จำนนเสน่หาแบดบอย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
21) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 12 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเบนท์ลี่ย์คันใหญ่สีดำสนิทกำลังเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถของโรงพยาบาล เมื่อเจ้านายทั้งสองคนก้าวเข้ามานั่งเคียงคู่กันบนเบาะหลัง แม้จะรถยนต์จะทำระยะทางได้ไกลพอสมควรแล้วแต่ลินเนอุสก็ไม่เห็นว่าคนที่นั่งตัวลีบชิดประตูรถนั้นน้ำตาจะหยุดไหลเสียที เขาลอบมองอยู่บ่อยครั้งนานเข้ากลายเป็นจ้องอย่างไม่กะพริบตา ไม่เข้าใจว่าคนที่เถียงเขาคอเป็นเอ็นเมื่อครู่หายไปไหน อดคิดในใจไม่ได้ว่าเธอกำลังใช้น้ำตาเรียกคะแนนสงสาร ทำให้เขารู้สึกผิด ก็มันเป็นการเรียกร้องความสนใจแบบคลาสสิกที่ทำกันมาทุกยุคทุกสมัย
พิลาสินีนั่งร้องไห้เงียบๆ นึกเบื่อและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงห้ามตัวเองไม่ได้ ยิ่งเขาขยับตัวไปมาราวกับรำคาญใจ น้ำตายิ่งไหลออกมาไม่ขาดสายราวเขื่อนทำนบพัง ยังดีที่กัดริมฝีปากล่างไว้แน่นไม่ใช่นั้นเขาคงสั่งให้จอดข้างทางแล้วไล่ตะเพิดลงจากรถแทบไม่ทัน
“เพลง... เงียบได้แล้ว คุณร้องไห้มานานแล้วนะ” คนที่เฝ้าสังเกตอยู่ไม่ไกลกระอักกระอ่วนใจอยู่นาน น้ำตาของเธอทำให้เขาต้องเรียบเรียงคำพูด นึกชั่งใจราวกับคนขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง แต่... ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ!
“...” ไม่รู้ว่าทำไมน้ำเสียงทุ้มราวกับปลอบใจนั้นทำให้เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น เมินออกไปด้านข้างไม่สนใจกับผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้
“เพลง... อะไรนักหนานะ! เมื่อกี้นี้คุณยังเถียงผมคอเป็นเอ็นอยู่เลย เงียบได้แล้ว น้ำตาจะท่วมรถแล้วรู้ไหม” ประโยคสุดท้ายยังเย้าแหย่ให้เธอหัวเราะ แต่คนที่กำลังถูกความรู้สึกย่ำแย่โหมกระหน่ำไม่เล่นด้วยทั้งยังเบียดตัวเข้ากับประตูจนแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว กิริยาเหล่านั้นยิ่งสร้างความขุ่นข้องใจให้เขามากขึ้น
อีกข้อที่พิลาสินีควรรู้คือ... คนอย่างเขาไม่เคยงอนง้อและอ่อนข้อให้กับน้ำตาผู้หญิง ยิ่งเป็นผู้หญิงในปกครองของตนแล้ว เขามั่นใจว่าเทกแคร์เธอชั้นเลิศจนถือว่าน้ำตาและท่าทางเศร้าสร้อยคือคำตำหนิที่ก่อกวนอารมณ์ให้ขุ่นมัว
“...”
ลินเนอุสหลับตาอย่างระงับอารมณ์เมื่อเธอยังเงียบและไม่หยุดร้องไห้ เมื่อรถเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าโรงแรมหรูจึงยัดผ้าเช็ดหน้าไว้ในมือบาง สั่งด้วยน้ำเสียงห้วนดุก่อนจะก้าวลงจากรถไปอย่างหัวเสีย “ถ้าเพลงอยากเดินร้องไห้เข้าไปในโรงแรมนักก็เชิญ คราวนี้คงได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งสมใจล่ะ”
พิลาสินีเงียบกริบทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เธอนั่งนิ่งมองร่างสูงใหญ่ของเขาก้าวเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างมั่นคง โดยมีคนสนิทเดินแกมวิ่งตามหลังไปติดๆ
โยวันเร่งฝีเท้าและถอนหายใจเมื่อเห็นเจ้านายที่รักและหวังดีไม่ต่างจากน้องชายหัวเสียเพราะจัดการกับผู้หญิงตัวเล็กๆไม่ได้ “อย่าใจร้อนนักสิครับ คุณก็รู้ว่าแค่ไม่กี่ชั่วโมงเธอต้องเจอเรื่องสะเทือนใจอะไรบ้าง แล้วถ้าคุณยังตอกย้ำด้วยคำพูดแรงๆแบบนี้ คงไม่เข้าใจกันสักที”
ลินเนอุสหัวเราะพรืดออกมา อยากให้คนสนิทของตนได้ยินเช่นเดียวกันบ้าง “ถ้าได้ยินที่เธอพูด นายจะไม่แก้ตัวแทนแบบนี้เลย ปากคอเราะรายที่หนึ่ง”
“คุณเคยพูดว่าเธอชอบศิลปะ วาดรูป ดีดเปียโนนี่ครับ คงจะอารมณ์อ่อนไหวกว่าคนปกติ” โยวันออกความคิด
“ก็คงคิดว่าน้ำตาจะทำให้ฉันใจอ่อน” ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
โยวันอมยิ้มแล้วปล่อยให้เจ้านายเดินเข้าไปในลิฟต์ รอจนหมุนตัวกลับมาอีกครั้งจึงถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คนฟังฉุนขึ้นมาทันที “แปลว่าเธอทำสำเร็จ”
“สู่รู้” โต้กลับด้วยน้ำเสียงที่ห้วนจัด ยิ่งเห็นโยวันอมยิ้มก็ยิ่งหงุดหงิดใจ ปกติต้องถามถึงจะแสดงความคิดเห็นแต่บ่อยครั้งกลับพูดเรื่องพิลาสินีออกมาตรงๆ แถมยังรู้อกรู้ใจเขาไปทุกอย่าง
คนสู่รู้ก้มหน้ากลั้นหัวเราะและผายมือเชิญหญิงสาวที่เดินมาสมทบหลังสุดให้ก้าวเข้าไปในลิฟต์ก่อนที่ตนจะเดินเข้าไปเป็นคนสุดท้าย พิลาสินีกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อเห็นใบหน้าคร้ามคมบึ้งตึงทั้งยังไม่ยอมมองเธอเลยสักนิด หากต้องลอบถอนหายใจว่าควรต้องทำใจให้คุ้นชินกับอารมณ์อันแปรปรวนนี้ให้จงได้
เสียงดังของลิฟต์เมื่อถึงจุดหมายที่ดังขึ้นทำให้พิลาสินีหลุดจากห้วงความคิดของตน ประตูลิฟต์เปิดออกพร้อมๆกับร่างสูงใหญ่เดินผ่านหน้าไป สายตา ใบหน้า ท่าทางช่างไร้อารมณ์จนไม่อาจคาดเดาใจได้ เธอเจ็บปวดนักล่ะที่เขามองไม่ต่างจากธาตุอากาศอันไร้ตัวตน
“ทุกคนรออยู่ข้างล่างแล้วนะครับ ให้ผมเรียกขึ้นมาคุยรายละเอียดเลยรึเปล่า” โยวันถามเจ้านายที่เดินนำหน้าออกจากลิฟต์ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“ไม่ เลื่อนออกไปก่อน” ตอบอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด และต้องชะงักการก้าวเดินเมื่อพิลาสินีวิ่งมาดักหน้าไว้เสียก่อน
“ทำไมล่ะคะ เพลงพร้อมแล้วนะคะ” บอกพร้อมสบสายตาคู่คมที่เริ่มกวาดสายตาไปทั่วใบหน้าแล้วไล่ต่ำลงไปจรดปลายเท้า
ลินเนอุสละสายตาจากร่างอ้อนแอ้นแล้ววกกลับมามองมือบางที่รีบป้ายน้ำตาออกจากสองแก้มพลางพยักหน้าเร็วๆสำทับคำพูด
“นะคะ เพลงพร้อมแล้ว”
“ยกเลิกนัดอย่าง-ไม่-มี-กำหนด” ท้ายประโยคยังย้ำชัดทั้งจ้องหน้าเธอไม่กะพริบตาพลางใช้ท่อนแขนดันร่างอ้อนแอ้นที่ขวางทางให้หลบไปและก้าวเข้าไปในห้องรอยัล โอเรียนทอล สูทโดยไม่หันกลับมาสนใจพิลาสินีที่มองตามด้วยความเสียดาย
เสียงปิดประตูที่ดังขึ้นทำให้พิลาสินีหันหน้ามาสบสายตาโยวันอย่างขอความช่วยเหลือ แต่เจ้าตัวกลับส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง
“ลดทิฐิลงบ้างเถอะครับ” โยวันบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นคนที่มองปัญหาทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง “ผมเข้าใจว่าคุณต้องพบเจอเรื่องสะเทือนใจหลายอย่าง แต่อย่าลืมว่าตอนนี้การเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่อสิริแอทเซทเป็นอย่างแรกที่ต้องรีบจัดการ อะไรที่ยอมลงให้ท่านได้ก็ทำเถอะครับ ผมว่ามันเป็นผลดีกับคุณมากกว่าทำให้ท่านโกรธแบบนี้”
“ฉันรู้ค่ะแต่เจ้านายคุณก็ต้องเข้าใจด้วย เขาไม่ใช่ศูนย์กลางของจักรวาลที่ทุกคนต้องหมุนรอบตัวเขา” พิลาสินีแย้ง
“ก็อาจจะจริงครับ แต่ลองคิดดูดีๆนะครับ ผู้คนอีกหลายล้านที่เชื่อว่าท่านเป็นจักรวาลและพวกเขาก็ยินดีที่จะโคจรรอบตัวท่าน เพราะการตัดสินใจผิดพลาดนั้นแทบจะเป็นศูนย์ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นมานานนะครับ ไม่ว่าท่านจะชอบใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าเราเปลี่ยนความคิดนั้นไม่ได้แล้วทำไมไม่ลองทำตัวใหม่ บางทีคุณอาจจะเป็นดาวที่โคจรอยู่ใกล้ท่านมากที่สุดก็ได้”
เธอตีความคำพูดของเขาได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้านายกับคนสนิทนี้ถึงได้ชอบพูดจาวกวนนัก “จะลองดูนะคะ คงจะจริงอย่างที่คุณว่านั่นแหละ ฉันยังต้องพึ่งพาอาศัยเขา จะต่อต้านหรือแข็งข้อไปก็รังแต่จะเกิดผลเสียกับตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนใจเขาได้รึเปล่า คุณก็ได้ยินแล้วนี่ว่าเขาสั่งยกเลิกนัดแบบไม่มีกำหนดไปแล้ว”
“ไม่ลองไม่รู้ครับ” โยวันบอกยิ้มๆ ความจริงแล้วอยากเปิดเผยความลับบางอย่างให้เธอรับรู้ด้วยซ้ำ แต่ติดตรงที่มันออกจะเกินหน้าที่ไปหน่อย แล้วเขาก็เชื่อด้วยว่าถ้ารักนิรันดร์จะเป็นอมตะได้ก็ต้องผ่านบททดสอบ “อ้อ... อีกเรื่องที่ผมตั้งใจจะบอกคุณก็คือ เรื่องอุบัติเหตุของพ่อคุณไม่เกี่ยวกับท่านนะครับ ผมเดินตามท่านเข้าไปในบ้านก็เห็นพ่อคุณนอนหมดสติอยู่กับพื้นแล้ว สักพักแม่บ้านสองคนก็มาถึง”
พิลาสินีนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเช่นนั้นแต่ก็ยังข้องใจในจุดประสงค์ที่เขาเดินทางไปบ้านสิริสกุลนัก ทั้งที่เคยตกลงกันเอาไว้ก่อนแล้ว “แล้วเขาไปที่บ้านฉันทำไมคะ เพื่ออะไร?”
โยวันส่ายหน้าอย่างจนใจและตะล่อมบอกอีกครั้งเมื่อเธอปั้นหน้ายากอย่างคนมีเรื่องคาใจ “แก้ปัญหาไปทีละเรื่องดีกว่านะครับ ตอนนี้ผมว่าคุณน่าจะเข้าไปคุยกับท่านได้แล้ว ปล่อยให้รอนานๆเดี๋ยวจะอารมณ์เสียมากกว่าเดิม”
“จะพยายามนะคะ บางทีถ้าฉันหมดความอดทนก่อน คงถูกเขาไล่ตะเพิดออกมา” บอกพลางหมุนตัวกลับเข้าหาประตูห้องบานใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“โธ่... อย่างตอนที่อยู่บนเครื่องบินไงครับ” โยวันยังบอกใบ้เอาใจช่วยเธอเต็มที่ “ถ้าทำแบบนั้นได้อีกครั้ง ผมว่า... จากไฮยีน่าดุๆกำลังออกล่าเนื้อด้วยความหิวจะกลายเป็นไฮยีน่าขี้เล่นที่ตุนอาหารไว้จนอิ่มแปล้เสียมากกว่า ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ขออะไรก็ได้เลยครับ ผมว่าทุกอย่างตามที่คุณบัญชาเลยล่ะ”
พิลาสินียกมือขึ้นกุมหน้าอกของตัวเอง ถ้าผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่ลินเนอุส คอนราดสัน ที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงเสียจนบั่นทอนความเชื่อมั่นของเธอไปเสียหมด สิ่งที่โยวันแนะนำก็คงไม่ยากนัก หวังว่าหลังประตูบานใหญ่นี้คงได้เจอไฮยีน่าที่กำลังอิ่มแปล้ มองเธอเป็นเพียงอาหารที่ไร้รสชาติ เพราะความหิวกระหายอันเร่าร้อนของเขามักจะทำเธอเกิดความละอายทุกครั้งหลังจากที่หลงเพริดไปกับการชักนำอันไร้ซึ่งการเหนี่ยวรั้งใดๆ
ก๊อก... ก๊อก...
ลินเนอุสไม่ได้ปริปากตอบรับเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู แม้ว่าการขออนุญาตนั้นจะดังขึ้นอีกครั้งแต่เขาก็ยังนั่งบนเก้าอี้ตัวเดี่ยว ซึ่งบุด้วยหนังลายเถาวัลย์ดูคลาสสิกยิ่งนัก ชั่วอึดใจต่อมาคันโยกก็เคลื่อนตัวพร้อมๆกับประตูห้องที่ถูกดันเข้ามา ร่างอ้อนแอ้นที่อยู่ในชุดเน้นสรีระยิ่งทำให้เธอน่าปรารถนา แม้ว่าจะนิสัยดื้อรั้นและอารมณ์อันแปรปรวนจะเล่นงานเขาให้โกรธจนหน้ามืดอยู่หลายครั้งหลายคราแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าภาพตรงหน้าทำให้เขามีชีวิตชีวาสักแค่ไหน
ห้าปีที่ผ่านมาเขาทำงานหนักเพราะอยากให้ร่างกายเหนื่อยแล้วหลับสนิท พูดได้เต็มปากว่าไม่เคยมีใครทำให้หัวเราะ หมั่นเขี้ยว เกรี้ยวกราด กระทั่งโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงได้อย่างที่เธอทำสักคน แม้ในนาทีนี้ที่เธอคิดว่าเขาชั่วจนทำร้ายพ่อเธอจนไม่ได้สติ เขายังโกรธเธอได้ไม่ถึงชั่วโมง แค่เห็นเธอเดินเข้ามาหาอย่างกล้าๆกลัวๆก็ยังอยากจะไปดึงเธอเข้ามากอดปลอบ ลินเนอุสเบือนหน้าหนีอย่างระอาใจในความคิดความอ่านของตัวเอง
หากคนที่เห็นภาพนั้นกลับขวัญหนีดีฝ่อจนคิดไปว่าเขาอาจจะเบื่อหน่ายตนเอามากๆ เพราะแม้แต่มองยังไม่อยากทำเลือกที่จะเบือนหน้าไปมองอย่างไร้จุดหมายเสียอีก “เพลง เอ่อ... โยวันเล่าให้ฟังแล้วว่าคุณ...”
“ทำไม ถ้าไม่ได้ยินจากปากคนอื่นเพลงคิดว่าผมชั่วขนาดทำให้พ่อคุณสะเทือนใจจนพลัดตกบันไดได้เลยเหรอ” ถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องและหันกลับมามองร่างคนที่ยืนนิ่งตรงหน้า
“ไม่ถึงขนาดนั้น” กระอ้อมกระแอ้มบอกไม่เต็มเสียงนัก หากประโยคต่อมาก็ฉะฉานขึ้นจนคนฟังมองด้วยสายตาคาดโทษ “ก็เพลงไม่เข้าใจว่าคุณไปที่บ้านทำไม เราคุยกันแล้วนี่คะ คุณต่างหากที่ละเมิดข้อตกลงนั้นไปโดยไม่บอกให้เพลงรู้ ถ้าเพลงจะคิดไกลไปบ้างนั่นก็เป็นเพราะคุณ”
ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจกับคำแก้ตัวข้างๆคูๆนัก เพราะเพิ่งได้มีโอกาสเห็นเรียวขาทั้งสองข้างของเธอใกล้ๆเช่นนี้ แน่นอนว่าผู้หญิงรูปร่างอ้อนแอ้นสูงไม่เกินห้าฟุตหกนิ้วนี้คงไม่มีเรียวขายาวเช่นนางแบบหรือผู้หญิงที่เขาคุ้นเคย ข้อเท้าที่คิดว่าต้องกุมเอาไว้ได้หมดรับกับปลีน่องอย่างเหมาะเจาะ เรื่อยขึ้นไปจนถึงหัวเข่ามนไม่มีร่องรอยของความหยาบกระด้าง สูงขึ้นไปคือต้นขาที่หายเข้าไปในเดรสตัวสั้น เพียงเท่านั้นเขาก็นึกอยากแทรกตัวเข้าไปอยู่กลางหว่างขาสมส่วนนั้น
‘มันจะให้ความรู้สึกวิเศษสักแค่ไหนนะ?’ ลินเนอุสยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ หากคนที่พูดเพียงลำพังกลับนิ่งและมองตามสายตาของเขา!
“คนลามก! มาจ้องขาเพลงทำไม?!” ตวาดถามออกมาอย่างเหลืออด หากจอมลามกไม่สะทกสะท้านหัวเราะร่วนเมื่อเห็นเธอหนีบหัวเข่าเข้าหากันแน่นจนแทบจะเสียการทรงตัว “ห้ามมองนะ”
เขายังทอดสายตามองอย่างอ้อยอิ่งยิ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายจนทำตัวไม่ถูก พิลาสินีเบิกตาโพลงส่ายหน้าเร็วๆเมื่อเห็นเขาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทั้งแถบแล้วยืดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ก่อนจะดึงเสื้อออกแล้วทิ้งไว้บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
“อย่าเข้ามานะลินเนียส” ห้ามพร้อมถอยหลังรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างเป็นที่สุด สองเก้าที่เขาเยื้อย่างเข้ามาเธอก็ถอยหลังให้ห่างเท่าเดิม “ถอดเสื้อทำไม จะทำอะไร”
“เรียกเก็บค่าเหนื่อย” ตอบด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่นและรวดเร็วอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
“บ้าน่ะสิ เรายังคุยกันค้างอยู่เลย” ตอบเร็วๆด้วยน้ำเสียงตกใจ หากนั่นยิ่งเป็นการปลุกเร้าอารมณ์หิวกระหายของเขาให้มากขึ้น
“ตอนแรกก็ว่าจะบอกนะ แต่ผมเปลี่ยนใจแล้วก็เพลงเชื่อจริงๆนี่ว่าผมเป็นคนทำให้ท่านตกบันได” ความจริงแล้วเขาตั้งใจจะไปสอบถามเรื่องบางอย่างกับเจ้าสัวสันต์ แต่พอไปถึงก็พบว่าหมดสติกองอยู่กับพื้นแล้ว
“คุณจะเอายังไงกับเพลงกันแน่ เพลงขอโทษที่เข้าใจคุณผิดไปแต่พอเพลงให้อธิบายคุณก็บอกว่าเปลี่ยนใจแล้ว” สมองของพิลาสินีกำลังคิดหาทางเอาตัวรอดอย่างหนัก “อีกอย่าง เราตกลงกันแล้วว่าคุณต้องทำงานก่อนที่จะมาเรียกเก็บค่าแรง”
ลิเนอุสหัวเราะร่วนกับท่าทางตื่นตระหนกราวกับสาวน้อยไม่ประสาเรื่องรักใคร่ ทั้งที่เธอก็ใช้ชีวิตคู่มาถึงห้าปีแต่ยอมรับว่ามันทำให้เลือดในกายเขาร้อนฉ่าและง่ายที่จะควบคุมมากกว่าเห็นเธอร้องไห้จนตัวโยนเช่นเมื่อครู่
“ผู้ออกกฎมีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมข้อตกลงที่มีร่วมกัน ถ้าเห็นว่าคู่สัญญาทำตัวละเมิดอยู่บ่อยครั้ง” ลินเนอุสทวนข้อตกลงสุดท้ายให้เธอฟังอย่างไม่ตกหล่นพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวยอย่างท้าทาย “ลืมแล้วรึ?”
พิลาสินีอยากจะกรีดร้องแล้วปรี่เข้าไปข่วนใบหน้าหล่อเหลาที่เอาแต่ยักคิ้วหลิ่วตากวนอารมณ์เธอนัก ไม่รู้ว่าหน้ามืดไปเซ็นชื่อในข้อตกลงอันไร้ซึ่งความยุติธรรมแบบนั้นได้อย่างไร
“ผมเปลี่ยนใจเรียกเก็บค่าเหนื่อยก่อนแล้วค่อยทำงานน่าจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นเพลงก็หาเรื่องมาให้ผมปวดสมองไม่จบสิ้น” อาการที่เธอส่ายหน้าอย่างไม่ยอมทั้งยังเริ่มก้าวถอยหลังออกไปเรื่อยๆก็ทำให้เขาเพิ่มกฎขึ้นอีกพร้อมกับเลิกคิ้วรอคอยปฏิกิริยาที่เธอตอบสนอง “ถ้าเพลงไม่แฮปปี้ ผมก็พับเรื่องผู้บริหารเอาไว้ก่อนแล้ว...”
“ก็ได้ๆ เพลงยอมแล้วก็ได้ จะฆ่าจะแกงก็เชิญเลย” กระแทกเสียงบอกอย่างไม่เต็มใจนักแต่ถามหน่อยเถอะว่าเธอมีทางเลือกอื่นอีกหรือไง ไม่เพียงเท่านั้นเธอยังแทบเข่าอ่อนเมื่อเห็นเขากระดิกนิ้วเรียกให้เข้าไปหาใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไรถึงต้องมาทนอยู่กับผู้ชายไร้มารยาทแบบนี้ “รู้ไหมคะว่ากระดิกนิ้วเรียกแบบนี้ เพลงรู้สึกว่าตัวเองต่ำเตี้ยเรี่ยดินไม่ต่างจากผู้หญิงข้างถนนที่คุณหิ้วเข้าโรงแรม คุณควรให้เกียรติเพลงบ้าง”
ลินเนอุสถอนหายใจออกมาหนักๆ ยืนกางขา ยกมือกอดอกมองคนเรื่องมากที่ไม่เข้าใจว่าเธอรู้สึกต้อยต่ำอย่างนั้นจริงๆหรือพูดเพียงเพราะอยากให้เขารู้สึกผิด “เพลงจำเป็นต้องเซนส์ซิทีฟขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ ลองคิดดูนะว่าอีหนูที่ไหนจะมีอภิสิทธิ์เดินขึ้นมาถึงห้องรอยัล โอเรียนทอล สูทแบบนี้ หรืออีกทีจะมีอีหนูที่ไหนค่าตัวตั้งห้าร้อยล้าน หืม?...”
ผู้ชายบ้าอะไรอย่างนี้! เขามั่นใจในตัวเองจนมองข้ามความรู้สึกอันละเอียดอ่อนไปจนสิ้น ที่สำคัญคำถามเมื่อครู่นั่นยังสั่นคลอนความต้อยต่ำที่เกิดขึ้นในใจจนไม่เหลือชิ้นดี
อันที่จริงแล้วมันก็เป็นการดีต่อจิตใจเธอที่ไม่มีเรื่องเหล่านั้นมาบั่นทอนจิตใจ แต่มันไม่ดีตรงที่ทำลายความตั้งใจของเขาไม่สำเร็จ จนคนที่ไม่มีทางเลือกอย่างเธอต้องเดินเข้าไปหาเขาเช่นในตอนนี้
พิลาสินีสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกอ้อมกอดแข็งแรงรัดรึง เขาตั้งใจออกแรงรัดด้วยท่อนแขนทรงพลังราวกับจะให้เธอจมหายไปในแผงอกกว้าง ใบหน้าที่ซุกไซ้อยู่กับกล้ามเนื้ออันอุดมสมบูรณ์ทั้งขนหน้าอกที่ขึ้นรำไรยังเสียดสีกับข้างแก้มจนเธอขนลุกเกรียวกราวไปทั้งตัว ไม่เคยคิดเลยว่าการสูดดมน้ำหอมกลิ่นสดชื่นที่พรมลงบนผิวเนื้อของเขาจะทำให้เธอเผลอตัวไปกับสัมผัสของเขาง่ายดายเช่นนี้
โอ... พระเจ้า! แค่เพียงได้กอดเขายังรู้สึกว่าล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ ความทรมานอันรวดร้าวหัวใจดูเหมือนจะเลือนหายเพียงเพราะมีร่างนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมแขน ความสูงที่ห่างกันอยู่มากทำให้เขาต้องยืนกางขาออกกว้างกว่าปกติแล้วก้มลงสูดเอาความหอมจากซอกคอระหงเข้าไว้เต็มปอด
“เผยอปากให้ผมที คนสวย...” บอกพร้อมเชยคางมนขึ้นมาสบสายตากันชั่วครู่ แม้ว่าภาพในจินตนาการจะชัดเจนเพียงไรเขาก็ลืมมันไปจนสิ้นเพราะความจริงที่ปรากฏตรงหน้านั้นห่างไกลกับโลกในฝันลิบลับ ริมฝีปากอิ่มกำลังเผยอเปิดทางให้เขาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“อืม...” พิลาสินีได้แต่ครางรับ เมื่อเขาก้มลงมาครอบครองริมฝีปากของตนอย่างนุ่มนวลแต่เสี้ยววินาทีต่อมาเธอก็ต้องเปลี่ยนความคิด เพราะลิ้นหนาที่สอดเข้ามาเกี่ยวกระหวัดจนเธอสะบัดร้อนสะบัดหนาวในเวลาเพียงไม่นานนั้นเต็มไปด้วยความหิวกระหาย ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะไร้ความสำคัญเพราะเธอรับรู้ได้เพียงแค่สัมผัสหวาม... ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกเขาช้อนอุ้มไว้ในวงแขน
ไม่ใช่ไม่เคยจูบผู้หญิงแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะใช้จูบเพื่อกระตุ้นอารมณ์หรือโหมโรง เขาเห็นว่าการจุมพิตเป็นเพียงการระบายความเสียวซ่านที่กำลังพุ่งสูงขึ้นในช่วงเวลาที่กำลังมีเซ็กซ์เท่านั้น แต่ผู้หญิงร่างกะทัดรัดในอ้อมแขนนี้กลับทำให้เปลี่ยนความคิดและรู้ว่าที่ผ่านมาเขาคิดผิดถนัด เธอให้ความรู้สึกหวานล้ำในสัมผัสแรกเมื่อตวัดลิ้นไปทั่วโพรงปาก เขาไล้เลียฟันซี่เล็กๆที่เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ ทว่าเมื่อเธอเริ่มสอดลิ้นเข้ามาความเร่าร้อนก็ปะทุขึ้นในทันที
“อื้อ...” พิลาสินีครางเพราะรู้สึกว่าแผ่นหลังแตะกับที่นอนนุ่ม เธอต้องการอากาศอย่างเร่งด่วนก่อนที่จะขาดใจตายไปกับจุมพิตอันร้อนแรงนี้ เขาจูบเอาๆไม่ปล่อยให้เธอตั้งตัวหรืออีกทีอาจจะเป็นเพราะแรงดูดดึงของริมฝีปากหนานี้ช่างยั่วใจ สมองเธอขาวโพลนรู้ซึ้งกับคำว่าจุมพิตอย่างถ่องแท้ มันช่างให้ความรู้สึกวาบหวาม ปั่นป่วนทั่วช่องท้อง
“หวานอะไรอย่างนี้นะเพลงจ๋า...” ลินเนอุสเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อเธอทำท่าจะขาดใจและจนต้องเบือนหน้าหนีแต่นั่นก็ทำให้เขาได้ซุกไซ้จมูกและปากไปทั่ววงหน้างดงาม ใบหูบางและซอกคอหอมกรุ่น “จูบอีกได้ไหม?...”
ถ้าไม่ได้ยินคำขอด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟังนั้นเธออาจจะดิ้นหนีเป็นพัลวัน แต่... เขากลับพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าจะได้ยิน หัวใจดวงน้อยชุ่มฉ่ำเพราะสัมผัสได้ถึงลินเนอุสคนเดิม ผู้ชายที่ทำให้โลกของเธองดงามน่าอยู่เช่นเมื่อห้าปีที่ผ่านมา
“โอ...” ฝ่ามือบางที่เกี่ยวเอาต้นคอหนาให้ก้มลงไปหาริมฝีปากหวานนั้นเรียกเสียงครางจากเขาได้ไม่ยาก ขนาดจุมพิตยังดีกว่าครั้งที่แล้วเป็นไหนๆ ถ้าไม่สังเกตเห็นความเงอะงะของเธอเขาแทบจะฝังตัวเองลงไปในร่างสวยๆนี้แล้ว
การที่เขาแทรกตัวอยู่กลางหว่างขาเธอเช่นนี้ ทำให้เดรสตัวสั้นต้องร่นสูงขึ้นไปกองอยู่บริเวณสะโพกผาย ไอร้อนของจุดลี้ลับอิสตรียังแผ่ซ่านกระทบเข้ากับผิวเนื้อช่วงวีไลน์ แน่ล่ะว่ารีเฟกแอคชั่นของกล้ามเนื้อที่อยู่ต่ำลงไปกว่านั้นฮึกเหิม พองฟูยิ่งกว่าครั้งไหน
“คุณพร้อมแล้วนี่ฮอตเลิฟ” ไอร้อนที่แผ่ซ่านจากร่างอ้อนแอ้นทำให้เขาเรียกขานเธอเฉกเช่นคู่รักทั่วไปที่มักมีคำเฉพาะเป็นอันเข้าใจระหว่างกัน และดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงเรียกเช่นนั้น ใบหน้างดงามแดงก่ำลามเลียไปถึงลำคอระหงจนคนมองอยากทึ้งชุดสวยออกแล้วเพ่งพิศให้เต็มตาว่าเนื้อตัวนุ่มนิ่มนี้จะแดงก่ำที่สุดตรงที่เดียวกับที่เขาเคยคิดไว้หรือไม่
ความเสียวซ่านที่ถาโถมทำให้พิลาสินีต้องปรือตาขึ้น หอบหายใจเพราะพิษสงจูบอันเร่าร้อนในครั้งที่สอง หากต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อฝ่ามือหนาทาบเข้ากับจุดหวงแหนกลางกายทั้งยังหมุนฝ่ามือเข้ากับจุดศูนย์รวมความรู้สึกจนโลกของเธอแทบแตกสลาย “อย่า... โอ... ลินเนียส”
“ข้ามขั้นตอนในข้อตกลงเลยได้ไหม ทั้งร้อนทั้งชื้นจนผมจะขาดใจตายแล้วนะเพลง...” ตอนนี้เป็นเขาเองที่อยากจะเอาหัวโขกผนังแรงๆ ที่ออกกฎบ้าๆนั่น เขาอยากฉีกข้อตกลงนั่นทิ้งแล้วใช้ความฮึกเหิมหมุนวนในกายเธอแทนฝ่ามือที่แนบสนิทกับเธออย่างถึงแก่น
แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวทำให้สาวบริสุทธิ์แต่ถูกเข้าใจว่ามากด้วยประสบการณ์สลัดอารมณ์วาบหวามที่เขาร่ายมนตร์เอาไว้อย่างรวดเร็วจึงเลื่อนมือไปคว้าที่ข้อมือหนา ละล่ำละลักบอกให้ทำตามข้อตกลง “ถ้าทำอย่างนั้น เพลงจะถือว่า โอ... ลินเนียสหยุดก่อน คุณเป็นฝ่ายผิดสัญญา นะคะ”
เกมอันตรายแบบนี้สินะที่ทำให้เขาเกือบตกบ่วงที่ตนสร้างขึ้น เป็นครั้งแรกที่พ่อมดทางการเงินรู้ว่าประเมินคู่แข่งต่ำกว่ามาตรฐาน ก็ใครจะรู้ว่าร่างอ้อนแอ้นจะยั่วใจถึงเพียงนี้
เมื่อเขานิ่งงันและบดกรามแน่นจนเป็นสันนูนอย่างระงับความต้องการ พิลาสินีก็ย้ำเตือนถึงข้อตกลงอีกครั้ง “คุณพูดเองนี่คะว่าไม่คุ้มถ้าให้จัดการเรื่องทุกอย่างเพื่อแลกกับเซ็กซ์แค่ครั้งเดียว”
แหงล่ะ! แค่จูบไปสองครั้งเมื่อครู่เขายังต้องหักใจตัวเองแล้วเรื่องอะไรจะยอมเมกเลิฟกับเธอแค่ครั้งเดียวแล้วต้องขลุกอยู่กับการรีโนเวทสิริแอทเซทใหม่ทั้งหมด นั่นมันขาดทุนย่อยยับจนแทบจะล่มจมเชียว!
เอาวะ... อดเปรี้ยวไว้กินหวาน ยังไงวันนี้ก็ต้องถึงสวรรค์ด้วยมือน้อยๆของเธอสักครั้ง คนอดอยากคิดปลอบใจตัวเองพลางละฝ่ามือออกจากจุดกลางกายของเธอแล้วยกมันค้างไว้ในอากาศเป็นเชิงว่าเขาจะไม่ละเมิดกฎที่ตัวเองตั้งไว้อย่างเด็ดขาด
“เอาล่ะ... คราวนี้เพลงถอดแพนตี้” พูดออกมาในที่สุดเมื่อหักห้ามใจตัวเองได้ในระดับหนึ่งแล้ว
พิลาสินีส่ายหน้าดิกเพราะตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากเกินไป “ไม่ได้นะ! แบบนี้เพลงก็เสียเปรียบแย่”
คนที่อยู่เหนือกว่าเลิกคิ้วถามทั้งยังใจดีให้เธอเลิกด้วยตัวเอง “ผมว่าผมเลือกไม่ผิดนะ หรือจริงๆเพลงตั้งใจจะถอดเดรสแล้วสวมแค่ชั้นใน ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็ไม่เกี่ยงนะ”
“ตาบ้า! ทำไมจ้องเอาเปรียบเพลงทุกทางนะ” พิลาสินีต่อว่าและต้องกลั้นยิ้มเมื่อเขาหัวเราะร่วนอย่างพอใจ ใบหน้าหล่อเหลาเจือไปด้วยรอยยิ้มที่ทำให้ดวงตาเธอพร่ามัว
“เอาน่า... ตรงนี้ผมอึดอัดแล้ว อยากถอดเสื้อผ้าเต็มที” บอกพลางรั้งฝ่ามือบางแนบเข้ากับความฮึกเหิมที่โป่งพองจนเธอต้องเบิกตากว้างและชักมือกลับอย่างรวดเร็ว
“ลินเนียส คนเหลือทน คราวหลังเพลงจะไม่ใส่กระโปรงอีกเลย” เจ็บใจตัวเองไม่น้อยที่วันนี้ต้องเจอกับเรื่องร้ายๆ เธอคงผิดตั้งแต่เลือกชุดแล้วกระมัง ไม่สิ! อันที่จริงต้องผิดตั้งแต่ตื่นนอนด้วยเซ็กซ์โฟนจากเขาต่างหาก
คนเหลือทนหัวเราะร่วน เมื่อเธอไม่สามารถโต้แย้งใดๆทั้งยังตวาดออกมาอย่างเหลืออด “เร็วเข้าฮอตเลิฟ จะถอดเองหรือให้ผมช่วย แพนตี้ของคุณน่ะ”
“ถอยไปสิ เพลงจะถอดเอง” บอกอย่างไม่มีทางเลือกและชันตัวขึ้นนั่งห้อยขาตรงขอบเตียงเมื่อเขาเคลื่อนตัวถอยห่าง
ลินเนอุสไม่อาจละสายตาจากแผ่นหลังบอบบาง ในขณะที่มือทั้งสองข้างจัดการรูดกับกางเกงและชั้นในออกในครั้งเดียวแล้วเหวี่ยงมันลงจากเตียงโดยไม่ใส่ใจว่าจะไปหล่นตรงจุดไหนเพราะท่าทางเชื่องช้าที่เธอค่อยๆขยับตัวดึงผ้าผืนน้อยออกจากสะโพกทั้งที่ยังนั่งเช่นเดิม ทว่ากลับเร้าอารมณ์ยิ่งกว่าการยืนหันหน้าให้เขาได้เห็นการเปลื้องผ้าเต็มสองตา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ