The Last Night
เขียนโดย pyclub70
วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.
แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) 01-สิ่งที่ต้องรู้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
01-สิ่งที่ต้องรู้
~The Last Night~
หมู่บ้านแห่งหนึ่งตั้งอยู่กลางป่าเขาอันไกลโพ้น เป็นหมู่บ้านเล็กๆมีผู้อาศัยอยู่ไม่มากนับได้ประมาณไม่เกิน30หลังคาเรือน ผู้คนที่นั่นอาศัยป่าเป็นหลักและมีจิตใจพึ่งพากันและกันช่วยเหลือกัน ส่วนใหญ่มีอาชีพเก็บของป่าทำไร่ทำสวนและปศุสัตว์
ที่นี่ไม่มีวัดไม่มีโบสถ์ ทุกคนจำต้องอยู่กันตามกฏของผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งมีชื่อว่า"คาได" คาไดได้ชื่อว่าเป็นคนเก่งมีความสามารถหยั่งรู้สิ่งต่างๆได้ดั่งมีตาทิพย์ ผู้คนในหมู่บ้านจึงให้การนับถือไว้ใจและด้วยเหตุนี้เขาเลยถูกยกย่องให้เป็นผู้นำของหมู่บ้านและหมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า"คี-คูได"โดยยังเป็นชื่อเผ่าอีกด้วย
__________
เมื่อฟ้าใกล้สาง..
เด็กน้อยผู้หญิงคนหนึ่งต้องทำหน้าที่ประจำวันของเธออันแสนจำเจ นั่นคือการเดินออกจากกระท่อมหลังน้อยเพื่อไปเฟ้นหาสมุนไพรหายากชนิดหนึ่งและอื่นๆมาปรุงยาตามคำสั่งของผู้เป็นยาย โดยทุกวี่วัน..ในดวงตาใสซื่อของเด็กน้อยคนนี้มีความมุมานะเป็นอย่างมาก
ทุกครั้งคราวเธอต้องย่ำเดินหาเรื่อยไปจนกว่าจะหาพบซึ่งก็แล้วแต่เวลาและโชคช่วย ไม่ว่าจะเช้าสายบ่ายเย็นถึงค่ำหรือจนกว่าจะยังไม่หาเจอสมุนไพรตามใบสั่งของยายแล้วเธอจะไม่หยุดหามันอย่างเด็ดขาด แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เธอมักจะหาได้ในช่วงสายถึงบ่าย แต่หากโชคร้ายก็ค่อนมืดค่ำกว่าจะพบ
เมื่อได้สมุนไพรครบตามใบสั่งและกลับถึงบ้านหลังน้อย เธอต้องนำสมุนไพรนัั้นๆไปให้ยายเพื่อปรุงยาอายุวัฒนะหรืออะไรสักอย่างของแกที่ดูลึกลับ ซึ่งเธอเองก็ยังไม่อาจรู้สูตรสรรพคุณลึกลับสมุนไพรชนิดหนึ่งที่พิเศษได้เพราะถูกกีดกันจากความหวงแหน ส่วนสมุนไพรหายากและพิเศษที่เก็บมาได้นั้นเป็นดั่งหัวใจหลัก เป็นสิ่งสำคัญสุดแท้ในการปรุงยาหลักสำหรับดื่ม ยายของเธอต้องทานยาที่ปรุงด้วยสมุนไพรนี้ทุกวัน
เด็กน้อยคนนี้ มีความสามารถในการหาสมุนไพรที่หายากได้ทุกวัน นั่นคงเพราะความมุ่งมั่นอันแฝงมาแต่กำเนิดและอีกหลายความเพียรที่เธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร
เธออยู่กับยายมาตั้งแต่แบเบาะ พ่อและแม่ของเธอเป็นใครนั้นยังไม่สามารถรู้ได้และเรื่องนี้..ยายเธอเองก็มิอาจรู้ล่วงไปซะหมดหากยังไม่ชัดเจนกับบางอย่างในใจ แต่อย่างหนึ่งที่ผู้เป็นยายรู้แจ้งนั่นคือดวงหน้าและดวงตาของทารกเด็กสาวคนนี้ในตอนนั้นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ หากเทียบกับใบหน้าค่าตาของผู้คนในหมู่บ้านแล้วเธอดูแตกต่างไปมากราวกับแกะดำเพราะไม่มีเค้าว่าเป็นลูกหลานเผ่าคี-คูได จนทุกวันนี้ ผู้อุปการคุณอดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันนะที่พาเธอมาทิ้งไว้ที่นี่
ครั้งเธอยังจำความได้ใหม่ๆ ซ้ำวันแล้วซ้ำวันเล่า ยายของเธอเอาแต่สอนการปรุงยาด้วยสมุนไพรตามวิธีการต่างๆที่เป็นพื้นฐาน ทั้งสอนการเรียนรู้คุณสมบัติของสมุนไพรแต่ละชนิดแต่ก็ยังปกปิดความลับเรื่องสมุนไพรหายาก นานวัน..เธอเริ่มช่ำชองในการปรุงยาและจดจำสมุนไพรได้เกือบทั้งป่าแม้ไม่ได้เป็นอัจฉริยะ
อุปนิสัยยายของเธอ ใช่ว่าจะเป็นคนใจดีสักเท่าไรเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวดีแล้วแต่ผีเข้าผีออก แต่เธอไม่มีทางเลือกจึงจำใจยอมและไม่เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เด็กน้อยผู้นี้มีนามว่า"เนเน๊ะ" ยายของเธอมีนามว่า"แขขาว" บ้านยายแขขาวนั้นตั้งอยู่โดดเดี่ยวซึ่งเป็นที่สันโดดและห่างไกลจากตัวหมู่บ้าน
แล้ว..วันหนึ่ง!! เธอออกไปหาสมุนไพรตามกิจวัตรประจำวันของเธอ จู่ๆก็มีชายแปลกหน้าผู้หนึ่งใส่ชุดคลุมหัวจรดเท้าสีน้ำตาลเข้ม เดินเข้ามาหาเธอหลังออกจากโพรงรากไม้ใหญ่
"สวัสดีเนเน๊ะ"ชายแปลกหน้าทักเธอ ด้วยรอยยิ้มอันกรุ้มกริ่ม ภายใต้ผ้าคลุมหัวที่เว้นแต่ส่วนปากและใบหน้าบางส่วนไว้ดูลึกลับ
"สวัสดีค่ะ เอ่อ.. คุณรู้ชื่อหนูได้ยังไงคะ?"สาวน้อยทักกลับด้วยหน้ายิ้มแย้ม แต่ฉงนพร้อมสงสัยและแปลกใจชายผู้นี้จนเธอต้องถอยหลังหนึ่งก้าว แต่ชายร่างนั้นยังยืนอยู่กับที่และจ้องมากแล้วว่าต่อ..
"เธอหาสมุนไพรทุกวัน ไม่พัก ไม่เหน็ดเหนื่อยบ้างเลยรึไง"ชายแปลกหน้าหันร่างหันข้างให้เนเน๊ะพลางพูดไปตามสิ่งที่เห็นทุกวัน
"ค่ะ.. มันเป็นหน้าที่ของหนูอยู่แล้วค่ะ เพราะว่ายายของหนูต้องนำไปปรุงยาทุกวันค่ะ"เธอบอกไปด้วยความสัตย์ซื่อก่อนย่องไปด้านหน้าหาชายลึกลับ โดยเว้นระยะห่างเพื่อจะได้มองใบหน้านั้นให้ชัดเจนขึ้น
"อ๋อเหรอ เธออยากได้สมุนไพรนี้ไว้ปลูกที่บ้านของเธอไหมล่ะ"ชายแปลกหน้าเอ่ยเสนอแนะ แล้วจึงหันข้างต่อไปอีกเพื่อหลบสายตาจากเด็กสาวที่พยายามจ้องมา
"ก็.. อยากสิคะ"สาวน้อยเอ่ยด้วยความดีใจและ หยุดขยับเท้าลดละความพยายามจะมองหน้านั้น
"สมุนไพรชนิดนี้ จะต่างจากสมุนไพรชนิดอื่น คือมันจะเติบโตได้ดีโดยอาศัยน้ำค้างเวลาเช้ามืดและแสงแดดยามรุ่งอรุณเท่านั้น สมุนไพรชนิดนีี้จะมีมากที่ทุ่งล้านแสง เธอจงนำน้ำค้างยามรุ่งอรุณและน้ำหอมของดอกมะลิไปด้วย น้ำค้างใช้รดลงไปที่ราก น้ำหอมใช้พรมลงบนเกสร จากนั้นเธอต้องตัดเฉพาะดอกของมันมา แต่มีข้อแม้ว่าเธอจะตัดได้แค่ดอกเดียวเท่านั้นนะ"ชายคนนั้นพูดเสร็จ เร่งเดินหันหลังให้เนเน๊ะจากไปอย่างรวดเร็วก่อนหันกลับมา"อ่อ เธอรู้จักทุ่งล้านแสงใช่ไหม"โดยไม่รอคำตอบจากเนเน๊ะจึงรีบเดินหายเข้าไปในที่รกร้างซึ่งเป็นโพรงรากไม้ใหญ่
"ทุ่ง ล้าน แสง"
เมื่อเนเน๊ะได้ฟังชายคนแปลกหน้าพูด เลยเกิดความสนใจ ยืนคิดไตร่ตรองพลางใช้นิ้วแม่มือจุ๊บปากอยู่นานพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย
เวลาผ่านไป ความคิดของเธอก็พวยพุ่ง สาวน้อยแย้มยิ้มบางๆแล้วออกเดินหาสมุนไพรต่อ เท้าสาวไปตาจ้องไป ไม่ช้าไม่ไกลสมุนไพรนั้นก็บังเอิญหลบอยู่หลืบซอกโพรงหญ้า มือน้อยๆค่อยๆแหวกโพรงหญ้าไปคุ้ยเขี่ยปัดดินออก จนเห็นถึงรากสมุนไพร จากนั้นมือเล็กๆค่อยๆประคบประหงมเด็ดดึงออกมาได้ทั้งยวง
เด็กน้อยยิ้มสบายใจ ยกท่อนแขนปาดเหงื่อแล้วเก็บสิ่งนั้นไว้ในย่าม
ทว่าวันนี้ช่างโชคดีมากที่หาสมุนไพรลึกลับได้ก่อนตะวันตรงหัว พลันนั้น สาวน้อยจึงรีบสาวเท้ากลับบ้านอย่างไว
หลังมอบสมุนไพร ให้กับยายที่นั่งปรือตาอยู่บนเก้าอี้โยกภายในบ้าน
"อื้ม.. ขอบใจมาก"ผู้เป็นยายรับสิ่งนั้นด้วยฝ่ามือเหี่ยวย่นแล้วเก็บลงซอกเสื้อด้วยอาการสะลึมสะลือ
ทว่าหน้าตาของยายแกนั้นคล้ายคนละเมอ เนเน๊ะเห็นดังนั้นจึงยืนหยุดนิ่ง ขมวดคิ้วเพ่งยายและกำหมัดเท้าแก้มครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
ไม่ช้า เธอจึงตัดสินใจ บอกเรื่องราวผิดปกติกับเธอให้กับผู้เป็นยายได้ฟังในยามบ่ายคล้อยย่ำเย็น ยายแขขาวได้ฟังก็เกิดอาการ..ด่วนสะดุ้งเฮือก ปลิดทิ้งอาการละลึมละลือไปแล้วเบิกตาโพลงก่อนกะพริบตาปริบๆ
เมื่อยายแขขาวได้ฟังหลานสาวเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการนำสมุนไพรมาปลูก แกก็มีอาการตกใจเล็กน้อยมือไม้สั่นไม่มากแต่พอสังเกตุได้
"คุณยายคะ เป็นอะไรรึป่าวคะ"หลานยายถามด้วยความห่วงใยกะพริบตาปริบๆ
"....ไม่ ไม่เป็นไร ..ฉันไม่เป็นไร"แต่ยายแขขาวตอบด้วยความวิตก แต่สายตาดูราวเหม่อลอย
เมื่อราตรีครอบนภา..
..เวลาแห่งคืนนี้ก็มาเยือน
...ค่ำคืนที่ไร้จันทร์ ไร้ดาว เสียงหมาป่าโหยหวน นกบินออกกจากรัง สัตว์ใหญ่น้อยมีอาการหวาดผวาสับสนดิ้นรนไม่เป็นปกตินสุข อากาศหนาวเหน็บย่างเยือน เมฆครื้มแดงชาด บรรยายกาศดูราวกับเหวนรก ทั้งหมดนี้ล้วนคือ"ลางมรณะ" มันช่างเป็นคืนที่น่ากลัวจริงๆสำหรับหมู่บ้านคี-คูได อันห่างไกลความเจริญและไม่อาจเจ้าใจได้ว่านี่คืออะไร
เมื่อลางสังหรณ์เอ่ยดัง คาไดจึงจัดเตรียมเวรยามเฝ้าระวังตลอดทั้งคืน โดยบอกให้ชายหนุ่มฉกรรจ์ในหมู่บ้านทุกคนออกมาเตรียมพร้อมรับมือที่กลางลานกว้างของหมู่บ้าน เพื่อรับมือกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
'นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นมาล่ะเนี่ยคืนนี้'คาไดพึมพัมในใจพลางปาดเหงื่อพร้อมกลืนน้ำลาย โดยคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่น่าเกิดขึ้นได้
ยิ่งดึกยิ่งสงัด
เสียงหมาป่าเสียงนกร้องเงียบไป ไม่มีสัตว์ใดๆส่งเสียง ไม่มี..แม้แต่เสียงลมพัดกระทบใบไม้ มีแต่ความเงียบและความหนาวเยียบเท่านั้นเข้าครอบคลุม ชาวบ้านในครัวเรือนต่างมีอาการหวาดผวา ไม่มีใครกล้าหลับตาลง คงทำได้แต่ภาวนาให้คืนนี้ผ่านพ้นไปอย่างเร็วไว
ยามนี้ คาไดยังคงเฝ้าระวังอย่างระแวงต่อเนื่องไป จนกระทั่ง...
...ในความมืด คาไดสัมผัสได้เหมือนมีใครจ้องมองอยู่จากทางท้ายหมู่บ้าน ซึ่งถัดออกไปไกลจากตรงนั้นคือหลุมฝังศพของคนในหมู่บ้าน
สิ่งๆนั้นมีพลังบางอย่าง มันรบเร้าจิตใจให้คาไดต้องสะกดราวกับร้องเรียกให้เขาหลวมตัวเข้าหา คาไดขมวดคิ้วอยู่นานแล้วออกเสียงเข้มสั่งลูกน้อง4คนเข้าไปสำรวจ
แต่นานโข ยังไม่เห็นออกมาสักที คาไดจึงตัดสินใจเดินตามทางที่ลูกน้องเดินเข้าไปพร้อมกับพวกอีก2คน เดินไปได้ไม่เท่าไรแสงไต้ค่อยๆหรี่ลงไปเรื่อยๆ จนมอดดับสนิท
คาไดและพวกชักดาบออกจากฝักเตรียมพร้อมรับมือด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นต่อสิ่งที่มองไม่เห็น ในตอนนี้ หัวใจของพวกเขาเต้นถี่รัวขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ คาไดและลูกน้องสาวเท้ารีบเร่งพยายามตามหาลูกน้อง4คนนั้นให้พบ แต่ยังหาไม่เจอสักทีจนเหงื่อกาฬแตกพรูทั่วร่าง
ความกดดันเพิ่มขึ้น หลังเดินต่อไป คาไดรู้สึกว่าพวกของตนหายไปในความมืดทีล่ะคน ทีล่ะคน..จนไม่เหลือใคร ช่วงนั้น..เขาถึงกับห่วงหน้าระแวงหลังขึ้นมาทันที
ความมืดรอบด้านเขา กำลังมีบางสิ่งคืบคลานเข้ามา เขาเริ่มท้อในการตามหาพรรคพวกและเดินต่อไปได้ไม่นานก็หยุดนิ่งกับที่ เขารู้สึกว่า เหมือนมีมือใหญ่ของใครกดลงที่บ่าทั้ง2ข้างอย่างหนักหน่วงโดยไม่สามารถขัดขืนอะไรได้
จนกระทั่ง.. คาไดถูกกดทจมดินเหลือเพียงแค่ส่วนหน้าอกขึ้นไปและยังจมลงไปเรื่อยๆอย่างช้าๆ.. ขณะนั้น ใบหูได้ยินเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้นดังใกล้มาเรื่อยๆและสายตาเห็นแสงสะท้อนของใบดาบสีเงิน
จิตใจเริ่มหวาดผวาและนึกปลง เมื่อเห็นถนัดว่าใครคนนั้นสวมชุดเกราะน่าเกรงขามดุจอัศวิน ได้เงื้อดาบขึ้นสูงหมายกระชากหัวตนขณะกำลังควบม้าสีดำมืดดวงตาแดงฉานมาทางตน
...คาไดหมดหนทางต่อสู้!!!
..แม้จะหมดหนทางสู้แต่ยังไม่หมดหวัง คาไดไม่ใช่คนธรรมดา เขารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายใช้ความสามารถหยั่งรู้ก่อนจะถูกกดจมดินไปมากกว่านี้และถูกกุดหัว ในเสี้ยววิและสิ่งที่ได้รู้คือ...!!
เขาต้องมีชีวิตรอดจากการช่วยเหลือของพลังงานบางอย่าง..
พริบตา!!เมื่อระยะคมดาบห่างกันกับคอคาไดเพียงคืบ แสงสว่างคล้ายวงจักรดั่งดวงอาทิตย์ทรงกรดได้ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะคาได แรงกดและผู้หมายปลิดชีพนั้นสลายไปอย่างเหลือเชื่อ พลันนั้น คาไดด่วนใช้มือตะเกียกตะกายพยุงตัวขึ้นมาอย่างสุดแรงเกิดจนร่างออกครบท้วน เขาวิ่งกลับหมู่บ้านอย่างไม่คิดชีวิต และ แน่นอนว่า ในคืนนี้ มีเพียงคาไดรอดมาได้แค่คนเดียวจากทั้ง7คน
พอถึงใจกลางหมู่บ้าน เขาละล่ำละลักเล่าเรื่องราวทั้งหมด ขณะแสดงสำนึกเสียใจผิดหวังกับเหตุการณ์นี้มากต่อคนในหมู่บ้านและผู้ที่ทวงถามถึงสามี พ่อและลูกชายว่าหายไปไหน ครั้นแล้วก็มีไม่มีคำตอบจากคาไดเนื่องด้วยไม่สามารถช่วยลูกน้องที่หายสาปสูญไปในความมืดได้ แล้วจะให้ทำอย่างไรได้เล่า..คาไดเองก็จนปัญญาจึงมีเพียงน้ำตาเท่านั้นจะอธิบายให้ครอบครัวของพวกเขาเข้าใจ
...รุ่งอรุณแลฟ้า
หลังเสียงเคาะประตูห้องนอนดังขึ้น เนเน๊ะงัวเงียเดินออกมาถามยายว่า ทำไมเมื่อคืนไม่มีเสียงสัตว์นกร้อง ไม่มีแม้แต่ลมพัด และยังเป็นคืนที่เหน็บหนาวมากกว่าคืนใดๆ
"เนเน๊ะเจ้าจงจำเมื่อคืนไว้ให้ดีมันเป็นคืนที่แสนโหดร้าย มันคือ"คืนแห่งความมืด"มนุษยชาติไม่มีสิทธิแม้จะต่อกรกับมัน ไม่มีใครรู้ว่าในความมืดมีอะไรอยู่ในนั้นบ้าง เจ้าจงอย่าหลงเดินเข้าไปในความมืดเป็นอันขาด สิ่งที่เจ้าทำได้ก็คือก่อไฟให้คลายหนาว จงอย่าให้ไฟดับมอดจนกว่าอาทิตย์จะทอแสง"ยายแขขาวผู้มีประสบการณ์บอกกับหลานอย่างหนักแน่น ขณะยังนั่งบนเก้าอี้โยกด้านหน้าเตาผิงปล่องน้อยในบ้าน
"เมื่อคืนยายคงจะก่อไฟทั้งคืนเลยใช่ไหมคะ.."เนเน๊ะส่งสีหน้าเห็นใจยายก่อนจะเดินไปชำระล้างร่าง
"อืมมมมม.."ยายตอบเพียงสั้นๆ แต่ลากยาวพลางปรายตามองตาเนเน๊ะเดินไปยังห้องอาบน้ำ
เด็กสาวล้างกายอยู่ไม่นานก็เดินออกมากลับเข้าห้องไปแต่งองค์ แล้วเสร็จจึงโผล่ตัวออกมาอีกครั้งพร้อมกับคำถามชวนคิดมาก..
"แล้วทำไมคืนแห่งความมืดจึงเกิดขึ้นได้ล่ะคะ? แล้วมันจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไรคะ?"เนเน๊ะถามยายด้วยความอยากรู้ตามภาษาเด็กแววตาบ้องแบ๊ว
"ทำไมถึงเกิดขึ้นได้น่ะหรือ.. เจ้ายังไม่ควรที่จะต้องรู้หรอก ข้าเองก็ไม่รู้ แต่จะบอกให้คร่าวๆนะ ว่ามันจะเกิดในรอบประมาณหนึ่งศตวรรษได้ล่ะมั้ง วันไหนเดือนไหนคืนใดนานเท่าไรก็ยังไม่สามารถระบุได้"ยายแขขาวตอบใจเย็นเผยใบหน้าวิตกด้วยคิ้วที่ขมวดจนแทบจะพันกัน พร้อมด้วยสุ้มเสียงฟืนปะทุระอุขึ้นเป็นแสงวาบฉาบหน้าและร่างของยายแขขาวแดงฉานจนดูน่ากลัว เนเน๊ะขมวดคิ้วรับคำก่อนเปิดประตูออกไปหาสมุนไพรตามกิจวัตร
---------------
แสงสุรีย์จวนลาลับหายไป เนเน๊ะนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งห่างไกลออกไปจากบ้านของเธอ ด้วยความเพลิดเพลินและอ่อนเพลีย ทำให้สาวน้อยเผลอหลับไปหลังออกย่ำเดินทั้งวันเพื่อหาสมุนไพรมาให้ยาย
"เนเน๊ะตื่น..!! เนเน๊ะตื่นเร็ว!!"...
"เนเน๊ะ!!!"...(เสียงผู้หญิงเร้าเรียก)
เนเน๊ะตื่น!!แต่ตื่นขึ้นมาแค่เพียงในความฝัน เธอรู้สึกตัวเพียงแค่ในความฝันเท่านั้น!
'เอ๊ะ! เราอยู่ที่ไหนเนี่ย?'เนเน๊ะพึมพัมในใจกับสิ่งที่เห็นหลังเปลือกตาเปิดออก
สถานที่เนเน๊ะอยู่ในความฝันนั้น รอบด้านมีแต่ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา แสงอาทิตย์สดใส พัดเฉื่อยด้วยลมโชยและสัญจรด้วยเมฆบางสีขาวเป็นก้อนกลุ่ม บรรยากาศช่างแสนรื่นเริงด้วยหมู่ผีเสื้อเล้ามวลดอกไม้ เนเน๊ะเริ่มมีความเพลิดเพลินกับสิ่งที่เห็น เธอเดินชื่นชมไปกับธรรมชาติอันสราญตาอย่างสำราญ
เดินไปได้ไม่นาน เนเน๊ะได้พบกับบางสิ่ง ซึ่งเป็นรูปปั้นของสุภาพสตรีใบหน้าสุดสวยราวกับเทพธิดา ยืนในท่ามือข้างหนึ่งแตะกลางอกและข้างหนึ่งแนบลำตัว
เธอแปลกใจและเดินสำรวจรอบๆได้ไม่ทันไรกลับเกิดแสงสว่างขึ้นจากรูปปั้น เนเน๊ะพลันตกใจพลางถอยกรูด
"เนเน๊ะ"รูปปั้นสื่อสารกับเนเน๊ะด้วยเสียงละมุน
"!?!.."เนเน๊ะผงะหัวก่อนทำตาโตจ้องใบหน้ารูปปั้นนวลละออแล้วยิงคำถามออกไป
"ท่านเป็นใครกัน ทำไมถึงได้รู้จักชื่อของหนู?"เนเน๊ะตีหน้างงพลางใช้นิ้วแม่มือจุ๊บปาก
"เจ้ากำลังตกอยู่ในอันตราย คืนแห่งความมืดได้มาเยือนแล้ว ข้าคงช่วยเจ้าได้อีกไม่นาน"รูปปั้นเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม โดยไม่ขยับปากหรือส่วนใดๆของร่างกาย
"จริงหรอคะ?"เนเน๊ะถามกลับทันทีเนื่องจากมีความกลัวเกิดขึ้นในใจ
"ตอนนี้ข้าได้ยื้อเวลานั้นไว้ สิ่งที่เจ้าได้เห็นในตอนนี้เป็นเพียงแค่ความฝัน สุดท้ายแล้วเจ้าจะต้องเจอกับความจริงที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ เจ้าจงมีสติ จงระวังตัว จงอย่าประมาท"
เสียงจากรูปปั้นพูดจบแสงสว่างจึงค่อยๆเลือนหายวับ
"......!!"
เนเน๊ะตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน สาวน้อยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่ตั้งใจ แลเห็นสิ่งหนึ่งค่อยๆลอยลงมา นั่นคือ"ขนนกสีขาว"เนเน๊ะจึงยื่นมือออกไปรับสิ่งนั้นไว้ในฝ่ามือ
"ขนนกสีขาวคืออะไรกันคะ?"เนเน๊ะขยับปากถามอีกครั้ง
".........."รูปปั้นไร้การตอบสนองใดๆ
บัดดล!! ท้องฟ้าแจ่มใส ทุ่งหญ้าเขียวขจีกลับกลายเป็นสีดำทั้งหมดเข้าสู่ห้วงมืดมิด
เนเน๊ะสะดุ้งตื่นขึ้นมา จิตใจยังไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่มันจะเกิดขึ้นจริง เธอทบทวนและนึกถึงคำพูดของรูปปั้น สายตาสาดส่องไปรอบๆด้านเห็นเพียงแต่ความมืดเท่านั้น ทางกลับบ้านถูกลบหาย
เวลานี้ เนเน๊ะรู้สึกกลัวและนึกถึงยายแขขาวได้แต่นั่งก้มหน้ากอดเข่า จังหวะการเต้นของหัวใจถี่ขึ้นราวกับจะปะทุออกมาเสียให้ได้ เนเน๊ะเริ่มเสียสติและสิ้นหวังด้วยร่างสั่นเทา
เธอไร้แรงล้าพร้อมปล่อยหยดน้ำตาแห่งความจริง.. สิ่งที่อยู่ในความมืดเริ่มรุกรานโสตประสาท มันโจมตีเนเน๊ะด้วยเสียงกรีดร้องอันแสนโหยหวนประหนึ่งราวกับว่ามันถูกทรมานอย่างแสนสาหัสจากหุบเหวนรก
ในตอนนี้ เนเน๊ะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เธอร้องไห้ออกมาอย่างกับคนบ้าคลั่งและเสียงวิปลาสยังคงเกรี้ยวกราดต่อเนื่อง
ไม่ช้า.. เธอต้องเลื่อนสายตาขึ้นหลังได้ยินเสียงยวบยาบจากการเดินของใครคนหนึ่งที่เป็นเงาใกล้เข้ามา เงามืดที่แลเห็นนั้น คล้ายดั่งปีศาจขนาดใหญ่กว่าชายร่างสูงหลายเท่าในมือของมันถือขวานเล่มใหญ่ย่างกรายเข้าหาเหยื่อเรื่อยๆ
..ใบหน้าอันไร้ความหวังของเนเน๊ะจ้องมองเงาปีศาจอันแสนเลือดเย็นด้วยความไร้เดียงสา
เงาปีศาจไม่รอช้าหากมันง้างแขนที่ถือขวานขึ้น แล้วบรรจงสับลงไปที่ร่างของเนเน๊ะ... !!!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ