พิมพ์ลิขิตเเอบรัก
เขียนโดย Dashathone
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) เเอบจุ๊บrewrited
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 4
แอบจุ๊บ
เช้าวันใหม่พิมพ์ภัทรก้าวเดินไปตามทางเดินฟุตบาตในรั้วมหาวิทยาลัยด้วยสีหน้าครุ่นคิด จ้องมองดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธ์ในมือตัวเองอย่างพิจารณา เธอพยายามครุ่นคิดมาตลอดทาง ตั้งแต่ได้ข้อมูลตารางเรียน ความชอบส่วนตัว อาหารการกิน และกิจกรรมประจำวัน และไม่เว้นแม้กระทั่งแผนที่ไปบ้านของธีร์ภพจากรุ่นพี่ปารมีมาเมื่อเช้านี้ นับว่าการตีสนิทกับเพื่อนรักคนนี้ของชายหนุ่มในดวงใจ ทำให้ได้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนอย่างที่เธอต้องการที่สุด แต่จะเริ่มต้นเดินเข้าไปในชีวิตของเขาอย่างไรดี จึงจะไม่ดูน่าเกลียดและไหลลื่นให้มากที่สุด ราวกับว่าเป็นเรื่องบังเอิญ โดยที่เป้าหมายยังไม่ทันได้ตั้งตัว
หากแต่ความคิดที่กำลังไหลวนไปมาในสมองราวกับพายุกลางทะเลต้องสะดุดหยุดชะงักลงทันที เมื่อดวงตากลมโตไปปะทะกับป้ายหน้าห้อง ‘ชมรมอาสา....’ พลันหัวใจดวงน้อยในอกข้างซ้ายก็เต้นกระหน่ำไม่เป็นจังหวะขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือบางเรียวชื้นเหงื่อขณะกำก้านดอกไม้แน่น พื้นคอนกรีตที่ปูทับด้วยหินอ่อนคล้ายจะโคลงเคลงเหมือนเรือลอยอยู่กลางท้องทะเลอันเวิ้งว้าง เธอไม่รู้เลยสักนิดว่าตัวเองมายื่นจรดปรายเท้าอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร เพราะตลอดทางที่เดินผ่านมานั้น ในหัวสมองของเธอมีแต่ภาพผู้ชายร่างสูง ขาว หน้าตาหล่อเหลา มาดคุณชาย ผิวเกลี้ยงเกลา สะอาดสะอ้านหมดจด คงไม่แปลกหากหัวใจจะสั่งการแทนสมอง ว่าเธอควรจะเดินเลี้ยวไปในทิศทางใด
มือเล็กค่อยๆจับลูกบิดดึงออกแล้วเยี่ยมหน้าเข้าไปข้างในห้อง เพื่อดูว่าใครอยู่ด้านในบ้าง พิมพ์ภัทรหวังว่าจะไม่มีใครอยู่ขัดขวางแผนการ....แอบจีบของเธอหรอกนะ แต่ผิดคาด! เพราะสิ่งที่ปรากฏต่อสายตานั้น ทำให้ดวงตากลมเบิกกว้างอีกเท่าตัว รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง กลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงกรี๊ดกร๊าดของเธอซะก่อน หญิงสาวตัดสินใจก้าวเท้าเล็กเรียวในรองเท้าผ้าใบของนักศึกษาปีหนึ่งเข้าไปใกล้คนตรงหน้ามากขึ้น และหยุดยืนห่างจากโซฟาเพียงแค่หนึ่งก้าวเท่านั้น เพราะเดี๋ยวอีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีใครมายืนจ้องเขาเสียก่อน เธอเพ่งมองภาพตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายอ่อนโยนปนเอ็นดู ปากเรียวเล็กเผยรอยยิ้มกว้างจนตาหยีคล้ายจะเป็นรูปหัวใจ ‘ผู้ชายอะไรน่ารักซะมัด’ หญิงสาวอดพึมพำในใจไม่ได้ ถ้าผู้หญิงคนไหนต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเธอ ก็คงต้องมีอาการตะลึงค้างในวังวนไม่ต่างกันนักหรอก เพราะสิ่งที่เห็นนั้นชวนมองน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะ ผู้ชายตัวสูงเต็มไปด้วยมัดกล้ามแม้มองผ่านเสื้อเชิ้ตนักศึกษาก็ตาม เขากำลังนอนเอกเขนกด้วยท่วงท่าที่สบายบนโซฟาหนังสีดำ ใบหน้ารูปไข่ขาวผ่องประกอบกับคิ้วเข้มหนา รับกับดวงตารีเรียว จมูกโด่งเป็นสันนูนชัดเด่น ดูส่งเสริมกับปากหยักแดงอมชมพูระเรื่อน่าจูบได้เป็นอย่างดี คล้ายกับมีมนต์สะกดผลักดันให้ความกลัวในตัวเธอทั้งหมดพังทลายลงหายไปในอากาศธาตุรอบตัวทันที เท้าเล็กค่อยๆก้าวไปข้างหน้าใกล้คนหลับเข้าไปยืนชิด ย่อตัวคุกเข่าลงข้างๆชายหนุ่ม มือบางที่กำลังจะเอื้อมไปแตะใบหน้าหล่อเหลาเป็นอันชะงัก ดึงกลับมาทาบลงบนอกทันที เมื่อคนที่คิดว่าหลังลึกกลับพลิกตัวนอนตะแคงข้าง แถมหันหน้ามาทางคนตัวเล็กอีกต่างหาก!
....เฮ้อ.... หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อคนตรงหน้ายังคงมีลมหายใจสม่ำเสมอ ราวกับว่ากำลังอยู่ในห้วงนิทรารมณ์ฝันดี พิมพ์ภัทรมองภาพเคลื่อนไหวนั้นด้วยแววตาเอ็นดู อดยิ้มกว้างออกมาไม่ได้ พลันความคิดซุกซนก็ผุดวาบขึ้นมาในหัวอย่างช่วยไม่ได้ และทำสิ่งที่เป้าหมายไม่คาดคิด หญิงสาวเดินกลับไปที่ประตู เอื้อมมือไปกดล็อกลูกบิดทันที ก่อนจะกลับมายืนข้างคนหลับ แล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ดวงหน้าหล่อจนเกือบชิด
....จุ๊บ.... หญิงสาวตัดสินใจแนบริมฝีปากบางลงกับริมฝีปากหยักเร็วๆหนึ่งครั้งโดยไม่ให้เหยื่อรู้ตัว แล้วรีบลุกขึ้นยืนเอาฝ่ามือปิดหน้าตัวเองกรี๊ดกร๊าดเขินอายอยู่ในใจ เพราะกลัวคนโดนลักหลับจะตื่นมาตีหน้ายักษ์โกรธใส่เธอก่อนที่จะได้ทันตั้งตัว หากแต่ความหวังของเธอสลายหายไปกับสายลม เมื่อเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน
“ปิดหน้าตัวเองทำไม...” ช่ายหนุ่มงัวเงียลุกขึ้นนั่งถามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก เมื่อเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่หลายนาที
“พี่ธีร์ ว้าย!” พิมพ์ภัทรสะดุ้งเรียกชื่อคนถามเสียงดังด้วยตกใจ หัวใจดวงน้อยแทบวาย ขาเรียวที่กำลังจะหันหลังก้าวย่างไปทางประตู เกิดไขว้พันกันจนร่างบางเล็กหงายไปด้านหลังอย่างยั้นไว้ไม่อยู่ หญิงสาวหลับตาปี๋เอามือบางรองก้นเตรียมใจว่ามันจะกระแทกพื้น แต่ทำไมกลับรู้สึกไม่เจ็บ แถมพื้นกระเบื้องยังอุ่นหนั่นแน่นเปรี้ยะอะไรอย่างนี้ ทว่าเสียงกระซิบนุ่มทุ้มข้างริมใบหูเล็กเรียกไรขนให้ลุกเกรียว หัวใจในอกข้างซ้ายเต้นกระหน่ำ เนื้อตัวร้อนผ่าวลามเลียไปถึงผิวแก้มเนียนทั้งสองข้าง
“แล้วเป็นอะไร ทำไมต้องเสียงดัง” ธีร์ภพอยู่ในท่านั่งบนโซฟา โดยมีผู้หญิงร่างเล็กอยู่บนตักอีกที เขาโน้มใบหน้าชิมแก้มเนียนด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าหรี่ตาแคบจ้องมองเสี้ยวหน้าของคนในอ้อมแขนตรงๆอย่างจับผิด
“เปล๊า ไม่มี๊ ไม่มีอะไรนี่ค่ะ” คนถูกจ้องปฏิเสธเสียงสูงออกไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ส่ายศีรษะไปมาจนผมกระจายอย่างน่ารักน่าชัง
“แล้ว...ทำไมต้องเสียงสูง” เจ้าของคำถามยังคงจ้องมองมองคนหน้านวล รี่ตาแคบลงไปอีก แต่กลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากหยักแดงเรื่อได้รูปแทน โดยที่พิมพ์ภัทรไม่ทันได้สังเกต
“ก็...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ภัทรแค่เคืองตานิดหน่อยน่ะค่ะ” จู่ๆข้ออ้างเลื่อนลอยนี้ก็ผุดขึ้นมาให้ได้แก้ตัว
“หืม ไหนขอดูหน่อยสิ” คนตัวโตใช้มือทั้งสองข้างโอบใบหน้าเล็กให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน โน้มเข้ามาใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน จ้องเข้าไปในดวงตากลมโตราวกับลูกแก้ว ว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่ข้างในรึเปล่า แต่หารู้ไม่ว่าคนถูกกระทำนั้นหัวใจเต้นแรงราวกับจังหวะเพลงร็อค จนกลัวเขาจะได้ยินเสียก่อน
“อืม ไม่เห็นมีอะไรนี่ จะมีก็แต่...เงาผู้ชายอย่างพี่” ธีร์ภพบอกเสียงเรียบขณะจับดวงหน้าเล็กให้หันซ้ายขวา ราวกับว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป หารู้ไม่ว่าคนฟังแทบกรี้ด ไม่คิดว่าผู้ชายเงียบสุขุมแบบเขาจะเป็นคนตรงขนาดนี้
“ว่าแต่พี่ธีร์มีงานของชมรมให้ช่วยไหมคะ” หญิงสาวถามเพื่อเบี่ยงเบนการซักฟอกของอีกฝ่ายทันที เมื่อรู้สึกกลัวว่าจะถูกเขาต้อนจนมุมเสียก่อน หากแต่มันไม่ได้ผลเพราะ...
“พี่กำลังตามหาผู้หญิงหน้าเลอะแป้งอยู่ครับ” ชายหนุ่มตอบคำถามเสียงเรียบ ทำท่าเดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน แต่ไม่วายสังเกตอาการคนร่างเล็กที่พยายามดิ้นลงมาจากตักเขา
….วาบ.....
คำๆนี้ล่ะที่อธิบายความรู้สึกอาการเสียวสันหลังของเธอที่กำลังเป็นอยู่ตอนนี้ได้ดีที่สุด คล้ายกับว่าตัวเองโกหกนั้นมันผิดร้ายแรงมหันต์อย่างไม่น่าให้อภัย หากเขาได้รู้ความจริงทั้งหมด คิดถึงตรงนี้แล้วหัวใจที่มีแสงสว่างไปด้วยความหวังอันเล็กน้อย กลับหล่นตุ๊บไปอยู่ที่ตาตุ่ม! พิมพ์ภัทรผุดลุกขึ้นจากตักมายืนตรงหน้าคนตัวสูงแทน
“ทำไมพี่ธีร์ถึงอยากรู้นักล่ะคะ” พิมพ์ภัทรก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมชายหนุ่มถึงต้องอยากรู้ว่าใครคือหญิงสาวปริศนาเจ้าของขนมกล่องนั้น เพราะถ้ามองอีกแง่หนึ่ง การได้ลุ้นว่าเมื่อไหร่ ‘ผู้หญิงหน้าเลอะแป้ง’ จะเปิดตัวนั่น ดูจะตื้นมากกว่าด้วยซ้ำ ที่สำคัญมันสนุกกว่าตั้งเยอะ เพราะจะต้องลุ้นทุกครั้งว่าหญิงสาวจะให้อะไรเป็นของไว้ดูต่างหน้าในแต่ละวันอีกด้วย
“พี่ไม่อยากรับของจากใครสุ่มสีสุ่มห้า ที่สำคัญพี่ไม่อยากให้ความหวังกับใคร ภัทรคงดูออกใช่ไหมว่าคนที่จะส่งของพวกนี้ให้กันทุกวัน คงไม่ได้รู้สึกแค่ฉันท์เพื่อนหรอกมั้ง” คราวนี้เป็นหญิงสาวเองที่อึ้งไปกับเหตุผลที่คาดไม่ถึงของเขา เพราะมันบ่งบอกว่าเขาไม่เคยล้อเล่นกับความรู้สึกของคน
“รวมถึงไอ้ดอกกุหลาบนั่นด้วย คงไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ฝากดอกกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์มาให้ใส่แจกันเฉยๆ โดยไม่ได้รู้สึกตามความหมายของมัน ที่แสดงถึงความรักอันบริสุทธิ์หรอก จริงไหมครับ” จบเหตุผลนี้แล้วคนฟังอย่างพิมพ์อยากจะตอบว่า
ใช่...
เธอรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ตั้งใจว่าจะส่งดอกกุหลาบสีขาวให้เขาวันละดอก เพื่อสื่อความหมายว่าความรู้สึกดีๆที่เอ่อท่วมท้นอยู่ในอกนี้ไป มันบริสุทธิ์ปราศจากสิ่งเจือปนใดอื่นนอกจากความรักและหวังดี หวังให้เขามีความสุขและรอยยิ้มอยู่บนหน้าเสมอ แล้วเผื่อแผ่กว้างมาถึงเธอบ้าง อย่างน้อยก็วันละครั้งโดยไม่มีวันสิ้นสุดเหือดหายไปจากริมฝีปากน่าจูบนั่น
“ภะ....ภัทรก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ” แต่ตอนนี้เธอบอกความจริงเขาไม่ได้จริง เธอยังไม่รู้ว่าเขารู้สึกเช่นเดียวกับเธอไหม ที่สำคัญคือ...เธอไม่พร้อมจะยอมรับความจริงและปล่อยให้ความหวังพังทลายหายไปกับสายลมตอนนี้ เธอรับไม่ได้!
“งั้นเหรอ” ธีร์ภพตอบกลับเสียงเรียบราวกับไม่ติดใจสงสัยอะไรอีก หากแต่ใครจะรู้ดีเท่าตัวเขาเล่า ว่าแท้จริงแล้วความเคลือบแคลงและผู้ต้องสงสัยน่าอยู่ไม่ไกลตัวนักหรอก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ