เล่นแล้วสิ ผมหันไปกระซิบแบงค์แล้วก็เล่าแผนของผมให้มันฟัง แล้วมันก็ยอมทำตามจริงๆด้วย สองคนนั้นเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ด้วยอาการหอบเช่นเดียวกันกับผม

" เฮ้ยพวกนายนี่ชอบมาสายจังนะ ฉันรอตั้งนานแล้วนะ "
ผมพูดออกไปข่มพวกนั้นเล่น ทั้งที่ผมก็มาสายเหมือนกัน
" ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ ให้คนอื่นรอเนี่ย ทีหลังอย่าทำอีกนะ "
ผมวางท่าใหญ่ข่มพวกนั้น ในใจผมแทบอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ผมหันไปมองแบงค์มันก็อดขำแทบไม่ไหว
" เธอน่ะไหนบอกว่าไม่มีวันมาสายกว่าฉันไง "
ผมหันไปถามยัยไม้กระดาน แล้วทำหน้าโมโหไว้

" ก็ฉันรีบแล้วนะแต่ฉันตื่นสายนิ "
ยัยนี่พูดเสียงอ่อน และทำหน้าหง่อยๆ ผมไม่เคยเห็นยัยนี่หง่อยแบบนี้มาก่อน

ผมเห็นกลัวจะเสียบรรยากาศไปมากกว่านี้ กลัวพวกนี้ไม่สนุกกันผมเลยคิดว่าเลิกแกล้งพวกนี้ดีกว่า

" แต่เอาเถอะๆครั้งนี่ฉันจะไม่ว่าอะไรแล้วกัน แต่ฉันจะลงโทษพวกเธอสองคนด้วยการที่ฉันจะเรียกชื่อเธอทั้งสองคนใหม่ เธอ! จูเนียร์ฉันเรียกเธอว่า ยัยไม้กระดาน แล้วก็นาย! มายฉันจะเรียกนายว่า คนแคระ เป็นเวลา1อาทิตย์ เริ่มวันแรกคือเปิดเทอมวันแรก "

"อะไรนะ! นายหมายความยังไงห๊ะ! ที่ว่ายัยไม้กระดานเนี่ย ตรงไหนของฉันที่มันไม้กระดานกันยะ นายอยากตายวันนี้ใช่ไหม "
ยัยไม้กระดานสวนกลับผมมาทันที ด้วยอารมณ์ที่โมโหจัด

" แล้วคนแคระของฉันนี่มันหมายความว่ายังไงกัน ฉันไม่เหมือนคนแคระสักหน่อย "
มายก็สวนกลับทันทีด้วยอารมณ์โมโหจัดไม่ต่างกับยัยไม่กระดาน

" ก็พวกนายมาสายเองนิ ฉันก็เลยลงโทษไง "

" นายจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม งั้นฉันขอออกกฎของชมรมเราใหม่คือถ้าใครมาสายจะต้องโดนลงโทษโดยการถูกเปลี่ยนชื่อ1 อาทิตย์ กฎนี้เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป "
ยังไม้กระดานโมโหจัดถึงขนาดตั้งกฎใหม่ของชมรมเราเราขึ้นมาเลย

" เฮ้! ก่อนจะตั้งกฎก็ต้องถามความเห็นคนอื่นในชมรมด้วยสิ "
ผมคัดค้านทันทีที่ตั้งกฎนี่เพราะสักวันผมต้องโดนแก้แค้นแน่นอน

" ฉันเห็นด้วย ฉันต้องแก้แค้นนายให้ได้ "
มายมันเห็นด้วยทันทีกับกฎนี้

" เฮ้ยๆ คิดก่อนตอบก็ได้นะ ผลยังไม่สิ้นสุดหรอก แบงค์! นายล่ะเห็นด้วยหรือไม่"
ผมหันไปหาแบงค์ทนที และตอนนี้สองคนนั้นก็หัดหน้าและส่งสายตาไปทางแบงค์ทันที

" เอออ~..... "
แบงค์มันครุ่นคิดอยู่นาน ท่าทางมันหนักใจ
" งั้นผมขอเลือก~~~~.... "

" เดี่ยวก่อน !!!!!!!! "
ผมพูดขันขึ้นอย่างเร็ว

" นายจะขัดทำไมเนี่ยห๊ะ!! "
ยัยไม้กระดานทำหน้าโมโหและหันมาหาผมทันที

" เอออ~~~~..... "
เปล่าหรอกฉันแค่ตื่นเต้นน่ะ

" ตื่นเต้นบ้าอะไรของนาย เอาล่ะนายจะเอายังไงล่ะแบงค์ เห็นด้วยไหม แล้วอย่าให้รู้ว่ามีใครขัดอีกนะ แม่จะฆ่าให้ดู "

" เอออ~~~~.... ผมขอเลือก~~......... เห็นด้วยครับ !! "
นี่สินะที่เรียกว่าหักหลังของจริง เหมือนโดนถีบหน้ากลางมหาสมุทร

" ให้มันได้อย่างนี้สิแบงค์ ดีมากๆๆๆ "
สองคนนั้นมันทำหน้าตาดีใจปนความชั่วร้าย พรางชมแบงค์ไปด้วยแต่ทำไมผมถึงรู้สึกถึงอันตรายเข้ามาใกล้ทุกขณะนะ

" ทำไมนายทำแบบนี้กับฉันเนี่ย หักหลังกันซึ่งๆหน้าเลยนะ "

" ผมว่ามีเรื่องแบบนี้ชมรมเราน่าจะสนุกขึ้นนะครับ ฮ่าๆๆๆๆ "
มันนี่ตลกร้ายจริงๆ

" ฉันรู้สึกแปลกยังไงไม่รู้ ที่มาข้างนอกกับผู้หมดเลยแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกสวยขึ้นมาทันที " อยู่ๆยัยไม่กระดานก็พูดอะไรแปลกๆออกมาแถมชวนอ้วกแปลกๆ

" นี่ๆ เธอนะ หยุดมโนแล้วมองความจริงเถอะ เธอนะแค่เอาหมวกมาใส่แล้วเอาผมไว้ในหมวกคนอื่นเค้าก็คิดว่าเธอเป็นผู้ชายแล้ว "

" อะไรกันยะ เหมือนตรงไหนห๊าาา!!! "
ยัยไม้กระดานพูดด้วยอารมโมโหเช่นเดิม ใบหน้าแบบนี้เราจะเห็นได้บ่อยๆจากยัยนี่

" เอ๊ะ! ฉันพึ่งนึกขึ้นได้ว่า น่าแปลกจังเลยนะ ปกตินายก็ไม่น่าจะมาทันเวลาทำไมครั้งนี้ถึงมาทันกันนะ ไม่ใช่ว่ามาถึงก่อนพวกเราไม่กี่นาทีหรอกนะ "
มายพูดสวนขึ้นต่อจากยัยไม้กระดานมันที พอได้ยินแบบนั้นผมก็อึ้งและนิ่งไปครู่หนึ่ง ผมก็ต่อโต้กลับไปทันทีพร้อมทำท่าแปลกๆ

" จะ~จะ... จะบ้าหรือไงฉันเนี่ยนะจะมาสายไม่มีทางหรอก พวกนายน่ะมาสายเอง ฉันเป็นคนตรงเวลาจะตาย อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ "
ผมรีบแก้ตัวด้วยคำต่างๆนานา เอาทุกคำที่ผมคิดขึ้นได้ตอบกลับไปทันที สองคนนั้นจ้องหน้าผมอย่างจริงจังด้วยสายตาพิฆาต
" เลิกมองฉันได้แล้วน่า แล้วนัดมาวันนี้มีอะไร "
ผมรีบเปลี่ยนเรื่องไปทันที เพื่อไห้พวกนั้นเลือกสนใจเรื่องนี้

" ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ "
แบงค์หัวเราะออกมา ทั้งที่เมื่อกี้กลั้นไว้ตั้งนาน อย่าหัวเราะออกมาสิเว้ย เดี่ยวมันก็สงสัยฉันไปมากว่านี้หรอ

" นายหัวเราะอะไรน่ะ "
มายกับจูเนียร์รีบหันไปหาแบงค์ทันที แต่ยังคงทำสายตาพิฆาตอยู่

" เปล่าครับ แค่พวกคุณทะเลาะกันตลกดีน่ะครับ ฮ่าๆๆ "
มันทั้งตอบแล้วก็พลางหัวเราะไปด้วย

" นี่ฟังฉันหน่อยสิ ตกลงวันนี้เรามาทำอะไรกัน"
ผมรีบขัดขึ้นทันที เพราะกลัวมันจะได้ความลับจากปากแบงค์ไปจริงๆ ทุกคนกลับไปนั่งที่นั่งของตัวเองตามปกติ

" วันนี้เราจะมาดูหนังกัน นี่จะเป็นการดูหนังครั้งแรกของชมรมเรา!!! "
ยัยไม้ดานพูดออกมาด้วยความดีใจ และใบหน้าเปื้อนยิ้ม

" ดูหนังหรอ แล้วเรื่องอะไรล่ะ "

" ฉันอยากดูเรื่องนี้มานานแล้วแหละ Harry Potter ไงล่ะ ภาคนี้เป็นภาคสุดท้ายแล้วด้วยนะ "
ผมแอบเสียดายนิดหน่อยเพราะเรื่องนี้ผมกะว่าจะมาดูคนเดียวเพราะผมเป็นทั้งแฟนหนังและแฟนหนังสือของเรื่องนี้เลยนะสิ แต่มาดูกับพวกเพื่อนเพี้ยนๆพวกนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นะ

" ดีเลย!! ฉันไม่ได้เข้าโรงหนังมานานแค่ไหนกันนะ "
มายมันพูดขึ้นพร้อมกับลุกจากเก้าอี้แล้วชูกำปั่นขี้นเหนือหัว ( มันจะคึกอะไรขนาดนั้น )

"ดีเหมือนกันครับ ผมง่วงนอนอยู่พอดี "
เดี่ยวๆแบงค์นั่นโรงหนังนะไม่ใช่โรงแรม (เป็นไงล่ะครับเพื่อนแต่ละคนของผม )

" เอาล่ะ ไปจองตั๋วกันเลย Go ! Go! Go! "
ยัยไม้กระดาษตะโกนขึ้นและชูมือขึ้นเหนือหัวเช่นกัน (ผมว่ายัยนี่แหละที่คึกสุด เหมือนไปโดปยามา)

เราทั้งหมดเดินมาจากจุดนัดหมายมาจนถึงหน้าโรงภาพยนตร์ โดยที่ยัยไม้กระดานและมายมันชูมือเหนือหัวและเดินตะโกน Go! Go! Go! มาตลอดทาง จนถึงตอนนี้ถึงแม้จะไม่มีเสียงตะโกนแล้วแต่มือที่อยู่เหนือหัวยังคงอยู่

" เฮ้ยๆ! ไม่ต้องคึกขนาดนี้ก็ได้มั้ง แค่มาดูหนังเอง แล้วอีกอย่างเอามือลงได้แล้วมั้ง "
ผมพูดเตือนพลางเอามือกุมหน้าผากไปด้วย รู้สึกเอือมสองตัวนี้ที่ชอบทำตัวแปลกๆ

" ผมก็ว่างั้นนะครับ เอามือลงจะดีกว่านะครับ "
ดีมากแบงค์นายช่วยซัพพอร์ตฉันได้เยอะจริงๆถ้าไม่นับเรื่องที่หักหลังฉันเมื่อกี้ (วันนี้นายตบมุกฉันดีมาก )

" งั้นเราไปดูรอบแล้วก็ซื้อตั๋วกันเลยมั้ย ฉันเริ่มหิวแล้วด้วยสิ "
มายเริ่มบทสนทนาที่เข้าเรื่อง

" โอเคไปซื้อตั๋วกัน! "

พวกเราทั้งสี่คนเดินไปดูรอบและตกลงกันว่าจะดูรอบ12.30 น. ดูรอบรอบเส็จก็เดินดิ่งไปซื้อตั๋วทันที เพราะจะได้ไปกินข้าวต่อ จะได้ไม่ไปหิวในโรงหนังเดี่ยวจะดูไม่รู้เรื่อง

แต่กำลังจะถึงที่จองตั๋วผมดันอยากเข้าห้องนำ้ขึ้นมานี่สิ~

" เออ.. นี่ฉันขอไปเข้าห้องนำ้ก่อนนะอ่ะนี่เงินฉันฝากซื้อตั๋วด้วยนะ "
ผมรีบหยิบเงินและยื่นให้ยัยไม้กระดานอย่างรวดเร็ว

" เดี่ยวฉันขอไปด้วย "
มายตะโกนขึ้นในขณะที่ผมหันหลังให้แล้ว

" เร็วๆสินายนะ ฉันจะราดแล้ว "

มายมันรีบวิ่งตามผมมาทันที ผมรีบวิ่งจนไม่มองใครทั้งนั้นจนอีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงห้องนำ้ผู้ชายแล้วที่ถัดไปจากห้องนำ้ผู้หญิงไม่ไกล เมื่อเห็นดังนั้นผมรีบเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิมและได้ยินเสียงของมายบอกให้ผมช้าๆหน่อยมาตลอดทาง แต่! ข้างหน้าผมตอนนี้ประตูห้องนำ้ผู้หญิงกลับเปิดออก และด้วยร่างกายผมตอนนี้ไม่สามารถหยุดได้ และมีร่ายกายหนึ่งโผล่ออกมาจากห้องนำ้ผู้หญิง ผมเบรกไม่ทันและชนเข้าอย่างแรง

โคร๊มมมมมมมมม!!!!!!

" โอ้ย! ขอโทษครับๆๆๆๆๆๆ "
ผมรีบลุกขึ้นและหลับตาสนิทก้มหน้าขอโทษคนนั้นไปอย่างรัวๆ

" นายเป็นอะไรหรือเปล่านะ "
เสียงตะโกนของมายมาพร้อมกัยฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาใกล้จนมายืนข้างตัวผม
" เอ๊ะ ! เธอ! "
เสียงของมายที่ปล่อยออกมาด้วยนำ้เสียงตกใจ

ผมเงยหน้าขึ้นมองรอบๆข้างและมองไปข้างหน้าผม ผมเห็นคนที่กำลังลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้คนที่ผมชนไปเมื่อกี้
เมื่อผมเห็นผมก็ถึงกลับตกใจ
" เอ๊ะ ! อะ...อะ.. อาร์ หรอ? "
ความรู้สึกผมตอนนี้ทั้งตกใจทั้งยังงงอยู่
" เออ.. ฉันขอโทษทีนะ พอดีฉันรีบมากเลย "
ขณะที่พูดขายองผมก็ซอยสลับกันถี่มาก
" เดี่ยวฉันกลับมานะ รอฉันก่อนนะ มายนายก็มาด้วยสิ ยืนทำไรล่ะ "
ผมพูดจบและไม่รออะไรทั้งนั้น รีบวิ่งเข้าห้องนำ้ชายไปทันที

5 นาทีผ่านไป..

ผมและมายเดินออกมาจากห้องนำ้พร้อมกัน แต่ก็ไม่เจออาร์อยู่ห้องนำ้แล้ว ทำไมเธอถึงไม่รอพวกเรากันนะ ผมก็กะว่าจะขอโทษจริงๆจังๆสักหน่อย
" ยัยนั่นหายไปไหนกันนะ บอกให้รอก็ไม่ฟังกันเลย " ผมก็บ่นไปเรื่อยตามนิสัยของผม แต่ที่จริงก็คุยกับมายมันด้วยแหละ เห็นมันเงียบตั้งแต่เดินออกมาจากห้องนำ้แล้ว มันผิดนิสัยของมันมากที่เงียบได้นานขนาดนี้ ผมมองไปที่มัน มันก็ยังเดินปกติ มองนั่นมองนี่ไปเรื่อย
"นี่ ! ได้ยินที่ฉันคุยกับนายไหมเนี่ย " ผมพูดเพิ่มระดับให้ดังขึ้นและหันหน้าไปหามันอย่างเต็มๆ แล้วมันก็ทำหน้าตาเฉยๆปนสังสัยหันกลับมาหาผม

" อะไรนะ นายพูดกันฉันหรอ " หน้าตาสงสัยของมันตอนนี้เหมือนเด็กป.6ที่สงสัยโจทย์คณิตศาสตร์ของเด็กม.3อย่างนั้นแหละ

" ก็ใช่นะสิ ฉันถามว่า อาร์หายไปไหนกันทำไมถึงไม่รอเรา " ผมทวนคำถามให้มายมันฟัง แต่มันก็ยังทำหน้าสงสัยแล้วก็ยกมือขึ้นมาจับที่คาง แสดงถึงอาการที่มันกำลังครุ่นคิด

" ฉันว่าถ้าเป็นฉัน ฉันก็คงไม่รอหรอก ก็ดูสิ่งที่เธอทำกับพวกเราสิ เป็นใครก็คงรู้สึกระอายใจกับบ้างแหละ คงจะยังไม่อยากสู้หน้าพวกเรามั้ง "

" งั้นหรอ แล้วนายล่ะโกรธอาร์หรือเปล่า " ผมยิงคำถามสวนกลับ หลังจากที่มนพูดจบก่อนที่จิตใจมันจะลอยไปตามสิ่งของที่อยู่รอบข้างมันเสียก่อน หมอนี่ยิ่งเป็นคนเปลี่ยนอารมณ์ง่ายอยู่ด้วย

" เอะ! เรื่องนั้นหรอ ฉันไม่ติดใจอะไรหรอกนะ มันก็คงเหมือนเกมส์ล่ะมั้ง ที่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องทำทุกวิธีทางเพื่อให้ทีมตัวเองชนะ เราเองที่เป็นฝ่ายด้อยกว่า ถึงพวกนั้นจะไม่ส่งอาร์มาฉันคิดว่าเราก็ต้องแพ้เกมส์นี้อยู่ดีเพราะทางโน้นไม่มีแค่แผนนี้แน่นอน ว่าแต่นายล่ะโกรธยัยนั่นหรือเปล่า? " มายสาธยายยาวทั้งๆที่ไม่ต้องวิเคราะห์ขนาดนี้ก็ได้ แล้วยังทิ้งคำถามที่หนักให้ผมอีก

" เอะ! ฉันงั้นหรอ ฉันก็ไม่ได้ถือสานะ แต่ก็อยากให้มาอธิบายเรื่องนี้ให้เราเข้าใจหน่อย หรือมาขอโทษอีกสักครั้งก็ยังดี แถมยัยนั่นน่าจะเป็นกำลังหลักให้เราได้แท้ๆแต่กลับโดยแย่งไปซะงั้น "

" ยัยนั่นไม่ได้อยู่ทีมเราตั้งแต่แรกแล้วต่างหากล่ะ จะเรียกว่าโดนแย่งก็ไม่ได้นะ เรียกว่าเอาคืนไปดีกว่า" มายพูดจบสายตามันก็เบนหนีจากผมไปสนใจ ร้านขายเสื้อผ้าวัยรุ่นซะแล้ว

" นั่นสินะ ว่าแต่เรื่องนี้เราจะบอกสองคนนั้นดีมั้ยนะ " ผมไม่มีคำตอบที่ยาวกว่านี้เพราะที่มายพูดมาก็จริงเกือบจะหมดแล้ว แต่คำถามที่ผมถามมันก็ไม่ได้คำตอบกลับมาเพราะมันสนใจร้านค้าต่างมากซะจนลืมเพื่อนที่มันเดินมาด้วยผมก็เลยตัดสินใจคนเดียวว่าไม่บอกพวกนั้นดีกว่า เพราะไม่อยากให้อีกสองคนคิดถึงเรื่องเก่าๆที่มาทำลายการดูหนังของพวกเราวันนี้
พวกเราสองคนเดินมาเรื่อยๆก็ไม่คิดเลยว่าห้องนำ้มันจะมาไกลขนาดนี้ เมื่อกี้สงสัยผมรีบจนไม่ได้สังเกตระยะทางเลยว่ามันไกลแค่ไหนแต่พอได้มาเดินจริงๆมันก็ไกลใช้ได้เลยแหละ เดินมาถึงหน้าโรงหนังสายตามผมก็มองไปเห็นเพื่อนสองคนรออยู่แต่อีกคนไม่รอเฉยๆนี่สิ ยัยไม้กระดานเดินวนกลับไปกลับมาอยู่หลายรอบก่อนมี่แบงค์จะหันไปเรียกแล้วชี้มาที่พวกผมสองคน ยัยไม่กระดาษหยุดเดินแล้วทำหน้าดุดันมาที่พวกผมสองคนทันที เห็นหน้าแบบนี้ไม่อยากเดินเข้าไปเลย

" พวกนายสองคนไปทำอะไรอยู่เนี่ย นี่หนังมันจะเริ่มและนะ " ไม่ทันได้เอ่ยปากพูด ยัยไม้กระดานก็สาดกระสุดคำถามมาใส่ไม่ยั่ง ( นี่ยัยนี่กินข้าวเป็นปืนหรือไงเนี่ย ) แต่ถ้านั่นคุณคิดว่าหนักแล้วเจอประโยคต่อไปนี้คุณจะอึ้งเลยล่ะครับ

" เออ! นี่เมื่อกี้พวกฉันไปเจออาร์มาล่ะ " (อยากจะเอาดินปืนมายัดปากมันจริงๆ ) เหมือนยัยไม่กระดานสาดกระสุนมาแต่มายมันรับด้วยเสื้อเกราะแล้วโยนระเบิดกลับไป
ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนหยุดเคลื่อนไหว ทุกคนเงียบรวมถึงมายด้วย (นี่แกไม่ได้คิดก่อนพูดเลยใช่ไหม ) แล้วก็เหมือนกับเวลากลับมาเดินอีกครั้ง เมื่อเหมือนยัยไม้กระดานกลับรับระเบิดนั้นได้แล้วเสียบสลักคืนได้อย่างปาฏิหาริย์
" พวกฉันก็เจอเหมือนกัน เห็นแบกป๊อปคอร์นไป5ถังแนะ " ไม่รู้จะโฟกัสเรื่องเจออาร์หรือป๊อปคอร์น5ถังดีนะเนี่ย
" เอาเถอะครับๆ หนังจะเริ่มแล้วเราไปดูหนังกันดีกว่าครับ เรารีบไปกินข้าวดีกว่าครับเดี่ยวจะไม่ทันกันนะครับ" (ตัดบทได้เยี่ยมเลยแบงค์วันนี้คือวันของนายจริงๆ) แบงค์พยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อนไม่ให้บรรยากาศมันแย่ไปกว่านี้ แล้วทุกคนก็เหมือนยกธงขาวทั้งสองฝ่ายแล้วจับมือกันอย่างสันติ ( เดินเข้าโรงหนังไปอย่างสันติต่างหาล่ะ )

หลังจากดูหนังวันนั้นเสร็จพวกเราก็แยกย้ายกลับบ้านทันที เออ!ลืมบอกไปว่าหนังสนุกมาเลยล่ะถึงจะมีบางคนหลับก็เถอะ โดยที่พวกเราแยกจากกันตรงหน้าโรงหนังเลย แบงค์ก็คงตรงกลับบ้านล่ะมั้งหรือไปทำอะไรพวกเราก็เอาใจมันไม่ได้ ส่วนมายคงไม่ต้องเดามันต้องไปเดินชมร้านต่างๆในห้างสรรพสินค้าต่ออย่างแน่นอน
( มันจะรักการช็อปไปหรือเปล่า ) ส่วนยัยไม่กระดานนะหรอ ยัยนั่นน่ะนะ เดินอยู่ข้างผมตอนนี้ไง ( ไม่ต้องถามว่าทำไมเลยนะ ) เนื่องจากอยู่หอพักเดียวกันก็เลยเดินกลับด้วยกัน

" นี่ นายนะโกรธอาร์หรือเปล่า? " ทำไมวันนี้ถึงโดนยิงคำถามนี้บ่อยจังเลยเนี่ย

" ฉันว่าก็ไม่ได้โกรธอะไรนะ ยัยนั่นคงทำตามคำสั่งของพวกสภานักเรียนมั้ง " พอได้พูดแบบนั้นออกไปแบบไม่ทันคิด ก็กลับคิดได้ว่าหรือว่ายัยแค่นั่นทำตามหน้าที่ของเธอแค่นั้นเอง " แล้วเธอล่ะโกรธหรือเปล่า "

" ฉันก็น้อยใจนิดหน่อยนะ เพราะฉันก็ไว้ใจเพื่อนทั้งชมรมเต็มที่ แต่หลังจากนี้ต้องคิดใหม่แล้วมั้งนะ " คำตอบที่ได้กลับมาก็ไม่ต่างจากที่ผมคิดไว้เท่าไหร่ แต่ยัยนี่ก็น่าเห็นใจเหมือนกันแหละนะ

ระหว่าที่คุยกันมาสักพักหรือเรียกว่าตลอดทาง ผมกับยัยไม่กระดานก็เดินมาถึงลิฟต์แล้ว รอไม่นานลิฟต์ก็ลงมารับพวกเรา ผมกดไปที่หมายเลข 5 ส่วนคนที่มากับผมก็กดไปที่เลข 14

ติ้ง! เสียงของลิฟต์เตือนว่าถึงชั้นที่คุณต้องลงจากลิฟต์แล้ว แสงสีส้มสว่างตรงหมายเลข5 แสดงว่าชั้นนี้ผมต้องลงจากลิฟต์แล้ว ผมก้าวขาออกจากลิฟต์แล้วหันหน้าเข้าไปหาลิฟต์
" เธอน่ะ! ไว้ใจฉันได้นะ แล้วก็สองคนนั่นด้วย พวกเราเป็นเพื่อนกันนิ เจอกันวันเปิดเรียนนะ " ขณะที่พูดลิฟต์ก็ปิดประตูแคบลงเรื่อยๆ ผมยิ้มแล้วยกมือขึ้นบ๊ายบาย คนที่อยู่ในลิฟต์ ยัยนั่นตอบกลับมาเพียงแค่รอยยิ้มเท่านั้นแล้วประตูลิฟต์ก็ปิดลงอย่างสนิท

วันที่ 1 พฤศจิกายน ( วันเปิดเทอมสอง )
กริ้งๆๆๆๆๆๆๆๆ ( ตึบ! )
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นมันเป็นเหมือนปฏิกิริยาตอบโต้ทันทีคือต้องฟาดมือเต็มแรงเพื่อไปปิดเสียงที่น่ารำคาญของมันเพื่อนอนต่อ
30นาที ผ่านไป.... 1ชั่วโมงผ่านไป

แสงแดดที่รุนแรงราวกับแสงไฟจากนรกกระทบกับดวงตาของผมแทบจะบอด ผมหยิบโทรศัพท์เพื่อนดูเวลา ดวงตาของผมก็เบิกกบ้างและหายง่วงไปทันที นี่มัน 8โมง แล้วผมรีบกระชากตัวเองลุกจากเตียงแล้ววิ่งไปล้างหน้าแปรงฟัน รีบใส่ชุดนักเรียนแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที
ผมถึงห้องเรียนโดยใช้เวลาไปเพียงไม่กี่นาที ทุกคนในห้องเรียนมองมาที่ผมด้วยสายตาแปลกๆ และด้วยสภาพผมตอนนี้ที่วิ่งมาด้วยความเร็วแสงขนาดนี้ ไม่ต้องพูดเลยครับ กระดุมเสื้อติดสลับกัน ผมฟูเหมือนเพิ่งตื่นนอน( ก็เพิ่งตื่นจริงๆนิเนอะ ) แล้วอีกอย่างผมไม่ได้เอากระเป๋ามาเรียนด้วย หลังจากนั้น ก็มีเสียงหัวเราะแทรกขึ้นมา ผมมองไปที่ต้นเสียง มันมาจากแบงค์นั่นเอง( ไอ้เพื่อนเลว )
ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะแล้วจัดการกับร่างกายผมใหม่ เรียบร้อยก่อนจะมีเสียงตามมาอีกเสียง

" นี่เธอเปิดเทอมวันแรกเธอก็มาสายอีกเหมือนเดิมเลยนะ คิดจะปรับปรุงตัวบ้างมั้ยเนี่ย " นั่นคือเสียงของครูประจำชั้นของผมอีกแล้ว
" ขอโทษครับ "
"ครั้งหน้าอย่าให้เห็นว่าเธอมาสายอีกนะ "
" ขอโทษครับ "
" ไม่งั้นฉันจะให้เธอขาดเรียนวิชานี้ ถ้าขาดเกิน3ครั้ง เธอแย่แน่ !"
" ขอโทษครับ " นี่เป็นเพียงคำเดียวที่ผมพูดได้ในสถานการณ์แบบนี้

พักเที่ยง

ทั้งเวลาหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมรู้สึกโดนรังสีอำมหิตจากคุณครูประจำชั้น ส่งมาทางผมอยู่บ่อยครั้ง
" นี่นาย ! นี่นาย ! คิดอะไรอยู่น่ะ สั่งข้าวสิป้าคนขายรอนานแล้วนะ " เสียงยัยไม้กระดานแทรกขึ้นมาในความคิดผม ทำให้ผมลบภาพหน้าของคุณครูประจำชั้นไปได้
" เอ๊ะ ! เออ... ขอโทษๆ ฉันเบลอๆน่ะ ช่วงนี้ งั้นฉันเอาเหมือนเธอล่ะกัน "
" นี่นายแน่ใจนะ "
" สั่งๆไปเถอะ ฉันกินได้หมดแหละ "

แหละสิ่งที่ผมได้มา มันคือผัดผักรวม ที่เป็นสีเขียวทั้งจาน มันคือมื้ออาหารที่ไม่อร่อยที่สุด เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถึงจะคิดอาหารที่จะสั่งไม่ออกจงอยากเอาตามเพื่อน

" กินเสร็จแล้วเราจะไปชมรมกัน ตอนบ่ายวันนี้ไม่มีเรียนนะ " ยัยไม่กระดานพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจามเคย

เราทั้งหมดหลังจากทานข้าวกลางวันเสร็จก็มุ่งตรงไปยังห้องชมรมที่อยู่ไกลเหมือนคนละโรงเรียน กว่าจะเดินถึงห้องชมรมก็ทำเอาผมหอบแทบตาย ยัยไม่กระดานหยิบกุญแจออกมาเพื่อเปิดประตู

" เอ๊ะ! ประตูไม่ได้ล็อกนิ " ยัยไม่กระดานพูดออกมาด้วยสีหน้าแปลกใจ

ยัยไม้กระดานเปิดประตูออกบานประตูค่อยๆเปิดออก แสงค่อยๆสาดส่องเข้าไปในประตูทำให้เห็นเงาของคนคนนึงที่ยืนอยู่ในห้อง เงานั้นค่อยๆหันหลังมาและเผยให้เห็นใบหน้าทีละนิด พวกเราทั้งสี่คนถึงกับดวงตาเบิกกว้าง และตกใจที่เห็นในหน้านี้อยู่ตรงหน้า ........

" แจนนนนนนนน !!!!!!!!!! "

END ......

 

ขอโทษที่ไม่อัพเลยนะเพราะคนเขียนเรียนสถาปัตย์ เข้าใจกันหน่อยเนอะ

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา