กับดักรักจอมบงการ

7.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  12 ตอน
  35 วิจารณ์
  14.91K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) กับดักรักจอมบงการ ตอนที่ 5 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

รุ่งเช้ารัตน์ระพีแต่งตัวสวยเป็นพิเศษ ประโคมเครื่องแต่งกายแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยหวังใจว่า วันนี้เธอจะต้องสวย โดดเด่นจนทำให้พบกรันต์ลืมหายใจในวินาทีแรกที่ได้พบเจอ เดรสสีดำเปลือยไหล่สั้นแค่คืบ อวดเรียวขาเพรียวจนทำให้มีสายตาหลายคู่มองมาด้วยความสนใจนั่นก็ทำให้ดาราสาวมั่นใจในตัวเองมากขึ้น สร้อยไข่มุกเซ้าซีเม็ดกลมใหญ่ที่ใช้เงินค่าตัวในการแสดงละครทั้งเรื่องซื้อหามาไว้ในครอบครองยิ่งทำให้กล้าที่จะเชิดหน้าตรงราวกับนางพญา

        หกนาฬิกาห้าสิบห้านาที... รัตน์ระพีก็เดินตามคนสนิทของพบกรันต์ที่เดินเข้ามาเชิญถึงล็อบบี้ของคอนโดมิเนียม พลางก้าวขึ้นรถยนต์คันหรูโดยที่ปาปารัสซี่ของนิตยสารซุบซิบแห่งหนึ่ง กำลังตามเก็บภาพของดาราเจ้าบทบาททุกฝีก้าว

        รัตน์ระพีก้าวเข้าไปนั่งเคียงข้างนักธุรกิจหนุ่มพลางส่งรอยยิ้มหวานจับใจให้ทันที “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”

        “อรุณสวัสดิ์ครับคนสวย” พบกรันต์ทักทายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม มองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา

        รัตน์ระพีแสร้งตีหน้าไม่เห็นด้วยกับคำชมของเขา “สวยอะไรล่ะคะ ระพียังไม่เรียบร้อยเท่าไหร่เลย วันนี้ตื่นสายกว่าปกติ คราวหลังต้องทำเวลาให้เร็วกว่านี้แล้วล่ะค่ะ ระพีไม่เรียบร้อยอย่างนี้กลัวจะทำให้คุณขายหน้า” บอกออกไปทั้งที่ความจริงแล้วตื่นนอนตั้งแต่ตีห้า กว่าจะจัดการแต่งหน้าทำผมเรียบร้อยก็กินเวลาไปเป็นชั่วโมง นี่ดีที่ยังเลือกชุดไว้ตั้งแต่เมื่อคืน

        พบกรันต์เลิกคิ้ว กวาดสายตามองดาราสาว แล้วหัวเราะในลำคออย่างที่ชอบทำอยู่เป็นประจำ “ถ้าคุณจะสวยมากกว่านี้ คนที่ต้องปรับปรุงคงต้องเป็นผมมากกว่า”

        “ตายจริง! มิน่าล่ะ สาวๆค่อนเมืองถึงได้หลงเสน่ห์ ก็เพราะคุณพีทปากหวานอย่างนี้นี่เอง”

        “ผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมานะครับ เห็นยังไง รู้สึกยังไงก็พูดอย่างนั้น”

        “แสดงว่าคุณพีทชอบผู้หญิงแต่งตัวสวยๆ ไม่หลุดเทรนด์อย่างนั้นใช่ไหมคะ” รัตน์ระพีตะล่อมถามอย่างเก็บข้อมูล

        “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ในโลกนี้มีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่ชอบมองผู้หญิงสวย” แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแบ่งปันผู้หญิงของเขาให้ใครได้โลมเลียทางสายตาแน่

        “แปลกนะคะ ระพีไม่คิดว่านักเรียนนอกอย่างคุณพีทจะเปรียบเปรยเรื่องราวรอบตัวเข้ากับสำนวนไทย บุคลิกของคุณเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มากด้วยความสามารถ ไม่ค่อยสนใจกับขนบธรรมเนียบไทยเท่าไหร่ ถ้าดูจากการคบหาผู้หญิงที่ผ่านมา” รัตน์ระพีหันมาจ้องใบหน้าหล่อเหลาอย่างค้นหา ท่าทางขบขันที่เขาแสดงออกมามันช่างดึงดูดสายตานัก พลังงานบางอย่างที่แผ่ซ่านรอบตัวเขามันสะกดสายตาให้คนที่ได้พบเห็นเดินเข้ามาตกหลุมพรางของผู้ชายอันตรายคนนี้อย่างง่ายดาย

        “ผมเป็นผู้ชายไทยนี่ครับ แม้จะไปเรียนต่างประเทศตั้งแต่ยังเล็กแต่ก็พูดได้เต็มปากว่าผู้หญิงไทยมีเสน่ห์ดึงดูดใจมากกว่าผู้หญิงชาติอื่นๆ นี่เป็นความคิดของผมนะ” พบกรันต์บอกพลางเหลือบสายตามองออกไปยังท้องถนนที่การจราจรเริ่มติดขัด “แถวนี้รถติดมากๆ ผมว่าเราแวะทานอาหารเช้าที่ร้าน... ก่อนดีกว่า สายๆสักหน่อยรถน่าจะน้อยลงกว่านี้”

        “ดีเลยค่ะ ระพียังไม่ทานอาหารเช้าเหมือนกัน” ใบหน้าที่แต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางยิ้มดีใจได้เพียงแวบเดียวก็เปลี่ยนเป็นครุ่นคิดอย่างหนักใจ “แต่... ทีมงานจะไม่เคืองเอาเหรอคะ เขานัดกองตอนเก้าโมงเช้านะคะ”

        “อย่ากังวลไปเลยครับ เดี๋ยวให้คำรบโทรไปเลื่อนคิวของคุณก็ได้ ให้เขาถ่ายทำคนอื่นไปก่อน”

        เมื่อได้ยินคำพูดที่มีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น รัตน์ระพีก็ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างขอบคุณแต่ในใจนั้นกลับรู้สึกผยองเป็นอย่างมาก การที่ได้อยู่ข้างๆผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกดีเหลือเกิน รับรู้ได้เป็นอย่างดีถึงคำว่า สิทธิพิเศษ นั้นมันดีเช่นไร

        พบกรันต์พาดาราสาวที่กำลังโด่งดังด้วยบทนางร้ายรับประทานอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดยไม่รู้ตัวว่าอากัปกิริยาที่ตนดูแลเอาใจใส่ดาราสาวนั้นได้ถูกปาปารัสซี่บันทึกไว้โดยละเอียด และเมื่อภาพดังกล่าวได้ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนแล้ว จะมีเรื่องวุ่นวายเพิ่มขึ้นให้ปวดหัวอีกหลายอย่าง!

       

        ราวสิบเอ็ดนาฬิกาพบกรันต์และรัตน์ระพีก็เดินทางมาถึงสตูดิโอที่ใช้ถ่ายทำโฆษณาชิ้นใหม่ของห้างแม็กซ์มอลล์ ซึ่งรวบรวมเอานักแสดงชื่อดัง เซเลบริตี้และดาราที่กำลังมีชื่อเสียงเอาไว้มากมาย ด้วยรูปแบบที่ตั้งใจทำออกมาดึงดูดความสนใจของคนทุกกลุ่มทุกอาชีพ

        รัตน์ระพีเริ่มแสดงความสามารถของตนตามที่ผู้กำกับต้องการ โดยมีสายตาของพบกรันต์จดจ้องที่จอมอนิเตอร์ตลอดเวลา การที่นักธุรกิจหนุ่มแสดงความสนใจต่อดาราสาวเป็นพิเศษเช่นนี้ มันก็ทำให้เกิดเสียงซุบซิบหนาหู ซึ่งหลุดรอดออกมาจากกองถ่ายโฆษณาชิ้นพิเศษนี้ขยายวงกว้างไปอย่างรวดเร็ว

 

        สองวันต่อมา... รัตน์ระพีเดินทางมายังห้างแม็กซ์มอลล์ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพมหานคร อาคารที่มีรูปทรงแปลกตา ล้ำสมัยเมื่อราวสี่ปีที่แล้วเป็นที่ฮือฮาไปทั่วโลก เพราะต้องทุ่มเงินจำนวนมหาศาลในการกว้านซื้อที่ดินในแหล่งที่ชื่อว่ามีราคาต่อตารางเมตรแพงที่สุดในประเทศไทย เพื่อก่อสร้างตึกสูงเสียดฟ้าที่ปัจจุบันถือว่าเป็นสำนักงานใหญ่ของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง ในขณะที่ด้านหน้าของตึกสูงนี้เป็นสถาปัตกรรมร่วมสมัยสูงหกชั้น ที่ผู้คนรู้จักเป็นอย่างดีว่าคือห้างสรรพสินค้าแม็กซ์มอลล์ หนึ่งในหลายสาขาที่กระจายตัวกันอยู่ทั่วกรุงเทพฯและเขตปริมณฑล

        “ฉันมาพบคุณพีท” รัตน์ระพีแจ้งความจำนงต่อเลขาที่นั่งอยู่หน้าห้องประธานบริหาร

        “ขอโทษนะคะ คุณผู้หญิงนัดกับท่านไว้ก่อนรึเปล่าคะ” เลขานุการสาวใช้คำถามอย่างสุภาพและประนีประนอมที่สุด รู้ดีว่าดาราสาวเข้ามาถึงคงส่วนนี้อย่างผิดปกติเป็นแน่เพราะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินตามหลังมาติดๆ

        รัตน์ระพีทำท่ากระฟัดกระเฟียดอย่างไม่พอใจ เพราะกว่าจะเข้ามาถึงส่วนนี้ก็เล่นเอาต้องแสดงบทนางร้าย เสียงดุตวาดพนักงานรักษาความปลอดภัย พลางนึกเจ็บใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่ขอเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัวของพบกรันต์ไว้ทั้งที่ออกตระเวนราตรีกันทุกคืน

        “ไม่ได้นัดแต่ฉันต้องพบคุณพีทให้ได้เพราะมีเรื่องสำคัญถึงขั้นคอขาดบาดตาย คุณพีทอยู่ในห้องนี้ใช่ไหม” รัตน์ระพีชี้นิ้วถามและไม่รอฟังคำตอบ เดินเร็วๆไปยังประตูบานใหญ่นั้น หากต้องอุทานออกมาด้วยความไม่พอใจเมื่อเลขานุการสาวก้าวมาขวางทางไว้เสียก่อน “เอ๊ะ! จะลองดีกับฉันใช่ไหม?”

        “ขอโทษจริงๆค่ะ เชิญคุณผู้หญิงนั่งรอก่อนได้ไหมคะ ให้ดิฉันเข้าไปเรียนท่านก่อน นะคะ... ถือเสียว่าเห็นใจพนักงานอย่างดิฉัน” เลขานุการสาวอ้อนวอนอย่างรู้ทันเกม “ขอร้องนะคะ ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่ทราบว่าคุณเป็นคนพิเศษของท่าน แต่ขอแค่ให้ดิฉันได้ทำตามหน้าที่เท่านั้นเอง”

        เมื่อได้ยินคำอ้อนวอนนั้นรัตน์ระพีก็คลายความโมโหลงไปได้มาก ถือว่าแม่เลขานุการคนนี้ยังรู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่เช่นนั้นแล้วจะจัดการรายงานให้พบกรันต์ได้รู้เป็นแน่

        “ขอบคุณค่ะ” เลขานุการกล่าวขอคุณเมื่อเห็นว่าดาราสาวถอยหลังห่างออกไป จากนั้นจึงรีบเข้าไปรายงานเจ้านายและกลับออกมาเชื้อเชิญดาราสาวเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว และต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสายตาอวดดีที่ส่งมาให้ตนพลางคิดในใจว่า เธอคงจะเล่นบทนางร้ายจนเคยชินถึงได้เอานิสัยแย่ๆเช่นนี้มาให้ในชีวิตประจำวัน

        ทันทีที่เข้ามาอยู่ในห้องทำงานใหญ่ของประธานกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง รัตน์ระพีก็ตื่นตาตื่นใจกับห้องทำงานขนาดใหญ่ ภาพตรงหน้าคือโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่มีบุรุษรูปงามนั่งอยู่อย่างสง่างาม ฉากหลังเป็นแผ่นไม้ลามิเนตสีดำน้ำตาลเข้ม หากแต่ความเคร่งขรึมทั้งหมดถูกเบรกด้วยกระจกใสบานใหญ่ส่งผลให้มองเห็นวิวมุมสูงของกรุงเทพมหานครได้แบบพานอลรามา

        หากแต่ชื่นชมอยู่กับความภูมิฐานนั้นได้ไม่นาน ก็ต้องชักสีหน้ากังวลใจ เดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มที่เงยหน้าจากเอกสารขึ้นมาสบตากับตนพอดี “เกิดเรื่องใหญ่แล้วล่ะค่ะคุณพีท!”

        “มีเรื่องอะไรครับ ทำไมถึงได้ทำหน้าตื่นอย่างนี้” พบรันต์ถามด้วยความสงสัย หากแต่รัตน์ระพีก็ทำในสิ่งที่ตนไม่คาดคิดก่อนที่จะบอกกล่าวเรื่องใหญ่นั้น

        “คำรบ ออกไปข้างนอกก่อนได้ไหม เรื่องนี้ฉันต้องคุยกับคุณพีทตามลำพัง”

        คำรบทำท่าอึกอักเมื่อได้ยินคำสั่งนั้น แต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดีเมื่อเห็นเจ้านายพยักหน้าให้ทำตามคำสั่งของดาราสาว

        เมื่อร่างกำยำของคำรบลับตาไปแล้ว รัตน์ระพีก็ยื่นนิตยสารฉบับหนึ่งที่ดึงออกจากระเป๋าสะพายใบโตให้กับชายหนุ่มทันที “คุณพีทดูเองก็แล้วกันนะคะ”

        พบกรันต์หยิบนิตยสารรายปักษ์ฉบับหนึ่งซึ่งด้านหน้าซูมเลขทะเบียนรถยนต์ของตนไว้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะเป็นแค่ภาพเล็กๆที่อยู่มุมล่างของนิตยสาร แต่ก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี

        “คอลัมน์คุณหนูจอมแฉนะคะ” รัตน์ระพีบอกเมื่อเห็นมือแข็งแรงเริ่มเปิดด้านใน

        ชายหนุ่มลอบถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เพราะวันนี้เขาต้องนั่งมองหุ้นของบริษัทที่ตกลงไปเกือบหนึ่งจุด ก่อนปิดตลาดในภาคบ่ายโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นเพราะเหตุใด แล้วยังต้องมารับฟังปัญหาเล็กๆน้อยๆซึ่งมองดูแค่ภาพด้านหน้าก็เดาได้ว่าต้องเป็นข่าวเรื่องความสัมพันธ์ของเขาและเธอ

        แต่เมื่อเห็นภาพหลายชุดที่อยู่ด้านใน ถึงกับทำให้พบกรันต์ต้องผงะ! ภาพการใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงของเขาในงานปาร์ตี้หลายแห่ง ถูกรวบรวมเป็นภาพแอบถ่ายเล็กบ้าง ใหญ่บ้างหลายภาพ รวมไปถึงภาพที่ตนจอดรถรอรัตน์ระพีที่หน้าคอนโดมิเนียม ตลอดไปจนถึงการนั่งรับประทานอาหารกันสองต่อสอง แต่ที่ทำให้เขาโมโหที่สุดก็คือภาพในงานปาร์ตี้สังสรรค์นักเรียนต่างประเทศซึ่งจัดขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เขากำลังนั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟาข้างกายรายล้อมด้วยผู้หญิงหลายคนกำลังบรรจงป้อนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เขา แต่ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ ข้างๆมีเพื่อนนักเรียนชายคนหนึ่งกำลังเสพยา!

        แต่ที่ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟคงหนีไม่พ้นเนื้อข่าวที่เขียนในคอลัมน์คุณหนูจอมแฉ

        ‘ไฮโซหนุ่มมหาเศรษฐีในภาพนี้เป็นใคร สาวๆคนรู้จักกันทั้งประเทศ เขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่ด้วยฐานะอันมั่งคั่งบวกกับใบหน้าอันหล่อเหลาทำให้มีสาวๆมากหน้าหลายตาต่อแถวอยากเข้าไปอยู่ข้างกายของเพลย์บอยหนุ่มผู้นี้ ล่าสุดมีข่าวหนาหูออกมาว่าไฮโซหนุ่มกำลังติดใจดาราสาวรายหนึ่งถึงขนาดใช้อภิสิทธิ์เลื่อนเวลาทำงานให้คนทั้งกองถ่ายต้องเสียเวลาเพียงเพราะการรับประทานอาหารของคนทั้งคู่ ส่วนจะดาราสาวผู้นั้นจะเป็นใคร ก็สังเกตตามภาพที่เก็บมาฝาก แต่ที่แน่ๆ ภาพปาร์ตี้ที่เห็นนี้คงต้องทำให้ไฮโซหนุ่มเข้าชี้แจงกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดในเร็ววัน’

        “บ้าเอ๊ย!” พบกรันต์ตบมือเข้ากับโต๊ะทำงานด้วยความโกรธ เสียงสบถนั้นทำให้รัตน์ระพีถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะไม่คิดว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาอันรุนแรงนี้จากกับตาตัวเอง “อลินธิดา!”

        “คุณพีทรู้จัก นักข่าวที่เขียนคอลัมน์นี้ด้วยเหรอคะ” รัตน์ระพีถาม เมื่อได้ยินว่าชายหนุ่มหลุดชื่อของนักข่าวมากความสามารถดังออกมา แต่เพียงแค่อึดใจเดียวก็ต้องทำหน้าราวกับปลงตก “จริงสิคะ คุณพีทต้องรู้จักเธอมาก่อน เพราะระพีเคยได้ข่าวว่าคุณเคยควงเธออยู่พักหนึ่ง”

        “ผมก็ควงผู้หญิงแค่พักเดียวทุกคน คุณจะพูดอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” พบกรันต์บอกทั้งขย้ำกระดาษของนิตยสาร ดึงทึ้งมันออกมาจากเล่มแล้วขว้างลงถึงขยะอย่างแม่นยำ

        “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่ระพีมานึกย้อนดูแล้วต้องโทษตัวเองที่น่าจะระวังตัวมากกว่านี้สักหน่อย” ดาราสาวบอกพลางนั่งลงเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกันข้ามกับนักธุรกิจหนุ่ม “คุณพีทจำวันที่ไปรอระพีที่ซุปเปอร์มาร์เกตได้ไหมคะ?”

        พบกรันต์พยักหน้ารับพลางนั่งนิ่ง ฟังในสิ่งที่ดาราสาวพรั่งพรูออกมา

        “วันนั้นระพีเจออลินธิดาเข้าโดยบังเอิญค่ะ ความจริงแล้วมันเป็นความผิดของระพีเองที่ไม่ระวัง เลือกของเพลินจนไปชนเธอเข้า ก็ขอโทษแล้วนะคะแต่เธอดูหยิ่งๆ ไม่ยอมรับ ทักทายแล้วก็นังดูมึนตึง แถมยังพูดจาเสียดสีอีกว่าให้ระวังคุณพีทจะ...จะเฉดหัวทิ้ง”

        แน่นอนล่ะ... ก็เธอร้ายกาจใช่เล่นเสียเมื่อไหร่ เพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆที่มีโอกาสได้รู้จักกัน ก็พูดได้เต็มปากว่าอลินธิดาเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุยด้วยแล้วทำให้เขาต้องไล่ตามเธอ ใบหน้างดงามอ่อนหวาน รูปร่างเล็ก ดูบอบบางแต่ในตัวของเธอกลับดูทันสมัย ด้วยเครื่องแต่งกายที่เหมาะเจาะ สมองและความคิดอันเฉลียวฉลาด ทำให้เขาถึงกับแปลกใจหลายอย่างที่รวมไว้ในตัวของเธอ

        แต่ความเก่งรอบด้านของเธอทำให้เขาต้องหยุดที่จะสานต่อความสัมพันธ์ไปเสียก่อน เขายอมรับว่าตัวเองผิดที่จากลาเธอมาโดยไม่มีเหตุผล เพียงแค่ใช้ความเงียบเป็นเครื่องมือในการบอกลา

        รัตน์ระพีเห็นท่าทางนิ่งเงียบนั้นจึงรีบเสริมทันที “ความจริงแล้วอลินธิดาลาออกจากบริษัทนี้แล้วนะคะ คนภายในเขาลือกันว่าเธออับอายที่คุณพีทตัดสัมพันธ์ไปอย่างง่ายดาย เพราะตอนที่คบกับคุณพีทน่ะ อลินธิดาลำพองตัวมาก เที่ยวพูดข่มคนอื่น อวดตัวไปทั่วว่าเป็นคนรักของคุณพีท”

        “แล้วคุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” พบกรันต์ถามด้วยความสงสัย

        “ระพีมีเพื่อนทำงานอยู่ที่นิตยสารฉบับนี้ค่ะ พอพี่ๆที่กองถ่ายเอาภาพข่าวมาให้ดู ระพีก็เลยรีบโทรศัพท์ไปสอบถามกับเพื่อนค่ะ” ดาราสาวเว้นจังหวะเพื่อรอดูสีหน้าของคนฟังเล็กน้อย “คือหลังจากที่อลินธิดาลาออก ก็ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าของคอลัมน์คุณหนูจอมแฉนี่ใครเป็นคนเขียนต่อเพราะบก. ก็ไม่ได้ตัดออกไปจากนิตยสารแล้วก็ไม่มีใครกล้าถามได้แต่ก็เดากันไปว่าอลินธิดาเป็นคนเขียนแล้วส่งให้บก. เหมือนเดิม เห็นว่าสองคนนี้เขาสนิทกันน่ะค่ะ”

        พบกรันต์เลิกคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เดาว่าคงเป็นเธอนั่นแหละถึงได้กัดผมจนพรุนไปทั่วตัวอย่างนี้”

        “ความจริงแล้วระพีไม่อยากจะปักใจเชื่อว่าเป็นอลินธิดาเลยนะคะ มันดูไม่ยุติธรรมกับเธอไปสักหน่อย แต่จากแววตาเคียดแค้นที่ระพีเห็นในวันนั้น ก็ไม่มีทางที่จะเป็นคนอื่นไปได้ค่ะ เขาว่ากันว่าผู้หญิงเรารักมากก็แค้นมากนะคะ”

        “จะบอกว่าไม่มีประโยชน์ที่จะแค้นคนอย่างผม ถ้าอย่างนั้นคงมีผู้หญิงค่อนประเทศเกลียดผม ไม่ยอมมาเดินห้างของผม สำหรับผมนะถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นฝีมือของอลินธิดาจริง ผมว่า... มันออกจะดูเด็กไปสักหน่อย คือไม่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน” พบกรันต์บอกพลางจินตนาการถึงใบหน้างดงามที่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไม่ได้ว่าจะให้ความรู้สึกเช่นไร เพราะเท่าที่เคยสัมผัส ดูเธอจะเป็นคนสองบุคลิก ขี้อ้อนราวกับลูกแมวตัวน้อย ในขณะที่ภาพลักษณ์ภาพนอกดูมั่นใจเหมือนเวิร์กกิ้งวูแมน

        “จะโกรธจะแค้นยังไงก็ทำได้แค่ลับหลังล่ะค่ะ เธอคงไม่กล้ามีปัญหากับคุณพีทซึ่งซึ่งหน้า แต่ระพีนี่สิคะ ไม่รู้ว่าต้องเจออะไร ละครเรื่องต่อไปที่จะออนแอร์ก็ออกอากาศทางช่องCAN เสียด้วย ได้ข่าวมาว่าอลินธิดาเป็นครีเอทีฟให้กับข่าวภาคค่ำของช่องCAN ระพีตายแน่ๆคราวนี้” รัตน์ระพีปั้นหน้ายาก

        “เกี่ยวอะไรกันนักข่าวกับดารา อลินธิดาไม่ได้ทำข่าวบันเทิงนี่”

        “ไม่เกี่ยวยังไงไหวล่ะคะ ก็ข่าวบันเทิงของช่องCAN อยู่ในช่วงข่าวภาคค่ำ ออกอากาศหลังข่าวพยากรณ์อากาศที่อลินธิดาทำหน้าที่เป็นผู้ประกาศเสียเองด้วย”

        “น้ำผึ้งน่ะเหรอ จะอ่านข่าวพยากรณ์อากาศ?” พบกรันต์ถามเสียงสูงอย่างแปลกใจ หากการเรียกขานชื่อเล่นอย่างสนิทสนทก็ทำให้อารมณ์ของรัตน์ระพีขุ่นมัว แต่ไม่กล้าแสดงความไม่พอใจนั้นออกมาให้ชายหนุ่มได้เห็น

        “ค่ะ... ได้ยินมาว่าคุณชาตรีที่เป็นโปรดิวเซอร์ชื่นชอบในการทำงานของอลินธิดามาก ทีมงานเสนอผู้ประกาศคนไหนก็ไม่ชอบใจ ตามตื๊อเธออยู่เป็นเดือนนะคะกว่าทุกอย่างจะลงตัว” เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่ลบและแง่บวกที่เกิดขึ้นกับครีเอทีฟสาวคนใหม่ชองช่องCAN ขยายวงกว้างไปทั้งสถานี ซึ่งคนที่เดินเข้าออกอยู่เป็นประจำเช่นเธอก็ได้ยินหลายคนกล่าวขานถึงความสามารถที่อัดแน่นอยู่ในตัวของอลินธิดา แต่กลับไม่เคยยอมรับมันเลย

        “เรื่องธรรมดา องค์กรไหนบ้างที่ไม่อยากดึงคนเก่งมากความสามารถมาร่วมงาน” พบกรันต์บอกด้วยน้ำเสียงที่ดูราบเรียบราวกับว่าเมื่อมี่นาทีก่อนหน้านี้เพิ่งโกรธจัดจนดาราสาวไม่กล้าสบตา

        “คุณพีทดูชื่นชมเธอจังเลยนะคะ” อดที่จะถามออกมาอย่างประชดประชันไม่ได้ “ไม่โกรธอลินธิดาแล้วเหรอคะที่เธอทำให้ต้องเป็นข่าวฉาวแบบนี้?”

        พบกรันต์หัวเราะในลำคอหนา หรี่ตามองด้วยสายตาที่คนทั่วไปยากจะคาดเดาอารมณ์ “ทำไมผมต้องโกรธกับคนที่ไม่ใช่ตัวต้นเรื่องด้วยล่ะ มาคอยดูกันไหมว่า... ผมจะให้อลินธิดาชดใช้เงินที่ผมต้องเสียไปเพราะหุ้นตกไปเกือบหนึ่งจุดยังไง”

        พบกรันต์ตีคิ้วใส่ดาราสาวอย่างผู้ชายเจ้าเล่ห์ เขาดูร้ายกาจ เป็นตัวอันตรายที่ต้องอยู่ให้ไกล แต่รอบตัวเขากลับมีพลังงานบางอย่างดึดดูดให้จับจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา รัตน์ระพีบอกกับตัวเองว่าจะต้องพิชิตใจผู้ชายคนนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะนับวันเธอก็จะหลงเสน่ห์ของเขาจนไม่มีสายตาไว้มองผู้ชายคนไหนอีก

        หากในค่ำคืนเดียวกันนี้พบกรันต์และรัตน์ระพียังใช้ชีวิตเป็นปกติ รับประทานอาหารเย็นด้วยกันต่อด้วยนั่งฟังเพลงในผับ เต้นรำอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันอย่างโรแมนติก พูดคุยหยอกล้อราวกับอยู่ในโลกใบนี้เพียงสองคนโดยไม่สนใจว่าจะเป็นหัวข้อสนทนาของผู้ที่ได้พบเห็น

 

        ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น คุณหญิงประไพศรีวางโทรศัพท์ลงพร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน ต่อพฤติกรรมของลูกชายที่บัดนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ไล่เรียงไปถึงกระทั่งรายเล็กน้อย กลายเป็นว่าหุ้นที่ตกลงไปเกือบหนึ่งจุดของเมื่อวาน ทำให้ตนต้องมานั่งรับฟังเรื่องราวมากมาย

        ก็อก... ก็อก...

        ประไพศรีเอ่ยอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูพลางจ้องมองร่างของเลขานุการส่วนตัวของตนที่เดินเข้ามาวางซองเอกสารสีน้ำตาลไว้ตรงหน้า

        “นี่เป็นรายชื่อของเด็กๆที่เรียนดีแต่ยากจนค่ะ ดิฉันคัดเลือกมายี่สิบคนจากรายชื่อทั้งหมดที่ทางสมาคมส่งให้เมื่อวานนี้ค่ะ” รัชนี ที่ทำงานข้างกายคุณหญิงประไพศรีมามากกว่ายี่สิบปีรายงาน “ช่วงบ่ายคุณหญิงจะเข้าสมาคมเลยไหมคะ ดิฉันจะได้บอกให้คนเตรียมรถ”

        “ตอนแรกก็ตั้งใจว่าอย่างนั้น แต่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ฉันต้องเข้าบริษัทไปคุยกับพ่อตัวดีก่อนที่จะต้องเสียสุจภาพจิตเพราะต้องมานั่งรับโทรศัพท์จนปวดหัวไปหมดแล้ว” ประไพศรีตอบพลางยกมือคลึงขมับด้านขวาอยู่หลายนาที

        “เรื่องเกี่ยวกับข่าวของคุณพีทน่ะเหรอคะ ความจริงไม่น่าจะร้ายแรงอะไรเลย คุณพีททำงานหนักก็ย่อมต้องมีวิธีการพักผ่อนบ้าง” รัชนีออกความคิดเห็น

        “นั่นก็ใช่... แต่ผู้ถือหุ้นส่วนมากเขาคือนักธุรกิจ แค่หุ้นตกไม่กี่จุดก็ร้อนรนเพราะเงินในกระเป๋าหายไป อันนี้เราก็ต้องเข้าใจเขาด้วย อีกอย่างภาพที่ออกมามันดูแรงเหลือเกิน”

        “โธ่! คุณพีทไม่ได้เป็นคนเสพยานั้นเองเสียหน่อย ดิฉันว่าปล่อยไปเถอะค่ะ ตอนนี้เพิ่งเป็นข่าวกระแสก็ต้องแรงเป็นธรรมดา อีกไม่กี่วันก็ต้องมีเรื่องใหม่มากลบ คนไทยเราลืมง่ายนัก”

        ประไพศรีลุกขึ้นจากเก้าอี้กทำงาน เดินออกจากห้องโดยมีเลขานุการคนสนิมเดินตามข้างหลังไม่ห่าง “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้เป็นที่สนใจของคนในสังคมก็คงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ แต่นี่พีทเป็นถึงประธานบริหารฯ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นคนเสพยาเองแต่คนที่มองเขาก็ต้องเหมารวมไปอยู่แล้วว่าเป็นปาร์ตี้มั่วยา มั่วเซ็กซ์ อีกอย่างแม่ทำงานสังคมสงเคราะห์ ต่อต้านยาเสพติด อบายมุขทั้งปวง ช่วยเหลือคนยากไร้ แต่ลูกชายกลับมั่วยา คั่วผู้หญิงเป็นว่าเล่น เธอว่าฉันควรจะอยู่เฉยไหมล่ะ?”

        รัชนียิ้มแหยๆให้คุณหญิงที่ก้าวเข้าไปนั่งอยู่ในรถยนต์ จากนั้นตนจึงรีบเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง และมันก็เป็นจริงอย่างที่คุณหญิงท่านว่า... เพราะตลอดระยะเวลาที่เดินทางจากคฤหาสน์โภไคยสกุลไปยังออฟฟิศนั้น เสียงโทรศัพท์ดังเข้ามาไม่ขาดสาย ทั้งเพื่อนร่วมงาน ผู้ถือหุ้น หรือแม้กระทั่งนักข่าวที่อยากจะขอสัมภาษณ์เรื่องที่เกิดขึ้น!

 

        เช่นเดียวกับพบกรันต์ซึ่งกำลังนั่งมองดัชนีของหุ้นของกลุ่มเครือพร้อมพบ โฮลดิ้ง ที่กำลังแกว่งตัวไปในทิศทางขาลง ซ้ำภาคเช้ายังปิดตลาดตกลงไปอีกหนึ่งจุดแน่นอล่ะว่านั่นมาจากนักลงทุนรายย่อยที่ไม่เชื่อมั่นจึงเทขายหุ้นออกมาในภาคเช้า และหากยังไม่มีปัจจัยภายนอกที่ทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบดีขึ้น ไม่แน่ว่าอาจจะติดลบมากกว่าสองจุด ในเวลาเพียงหนึ่งวันซึ่งไม่เคยเกิดประวัติการณ์เช่นนี้มาก่อน

        “ผมว่าเราเปิดแถลงข่าวดีไหมครับ” คำรบเสนอหากแต่คนเป็นเจ้านายส่ายหน้าช้าๆ แต่เสียงอันคุ้นเคยที่ดังขึ้นก็ทำให้พบกรันต์แปลกใจ หมุนเก้าอี้กลับออกมาด้านหน้าโต๊ะทำงานทันที

        “นั่นล่ะคือสิ่งที่พีทต้องทำ” ประไพศรียืนอยู่กลางห้องทำงานด้วยชุดสูทสีอึมครึม พร้อมกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “แต่ก่อนที่จะแถลงข่าว พีทต้องเข้าไปแสดงความบริสุทธิ์ชี้แจงกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดเสียก่อน”

        “มันคงไม่ร้ายแรงขนาดนั้นมั้งครับแม่ นี่แม่คงไม่คิดว่าผมจะร่วมวงมั่วยาด้วยนะครับ” พบกรันต์บอกพลางลุกขึ้นสละที่นั่งให้มารดา แต่ท่านกลับเดินไปทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา “แล้วอย่าบอกนะครับว่าแม่มาหาผมเพราะเรื่องนี้”

        “แม่รับโทรศัพท์จนหูชา หุ้นตกตั้งแต่เมื่อวานจนตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะติดบวก ถ้าพีทไม่ทำอย่างที่แม่บอก อีกไม่นานผู้ถือหุ้นก็ต้องรวมตัวกันขอเข้าพบ ถึงตอนนั้นเรื่องมันจะยุ่งกว่าตอนนี้” ประไพศรีเริ่มใช้น้ำเสียงประนีประนอมเพราะเห็นว่าลูกชายของตนนิ่งเงียบ “พีทเป็นลูกแม่ ทำไมแม่จะไม่เชื่อว่าพีทไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดพวกนั้น แต่ก็ต้องเข้าใจคนอื่นด้วยว่าเขาไม่ได้รู้จักมักคุ้นกับพีท รู้จักแค่เป็นซีอีโอหนุ่มที่สาวๆหมายปอง ออกเที่ยวทุกวันจัดปาร์ตี้เป็นว่าเล่น แล้วจะไม่เห็นคนอื่นคิดได้ยังไง”

        ใช่ว่าจะไม่เข้าใจในเหตุผลทุกอย่างแต่ตอนนี้เขานึกถึงใบหน้างดงามของแม่ตัวแสบที่ทำให้ชีวิตเขาต้องพบกับเรื่องวุ่นวายนัก อยากจับเธอมาพาดตักแล้วหวดสั่งสอนที่บั้นท้ายนุ่มๆนั้นเสีย

        “พีท... ฟังแม่อยู่รึเปล่า?”

        “คะ...ครับ”

        ประไพศรีส่ายหน้าให้ลูกชายอย่างระอาใจ “ตกลงจะทำอย่างที่แม่แนะนำไหม”

        “แล้วผมมีทางอื่นให้เลือกได้อย่างนั้นเหรอครับ”

        ประไพศรีมองลูกชายด้วยสายตาคาดโทษ เมื่อคำตอบนั้นเปลี่ยนเป็นคำถามอีกครั้ง “พีทก็เลือกเดินทางที่มันสนุกน้อยกว่านี้สิ แม่เข้าใจว่าพีททำงานหนัก แบกรับภาระทุกอย่างไว้บนบ่า เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องแสวงหาความสุขใส่ตัว เพื่อผ่อนคลายอารมณ์หรือคลายเครียด ที่ผ่านมาแม่ก็ไม่เคยห้าม แต่เห็นไหมว่าอะไรที่สุดกู่ สุดโต่งมันจะเป็นผลเสียให้เราต้องมานั่งแก้ปัญหาทุกครั้ง”

        “ครับ แต่เชื่อเถอะว่าเรื่องนี้ไม่จบ เธอไม่ปล่อยผมไปง่ายๆแน่” พบกรันต์เปรยขึ้นราวกับพูดกับตัวเอง

        “เธอ!? นี่พีทคงไม่ได้หมายความว่า ผู้หญิงที่ตัวเองสลัดทิ้งแค้นจนเอาเรื่องพวกนี้มาแบล็กเมล์นะ”

        “อีกไม่นานคงได้รู้ครับ เธอกัดผมซะจมเขี้ยวขนาดนี้ ผมคงต้องเอาคืนบ้าง” จบคำพูดก็ได้ยินเสียงผู้เป็นแม่หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ พร้อมกับคำพูดที่ทำให้เขาสูญเสียความมั่นใจไปมากกว่าครึ่ง!

        “ตายจริง! แม่ชักอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนี้แล้วสิ ท่าทางเธอจะร้ายกาจไม่เบา สงสัยพีทคงจะทำให้เธอแค้นใจเอามากๆ”

        “ยอมให้แม่ซ้ำเติมผมได้คนเดียว” พบกรันต์บอก

        “นี่ล่ะนา... ที่เขาเรียกว่าหมองูตายเพราะงู แต่เอาเถอะ ยังไงเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว พีทจะออกไปพร้อมแม่เลยไหม”

        “แม่ไม่ต้องไปกับผมหรอกครับ แค่ที่ผมทำให้แม่เสียชื่อนี่ก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว ถ้าให้ผมพาแม่ไปด้วยคงไม่ต่างจากไอ้ลูกแหง่ทั้งที่อายุจะสี่สิบอีกไม่กี่ปี” จบคำพูดพบกรันต์ก็หันไปสั่งการให้คำรบเตรียมการทุกอย่างไว้รอ เมื่อลับร่างของมือขวาจึงหันมาไถ่ถามแม่ของตนอีกครั้ง “แล้วนี่แม่จะไปไหนต่อรึเปล่าครับ”

        “ตอนแรกว่าจะเข้าสมาคม แต่เอาไว้พรุ่งนี้ดีกว่า แม่ขี้เกียจตอบคำถาม นี่ดีนะที่ผู้หญิงในภาพไม่ใช่เด็กในอุปการะของแม่ ไม่อย่างนั้นดังกว่านี้แน่”

        “ฮ่า... บางทีอาจจะมีนะครับ ก็ผมไม่รู้ว่าเด็กในอุปการะของแม่หน้าตาเป็นยังไง แต่แม่วางใจได้ว่าผมไม่เคยบังคับฝืนใจใคร ทุกคนล้วนแล้วแต่ยินยอมและมีข้อตกลงที่ชัดเจน”

        เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายเพียงคนเดียว คุณหญิงประไพศรีถึงกับส่ายหน้าอย่างระอาใจ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับคนที่รู้จักผิดชอบชั่วดีแต่ยังรักสนุกให้มากความ จึงลุกขึ้นยืนอย่างสง่างามก้าวเดินออกจากห้องทำงาน โดยมีลูกชายคอบประคองอยู่ข้างกาย

        “พีทรู้ไหมว่าผู้หญิงจะน่ารัก อ่อนหวานเหมือนลูกแมวเชื่องๆเมื่อเธอได้รับความซื่อสัตย์ และเธอจะกลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาทบำรุงบำเรอความสุขให้ผู้ชายของเธออย่างสุดความสามารถเมื่อเธอได้รับความรัก”

        พบกรันต์ยิ้มรับคำพูดนั้นแต่ไม่ได้ออกความคิดเห็นเช่นไร เพียงไม่นานลิฟต์ก็เปิดออกอย่างช้าๆ พบกรันต์ส่งแม่ของตนพร้อมเลขานุการส่วนตัวขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเดินมายังรถของตนบ้าง เขาต้องจัดการภารกิจข้างหน้านี้ให้สำเร็จลุล่วง เพราะมันเป็นวิธีเดียวที่จะคลี่คลายสถานกาณ์ให้ดีขึ้น   

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา