แค่อยากให้รู้ว่ารักเธอ

8.7

เขียนโดย ลันตนา

วันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 14.02 น.

  33 บท
  10 วิจารณ์
  35.68K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 เมษายน พ.ศ. 2562 21.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) กีดกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 27 กีดกัน

 

               นิ้วเรียวยาวไล้พวงแก้มแดงแจ๋จนถึงใบหูอย่างเอ็นดูผสมรักใคร่สองมือหนาประคองใบหน้าเล็กก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าคมสันลงประกบริมฝีปาก รสสัมผัสเร่าร้อนในครั้งแรกและแปลเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลอ่อนหวานทำให้หญิงสาวเข่าอ่อนแต่ชายหนุ่มประคองเธอไว้ สัมผัสนุ่มนวลอ่อนหวานปนเร่าร้อนเนิ่นนานแล้วก้องภพก็ถอนริมฝีปก

               “เข้าไปข้างในนะ” เขาไม่รอคำตอบจากเธอคีย์การ์ดที่แอบหยิบมาเมื่อไหร่มิทราบก็ถูกเสียบลงในช่องของประตูแล้วร่างสองร่างก็หายเข้าไปในห้องโดยที่พวกเขาไม่สังเกตว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของใครบางคน

               ร่างบางถูกช้อนขึ้นวางไว้บนเตียงกว้างอย่างเบามือตามมาด้วยร่างสูงของชายหนุ่มที่ทาบทับบนร่างของไอรินทร์ ใบหน้าคมสันซุกไซร้ซอกคออุ่นหอมละมุน กลิ่นหอมบางเบาจากกายสาวใต้ร่างยิ่งทวีความต้องการของก้องภพ ฝ่ามือหนาลูบไล้สัมผัสทุกสัดส่วนของร่างอ้อนแอ้นภายใต้ร่มผ้า เรียวปากจิ้มลิ้มถูกดูดกลืนความหอมหวานอย่างเร่งเร้า เร้าร้อน สลับกับอ่อนหวาน ทำลายสติของเธอให้หลุดลอย เสียงครางเบาๆในลำคอของหญิงสาวใต้ร่างซึ่งเป็นดั่งแรงกระตุ้นให้เจ้าของฝ่ามือซุกซนค่อยๆ...

               “อย่าค่ะ” ไอรินทร์ได้สติเมื่อรู้สึกว่าอะไรบางอย่างพยายามจะปลดกระดุมชุดเดรสของเธอ แหวนแทนใจบนนิ้วนางข้างซ้ายมือที่กำแน่นบนแถบกระดุมช่วยเตือนสติให้ก้องภพหยุดยั้งการกระทำที่จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเธอ

               “พี่ขอโทษ” ชายหนุ่มถอนมือออกแล้วล้มตัวลงนอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาไอรินทร์ เรียวนิ้วยาวเกลี่ยเศษปอยผมให้พ้นดวงหน้าใส

                              “พี่ไม่ทำอะไรแล้ว ร้องไห้ทำไม หืม” นิ้วโป้งเรียวปาดหยดน้ำที่เอ่อไหลลงทางหางตาคู่สวย

               “ได้ยินคุณลุงพูดว่าพี่จะไปประจำการที่สามจังหวัดจริงเหรอคะ” เธอถามเสียงอ่อน ในใจหวังเพียงว่าอาจเป็นแค่ข่าวลือแต่นั้นคงเป็นได้แค่ความคิดเมื่อเธอเห็นก้องภพพยักหน้า

               “ถอนตัวไม่ได้เหรอคะ” ใครจะว่าเธอขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เธอไม่สนแต่ขอเพียงให้เขาเปลี่ยนใจก็พอ

               “พี่ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะนี้คือหน้าที่ของพี่” ประโยคสั้นๆได้ใจความยิ่งทวีหยดน้ำใส ไอรินทร์พยายามจะเข้าใจและทำใจว่าอาชีพรั่วของชาติหน้าที่ต้องมาก่อนเสมอ ก้องภพรวบร่างเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมกอดเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากจะปลอบใจเธอเท่านั้น

               ‘ปังๆๆ’

เสียงเคาะหรือจะเรียกให้ถูกคือเสียงทุบประตูทำให้ก้องภพต้องผละออกจากไอรินทร์ที่กำลังสะอื้นฮักๆ ออกมาดูว่าใครคือผู้มาเยือน

               ‘ผัวะ!’ เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูสิ่งแรกที่ได้รับคือหมัดหนักของใครบางคนพุ่มเข้าใส่หน้าจนร่างสูงเซล้มลงบนพื้น

               “ไอ้เพื่อนชั่วนายทำแบบนี้ได้ยังไงฮะ!” เสียงทุ่มของใครคนหนึ่งตวาดลั่นพลางชี้หน้าชายหนุ่มที่ยังนั่งมึนอยู่บนพื้น ไอรินทร์ได้ยินเสียงเอะอะหน้าประตูจึงลุกขึ้นไปดูเหตุการณ์

               “คุณเป็นใคร” ไอรินทร์เข้าไปดูอาการของก้องภพก่อนจะหันไปถามผู้มาเยือน

               “ฉันเป็นพี่ชายเธอไง ไอรินทร์” เธองงกับพูดขงชายแปลกหน้าเล็กน้อยแต่ก็ถึงบางอ้อเมื่อชายคนนั้นถอดแว่นกันแดดสีน้ำทะเลออกจากใบหน้า

               “พ่อแม่ฉันอุตส่าห์ไว้ใจนาย นายทำอย่างนี้ได้ยังไงฮะ” พีรพัฒน์กระโจนเข้าหาเพื่อนหนุ่มที่นั่งซับเลือดที่ขอบปากหลังจากหายมึน

               “ฉันไม่ได้ทำอย่างที่นายคิด” ก้องภพลุกขึ้นแย้ง ไม่ได้ทำแต่เกือบ

               “จะยังไงก็ชั่ง ผู้ชายผู้หญิงอยู่ในห้องด้วยกันมันดูไม่ดี” พีรพัฒน์ส่งสายตาคมกริบแห่งความผิดหวังไปให้เพื่อนหนุ่มแม้ตอนนี้พีรพัฒน์จะสองจิตสองใจระหว่างเชื่อกับไม่เชื่อ

               “เก็บกระเป๋าแล้วพรุ่งนี้กลับบ้านกับพี่” เสียงคำสั่งเด็ดขาดทำเอาคนเป็นน้องสาวสะดุ้งโหยง

               “พี่อาร์มเดี๋ยวคะ” ไอรินทร์ตะโกนพร้อมกับวิ่งตามพี่ชายแต่ไม่ทันเขา

               หลังจากกลับมาจากการพักผ่อนที่กระบี่พีรพัฒน์สั่งห้ามให้ทั้งสองเจอกันแต่อนุญาตให้โทร.หากันได้และขู่ไว้ว่าถ้าหากเจอกันเขาจะนำเรื่องที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันในห้องไปบอกผู้ปกครองแม้ว่าพีรพัฒน์จะเชื่อแล้วว่าก้องภพไม่ได้ล่วงเกินเธอไปมากกว่าจูบเพราะไอรินทร์บอกความจริงให้ฟัง ได้ยินแค่จูบพีรพัฒน์แทบจะลุกขึ้นไปซัดหน้าเพื่อนรัก

               “จะไปไหน” เสียงทุ่มแต่ทรงอำนาจของผู้เป็นพี่ชายทำให้ไอรินทร์ต้องหยุดกึกขนาดกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังลานจอดรถ

               ‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย’ เธอคิดในใจและหันไปหาต้นเสียงแล้วไม่ลืมแอบสิ่งของที่พามาด้วย “ไปธุระคะ” เธอยืดตัวตรงพร้อมกับพูดอย่างซ่อนพิรุธ พี่ชายสังเกตท่าทางของน้องสาวที่ทำท่าไขว้แขนไปข้างหลัง

               “แอบอะไรไว้ข้างหลัง” ไอรินทร์แทบหายใจไม่ทัน หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นจังหวะจะกลัวหรือไม่กลัว ไอรินทร์ส่ายศีรษะก่อนกลับหลังก้าวขาเดินไปที่รถให้เร็วที่สุดและกอดสิ่งของที่พาติดมือมามาด้วยอย่างแน่นหาแต่ช้าไปแล้วเมื่อมีคนไวกว่าวิ่งมาดักหน้าเธอ

               “เอาปิ่นโตไปไหน” หญิงสาวหลุบตาลงต่ำ พีรพัฒน์จ้องคอนโดมิเนียมอาหารขนาดย่อมในอ้อมกอดน้องสาวอย่างสงสัยพลางสะลับมองเจ้าของ

               “เอา...เอา...ไปวัดค่ะ” เธอตอบไม่ค่อยมั่นใจนัก

               พีรพัฒน์ยิ้มแหย “วัดไหนรับถวายเพลตอนเที่ยงครึ่งเหรอครับคุณน้องสาว” พี่ชายเอ่ยเสียงยียวน ทำไมเขาจะมองไม่ออกละว่าเธอกำลังโกหกน้องสาวของเขาโกหกเก่งเสียที่ไหน เขาตามหาไอรินทร์เจอเพราะไอรินทร์ออกจากห้องก่อนเวลาพักเที่ยงสิบนาทีและเมื่อไปทานข้าวที่โรงอาหารไม่เจอกันจึงสอบถามแม่ค้าขายอาหารว่าเห็นไอรินทร์บ้างไหมคำตอบที่ได้คือไม่ “บอกพี่เดี๋ยวนี้จะเอาปิ่นโตไปให้ใคร” เสียงทุ่มคาดคั้น คนตอบหายใจเข้าเต็มปอดก่อนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ

               “พี่อาร์มต้องไปพบลูกค้าไม่ใช้เหรอคะ รีบไปสิเดี๋ยวลูกค้ารอนานนะ” เธอว่าอย่างจริงจัง ทำไมไม่คิดให้ได้ตั้งแต่ตอนแรกนะ เธอคิดในใจอย่างดีใจแต่ต้องมีอันต้องพลาด

               “ลูกค้าเลื่อนนัดเป็นพรุ่งนี้ เอาละอย่านอกเรื่องบอกพี่มาว่าจะเอาปิ่นโตไปให้ใคร” พีรพัฒน์ส่งสายตาและน้ำเสียงคาดคั้นไปให้เธอมากขึ้นทำให้คนฟังถึงกับหัวหด แม้ในเวลาปกติจะเป็นพี่ที่แสนดีแต่ในเวลาที่โกรธเขาก็กลายเป็นปีศาจที่น่ากลัว เธอจึงตัดสินใจบอกความจริงก่อนที่พี่ชายจะแปลงร่างเป็นปีศาจ

               “เอาไปให้คุณทหารค่ะ” สาวน้อยตอบเสียงอ่อน พีรพัฒน์ส่ายศีรษะระอา

               “เอาไปให้ทำไม เขาหาข้าวกินเองไม่ได้หรือไง” ชายหนุ่มว่าพลางแอบอมยิ้มกับท่าทางก้มหน้างุดงัน น้องสาวน่ารักขนาดนี้จะให้เขาดุก็ทำไม่ลง

               “หลังจากกลับจากกระบี่พี่ก้องยุ่งมากเลยค่ะเวลาจะทานข้าวก็ไม่มี” ไอรินทร์เอ่ยอย่างเป็นห่วงผู้ที่พูดถึง ได้คุยทราบเรื่องราวของแต่ละฝ่าผ่านกันแค่ทางโทรศัพท์กลับมาจากกระบี่สี่วันไม่ได้เจอกันแม้แต่เงาถึงบ้านจะอยู่ติดกันจริง ความคิดถึงมันอัดแน่นจนอกแทบแตกตาย นี้เป็นวิธีเดียวที่แอบไปพบก้องภพได้แนบเนียนที่สุดแต่ในที่สุดถูกจับได้

               “ส่งปิ่นโตมานี่” พีรพัฒน์ยื่นมือไปข้างหน้า ไอรินทร์ถอยหลังครึ่งก้าวเพราะไม่ไว้ใจในท่าทางของพี่ชาย “เรายังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม ทำไมพี่พูดอะไรรินทร์ไม่ฟัง ไม่เชื่อ” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงอ่อนโยน เขารู้ว่าน้องสาวขี้ใจอ่อน ไอรินทร์ยังกอดคอนโดมิเนียมอาหารแน่น ความคิดที่ว่าเธอกำลังเป็นน้องที่ไม่เชื่อฟังพี่มากขึ้นมากกว่าดื้อ ไอรินทร์จึงยอมส่งคอนโดมิเนียมอาหารให้พี่ชาย

               “ส่งมานี้พี่จะเอาไปให้เขาเอง อ้อ กุญแจรถด้วย”

               ไอรินทร์ส่งสิ่งของที่พี่ชายต้องการ “อย่าทำอะไรคุณทหารนะคะ” ในไม่นานรถของเธอก็แล่นออกไปพร้อมกับจิตใจที่ห่วงใยอีกคนที่แล่นตามไปด้วย

 

               ชายหนุ่มในชุดลายเขียวสีขี้ม้ากำลังนั่งรอสาวส่งอาหารที่ได้นัดไว้พร้อมกับกระเพาะอาหารที่ส่งเสียงเรียกร้องหาอาหาร สายตาหันไปสบกับรถยนต์ยี่ห้อหรูคุ้นตาที่แล่นมาหยุดที่หน้าอาคารสีครีมที่เพิ่งถูกทาสีใหม่ ก้องภพลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความเบิกบานใจที่จะได้เจอไอรินทร์และทานมื้อเที่ยงพร้อมกับเธอ แต่ต้องผิดหวังเมื่อคนที่ก้าวลงจากรถไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง

               “เพื่อนมาหาทั้งทีทำหน้าเป็นหมาท้องเสียเชียวนะ” พีรพัฒน์แซว เขารู้ดีว่าเพื่อนหนุ่มกำลังรู้สึกอย่างไร ก้องภพคิดว่าตนยังพอมีหวังว่าจะได้พบคนที่อยากเจอจึงชะเง้อทอดสายเข้าไปสำรวจภายในห้องโดยสาร

               “นายมาได้ยังไงแล้วรินทร์ละ” ชายหนุ่มถามร้อนรนหวั่นกลัวว่าเขาจะลงโทษอะไรไอรินทร์บ้างที่ทราบว่าแอบพบกับเขา

               “ฉันไม่ให้มา”

               “โธ่ อาร์มแล้วเราจะได้เจอกันเมื่อไหร่ละฉันจะบ้าตายแล้วนะ” นายทหารหนุ่มถอนหายใจเสริม

               “จนกว่าฉันจะอนุญาต” พีรพัฒน์แอบลอบยิ้มไม่ให้เพื่อนเห็นแล้วปรับสีหน้าเคร่งขรึมและยื่นสิ่งของในมือให้แล้วสตาร์ทรถออกทันที

               ‘อีกนานไหมหนอที่จะได้เจอกัน พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า ปีหน้า หรือเจอกันแค่ปีละครั้งเหมือนกับดาวเจ้าหญิงทอผ้ากับชายเลี้ยงวัว’

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา