กับดักรักจอมบงการ

7.7

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 00.55 น.

  12 ตอน
  35 วิจารณ์
  14.91K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) กับดักรักจอมบงการ ตอนที่ 10 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        ราวครึ่งชั่วโมงต่อมา... พบกรันต์ก็เดินทางมาถึงร้านอาหารที่นัดแนะกับรัตน์ระพีไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันแล้ว เขานั่งอยู่ในรถยนต์สักพัก รอเวลาให้ชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งอยู่ในรถอีกคันเดินเข้าไปในร้านเสียก่อนแล้วจึงเดินตามเข้าไปด้วยท่าทีปกติ เมื่อเข้าไปในร้านที่มีผู้คนใช้บริการอยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก พบกรันต์กวาดสายตาไปปะทะเข้ากับรัตน์ระพีที่โบกมือให้อยู่ตรงมุมหนึ่งของร้าน ขณะที่ก้าวเดินไปอย่างมั่นคงก็เห็นแล้วว่า โต๊ะอาหารตัวถัดไปนั้น มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งแต่งกายดูทะมัดแมงนั่งอยู่แล้ว

        “คุณพีทคะ... ทางนี้ค่ะ” รัตน์ระพีโบกไม้โบกมือให้ชายหนุ่มซึ่งกำลังเดินใกล้เข้ามา

        พบกรันต์ยิ้มที่มุมปากให้กับดาราสาวเช่นเคย สายตาคมกริบเหลือบมองไปยังผู้หญิงที่นั่งหันหลังอยู่โต๊ะถัดไปเพียงแวบเดียว จากนั้นก็ทรุดร่างนั่งเบียดกับรัตน์ระพีแทนที่จะนั่งตรงกันข้ามเหมือนเช่นทุกครั้ง ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้ดาราสาวถึงกับยิ้มกว้าง จิตใจพองโตขึ้นมาในทันที

        ในขณะที่อลินธิดากำมือแน่น หมั่นไส้เสียงหัวเราะราวกับว่ามีความสุขนักหนาของรัตน์ระพี ตอนนี้เท่ากับว่าเธอและพวกเขานั่งหันหลังให้กันมีเพียงพนักโซฟาสูงท่วมศีรษะกั้นไว้เท่านั้น

        “วันนี้คุณพีทมาแปลกนะคะ ทุกวันต้องนั่งตรงกันข้าม วันนี้นึกยังไงมานั่งเบียดระพี”

        “ไม่ชอบเหรอ นั่งเบียดๆกัน” พบกรันต์แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า วางมือลงบนต้นขาของรัตน์ระพีจนเจ้าตัวออกอาการเขินอายแต่ไม่ได้ปักป้องแต่อย่างใด

        “อื้อ... คุณพีทอย่านะคะ อายคนอื่นแย่เลย” ห้ามแต่กลับแอ่นตัวเข้าหา พลางส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างไม่พอใจ เมื่อบริกรสาวเดินใกล้เข้ามารับออเดอร์ “สั่งอาหารก่อนนะคะ เกือบสองทุ่มแล้วคุณพีทคงหิวแย่เลย”

        “หิวสิ หิวมากด้วย แต่ไม่ได้หิวข้าวนะคนสวย” พบกรันต์ตั้งใจพูดให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังได้ยินอย่างชัดเจน

        “อย่ามาปากหวานหน่อยเลยค่ะ อยู่กับคนอื่นคุณพีททำมากกว่านี้อีกใช่ไหมคะ?”

        น้ำเสียงกระเง้ากระงอดเช่นนี้ หากพบเจอในสถานการณ์ที่ไม่ได้มีอะไรแอบแฝง เขาคงเดินหนีไปไกลแต่เพราะยังไม่แน่ใจว่ารัตน์ระพีเข้ามาหาด้วยเหตุผลใดกันแน่ พบกรันต์จึงได้แต่นิ่งดูท่าทีต่อไป และมันทำให้อลินธิดาหลับตาลง ข่มใจกับความเจ้าชู้ของผู้ชายไร้หัวใจ

        เมื่อสั่งอาหารเรียบร้อยแล้วรัตน์ระพีก็หยิบนิตยสารเล่มหนึ่งขึ้นมากงออกให้ชายหนุ่มข้างกายได้เห็นกับตา ภาพของเขากับอดีตคนรักกำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่มในที่ลับตาคน ใต้ภาพยังบรรยายว่าทั้งคู่พลอดรักกันอยู่ในรถสปอร์ตสุดหรูเนิ่นนาน...

        “เฮ้อ... ผมว่าผมดังเสียยิ่งกว่าพระเอกฮอตๆอีกนะ มีข่าวฉาวไม่เว้นแต่ละวัน” พบกรันต์พูดพลากวาดสายตาไปตามตัวหนังสือที่บรรยายใต้ภาพ

        “แล้วความจริงมันเป็นอย่างภาพรึเปล่าคะ” รัตน์ระพีถามด้วยสีหน้าสลด

        “ผมเปลี่ยนอดีตที่เกิดขึ้นแล้วของตัวเองไม่ได้หรอกนะ ภาพที่เห็นมันคือผมจริงๆแต่คำบรรยายจะจริงแค่ไหน ผมว่าคนที่เอาข่าวนี้มาประจานผมน่าจะเอาเสียงผมลงยูทูปจะดีกว่า กลัวแต่ว่าจะหามาได้แค่ภาพแล้วนั่งเทียนเขียนข่าว เรื่องจรรยาบรรณเดี๋ยวนี้มันหย่อนยาน พูดลำบาก”

        หน็อย! หาว่าฉันเป็นนักข่าวไร้จรรยาบรรณอย่างนั้นเหรอ ตัวเองคั่วผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าแล้วยังจะมาโยนความผิดให้คนอื่น แล้วฉันไปเขียนบรรยายคำพูดของคุณที่ไหนกัน ฉันเขียนแค่ว่าคุณพลอดรักกันในรถ จูบกันดูดดื่มอยู่นานสองนานเท่านั้นเอง อลินธิดาคิดอย่างเข่นเคี่ยวในใจอยากจะตะโกนโต้กลับดังๆ หากแต่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้

        “ก็คงไม่พ้นแม่อลินธิดา โจทย์เก่าของคุณนั่นล่ะค่ะ รายนั้นคงแค้นใจคุณมากที่สลัดรักเธอ ตามจิกตามกัดคุณไม่เลิกเลย เมื่อเช้าก็ยังว่าให้ระพีเสียๆหายๆอีกนะคะ” รัตน์ระพีทำหน้าคิดหนัก

        “อย่าไปสนใจเลย ผู้หญิงเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้น สักวันต้องเจอดี” อีกครั้งที่ตั้งใจพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำให้คนที่นั่งอยู่ข้างหลังได้ยินอย่างชัดเจน

        “แล้วเรื่องที่ระพีขอไว้คราวที่แล้ว คุณพีทจะว่ายังไงคะ” เมื่อหลายวันที่ผ่านมาเธอขอให้เขาฝากงานให้กับหทัยกานต์

        “ไม่มีปัญหาหรอก ให้เพื่อนคุณเข้าไปสัมภาษณ์ได้เลย ผมคุยกับคุณชาตรีไว้เรียบร้อยแล้ว”

        รัตน์ระพียิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ โผเข้ากราบที่อกกว้างของนักธุรกิจหนุ่มในทันที “ขอบคุณมากๆเลยนะคะ รับรองว่าหทัยกานต์จะเป็นหูเป็นตาให้กับคุณพีทได้แน่นอนค่ะ”

        อลินธิดาเกือบหน้ามืดเมื่อได้ยินเช่นนั้น แท้จริงแล้วเขามันก็ผู้ชายเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนกัน นี่ถึงกับดึงตัวหทัยกานต์ เข้ามาสอดแนมความเคลื่อนไหวของเธอ แค่เพียงคิดก็พอจะรู้ว่ามันต้องวุ่นวายมากแค่ไหน ถ้าต้องร่วมงานกับไม้เบื่อไม้เมาอย่างหทัยกานต์อีกครั้ง งานที่จะกระชากหน้ากากของพบกรันต์ให้คนในสังคมได้รู้ว่าชีวิตส่วนตัวเขาเหลวแหลกแค่ไหน ก็เพิ่งลงมือทำ ถึงแม้จะเป็นที่สนใจของคนในสังคมอย่างมากแต่ก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล

        งานสืบข่าวเกี่ยวกับการขับไล่ที่ดินก็ยังไม่คืบหน้า แล้วนี่เขายังจะวางตัวสายสืบไว้ข้างกายเธออีก ไม่ได้การแล้วล่ะอลินธิดา! เธอต้องหาทางรับมือกับเรื่งนี้ให้เร็วที่สุด จากที่คิดว่าจะเป็นฝ่ายเล่นงานเขา หากปล่อยไว้เช่นนี้เธอเองต่างหากที่จะผู้เขาต้อนจนมุม หญิงสาวคิดกับตัวเองในใจ พลางกระซิบบอกกับชัยรัตน์ที่แสร้งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงกันข้าม

        “ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะ นี่เทปบันทึกเสียง” อลินธิดาบอกพลางเลื่อนเครื่องบันทึกเสียงให้กับเพื่อนร่วมทีมที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

        ชัยรัตน์พยักหน้ารับและอดที่จะกระซิบแซวเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ “ผมว่าคุณกำลังเป็นประเด็นของคุณพบกรันต์มากกว่านะ”

        อลินธิดาหน้าง้ำเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ก็ไม่ได้ตอบว่าอย่างไร ตอนนี้เธอต้องการอยู่ในที่ที่เงียบสงบเพียงลำพังเพื่อคิดหาวิธีสะกัดกั้นไม่ให้หทัยกานต์ให้ได้เสียก่อน ขณะที่เดินหลบมุมไปยังห้องน้ำ สมองก็คิดหาวิธีการจัดการกับเรื่อใกล้ตัวอันดับแรก

        หากจะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับชาตรี ก็ดูเหมือนจะเอาเรื่องส่วนตัวมาพัวพันกับเรื่องงานมากเกินไป ยังไงเสียชาตรีก็คงไม่กล้าขัดใจพบกรันต์เพราะเขาลงทุนซื้อเวลาโฆษณาไว้มากมาย อีกทั้งฝ่ายบรรณาธิการข่าวเองก็ยังขาดนักข่าวภาคสนาม ทุกอย่างมันดูเหมาะเจาะลงตัวราวกับจัดวางไว้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าหทัยกานต์ต้องเข้ามาเป็นนักข่าวภาคสนามแทนจารุพร ทำงานในหน้าที่ที่เธอกำลังทำอยู่นี้ หากเป็นเช่นนั้นก็อย่าหวังเลยว่าจะได้รู้ข่าวลับสุดยอดของพบกรันต์

        สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าต้องเอาเสียงสนทนาเมื่อครู่นี้ให้ชาตรีฟังแล้วตัดสินด้วยตัวเอง เพราะหากจะโทรไปปรึกษาตอนนี้ก็ดูจะไม่เหมาะไม่ควร ทั้งยังเชื่อแน่ว่าชาตรีจะหางานที่เหมาะกับหทัยกานต์ได้มากกว่าตำแหน่งนักข่าวภาคสนาม

        กริ๊ก!...

        เสียงล็อกประตูห้องน้ำที่ควรจะเปิดไว้เพราะมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลาที่ดังขึ้น ทำให้อลินธิดาหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินใกล้เข้ามาก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ!

        “คุณ!” อลินธิดาอ้าปากค้าง ถอยหลังกรูเมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของพบกรันต์เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม แต่ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดชะงักเพราะชนเข้ากับขอบอ่างล้างมือ “ออกไปนะ นี่มันห้องน้ำหญิง คุณเข้ามาทำไม”

        พบกรันต์ยิ้มเย็น ไม่สะท้านสะเทือนกับน้ำเสียงขู่ฟ่อของเธอแม้แต่น้อย “ผมมากกว่าที่ต้องถามคุณว่าตามผมมาทำไม ต้องการอะไร?”

        “ใคร? ใครตามคุณ” อลินธิดาตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่ชี้

        “น้ำผึ้ง” เรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

        แต่เสียงทุ้มที่เรียกขานราวกับคนที่สนิทสนม ทำให้อลินธิดาคอแข็ง เขามีสิทธิ์อะไรที่จะมาเรียกเธอด้วยน้ำเสียงดุเข้มเช่นนี้ “อย่ามาเรียกฉันอย่างนี้นะ”

        “ทำไมจะเรียกไม่ได้...”

        “เพราะคุณไม่มีสิทธิ์” อลินธิดาตอบโดยไม่รอฟังเขาพูดจนจบประโยค

        “อีกไม่นานคุณจะรู้ว่าผมมีสิทธิ์มากกว่านี้ น้ำผึ้ง” พบกรันต์ตอบพร้อมก้าวมายืนประชิดร่างอรชร ค้ำฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนเคาน์เตอร์ล้างมือกักตัวไม่ให้หญิงสาวดิ้นหนี

        “ถอยไปนะ!” อลินธิดาเอนตัวหนีใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้เพียงแค่คืบ

        “คุณต่างหากที่ตามรังควานผมไม่เลิก ทำไม... หรือว่าจะต้องได้ผมก่อนแล้วถึงจะเลิกรา ฮึ?” ถามด้วยน้ำเสียงยียวน

        อลินธิดาอ้าปากค้าง เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนหลงตัวเองอย่างนี้ “ความคิดคุณมันวนเวียนอยู่แต่เรื่องมั่วๆนี่เอง ถึงได้มีข่าวฉาวออกมาไม่เว้นแต่ละวัน”

        “ผมก็ใช้ชีวิตของผมอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมเป็นผู้ชายต่อให้มีข่าวมั่วแค่ไหนก็ไม่เดือดร้อน แต่คุณควรจะเห็นใจผู้หญิงด้วยกันบ้าง รู้ตัวไหมว่ากำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน”

        น้ำเสียงจริงจังที่คนฟังรับรู้ได้ว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยอดีตคนรักมากแค่ไหน ทำให้อลินธิดาเจ็บปลาบแปลบใจไม่น้อย “แล้วคุณรู้ตัวบ้างไหมว่าทำให้ผู้ชายอีกคนที่รักเธอต้องเจ็บปวด เสียใจ เสียหน้า เสียศักดิ์ศรีไม่แพ้กัน”

        “ถ้าที่พูดมาหมายถึงพอล เฉิน ล่ะก็... มันสมควรได้รับความรู้สึกนั้นแล้ว แต่เกรงว่าความหวังดีของคุณจะเป็นหมันเพราะคนอย่างพอล เฉิน มันเลวกว่าที่คุณจะคาดคิดนัก”

        ความโกรธแค้นที่อยู่ในดวงตาคมกริบทำให้อลินธิดารับรู้ได้เป็นอย่างดีว่า แท้จริงแล้วผู้หญิงที่เขารักมาตลอดคือมุกดาริน “ถ้าอย่างนั้นผู้ชายที่ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆอย่างคุณก็คงไม่มีทางเข้าใจ พูดไปก็เปล่าประโยชน์ ถอยไปนะ!”

        เพียงแค่เธอออกแรงผลัก พบกรันต์ก็อาศัยร่างกายที่แข็งแรงกว่าตวัดร่างนุ่มนิ่มไว้ในอ้อมกอด พลิกร่างเธอให้ยืนซ้อนอยู่ด้านหน้า ยิ้มผ่านกระจกส่งให้เธอ

        “ปล่อยนะ มากอดฉันไว้ทำไม!” อลินธิดาหยุดดิ้นทันที เมื่อจมอยู่ในอ้อมกอดหนาแน่น ท่อนแขนแข็งแรงรวบเข้าที่เอว โดยที่ฝ่ามือหนาทาบอยู่ใต้ฐานอกอย่างน่าหวาดเสียว หากเธอดิ้นอีกแม้แต่นิดฝ่ามือเขาคงจะสัมผัสกับส่วนที่หวงแหนเป็นแน่

        พบกรันต์หัวเราะร่วน เห็นใบหน้างดงามที่กำลังโกรธเปลี่ยนเป็นซีดเซียวราวกับไม่เคยต้องมือชายแล้วชอบใจนัก ก้มลงกระซิบชิดใบหูบางด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์ “กอดแล้วไม่ดิ้นนี่แปลว่าชอบใช่ไหม”

        “เอามือสกปรกของคุณออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะ” ฝ่ามือหนาที่เลื่อนสูงขึ้นท้าทายคำพูดมันทำให้อลินธิดาต้องกลั้นหายใจ

        “เขาว่า... ผู้หญิงมักปากไม่ตรงกับใจ ความจริงแล้วคุณชอบให้ผมกอดล่ะสิ”

        “หลงตัวเอง ฉันเกลียดที่สุดก็พวกผู้ชายหลงตัวเอง ปากมอม”

        พบกรันต์ยิ้มใส่ดวงตากลมโตพลางหัวเราะออกมาอย่างสนุก “อ้า... ขนาดเกลียดคุณยังตามผมเช้าเย็น ถ้าเกิดรัก... เราไม่ต้องตัวติดกันทั้งวันเหรอจ๊ะ น้ำผึ้งเปรี้ยว”

        “น่ารังเกียจ ไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ!”

        “สาวๆส่วนมากไม่เคยเกี่ยงในความเป็นบุรุษของผมนะ พวกเธอออกจะชอบมาก... ด้วยซ้ำ ส่วนคำว่า ‘สุภาพ’ คุณคิดว่าผมต้องมีให้กับผู้หญิงแพ้แล้วพาล อย่างคุณงั้นเหรอ”

        “อย่ามามั่วนะ ฉันไปแพ้ไปพาลคุณเมื่อไหร่กัน”

        “ก็ที่ตามตื๊อผม ทั้งที่ผมสลัดรักคุณแล้ว อย่างนี้ไม่พาลแล้วให้เรียกว่าอะไร พอผมถามตรงๆว่าอยากได้ผม คุณก็ว่าเกลียดซะอย่างงั้น” พบกรันต์ส่ายหน้าราวกับจับโกหกเด็กทำผิดได้ “จุ... จุ... จุ... เกลียดผมให้มันน้อยๆลงหน่อยจะดีกว่านะน้ำผึ้งเปรี้ยว ไม่อย่างนั้นผมคงได้หมดความอดทนจับน้ำผึ้งมาชิมดูสักครั้ง ว่าความเกลียดของคุณมันจะหอมหวานแค่ไหน”

        “แนะนำให้คุณหลับ แล้วฝันเอานะคะ” อลินธิดาพูดอย่างท้าทาย

        “ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าควรอยู่ให้ห่างจากผม” พบกรันต์บอกเสียงดุ “แต่ในเมื่อคุณยังรั้น ยังยุ่งไม่เลิก จากนี้ต่อไปก็อย่าหาว่าผมใจร้าย หากผมจะตอบแทนคุณด้วยวิธีการตาต่อตา ฟันต่อฟัน”

        “เชิญ... จะฆ่าจะแกงฉันก็เชิญ... เอ๊ะ!” พูดไม่ทันจบก็ต้องย่นคอหนีปากและจมูกที่ก้มต่ำลงมาหา “อย่าทำบ้าๆนะ”

        แต่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เมื่อพบกรันต์กดทั้งปากและจมูกลงบนแก้มหอมกรุ่นอย่างอดใจไม่ไหว เนิ่นนาน... “อย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งหนีไปไหนก่อนเสียล่ะคนสวย ในเมื่อคุณเลือกที่จะกระโดดลงมาเล่นเกมนี้กับผม ก็อยู่สนุกด้วยกันให้จบเกม”

        พูดจบก่อนถอนจมูกออกจากแก้มนุ่มนิ่ม แล้วเดินออกไปจากห้องน้ำทันที ทิ้งให้คนที่ยังตกตะลึงเพราะถูกจู่โจมโดยไม่ทันได้ตั้งตัวยืนนิ่งอยู่หน้ากระจกเช่นเดิม

        อลินธิดามองตัวเองในกระจกด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เกลียดตัวเองที่หวั่นไหวไปกับสัมผัสอบอุ่นของเขา ทั้งที่รับรู้ได้เป็นอย่างดีว่าผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ในใจของเขาคือมุกดาริน เขาเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเธอที่ต้องเผชิญกับข่าวฉาว ผู้หญิงที่รายล้อมรอบตัวเขาเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่เขาร้อยไว้ใช้เท่านั้นเอง!

       

        ชั่วโมงต่อมาอลินธิดาเดินทางมาถึงบ้านด้วยรถแท็กซี่เพราะรู้สึกเหนื่อยก็กว่าที่จะกลับไปยังสถานีแล้วขับรถของตนกลับบ้านเช่นทุกวัน

        โฮ่ง!... โฮ่ง!... โฮ่ง!...

        เสียงเห่าของเจ้าช็อกโกแลตพร้อมอาการกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ หางตั้งเป็นพวงที่สะบัดไปมาอย่างแรงนั้นสามารถเรียกรอยยิ้มของอลินธิดาได้เป็นอย่างดี เพียงแค่ก้าวเข้าผ่านรั้วอัลลอยด์ สุนัขพันธุ์บางแก้ววัยห้าเดือนก็กระโดดยกสองขาหน้าขึ้น ใช้สองขาหลังทรงตัวพร้อมหมุนเป็นวงกลมแสดงความดีใจราวกับไม่ได้เจอหน้ากันมานานแรมเดือน

        ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจดูเหมือนจะเลือนหายไปชั่วขณะ เมื่อได้เห็นท่าทีของเจ้าช็อกโกแลต หญิงสาวเข้าไปอุ้มมันขึ้นกอดไว้ในอ้อมแขน ซุกหน้าลงกับขนอันอ่อนนุ่มช่วงคอ “หอมจัง พี่สายใจอาบน้ำให้ใช่ไหม”

        เจ้าช็อกโกแลตตอบรับการหยอกล้อนั้นด้วยการเลียสะเปะสะปะที่ใบหู ข้างแก้มจนสามารถเรียกเสียงหัวเราะคิกคักของอลินธิดาได้เป็นอย่างดี

        “อ้าว... คุณน้ำผึ้ง มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมพี่สายใจไม่ได้ยินเสียงรถ?” สายใจเดินออกมาจากครัวพร้อมถามเจ้านายสาวด้วยความประหลาดใจ

        “น้ำผึ้งออกไปทำงานข้างนอกน่ะค่ะ ถ้ากลับสถานีไปขับรถกลับบ้านก็จะดึกไปกันใหญ่ เลยตัดสินใจจอดไว้ที่นั่นแล้วนั่งแท็กซี่กลับมา” อลินธิดาตอบพลางย่อตัว ปล่อยเจ้าช็อกโกแลตลงกับพื้น “แม่ล่ะคะ?”

        “คุณอ้อยผัดไส้ขนมกะหรี่ปั๊บอยู่ในครัวค่ะ” สายใจตอบพลางมองตามร่างของเจ้านายสาวที่เดินเข้าไปในครัว

        “ทำอะไรมืดๆค่ำๆคะ ป่านนี้น่าจะเข้านอนได้แล้ว” อลินธิดาบอกพลางเดินไปสวมกอดมารดาจากด้านหลัง กดจมูกลงบนแก้มของผู้เป็นแม่อย่างที่เคยทำเป็นประจำ

        “ทำไส้ขนมจ้ะ วันมะรืนแม่จะทำกับข้าวไปถวายเพลพระที่วัด ทำบุญให้คุณพ่อ” อมราตอบพลางปิดแก๊ส แล้วหันมาสั่งการแม่บ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกล “เดี๋ยวพอไส้ขนมเย็นตัว สายใจก็ตักใส่กล่องแล้วแช่ช่องแข็งไว้เลยนะ”

        เมื่อแม่บ้านรับคำจึงหันมาคุยกับลูกสาวอีกครั้ง “จำได้รึเปล่าว่ามะรืนนี้วันอะไร?”

        อลินธิดาทำตาโต รีบตอบในทันที “จำได้สิคะ วันนั้นเมื่อห้าปีที่แล้ว น้ำผึ้งร้องไห้จนไม่มีน้ำตา”

        อมรายิ้มให้ลูกสาวพลางลูบต้นแขนขึ้นลงเร็วๆอย่างปลอบขวัญ “เรื่องธรรมดานะลูก ทุกคนเกิดมาหนีไม่พ้น”

        เมื่อได้ยินเช่นนั้น อลินธิดารีบยกนิ้วชี้ขึ้นจรดที่ริมฝีปากของมารดาเพราะรู้ว่าต่อจากนี้ท่านต้องพูดว่า... อีกไม่นานแม่เองก็ต้องจากไปเหมือนกัน “อย่าพูดต่อนะ ไม่งั้นน้ำผึ้งโกรธจริงๆ”

        “โตจนป่านนี้แล้วยังเอาแต่ใจตัวเอง” อมราต่อว่าอย่างไม่จริงจังนัก

        “ก็แม่ตามใจน้ำผึ้งเองนี่คะ”

        “จ้า... แม่ยอมรับ ก็แม่มีลูกสาวคนเดียว เป็นทั้งแก้วตาดวงใจจะไม่ให้ตามใจได้ยังไง” แต่การตามใจของเธอนั้นก็ไม่ได้ทำให้ลูกสาวประพฤติปฏิบัติตัวออกนอกลู่ทางที่วางไว้ แต่กลับทำให้ลูกสาวเป็นผู้หญิงสองบุคลิกที่อยู่นอกบ้านนั้นสู้คน รู้จักวางตัว แต่เมื่ออยู่ในบ้านจะน่ารัก น่าเอ็นดู

        คำตอบของผู้เป็นแม่ทำให้ลูกสาวหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ “ปีหนึ่งๆผ่านไปเร็วนะคะ เผลอแป๊บเดียว เราไม่ได้เจอหน้าคุณพ่อมาห้าปีเต็มแล้ว”

        อมราได้แต่ยิ้มเศร้าๆด้วยความคิดถึง...

        “แม่น่าจะทำพรุ่งนี้ก็ได้นี่คะ วันนี้ดึกมากแล้ว น่าจะพักผ่อน” อลินธิดาชวนคุยเรื่องอื่นเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเปื้อนความหมองเศร้าบนใบหน้ามารดา

        อมราส่ายหน้าให้กับลูกสาว “พักผ่อนอะไรนักหนา รู้ไหมว่าแม่พักผ่อนทั้งวัน แค่มายืนผัดๆไส้ให้มันเข้ากันไม่ถึงสิบนาที นอกนั้นสายใจก็แย่งแม่ทำหมดทุกอย่าง แล้วน้ำผึ้งทานอะไรมารึยังลูก...”

        “เรียบร้อยมาแล้วค่ะ แล้วแม่ล่ะคะ วันนี้ทานข้าวเย็นกับอะไรมั่ง?” อลินธิดาถามพลางประคองแม่ของตนเดินออกจากห้องครัว

        “แกงเลียงกุ้งกับหมูกะปิ แบ่งไว้ให้น้ำผึ้งทานก่อนไปทำงานตอนเช้าด้วย” อมราบอกก่อนที่จะชะงักการก้าวเดิน แล้วหันมากวาดสายตามองลูกสาวของตนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า “แม่ว่าน้ำผึ้งทำงานหนักไปรึเปล่าลูก... ออกจากบ้านแต่เช้า กลับบ้านดึกดื่นทุกวัน รู้ตัวรึเปล่าว่าผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว”

        แต่เมื่อได้ยินคำว่า ‘ผอม’ อลินธิดากลับทำหน้าตาพอใจถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ “ผอมลงกว่าเดิมจริงๆเหรอคะแม่”

        “ยังจะทำเป็นเล่นอีก รู้ไหมว่าแม่เป็นห่วง” อมราพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ จนเจ้าช็อกโกแลตที่แหงนหน้ามองเจ้านายส่งเสียงครางหงิงๆ ใช้ขาหน้าเขี่ยที่ฝ่าเท้าของอมราราวกับจะบอกว่าอย่าตำหนิเจ้านายคนสวยของมัน

        “รู้ค่า... ขอโทษด้วยที่ทำให้แม่เป็นห่วงแต่ตอนนี้น้ำผึ้งกำลังทำงานชิ้นสำคัญ ซึ่งมันทำให้ต้องออกไปทำงานข้างนอกแล้วกลับบ้านมืดค่ำอย่างนี้ แต่สัญญาค่ะว่าอีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ น้ำผึ้งต้องปิดงานชิ้นนี้ลงให้ได้ แล้วจะกลับบ้านตามเวลาปกตินะคะ” ตะล่อมบอกพลางประคองให้ผู้เป็นแม่เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน โดยมีเจ้าช็อกโกแลตเดินรั้งท้าย “วันนี้น้ำผึ้งขอนอนกับแม่นะคะ อย่าเพิ่งล็อกห้องเสียก่อน ขอเวลาอาบน้ำแต่งตัวยี่สิบนาที”

        อมรามองหน้าลูกสาวพลางเลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจ “คิดยังไงวันนี้ถึงจะนอนกับแม่”

        “ก็คิดถึงแม่น่ะสิคะ ถ้าปล่อยให้ช็อกโกนอนกับแม่บ่อยไป แม่อาจจะรักมันมากกว่าน้ำผึ้ง” อลินธิดาบอกพลางผลักหัวนุ่มๆของสุนัขขี้ประจบซึ่งซบอยู่กับต้นขาของตัวเองออกไปด้วยความหมั่นไส้ ภาพนั้นทำให้อมราส่ายหน้าระอาใจกับลูกสาวที่ไม่ยอมโตสักที

        “ช็อกโกเอ๊ย... เข้าห้องได้แล้วลูก”

        อลินธิดาอมยิ้มมองแม่ของตนและลูกชายสี่เท้าสุดรักสุดหวงของท่าน เดินเข้าห้องนอนราวกับเบื่อหน่ายพฤติกรรมของเธอนักหนา หากการได้พูดคุย ใช้เวลาร่วมกับคนในครอบครัวก็ทำให้จิตใจลืมเลือนความเจ็บปวดจากผู้ชายไร้หัวใจคนหนึ่ง ซึ่งเพิ่งได้รับรู้ว่าแท้จริงแล้วในใจของเขามีคนครอบครองอยู่แล้ว และหวังว่าความจริงข้อนี้จะทำให้เธอได้ลบเลือนเขาออกไปจากหัวใจได้ในสักวันหนึ่ง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา