จำนนเสน่หาแบดบอย
เขียนโดย ศิริพารา
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 21.04 น.
แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 22.11 น. โดย เจ้าของนิยาย
13) จำนนเสน่หาแบดบอย ตอนที่ 7 50%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความรุ่งเช้าของวันต่อมา... พิลาสินีกำลังนั่งอยู่ในห้องอาหารเพียงลำพัง หลังจากที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วและต้องส่ายหน้าให้กับตัวเองเมื่อในพบว่าข้อตกลงในกระดาษสองแผ่นยังวางอยู่ใกล้ตัว เธอไม่ได้จรดปากกาเซ็นชื่อในนาทีนั้นแต่ไม่ว่าจะอาบน้ำ คิดทบทวนอยู่หลายครั้งหลายคราก็พบความจริงว่า นี่คือทางเดินสุดท้ายและทางเดินเดียวที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
“อรุณสวัสดิ์ครับ อาหารไม่ถูกปากรึเปล่าครับเดี๋ยวผมจะให้แม่ครัวทำอย่างอื่นให้รับประทาน” โยวันกล่าวทักทายแขกพิเศษของเจ้านาย อดแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเธอนั่งรับประทานมื้อเช้าเพียงลำพัง
“กูด มอกอน(God morgon)” พิลาสินีทักทายกลับเช่นเดียวกับเจ้าถิ่นหลายคนในปราสาทหลังงามที่เอ่ยทักทายในตอนเช้า และไม่ได้สนใจจะตอบคำถามของโยวันแต่อย่างใด “ดูคุณไม่แปลกใจเลยนะคะที่เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ทั้งที่ความจริงแล้วน่าจะกลับไปตั้งแต่เมื่อวาน”
“เอ่อ...” งานเข้าแล้วสิโยวันเอ๊ย คิดในใจและได้แต่ยิ้มแหยๆให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ผมแค่คิดว่าคุณยังตกลงกับท่านไม่เรียบร้อยครับ”
พิลาสินีอดหมั่นไส้ขึ้นมาไม่ได้เมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาแอบปรับเวลาให้ช้าลงหนึ่งชั่วโมง ที่ร้ายไปกว่านั้นยังไม่รู้ว่าที่เสียเวลาคลาดกับเขาอยู่บ่อยครั้งเป็นเพราะคนสนิทของเขาที่ยืนทำหน้าซื่อ หลอกให้เธอตายใจเช่นเมื่อวานนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บเพราะถ้าเป็นความต้องการของเขา ใครก็คงต้องก้มหน้าทำตามทั้งนั้น
“ทานมื้อเช้าด้วยกันไหมคะ”
“ผมเรียบร้อยมาแล้วครับ” โยวันรีบตอบและลอบถอนหายใจเมื่อหญิงสาวไม่คิดจะหาความต่อ
“ฉันมีเรื่องรบกวนคุณหน่อยค่ะ” พิลาสินีรีบเอ่ยต่อเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ “รบกวนจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศไทยให้ฉันด้วย ตอนแรกว่าจะจองออนไลน์แต่บริเวณนี้ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ตเลยค่ะ”
“อ้าว! ท่านไม่ได้บอกคุณเหรอครับว่าจะเดินทางไปประเทศไทยเย็นนี้ เอ... หรือว่ายังคุยรายละเอียดไม่ครบ” ประโยคหลังโยวันเปรยกับตัวเองเพราะแปลกใจไม่น้อยที่ท่านโทรศัพท์มาสั่งให้ยกเลิกการเดินทางไปบรรยายในงานเวิร์ดอีโคโนมิค ฟอรั่ม แต่จะใช้การบรรยายผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนแทน จึงคิดว่าการที่ท่านจะเดินทางไปประเทศไทยคงเพราะยังไม่อาจตกลงกับหญิงสาวได้เรียบร้อย แต่ซองเอกสารที่ยื่นมาตรงหน้ายิ่งทำให้ประหลาดใจมากขึ้น
“ถ้าคุณหมายถึงสัญญาในข้อตกลงนี่ ฉันเซ็นชื่อแล้ว ฝากคืนเจ้านายคุณด้วยแล้วกัน” พิลาสินีบอกพลางดื่มน้ำแร่สีใสเมื่อรับประทานมื้อเช้าเกือบหมดจาน “อีกอย่างนะคะ ฉันคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องตามไปถึงประเทศไทยถึงยังไงฉันก็เซ็นชื่อในสัญญาแล้ว แถมยังมีความอยู่รอดของครอบครัวเป็นเดิมพัน ยังไงก็ไม่กล้าบิดพลิ้วหรอกค่ะ”
“ถ้าเซ็นชื่อในสัญญาแล้วลองเบี้ยวผมดูสิ คราวนี้ผมจะทำให้รู้ซึ้งเลยล่ะ คำว่าไม่มีที่ยืนมันเป็นยังไง ไม่เฉพาะคุณนะเพลง ทุกคนในครอบครัว ทุกคนที่คุณรัก คนรอบข้างทุกคนผมจะทำลายให้หมด” คนที่ถูกกล่าวถึงเดินเข้ามาตอบด้วยตัวเอง น้ำเสียงราบเรียบทว่าจริงจังนั้นทำให้คนสนิทและแม่บ้านรีบถอยออกจากห้องอาหารอย่างรู้งาน
พิลาสินีกำมือทิ้งสองข้างเอาไว้แน่น ไม่เข้าใจว่าไปทำอะไรให้เขาโกรธแค้นนักหนาถึงได้บีบคั้นเธอเช่นนี้ “แล้วเพลงจะได้เหลือคุณเป็นที่พึ่งคนเดียวอย่างนั้นเหรอคะ?”
“ไม่เจอกันเจ็ดชั่วโมง ฉลาดขึ้นแล้วนี่คนสวย” ตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ไหวไหล่มองเธออย่างไม่ยี่หระ
เขายังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิม พับแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นมาอยู่ตรงข้อศอก สอดมือเข้าไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนทั้งสองข้างยืนพิงผนังห้องมองมาด้วยสายตาพึงใจระคนสะใจ หากหนวดที่ขึ้นตามคางเรื่อยไปจนถึงสันกรามกลับเขย่าหัวใจเธอให้สั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี
“แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าเพลงทรีตร่างกายผมดีๆ ผมก็จะดูแลครอบครัวเพลงสุดความสามารถ”
พิลาสินีอยากปรี่เข้าไปข่วนใบหน้าหล่อเหลาที่ขยันยั่วอารมณ์และทำร้ายจิตใจเธอด้วยสารพัดคำขู่เข็ญนัก แต่สถานการณ์เป็นรองในขณะนี้ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้นอกเสียจากอดทนต่อรองเขาอย่างใจเย็น “เพลงคงต้องทำทุกอย่างตามใจคุณตั้งแต่เซ็นชื่อลงไปแล้ว ขอแค่อย่าตัดเพลงออกจากโลกภายนอกแบบนี้ได้ไหมคะ ระหว่างที่เพลงอยู่ที่นี่อย่าตัดสัญญาณโทรศัพท์และอินเทอร์เน็ต ยังไงเสียเพลงก็ต้องติดต่อกับคนทางบ้านและน้องๆที่อยู่อเมริกาเป็นประจำ”
“ก็ไหนว่าเซ็นชื่อแล้ว ผมย้ำนักย้ำหนาให้เพลงอ่านดีๆ” นี่คือข้อควรระวังของการทำธุรกิจ หากไม่แน่ใจหรือมีข้อสงสัยแม้เพียงครึ่งคำอย่าจรดปากกาลงนามเด็ดขาด ผู้ซึ่งมีหนามแหลมรอบตัวจนได้ชื่อว่าเป็นพ่อมดทางการเงินแห่งยุโรปคิดในใจ “แล้วที่มาต่อรองนี่อะไร?”
“กะ...ก็ มันเรื่องนิดเดียว เพลงคิดว่าน่าจะคุยกับคุณทีหลังได้” บอกแล้วว่าผู้ชายคนนี้ทำลายความมั่นคงทางจิตใจพอๆกับความมั่นคงทางความคิด พิลาสินีนึกเข่นเคี่ยวตัวเองในใจ
“ได้ไงล่ะ แบบนี้เพลงก็ต้องมีข้ออ้างนั่นนี่มันต่อรองกับผมเรื่อยๆสิ” คนถือไพ่แต้มเป็นต่อมากมายบอกทั้งส่ายหน้าปฏิเสธทว่าต้องกลั้นหัวเราะจนปวดกราม “ถ้าเพลงอยากได้จริงๆก็ทำตามข้อที่หกแลกเอาแล้วกัน”
พิลาสินีทำหน้าง้ำ กัดริมฝีปากล่างแน่นแล้วมองผู้ออกกฎหน้าเลือดราวกับจะฆาตกรรมให้ตายคามือ ก็ข้อที่หกบอกเอาไว้ว่า หากต้องการเรียกร้องในสิ่งใดที่มากกว่าระบุเอาไว้ ต้องอยู่ในพิจารณาของผู้ออกกฎ (นั่นหมายรวมถึงการทำบางสิ่งบางอย่างแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของผู้ออกกฎ)
“เพลงยอมคุณทุกอย่าง ให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น เพลงขอแค่นี้มันคงไม่ทำให้คุณเสียการปกครองหรอกนะคะ ผู้ออกกฎ” กระแทกเสียงว่าอย่างอดไม่ได้
“จุ... จุ...จุ... ระวังสายตากับปากคมๆเอาไว้บ้างนะคนสวย ตอนนี้เราอยู่ในข้อตกลงถ้าเพลงยังละเมิดมันบ่อยๆ ผมจะไม่ใจดีรอให้ถึงวันนั้นแล้วนะ”
โอ้โห! นี่เธอต้องดีใจที่เขายอมให้จัดการเรื่องหย่าให้เรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเริ่มการจ่ายค่าตอบเหนื่อย ทั้งที่จริงแล้วมันคือเรื่องถูกต้องที่จะไม่ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงแพศยา และเขาก็ไม่ต้องได้ขึ้นชื่อว่าชายชู้
“นะคะ... ความจริงแล้วในระบบโทรคมนาคมที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ในโลกนี้มันเป็นการติดต่อสื่อสารขั้นพื้นฐานของเพลงนะคะ คุณต่างหากที่ลิดรอนสิทธินั้นไป” พิลาสินีเรียกร้องพร้อมรอคอยคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ แต่เมื่อเห็นเขาส่ายหน้าปฏิเสธก็บ่นว่าออกมาทันที “แค่นี้ก็ไม่ได้ เขี้ยวลากดินชะมัด”
“ถ้าบ่นอีกคำจะตัดสิทธิ์ แม้แต่การแลกเปลี่ยนก็อด โอเค้?...” ลินเนอุสตัดปัญหาในทันทีเพราะรู้ดีว่าอากัปกิริยาน่ารักน่าชังของเธอนั้นสั่นคลอนหัวใจอันมั่นคงของตนแค่ไหน ดูอย่างเรื่องหย่าร้างนั่นเป็นไร แค่เห็นน้ำตาและได้ยินเสียงร่ำไห้ของเธอ เขายังต้องไปนั่งคิดถึงความเหมาะสมที่เธออ้างมาอยู่ค่อนคืน ผลสุดท้ายก็ใจอ่อนยอมทำตามความต้องการของเธอ “ทานมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปหลับซักงีบนะ ผมจะจัดการงานให้เรียบร้อยแล้วเราค่อยออกเดินทางสักดึกๆ”
“แต่เพลงนอนเต็มอิ่ม...” ไม่ทันได้โต้แย้งจบ เขาก็กดเสียงต่ำสั่ง
“อย่าเถียง บอกให้นอนก็นอน เดี๋ยวมื้อเที่ยงจะให้แม่บ้านยกอาหารเช้าไปให้” สั่งเสียงแข็ง หากใบหน้างดงามที่บึ้งจัดยิ่งทำให้นึกสนุก อยากเห็นคนขี้งอนโกรธอยู่บ่อยๆ
พิลาสินีหน้าง้ำมองเขาอย่างไม่พอใจและลินเนอุสก็จัดการเธอด้วยคำพูดร้ายกาจ
“ไม่ใช่อะไรหรอก ผมว่าเพลงผอมไปหน่อย ถ้าจ่ายค่าเหนื่อยผมได้แค่คืนละครั้งแล้วหมดแรงหลับไปก่อน ผมเสียเปรียบแย่เลย” พูดจบก็ตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย
พิลาสินีอ้าปากค้างมองตามคนลามกที่เดินออกจากห้องอาหารไปโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้เธอตอบโต้เลยสักนิด ได้แต่นั่งเจ็บใจตัวเองที่ต้องยอมให้เขาล่วงเกินด้วยคำพูดอยู่บ่อยครั้ง และยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมความเขินอายถึงได้มีมากกว่าความโกรธและไม่พอใจ หากเสียงโทรศัพท์ของคนที่กำลังอยู่ในห้วงความคิดก็ดังขึ้น เขาเดินออกไปได้ไม่ไกลนักเพราะเสียงสนทนาที่ได้ยินมันชัดเจนและทำให้หัวใจห่อเหี่ยวในทันทีเมื่อได้ยินเขาเอ่ยเรียกปลายสายว่า ‘ที่รัก’
เสียงทุ้มที่พูดจาอย่างสุภาพสลับกับเสียงหัวเราะอย่างพึงใจดังขึ้นอยู่ไม่นานนัก เสียงของเขาค่อยๆแผ่วลงเพราะเดินจากจุดเดิมไกลออกไปจนพิลาสินีนั่งจมอยู่กับความว่างเปล่าอยู่ชั่วขณะ ไม่นานนักเธอก็กลับขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง ห้องนอนใหญ่ในปราสาทหลังงาม เตียงนุ่มแสนสบายกับฐานะใหม่อันน่าอดสูใจที่เขาหยิบยื่นให้
แน่ล่ะว่า... เธอคงจะเป็นผู้หญิงที่อยู่ในซอกหลืบ มีตัวตนเมื่อเขาเกิดความต้องการ หากพอใจแล้วเขาก็คงจะกลับไปหาคนรักตัวจริงอย่างเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ