ตราบฟ้าไร้ดาว
เขียนโดย Kankrao
วันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เวลา 15.46 น.
แก้ไขเมื่อ 1 กันยายน พ.ศ. 2558 16.01 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) รักเกินจะปิดไว้ในใจ ๑๐๐%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“พี่หินอย่าบอกแม่นะว่าเอ๋ยพาพี่หินเดินกลับบ้าน เดี๋ยวแม่ดุเอา ถ้าพี่หินไม่บอกเดี๋ยวเอ๋ยจะเลี้ยงขนมตอนเอาโมบายไปขาย ตกลงนะ” ลงรถได้น้องรีบหันไปหาพี่ที่แบกเป้ไว้บนหลังทันที
“อืม! ก็ได้”
และพอพี่รับปากแบบนั้นแล้ว ส่วนน้อยก็ยิ้มแป้นออกมาทันที ก่อนจะรีบวิ่งไปตามทางเดินเล็กๆ อย่างสดใสร่าเริงผิดกับตอนอยู่ในป่าคนละเรื่อง พอเห็นแม่ก็วิ่งไปหาทันที
“แม่จ๋า! เอ๋ยกลับมาแล้วจ้า”
“เป็นไงเรา ทำไมมาช้านักล่ะ กวนอะไรพี่หินหรือเปล่า”
“เปล่าจ้ะแม่ พี่หินบอกว่าแม่จะทำสาคูกะทิกับแกงส้มออดิบให้กินเหรอจ๊ะ”
“จ้า”
“ไยโช! เอ๋ยรักแม่ที่สุดเลยจ้า”
“ไม่ได้ทำให้เอ๋ยกินคนเดียวซักน่อย ทำให้พี่กับทุกคนกินก่อนออกเรือด้วย เราน่ะชอบเข้าข้างตัวเองนะยัยตัวยุ่ง”
ธนากรที่กำลังปอกมะพร้าวอยู่รีบแทรกขึ้นมาด้วยท่าทีหมั่นไส้น้องนอกไส้ สายตาก็ปรายไปหาพี่นอกไส้อีกคนที่เดินแบกเป้เข้าบ้านมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มด้วยความไม่ชอบใจนิดๆ
ยิ่งคิดถึงโอกาสที่ป้าจะให้ไปซื้อของในตลาดกับให้ไปรับน้องที่หน้าโรงเรียนได้หลุดลอยไป เพราะต้องพายายไปวัดด้วยแล้ว ธนากรยิ่งเสียดายยิ่ง เพราะพักหลังๆ มานี้ มีเวลาได้อยู่ใกล้น้องนอกไส้ที่แสนจะน่ารักน้อยเต็มที
หรือเกือบจะเรียกได้ว่าหมดโอกาสด้วยซ้ำ เมื่อมี ‘ไอ้หิน’ เข้ามาดึงความสนใจน้องไปจนหมดสิ้น ธนากรได้แต่ภาวนาให้ไอ้หินจำอะไรต่อมิอะไรได้เร็วๆ จะได้รีบๆ ไปจากเกาะนี้เร็วๆ เท่านั้น
=============
“แม่จ๋า! เอ๋ยขอเอาเปลือกหอยไปทำอัลบั้มที่ใต้ต้นเหรียงตรงโน้นกับพี่หินหน่อยนะจ๊ะ”
รำไพละสายตาจากงานเลือกปลาอยู่บนแคร่ไปหาลูกสาวที่กำลังหอบหิ้วของเต็มสองมือในท่าเตรียมพร้อมจะไปแล้ว เลยหันไปมองสามีที่ปะอวนอยู่ชายหาดกับใหญ่เพื่อขอคำปรึกษา
“จ๊ะ เอาเสื่อไปนั่งปูดีๆ เลยสิลูก นั่งตรงร่มๆ ฝั่งนี้นะอย่าไปนั่งที่หาด”
แต่สามีก็อยู่ไกลเกินจะเอ่ยถาม เลยจำต้องยอมลูก แล้วหันไปหาหินที่กำลังหิ้วน้ำจากบ่อมาใส่ตุ่มเกือบจะเต็มแล้ว
“พี่หินจ๋า! ถ้าน้ำเต็มตุ่มแล้วมาหิ้วถุงกาวกับฝากล่องไปให้เอ๋ยด้วยนะจ๊ะ เร็วๆ ด้วย เดี๋ยวอัลบั้มรูปของเราจะไม่เสร็จ”
รำไพมองลูกสาวที่วิ่งหอบเสื่อไปด้วยแล้วถอนใจออกมาหนักๆ ทั้งรัก ทั้งห่วง ทั้งเอ็นดู และกังวลในความไม่ประสาของลูกเมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่เริ่มทำตัวเป็นสาวแล้ว
“เอากระบอกน้ำกับขนมไปด้วยเลยสิหิน อีกหน่อยก็ต้องวิ่งมาเอาให้น้องอยู่ดีนั่นล่ะ ของเยอะขนาดนั้นท่าทางจะต้องนั่งช่วยถึงเย็นโน่นล่ะป้าว่า”
“ครับ”
หินทำตามอย่างว่าง่ายเหมือนทุกครั้ง นั่นยังพอให้รำไพอุ่นใจอยู่ได้บ้างว่าจะไม่มีอะไรทำให้เกิดปัญหาตามมาหรืออาจจะยังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้
“เจ้าหินนี่มันว่านอนสอนง่ายดีจริงๆ นะไพ ยายล่ะชอบมัน รักมันเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่งเลยล่ะ ถ้ามันความจำเสื่อมแล้วอยู่กับเราตลอดไปก็คงจะดีไม่น้อยนะยายว่า”
ยายยวงที่นั่งเลือกปลาอยู่อีกแคร่ติดกัน และรับรู้ทุกความเคลื่อนไหวของคนรอบข้างเอ่ยขึ้นด้วยความอารมณ์ดี พลอยทำให้รำไพอารมณ์ดีตามปด้วย
==============
“จ๊ะยาย พี่สินก็อยากให้เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ไพว่าก็ดีนะ ยัยเอ๋ยจะได้มีเพื่อนเล่น สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วไม่ค่อยทะเลาะกันเหมือนอยู่กับเจ้าใหญ่ รายนั้นนั่งด้วยกันไม่ถึงชั่วโมง ได้แกล้งน้องบ้างหรือไม่ก็น้องแกล้งพี่บ้างทุกที”
รำไพเงยหน้าไปมองลูกที่นั่งอยู่ใต้ต้นเหรียงห่างจากตัวบ้านไปไกลพอสมควร แต่ก็อยู่ในระยะของสายตาที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าลูกนั่งอยู่อีกฟาก หินก็อยู่อีกฟาก ตรงกลางมีข้าวของกองคั่นไว้เต็ม ซึ่งรำไพไม่รู้ว่ามีอะไรบ้าง
“พี่หินช่วยแยกเปลือกหอยสีเดียวกันให้เอ๋ยนะ เดี๋ยวเอ๋ยจะลองเอามาวางบนแผ่นกระดานก่อน ถ้าสวยแล้วเราค่อยติดกาว”
“ได้เลยเจ้านาย สั่งจริงนะเราน่ะ”
แม้ปากจะบ่น แต่หินก็ช่วยน้องอย่างเต็มอกเต็มใจ และไม่คิดจะเอ่ยอะไรเป็นการรบกวน ศิลปินสาวน้อยที่กำลังใช้ความคิดกับงานประดิษฐ์ชิ้นเอกเลยแม้แต่แอะเดียว นอกจากนั่งทำงานตามสั่งเงียบๆ เท่านั้น
==============
“เอ๋ยเอ้ย! แม่กับพ่อจะไปซื้อของไว้ออกเรือที่ตลาดนะลูก อยู่บ้านดีๆ อย่าชวนพี่หินหนีเที่ยวที่ไหนนะ บ่ายๆ เย็นๆ แม่จะกลับ”
สองชั่วโมงผ่านไป ความเงียบถึงได้ถูกทำลายลง “จ้าแม่! อย่าลืมซื้อขนมกอและห์มาฝากเอ๋ยด้วยนะจ๊ะ ซื้อมาเผื่อพี่หินด้วยนะจ๊ะ” ลูกสาวหันไปตะโกนสั่งแม่ครู่เดียว
“จ้ะ อย่าลืมดูปลาให้แม่ด้วยนะ ถ้าแดดหมดให้ยกไปเก็บไว้บนบ้าน”
“จ้าแม่”
แล้วก็ก้มลงไปหางานตรงหน้าต่อ โดยไม่ได้สนใจพ่อกับแม่ที่กำลังจะออกเรือ โดยมีใหญ่เดินตามหลังเลยสักนิด เพราะอัลบั้มรูปเปลือกหอยอันสุดท้ายกำลังจะเสร็จ
“พี่หินช่วยเอากาวติดตามที่เอ๋ยวางไว้เป็นรูปได้หรือเปล่า” พอเสร็จแล้วก็เลยหันไปหาพี่ที่ยังคงเลือกเปลือกหอยที่มีเหลืออีกเยอะอยู่ทันที
“พี่ไม่ถนัดงานศิลปะ เดี๋ยวทำของเอ๋ยพังกันพอดี ให้พี่ช่วยอย่างอื่นดีกว่า”
เพราะหินรู้ตัวเองดีแม้จะจำอะไรไม่ได้ แต่เท่าที่ดูๆ แล้วนั้น มั่นใจว่างานด้านศิลปะคงจะตกราบคาบเป็นแน่ “งั้นก็ติดกาวให้แล้วส่งมา เอ๋ยจะแปะใส่กระดาษเอง”
“ได้เลย”
แล้วบ้านหลังเล็กๆ สีขาวสองชั้นริมชายหาดก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเปลือกหอยอันสุดท้ายติดลงไป หินมองแล้วยิ้มออกมาด้วยความชื่นชม
“สวยมากเลยเอ๋ย แล้วนี่จะทำเป็นรูปอะไรต่อเหรอ ใช่โรงเรียนหรือเปล่า” แม้จะยังไม่ติดกาวหินก็พอจะมองออก “จ๊ะ”
แล้วโรงเรียนในฝันที่มีเสาธงตั้งเด่นอยู่ด้านหน้าก็เสร็จสิ้น “พี่หินทำอะไรเหรอ” น้องสงสัยไม่น้อยเมื่อเห็นพี่เอาเปลือกหอยมาเรียงกันตรงกรอบอัลบั้มใกล้ๆ โรงเรียน
=================
“พี่อยากทำพ่อแม่กำลังเดินไปส่งลูก แต่พี่ทำไม่เป็น เอ๋ยช่วยหน่อยสิจะได้สวยๆ”
“อื้มห์!” สาวน้อยเกาคางคิดนิดหนึ่ง
“ก็ได้” เมื่อเห็นว่าเป็นความคิดที่ดีก็ไม่รีรอที่จะทำตาม “แล้วเราจะทำรูปใครดีล่ะพี่หิน”
“อื้มห์! ก็ทำรูปพี่กับรูปเอ๋ยสิ” คนพี่ครุ่นคิดแค่นิดเดียว
“แล้วเด็กตัวน้อยๆ จะเป็นใครล่ะ บ้านเราไม่มีเด็กเลยนะ” ส่วนน้องไม่ได้คิดอะไรเพราะกำลังเอาเปลือกหอยไปวางไว้คร่าวๆ อยู่
“อื้มห์! ก็ทำให้เป็นลูกของเราสิ”
“...”
น้องเลยละสายตาจากเปลือกหอยไปมองหน้าพี่อย่างสงสัย ว่าพี่กำลังหมายถึงอะไรกันแน่ แม้จะไม่เดียงสาอะไรมากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ เลยถามพี่แก้เก้อเขินออกไปอย่างนั้น
“พี่หินจะมีลูกกับเอ๋ยได้ยังไงล่ะ เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย”
“แล้วเอ๋ยอยากจะแต่งงานกับพี่หรือเปล่าล่ะ”
สายตาของผู้พี่มีประกายหวานไหวเมื่อมองไปหาน้อง ส่วนน้องก็ออกอาการอายน้อยๆ แล้วก้มหน้าไปหางานโดยไม่ตอบอะไร
“ว่าไงล่ะ เอ๋ยจะแต่งงานกับพี่หรือเปล่า” แต่พี่นั้นกลับอยากได้คำตอบอย่างไม่เคยมีมาก่อน
“บ้า! จะแต่งได้ยังไงล่ะ เราไม่ได้รักกันนี่ แล้วเอ๋ยก็ยังเด็กอยู่ด้วย” น้องเลยต้องตอบเลี่ยงๆ
“แล้วเอ๋ยรักพี่หรือเปล่าล่ะ แล้วถ้าโตขึ้นเอ๋ยจะแต่งงานกับพี่มั้ย” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่แม้จะคล้ำเพราะกรำแดดจ้องไปยังใบหน้าน้อยๆ ผิวสีน้ำผึ้งแทบไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ
=============
“พี่หินก็ต้องเก็บเงินให้ได้เยอะๆ แล้วก็ขอเอ๋ยแต่งงานก่อนสิ” คนตอบก็เอียงอายอย่างไม่เคยมีมาก่อน หัวใจก็เต้นตึกตักๆ อย่างไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน
“ตกลง งั้นพี่จะพยายามเก็บเงินไว้เยอะๆ แล้วจะขอเอ๋ยจากลุงกับป้ามาแต่งงานด้วย”
“อีกตั้งหลายปีกว่าเอ๋ยจะเรียนจบปริญญา พี่หินจะรอไหวเหรอ อีกหน่อยก็จะหนีไปชอบสาวๆ สวยๆ ในตลาดก่อนเอ๋ยโตน่ะสิ”
“พี่สัญญาว่าพี่จะไม่มองใคร พี่จะเก็บเงินรอเอ๋ย แล้วก็สร้างบ้านหลังนี้ไว้รอเอ๋ย พอแต่งงานกันแล้วเราก็จะไปอยู่ด้วยกัน แล้วมีลูกตัวเล็กๆ ด้วยกัน เช้าๆ เราก็จะจูงลูกไปส่งที่โรงเรียนเหมือนรูปนี้ไงล่ะ ตกลงหรือเปล่า”
“ก็ได้ พี่หินสัญญาเอ๋ยแล้วนะ ห้ามผิดสัญญาด้วย”
“สัญญาด้วยชีวิตว่าพี่จะรักเอ๋ยและจะรอแต่งงานกับเอ๋ยคนเดียวเท่านั้น เอ๋ยก็ห้ามรักใครเด็ดขาดนะ ต้องรักและต้องรอแต่งงานกับพี่คนเดียวเท่านั้น สัญญามาเลย”
“ก็ได้ เอ๋ยสัญญา”
“แล้วอีกแผ่นเอ๋ยจะทำเป็นอะไรเหรอ” หินจ้องมือเล็กๆ ที่เลือกเปลือกหอยไปวางไว้
“เอ๋ยจะทำเป็นรูปเอ๋ยกับลูกยืนรอรับพี่หินที่ชายหาดตอนกลับจากออกเรือไง” หินส่งสายตาวันฉ่ำไปหาด้วยความเป็นสุขใจอย่างไม่เคยมีมาก่อนก็ว่าได้
“งั้นแผ่นต่อไป เอ๋ยต้องทำรูปที่พี่ยืนอยู่บนเรือแล้วโบกมือให้เอ๋ยกับลูกด้วยนะ มีลุงกับใหญ่ยืนอยู่ใกล้ๆ ด้วย”
============
“ได้ๆ เอาเรือลำใหญ่ๆ เลยล่ะ จะได้หาปลาเก็บไว้เยอะๆ ขายได้เงินเยอะๆ พี่หินกับพ่อกับพี่ใหญ่จะได้ไม่ต้องออกเรือบ่อยๆ ไง”
“ใช่! พี่จะได้อยู่กับเอ๋ยกับลูกของเรานานๆ ด้วย”
สาวน้อยส่งยิ้มให้พี่ชายอย่างเอียงอาย แล้วไม่คิดจะพูดอะไรต่อออกนอกจากเลือกเปลือกหอยเท่านั้น แม้สมาธิจะหดหายไปจากหัวบ้างแล้วก็ตาม
“แล้วพี่หินทำอะไรเหรอ”
แต่ก็อดไม่ได้ เมื่อหันไปเห็นพี่ชายวิ่งไปริมหาดแล้วหอบผักบุ้งทะเลมาด้วย “ทำอะไรเล่นๆ หน่อย เอ๋ยทำงานของเอ๋ยไปสิ พี่ก็จะทำของพี่”
น้องย่นจมูกให้พี่นิดหนึ่งก่อนจะหันไปหางานของตัวเอง “เราทำอัลบั้มเสร็จแล้วเอ๋ยพาพี่ไปตัดผมได้หรือเปล่า พรุ่งนี้ก็ต้องออกเรือแล้ว” ส่วนพี่ก็รู้ว่าน้องงอนนิดๆเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วก็ได้ผล
“ไม่ได้หรอกจ้ะพี่หิน เอ๋ยไม่ได้ขอพ่อกับแม่ไว้ เดี๋ยวโดนดุ ไว้พี่หินกลับจากออกเรือก่อนสิ แล้วเอ๋ยจะพาไป เอ๋ยก็จะตัดด้วย วันก่อนครูบ่นว่าเลยติ่งหูมาแล้ว”
“ก็ได้ งั้นเรารอไปตัดผมพร้อมกัน เอ๋ยห้ามหนีไปตัดก่อนตอนพี่ออกเรือนะ ไม่งั้นพี่โกรธจริงๆ ด้วย สัญญามาซะดีๆ ว่าจะรอไปพร้อมพี่”
“จ๊ะ เอ๋ยสัญญาว่าจะไม่ตัดผมจนกว่าพี่จะกลับมา แล้วเราไปตัดพร้อมกัน”
“เสร็จแล้ว! อะพี่ให้”
มุงกุฏผักบุ้งทะเลที่มีใบสีเขียวจัดกับดอกสีม่วงปักแซมอยู่ “โอ! สวยจังเลย พี่หินให้เอ๋ยเหรอ” น้องทำตาโต วางงานในมือแล้วรีบรับไปสวมไว้กับหัวทันที ส่วนพี่ก็ช่วยจัดให้สวยขึ้นอีก
================
“สวยเหมือนเจ้าหญิงเลย แบบนี้ต้องมีเจ้าชายโค้งไปเต้นรำนะ”
ไม่รู้ทำไมหินถึงเอ่ยคำนี้ออกมา แต่เหมือนมันฝังอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำทำให้เขาลุกขึ้นแล้วโค้งตัวลงต่ำ ก่อนจะยื่นมือให้น้องแล้วฉุดให้ลุกขึ้นตาม
“เต้นยังไงล่ะพี่หิน” เพราะน้องไม่เห็น “จะยากอะไร เอามือจับกันไว้สองข้าง แล้วก็ค่อยๆ ก้าวขาแบบนี้ๆ เอ๋ยก้าวตามพี่นะ”
“ทำไมพี่หินเต้นเป็นล่ะ” น้องสงสัยหนัก “ก็ไม่รู้สิ พี่อาจจะเคยเต้นล่ะมั้ง เหมือนที่พี่จำพวกคณิต วิทย์ได้ จนสอนเอ๋ยได้ล่ะมั้ง ก้าวขาตามพี่เร็ว ช้าๆ นะ อย่างนั้นๆ”
“ฮะฮ่าๆ เอ๋ยเต้นรำเป็นแล้ว”
สองพี่น้องต่างค่อยๆ ก้าว ปากก็ฮัมเพลงเบาๆ ตามประสาไปด้วย แต่ต่างนำพาความสุขให้กับสองหัวใจได้อย่างดียิ่ง โดยเฉพาะคนเป็นน้องที่ยิ้มร่าออกมาไม่เคยหยุด เพราะเกิดมาไม่เคยคิดว่าจะได้สวมมุงกุฏแล้วเต้นรำแบบนี้เลย
“หินเอ้ย! ขนของพวกนี้ไปลงเรือรอลุงกับเจ้าใหญ่ก่อนนะ อีกหน่อยคงจะกลับจากพายายไปหาหมอแล้วล่ะ ป้าจะทำกับข้าวรอ”
รำไพที่กำลังวุ่นอยู่หน้ากะทะร้องบอกโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนถูกบอกจะยืนอยู่จุดไหนของบ้านด้วยซ้ำ===============
“ครับป้า” หูก็ได้ยินแต่เสียงหินรับคำดังแว่วอยู่เบื้องหลังแล้วตามด้วยเสียงฝีเท้าเดินไปยกของบนแคร่เท่านั้น
“ทำไมพ่อไม่รอให้ยายหายก่อนแล้วค่อยออกเรือล่ะจ๊ะแม่”
วริญรำไพที่คอยช่วยแม่อยู่ไม่ห่างครัวเอ่ยเสียงอ่อยๆ เพราะไม่อยากให้พี่หินห่างตัวไปไหนเลยถ้าทำได้ เมื่อหัวใจเหมือนจะคอยแต่คิดถึงอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ได้หรอก เห็นพ่อว่าอีกห้าหกวันอาจจะมีพายุเข้า แล้วก็นานเป็นอาทิตย์ด้วย ถ้าไม่ไปคืนนี้ก็จะเสียเวลาไปหลายวันเลย พ่อต้องหาเงินมาไว้ซ่อมเรือด้วย ไหนจะต้องเตรียมเงินไว้ซื้อของให้เอ๋ยตอนเปิดเทอมด้วย ไหนเจ้าใหญ่จะต้องใช้เงินไว้รักษายายแล้วก็ค่าลงทะเบียนเรียนด้วย ไม่ออกไม่ได้หรอกลูกค่าใช้จ่ายรออีกเยอะแยะ”
“...”
เพราะจนด้วยเหตุผลร้อยแปดลูกสาวเลยนั่งเลือกผักมันปูยอดสวยๆ ใส่ถุงไว้ให้พ่อเอาไปกินในเรือเท่านั้น “เอ๋ยไปช่วยพี่หินขนของลงเรือดีกว่านะลูก เดี๋ยวเรื่องอาหารแม่จัดการเอง พ่อมาแล้วจะได้กินข้าวพักนิดหน่อยแล้วก็ออกเรือไปเลย”
เพราะมัวแต่ยุ่งๆ ผู้แม่เลยพลั้งเผลอเรื่องการระแวดระวังลูกกับหนุ่มนิรนามไปโดยปริยาย แม้บรรยากาศรอบกายจำค่ำมืดแล้วก็ตามที ส่วนลูกที่ไม่ได้ล่วงรู้ว่ากลายเป็นเป้าสายตาให้แม่ก็รีบรับคำแล้ว
“จ้ะแม่” ผละไปทันทีด้วยความดีใจ
“เอ๋ยหิ้วของเบาๆ ไปก็พอที่เหลือเดี๋ยวพี่จัดการเอง” หินเองก็ดีใจไม่น้อยที่จะได้มีโอกาสใกล้ชิดกับน้องที่เขารักและรักไปในทางที่ไม่ถูกเวล่ำเวลาด้วยแล้ว
=============
“อีกสี่วันพี่หินจะกลับใช่หรือเปล่าจ๊ะ”
สาวน้อยที่รอรับของจากมือพี่อยู่บนเรือเอ่ยด้วยความอยากรู้ แม้จะเดาได้แล้วแต่ก็อยากจะมั่นใจ “ใช่จ้ะ เอ๋ยถามทำไมเหรอ”
“เปล่าจ้ะ เอ๋ยแค่อยากให้แน่ใจว่าจะทำของขวัญวันเกิดให้เสร็จทันพี่หินกลับมาก็เท่านั้น”
“ของขวัญวันเกิดพี่เหรอ”
“ใช่จ้ะ”
“พี่มีวันเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเอ๋ยรู้ได้ยังไง”
“วันเกิดพี่หิน เอ๋ยไม่รู้หรอก แต่เอ๋ยจะถือเอาวันที่เจอพี่หินวันนั้นเป็นวันเกิดไง อีกสี่วันพี่หินก็จะอยู่บ้านเอ๋ยครบปีแล้วนะ”
“จริงเหรอ แล้วเอ๋ยจะทำอะไรเป็นของขวัญพี่ล่ะ บอกหน่อยสิพี่อยากรู้”
หินกระโดดขึ้นเรืออย่างคล่องแคล่วเมื่อยื่นของส่งให้น้อยเสร็จหมดแล้ว จากนั้นก็ขนเข้าไปไว้ในเก๋งเรือด้วยกัน “ไม่บอก ปล่อยให้งง”
“บอกหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ ไม่งั้นพี่จะคอยแต่เป็นกังวลเพราะอยากรู้ว่าเอ๋ยจะทำอะไรให้พี่นะ”
หินส่งน้ำเสียงอ้อนวอนไปหาน้องที่หิ้วของไปวางไว้ตรงมุมเก๋ง และนั่นเป็นเหมือนนาทีทองที่ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันลับหูลับตาผู้ใหญ่เป็นครั้งแรก
หรือนับตั้งแต่ที่มีความรู้สึกรักใคร่ฉันชู้สาวเกิดขึ้นในใจของหินกับสาวน้อยวัยสิบสี่เท่านั้น หินเลยรีบวางของแล้วก้าวยาวๆ ไปหาน้อง วาดวงแขนโอบกอดน้องเอาไว้อย่างรวดเร็ว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ