The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  37.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

18) 016-เกทวาร์ป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

016-เกทวาร์ป

 

        ด้วยความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อน ในที่สุดกลุ่มกิเรเร่ก็เดินมาถึงส่วนกลางของสุสาน ซึ่งมีสิ่งหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางนั่นคือแท่นหินสูงเคียงเอว สลักลายวิจิตรงดงามแบบสถาปัตยกรรมโบราณ ด้านบนมีเบ้าสำหรับใส่บางสิ่ง3หลุม ขนาดต่างกันและมีภาษาโบราณกำกับอยู่โดยรอบ

 

"คาลาเนส นายรู้จักอะไรเกี่ยวกับเจ้านี่บ้างไหม"เพียล่าถามพลางเฝ้ามองสิ่งนั้นอย่างสนใจ

 

"เอิ่ม... "คาลาเนสทำท่าคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนเอ่ยขึ้น

"คงจะเป็นเกทวาร์ปละมั้งนะ"

 

"เกทวาร์ป!!??"วิคเตอร์ทวนคำพูดคาลาเนสด้วยความตะลึง

 

"คงใช่นะ ดูได้จากคำอักษรโบราณและเบ้าที่คล้ายแม่กุญ สมมุติว่าถ้าเราอ่านคำอักษรโบราณได้และหาสิ่งที่เป็นกุญแจเจอแล้วล่ะก็ มันคงจะพาเราที่ไหนสักแห่ง"เสียงจากชาร์ลเอ่ยขึ้นคลายความสงสัยต่อทุกคนที่ยังไม่เคยสัมผัส

 

'..และดูเหมือนว่าฉันจะอ่านมันออกนะ'ชาร์ลส่อแววกังวลพร่ำอยู่ในใจ

 

"จากจุดนี้เราจะวกกลับไปทางซ้ายก่อนนะ"เพียล่าละสายตาจากสิ่งนั้น ก่อนก้มดูแผนที่พลางอธิบายต่อทุกคน ไม่ช้าทุกคนก็ละสายตาจากสิ่งนั้น เดินผ่านมันไปตามเพียล่าที่นำหน้ากลุ่ม

 

        ในพื้นที่1971นี้นั้น เป็นบริเวณโถงกว้างขนาดใหญ่ ซึ่งจุดเริ่มของที่นี่มีบันไดวนเป็นทางยาวลงไปยังด้านล่าง ซึ่งถูกแบ่งเป็น3ส่วน ส่วนแรกกับส่วนสองเป็นชั้นลอยมองเห็นด้านล่างได้อย่างสะดวก ส่วนชั้นที่สามซึ่งเป็นชั้นล่างสุด ปกคลุมไปด้วยความมืดมนกับบรรยากาศอึมครึมและอาจมีภัยตรายซ่อนอยู่ก็เป็นได้

 

"เอาไงเพียล่า?"วิคเตอร์เอ่ยขึ้นหลังเดินลงมายังชั้นสามโดยตามหลังเพียล่า

 

"คงจะต้องไปต่ออ่ะนะ"เพียล่าตอบกลับพลางใช้คบไฟฉายไปมา

 

         แสงจากคบไฟของกลุ่มกิเรเร่ยังสว่างไม่พอเมื่อเทียบกับพื้นที่1971 การสำรวจเป็นไปด้วยความยากลำบาก ยิ่งลึกยิ่งมืด ยิ่งมืดก็ยิ่งอันตราย ยิ่งอัตรายก็ยิ่งระวังตัว

 

"เฮ่ๆๆ ชาร์ลนี่เรามาถึงชั้นสุดท้ายแล้วนะ"

เพียงแค่โอ'เกนท์พูดเบาๆเสียงก็ก้องกังวาลไปทั่ว

 

"ลองสำรวจดูรอบๆก่อนนะทุกคน"ชาร์ลประกาศลั่นโดยที่เสียงยังก้องกังวาลอยู่

 

        ขณะทุกคนต่างแยกย้ายกันไปสำรวจคนละจุด ความมืดทั้งแปดด้านครอบคลุมพวกเขา และในท่ามกลางความมืดกลับมีใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา!!

 

"พรีวแห่งไฟ!!!"

ซึ่งเสียงนี้เองเป็นเสียงของคาลาเนส ซึ่งตกตะลึงเผลอหลุดลั่นออกมา

 

         ทุกคนได้ยินจึงกรูกันเข้ามาดูกับประติมากรรมรูปปั้นขนาดใหญ่โต ตั้งตระหง่านใจกลางโถง ด้วยรูปลักษณ์อันสง่างามและเคร่งขรึมดุดัน จึงทำให้รูปปั้นนี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ด้วยดวงตาแห่งทับทิมเพลิง สีหน้าอันทรงพลังร่างกายที่กำยำและฉากหินเบื้องหลังแผ่นยักษ์สลักลายเหล่าภูตผีสัตว์นรกป่าเถื่อนน่าสะเทือนใจ และตรงฐานรูปปั้นยังมีคำจารึกอะไรบางอย่าง ส่วนข้างๆรูปปั้นนั้นมีแท่นคบไฟ2แท่นประดับเคียง เพียล่ารีบจุดมันขึ้นทันที

"พรึ่บ"

เชื้อฟืนประทุเร็วขึ้นทันใจและใหญ่เอาเรื่อง จนเพียล่าต้องผงะถอย

 

"เฮ่ชาร์ล มาดูนี่สิ"หลังเพียล่าสำรวจอยู่ใกล้ๆ บังเอิญเห็นอักษรโบราณจึงไม่รอช้ารีบเรียกนักประวัติศาสตร์ของกลุ่ม

 

"โอ้ พระเจ้า!!"ชาร์ลเปร่งอุทาน ถึงกับตกตะลึงเลยทีเดียวกับสิ่งที่เพียล่าให้ดู

 

"ลองอ่านมันดูสิ"วิคเตอร์อยู่ข้างๆเพียล่าเอ่ยแนะนำ

 

"เอ่อ.. เดี๋ยวนะ ฉันจะอ่านมันเดี๋ยวนี้แหละ"ว่าแล้วชาร์ลก็ก้มลง เบิ่งตามองอักษรนั่นโดยมีเพียล่าและวิคเตอร์คอยรับฟังอยู่ข้างๆและฉายแสงให้ คำอักษรไม่เก่าแก่อะไรมากและมันไม่ยากเกินไปสำหรับชาร์ล

 

"ในนามของพระบิดา ข้าพเจ้าพรีวแห่งไฟยินยอมทำพันธสัญญาต่อพระองค์ ว่าด้วยเรื่องเจตนาแห่งไฟ จะหยุดยั้งการทำลายล้างทุกสรรพสิ่ง แต่พันธสัญญานี้จะสูญสิ้นลงหากบุตรแห่งเพทราย่างเหยียบถึงแผ่นดินเธโดร่า ถึงกาลนั้นเจตนาแห่งไฟจะถึงกาลอุบัติทำลายล้างทุกสิ่งจนมอดไหม้อีกครั้ง"ชาร์ลอ่านจบก็เงียบไปครุ่นคิดอะไรบาง จนเพียล่าต้องเอ่ยถาม..

 

"มีอะไรรึป่าวชาร์ล?"

 

"ฉันคิดว่าพรีวแห่งไฟน่าจะเคยมีตัวตนอยู่จริงนะ น่าจาาา...(ชาร์ลหยุดไปครู่หนึ่งใช้มือทาบคางก่อนจะว่าต่อ)..มีอายุอยู่ช่วงเดียวกันกับดารุสรึป่าวนะไม่แน่ใจ"

 

"ถ้าใช่ ก็น่าจะอยู่ในยุคปลายของพระแม่เอวารึป่าว"เพียล่าช่วยชาร์ลคิดอย่างจริงจัง แต่ชาร์ลเมินเฉยเพราะมัวแต่ครุ่นคิด

 

"..แต่พันธสัญญานี้จะสูญสิ้นลงเมื่อบุตรแห่งเพทราย่างเหยียบถึงแผ่นดินเธโดร่าเมื่อถึงกาลนั้นเจตนาแห่งไฟจะถึงกาลอุบัติทำลายล้างทุกสิ่งจนมอดไหม้อีกครั้ง.. นี่แหละที่คือประเด็นใครกันบุตรแห่งเพทรา แล้วถ้าบุตรแห่งเพทราย่างเหยียบถึงแผ่นดินเธโดร่าเมื่อไรพันธสัญญานี้ก็จะสูญสิ้น สรุปได้ว่าคำอักษรนี้เป็นการบอกเป็นนัยๆว่ามันจะต้องเกิดขึ้นจริง"ชาร์ลใช้กึ๋นสรุปคำอักษรนั่นด้วยใบหน้าลังเล

 

"ไฟจะไหม้โลกน่ะรึ อืมมมมเผาคืนแห่งความมืดรึป่าวนะ"โอ'เกนท์เสริมจนชาร์ลวกกลับเข้าประเด็นอีกรอบ

 

"ถ้าใช่ก็คงดีสิ เอ้อ.. ว่าแต่ว่าพอมีใครรู้เรื่องผู้รู้คำทำนายกับผู้ถูกเลือกบ้าง"ชาร์ลปรายตามองโอ'เกนท์ก่อนหว่านคำถามไปรอบๆทุกคน

 

".........."ทุกคนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งกับคำถามในประโยคหลังของชาร์ล ก่อนมีเสียงใครคนหนึ่งทำลายความเงียบนั้น

 

"เออ!! ภาวนาให้เป็นแบบนั้นก็แล้วกัน"วิคเตอร์เอ่ยโดยไม่สนใจรูปปั้นนั้นและเมินคำถามของชาร์ล

 

        เพียล่ากับคาลาเนสยืนฟังอยู่ด้วยต้องหันมองหน้ากันโดยบังเอิญ เพราะทั้ง2ต่างคนต่างรู้ตัวตนของอีกฝ่ายว่าเป็นใครมาจากไหน เพียงแว่บแรกที่มองตาคาลาเนสเพียล่ามั่นใจว่าหมอนั่นมีสถานะเดียวกันกับตน ส่วนคาลาเนสก็มั่นใจว่าเพียล่ามีสถานะเดียวกับตน แต่ทั้ง2กลับไม่กล้าเอ่ยต่อกัน

 

'ห้ะ!!? บุตรแห่งเพทราหรอมีใครเคยเรียกแบบนั้นหนิ เจนตนาแห่งไฟคำๆนี้เราเคยฝันถึงนี่นา เหตุบังเอิญหรือว่าทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้แล้วนะ'เนเน๊ะยืนฟังอยู่ด้วยต้องอึ้งกับคำอักษรและคิดทบทวนอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยออก เพราะกลัวว่าทุกคนจะหาว่าเธอเพ้อเจ้อ

 

"เอาล่ะๆ เราจะไปกันได้รึยัง?"วิคเตอร์เปลี่ยนสีหน้าอย่างเซ็งเอ่ยขึ้นด้วยความหน่ายกับที่นี่

 

         ทันทีที่สิ้นเสียงวิคเตอร์ ชิ้นส่วนดวงตาข้างหนึ่งของพรีวแห่งไฟได้ตกลงมาท่ามกลางกลุ่มกิเรเร่ ทุกคนตกตะลึงและงุนงง การที่ชิ้นส่วนดวงตาของพรีวแห่งไฟตกลงมานั้นหมายความว่าอย่างไร

 

        ชาร์ลคือผู้รับชิ้นส่วนดวงตานั้นไว้ในมือและทำการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน มันคือทับทิมเพลิงสีแดงประกายสด

 

"เอาล่ะทุกคน ไปพื้นที่1972กันได้แล้วนะ"หลังจากเก็บสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋าชาร์ลจึงกล่าวด้วยสีหน้าเมินเฉย

         ทุกคนต่างมองชาร์ลด้วยความสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่ก็ไม่มีใครร้องถาม

        ทั้ง6จึงเดินกันต่อไปยังพื้นที่1972ทันทีโดยที่ไม่มีใครส่งเสียงเลยสักคน กลุ่มกิเรเร่เดินกันไปอย่างเงียบเชียบ บรรยากาศในตอนนี้อยู่ภายใต้สภาวะกดดันเป็นอย่างหนักกับสีหน้าของชาร์ลที่เคร่งขรึมและเงียบเฉยตลอดเวลา จนกระทั่ง.. ถึงเกทวาร์ป

 

"พรีวแห่งไฟ"ชาร์ลพูดคล้ายกับกล่าวอาคมพลางหยิบทับทิมเพลิงนั้นใส่ลงเบ้าเกทวาร์ป กลับเกิดแสงสีแดงสดส่องเป็นประกายโดยรอบและยังคล้ายกับว่าเกทวาร์ปนี้ ยังต้องการพลังงานที่จำต้องใช้ในการขับเคลื่อน เห็นดังนั้น ชาร์ลจึงแสยะยิ้มออกเล็กน้อย

 

"ชาร์ล นายเป็นไรไหม?"เพียล่าสะกิดถาม

 

"เอ่อ..คือ ฉันไม่เป็นไร"ชาร์ลเอ่ยกลับโดยไม่แลหน้าเพียล่าเพราะมัวแต่ชื่นชมกับสิ่งนั้น

 

"นายดูเหมือนจะไม่รู้สึกตัวนะ"โอ'เกนท์คิดไม่ต่างกับเพียล่า

 

"นั่นสินะ"ชาร์ลหันมาแสยะยิ้มตอบกลับภายใต้ใบหน้าอันถูกแสงทับทิมเพลิงอาบส่อง จนมองดูแล้วคล้ายปีศาจ ทว่าไม่มีใครสนใจเกทวาร์ปนั่นแม้แต่คนเดียว ที่สนใจก็มีแต่ชาร์ลนี่แหละที่เปลี่ยนไป

 

        หลังจากชาร์ลมั่นใจว่าเกทวาร์ปนั้นยังต้องการพลังงานอีกหลังเปิดมันได้บางส่วน กลุ่มกิเรเร่เร่งมุ่งหน้าไปยังพื้นที่1972ทันที แต่ทว่าชาร์ลนั้นมัวแต่ยืนชื่นชมพลางยิ้มอย่างคนบ้า จนโอ'เกนท์ต้องดึงแขนให้ตามมา แต่ใบหน้านั้นยังหันกลับไปยิ้มย่องอย่างภิรมณ์กับเกทวาร์ป

         การเดินทางผ่านช่องแคบๆเป็นไปอย่างราบรื่นจนถึงประตูทางเข้าบานมโหฬาร ทุกคนไม่รอช้ารีบใช้พละกำลังผลักดันประตูบานนี้ให้เปิดออก หลายคนช่วยกันดัน ไม่เว้นแม้แต่เนเน๊ะกับคาลาเนสที่ร่วมออกแรงด้วยจนหน้าแดงหน้าเขียว แต่ประตูกลับไม่ขยับเลยแม้แต่นิด

 

        ด้วยความมืดมันบังตาและสำรวจยังไม่ถี่ถ้วนกลุ่มกิเรเร่ออกแรงอยู่นานต้องหยุดไป หลังคาลาเนสถอยออกมาสำรวจมองอย่างสงสัย

 

"ทุกคนดูนี่สิ"คาลาเนสฉายแสงกระทบบางอย่างน่าพิศวง

 

"อะไร"ว่าแล้วชาร์ลรีบขยับหาคาลาเนส พร้อมกับที่เหลือเพื่อจ้องมองสิ่งนั้น

 

"ประตูบบานนี้เหมือนจะเปิดด้วยกลไกบางอย่างนะ"คาลาเนสเพ่งพิจแล้วพร่ำบอก

 

"กลไก..? หมายความว่า.. ?"เพียล่าฉงนใจสงสัยเลยยิงคำถาม

 

"ใช่.. มันต้องเปิดด้วยกลไกนั่นแหละ ประเด็นคือเราจะรู้ได้ยังไงว่ากลไกนี้จะขับเคลื่อนได้อย่างไร"สิ้นเสียงเพียล่าคาลาเนสจึงเอ่ยพลางเขย่งเท้าขึ้นสูง ใช้แสงส่องลูบคำกับสิ่งพิศวงอย่างเบามือ

 

        เวลานี้ปัญหาใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ที่บานประตูทางเข้าของพื้นที่1972 ถูกตรึงไว้ด้วยระบบกลไก ซึ่งไม่มีแม้แต่คำอธิบายหรือคำบอกใบ้ใดๆทั้งสิ้น จะมีก็เพียงแต่ลายพระอาทิตย์เปล่งรัศมีทรงแฉกสลักนูนสูงที่บานซ้ายและบานขวาเต็มไปด้วยเบ้าทรงลึกที่ว่างเปล่า

 

"นี่.. ทุกคนช่วยกันคิดหน่อยสิต้องทำไง"เพียล่าเริ่มแสดงใบหน้าตรึงเครียด

 

"เฮ่อ.. ฉันคิดอะไรไม่ออกเลยแฮะ"ชาร์ลส่งเสียงคืนทำหน้ามึนงงขณะใช้มือลูบคำเบ้าทรงลึก

 

"..........."วิคเตอร์ โอ'เกนท์ เนเน๊ะและคาลาเนสต่างเงียบสนิท ไม่มีใครตีความได้เลยว่ามันหมายถึงอะไร เวลาผ่านไปนานเพียล่าจึงเน้นเสียงดังลั่นขึ้นอย่างมีน้ำโห

 

"ชาร์ล!!  ทำอะไรสักอย่างสิ!!"

 

"เพียล่า!!!"

 

"ฟังนะ!!! ฉัน.. ไม่.. ได้.. รู้.. ทุก.. เรื่อง.. หรอก.. นะ..!!"ชาร์ลเองก็ดูหงุดหงิดหลังถูกเพียล่ากดดัน จึงเน้นเสียงออกชัดถ้อยชัดคำใส่ใบหน้านั้นที่จ้องตากับตนอย่างเขม็งเกลียว จากนั้นทั้ง2จึงสาดคำพูดใส่อารมณ์กันอย่างเต็มที่ ทุกคนที่เหลือมองหน้ากันเลิ่กลั่กลังเลจะพูดปราม..

        ในที่สุดโอ'เกนท์ก็สวมบทนักพูดยุติความรุนแรงทางอารมณ์ของทั้ง2

 

"เอาล่ะๆ ใจเย็นกันก่อนนะ"เพียงแค่คำพูดสั้นๆ พร้อมเดินเข้าขวางระหว่างกลางก่อนยกมือสองข้างขึ้นปราม เพียล่าเริ่มคลายสีหน้าเข้มลง ส่วนชาร์ลก็ผ่อนอารมณ์ร้อนตามลงไปก่อนทั้ง2เมินหน้ากันไปคนละทาง

         แม้กระนั้น เพียล่ายังคงขมวดคิ้วเคร่ง พลางเตะประตูบานนั้นดังตึ้งด้วยความหงุดหงิดจากอารมณ์ซับซ้อนและความเฮงซวยของมัน

         ปกติแล้วเพียล่าจะเป็นคนรอบคอบสุขุม เป็นคนใจเย็น ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน เธอก็สามารถควบคุมตัวเองได้ตลอดและที่ผ่านมาเพียล่าและชาร์ลต่างไม่เคยมีปัญหาอะไรกัน ปรึกษากันด้วยดีมาตลอด แต่การที่เพียล่าเปลี่ยนไป ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอแน่ๆและชาร์ลที่ดูเปลี่ยนไปน่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาแน่นอน

 

        วิคเตอร์ในอดีต สมัยเคยร่วมรบเคียงกันกับเพียล่า รู้ว่าเธอมีนิสัยอย่างไรและกับชาร์ล ซึ่งวิคเตอร์เคยคุกคลีกันมาก่อนนั้น ในสมัยยังเป็นหน่วยคุ้มกันให้กับนักวิจัยภาคสนามขององค์กรเรเมดี้เมื่อหลายปีก่อน รับรู้ดีว่าชาร์ลนั้นเป็นคนเช่นไร

 

         ความผิดปกตินี้ ถูกวิคเตอร์สังเกตและตั้งข้อสงสัย ว่าทำไมทั้ง2ถึงดูแปลกไป คิดได้ดังนั้น วิคเตอร์จึงหว่านสายตามองไปรอบๆตัวและพบบางสิ่งล่องลอยอยู่ในช่วงทางเดิน คล้ายเงาวิญญาณสีดำทมึนมิด เพียงแค่แว่บเดียวผ่านวูบชนเข้ากับผนังและหายไป ไม่ว่าจะผีหรือพระเจ้าวิคเตอร์มิเคยไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย แต่ยังไงแล้วเขาเลือกเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ หากบอกไปทุกคนคงตื่นตระหนกเป็นแน่

 

"เฮ่ๆ เพียล่า ชาร์ลเลิกเขม่นกันซะที ถ้าที่นี่เปิดไม่ได้เราลองไปที่อื่นก่อนดีไหมคือ.. มันจะเสียเวลาซะเปล่าๆน่ะ ถ้าเรามัวแต่เถียงกันอยู่ที่นี่"วิคเตอร์เอ่ยหงุดหงิดหลังละสายตาจากตรงนั้น มายังตรงนี้ที่ๆมีเพียล่ากับชาร์ลเริ่มแยกเขี้ยวใส่กันอีกรอบ

 

"นายเงียบไปเลยวิคเตอร์!!! ชาร์ลเป็นคนพาเรามาที่นี่นะ แล้วไหนล่ะคำอักษรโบราณ นี่น่ะหรือ!! คือสิ่งที่พวกเราพยายามตามหา ชาร์ล!!นายมันบ้าไปแล้ว"เพียล่าพาลใส่วิคเตอร์ เธอเริ่มควบคุมตนเองไม่อยู่ เอ่ยเสียงกร้าวอะไรเลอะเทอะออกมาทั้งๆที่ตนเองนั้นเห็นดีเห็นงามกับชาร์ลเลือกมายังที่นี่ วิคเตอร์เซ็งต่อต้องเมินหน้าหนี โอ'เกนท์ทนฟังบทปะทะคำพูดนั้นไม่ไหวด่วนกระแทกด้ามหอกกระทบพื้นหินดัง..

"ตึ้ง!!"

และก้มหน้านิ่งส่งรังสีพิฆาต เริ่มฉุนขาดเตรียมจะระเบิดความบ้าจนเนเน๊ะกับคาลาเนสถึงกับสะดุ้งเฮือก

 

"เพียล่า!! ชาร์ล!! นายไม่ได้ยินฉันพูดรึไง!! ห้ะ!!? ได้โปรดทำตามที่วิคเตอร์บอกเถอะ"เสียงนุ่มเย็นของโอ'เกนท์ดังขึ้น คล้ายดั่งซ่อนร่างยมทูตไว้พร้อมจะกระชากวิญญาณของทั้ง2ได้ทุกยาม

 

"อื้อ!!"เพียล่ารับโดยเกรงใจโอ'เกนท์ที่ดูเอาจริงขณะยังโพล่งปลายหอกขึ้นราวกับเป็นสัญญาณขู่ฟ่อ

 

        บรรยากาศเต็มไปด้วยความตรึงเครียด ทุกคนได้แต่มองหน้ากันไปมาและยังอยู่ในอารมณ์สับสน ทางเลือกเดียวที่ทำได้คือไปสำรวจพื้นที่1572ก่อนตามคำของวิคเตอร์ เพียล่าได้แต่เดินไปมาอย่างไร้สติ ชาร์ลเองก็ยังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรดี

 

"คงต้องทำตามที่นายบอกแล้วล่ะวิคเตอร์"ชาร์ลเย็นลงมาก ต้องจำใจยอมอย่างจนปัญญากับประตูบานนี้และเอ่ยพลางสะกิดวิคเตอร์ที่เมินมองอะไรบางอย่างอยู่ให้กลับหันมาทางตน

 

"รอจนแก่หง่อมละเพื่อนเอย"วิคเตอร์เอี้ยวคอกลับ กระตุกยิ้มใส่ชาร์ลที่กำลังจดจำสัญลักษณ์บนบานประตูเป็นครั้งสุดท้าย

    

         ทุกคนเป็นปลื้มยิ่งนักจะได้ออกจากตรงนี้ แล้วไปยังพื้นที่1572 เพียล่าสีหน้าเริ่มเบาบางลงไม่ขัดข้องอะไร ทั้งหมดรีบจ้ำอ้าวสาวเท้าอย่างไวไปในทันที เมื่อเดินมายังจุดศูนย์กลางสุสานสุดท้ายอันเป็นที่ตั้งของเกทวาร์ป ซึ่งแสงนั้นแสงสีแดงสดยังคงส่องฉายขึ้นตลอดเวลา ชื่นชมกันได้ไม่เท่าไรก็ไปต่อ เว้นแต่ชาร์ลกับคาลาเนสหยุดมองอยู่นานสองนาน

 

"มันมีต้องอะไรแน่ๆ"ชาร์ลขยับปากพึมพัม คาลาเนสแหงนมองพลันรู้สึกวังเวงก่อนจูงมือชาร์ลให้ออกเดินเพื่อไปต่อให้ทันทุกคน

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา