พิมพ์ลิขิตเเอบรัก
เขียนโดย Dashathone
วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 23.29 น.
แก้ไขเมื่อ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2558 23.39 น. โดย เจ้าของนิยาย
14) เเผนที่หนึ่ง....ชิดใกล้
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 11
แผนที่หนึ่ง….ชิดใกล้
“วันนี้งานเยอะเหรอลูก” เสียงอ่อนโยนของคุณระพีเรียกให้ผู้เป็นลูกสาวเดินเข้ามาหาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน ก่อนจะเดินมานางเคียงข้างแล้วเอาศีรษะพิงไหล่บิดาอันเป็นที่รักอย่างออดอ้อน เหมือนเด็กหญิงตัวเล็กๆกำลังเรียกร้องความสนใจจากคนเป็นพ่อ เมื่อครั้งอดีต
“แผนกบัญชีจะยุ่งมากในช่วงสิ้นเดือนแบบนี้ละค่ะ ว่าแต่พ่อยังไม่นอนอีกหรือคะ” หญิงสาวตอบและถามออกไปทั้งๆที่กำลังหลับตาอย่างผ่อนคลาย เพราะไออุ่นบนเรือนผมขณะผู้เป็นพ่อลูบแผ่วเบา คล้ายปัดเป่าให้ความเหนื่อยล้าจากการทำงานเบาบางลง
“อยากเปลี่ยนงานไหม” คุณระลองหยั่งเชิงตามแผนที่เตรียมไว้
“มีอะไรรึเปล่าคะ” พิมพ์ภัทรเงยหน้าจากไหล่บิดา ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะครั้งล่าสุดที่คุณระพีรบเร้าอยากให้เข้าไปบริหารกิจการครอบครัว แล้วเธอปฏิเสธออกไปอย่างเด็ดขาดว่า ไม่ พร้อมกับเหตุผลส่วนตัวนั้น ท่านก็ไม่เคยถามอีกเลย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้....
“พ่อคิดว่าธีร์เขาต้องการเลขามือดี และคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือลูก เพราะภัทรรู้ใจพี่เขามากที่สุด”
“หมายความว่าไงคะ แล้วเกี่ยวอะไรกับพี่ธีร์คะ” คราวนี้คนเป็นลูกสาวถามด้วยท่าทีร้อนรนอยากรู้ เหมือนทุกครั้งที่มีเรื่องเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อธีร์ภพ พิมพ์ภัทรจะใส่ในเสมอ ไม่ว่าจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วก็ตาม
“ธีร์ภพเข้าไปเซ็นสัญญารับตำแหน่งรองประธานที่บริษัทเมื่อเช้านี้ ภัทรคงไม่ปล่อยให้คนที่ตัวเองรัก ต้องเผชิญกับปัญหาร้อยแปดเพียงลำพังหรอก จริงไหม” เขาเชื่อว่าผู้หญิงที่มั่นคงและซื่อสัตย์กับหัวใจตัวมาตลอดอย่างลูกสาวเขา จะทนเห็นคนรักยืนอยู่ท่ามกลางสนามรบคนเดียวได้หรือ
“ภัทรขอคิดดูก่อนแล้วกันค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเรียบด้วยอาการหน้าบึ้ง เมื่อรู้สึกว่าผู้เป็นพ่อรู้ทันและบังคับทางอ้อมโดยการอ้างธีร์ภพ แม้คนภายนอกอาจมองบิดาของเธอเป็นผู้ชายที่รักครอบครัวและอบอุ่น หากในสาวตาเธอและมารดาแล้ว ชายวัยหกสิบคนนี้กลับเจ้าเล่ห์กับการแก้ไขทุกปัญหาเสมอ
“ทำไมล่ะ พ่อว่าธีร์เขาก็ยอมพิสูจน์ตัวเองถึงขนาดนี้แล้ว ยังคิดว่าเขาไม่รักอยู่อีกหรือ ผู้ชายน่ะมักแสดงออกมากกว่าพูดนะ”
“แต่ภัทรก็อยากได้ยินคำว่ารักจากปากเขาสักครั้งนี่คะ”แต่ผู้หญิงเรามักย้ำคิดย้ำทำแถมยังโลภมาก ทั้งอยากได้ยินและได้เห็นว่าเขารักเราเธอจริง ด้วยการกระทำและคำพูดของเขาทั้งหมด
“หึหึ ถ้าเราไม่คาดหวังดูบ้างสิ เราก็จะไม่ผิดหวัง แล้ววันจันทร์เจอกันที่บริษัทนะลูกรัก คุณระพียีศีรษะทุยและประทับฝีปากบนกระหม่อมของลูกสาวสุดที่รัก ก่อนที่ท่านจะจากไปนอนกอดภรรยาสุดที่รักด้วยความสุข เมื่อต้นทางของแผนการทั้งหมดที่วางไว้ กำลังจะเป็นไปตามที่กำหนด และหวังลึกๆว่าท่านจะได้วางมือจากธุรกิจ เพื่อใช้เวลาอยู่กับหลานๆในเร็วๆนี้
ร่างบางระหงกำลังยืนเรียกความมั่นใจให้ตัวเองอยู่หน้าตึกของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ พิมพ์ภัทรไม่รู้ว่าตัวเองตัดสินใจถูกหรือผิด ที่ยอมเดินตามเกมของบิดาง่ายๆแบบนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจที่สุดคือ ผลลัพธ์มันจะต้องดีต่อตัวเธอแน่ เพราะท่านกำลังทำเพื่อเธอ เปิดโอกาสให้เธอได้ใกล้ชิดกับพี่ธีร์อีกครั้ง เหมือนกับได้ย้อนเวลากลับไปสัมผัสกลิ่นอายบรรยากาศเก่าๆระหว่างเธอกับเขา ซึ่งมันไม่เคยเลือนหายไปตากาลเวลาแม้แต่น้อย
‘เอาวะ ลองดูสักตั้ง ถ้าเขายังเห็นเธอเป็นน้องสาวอยู่อีก ก็ตัดใจแล้วเดินหันหลังออกมาซะ’ แต่หากธีร์ภพเข้ามาทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเองจริงอย่างที่บิดาว่าแล้วล่ะก็ เธอเองก็ควรกล้าที่จะเผชิญความจริงเช่นกันมิใช่หรือ ยิ่งปล่อยวันเวลาผ่านไป อายุที่แม้จะเป็นเพียงตัวเลข ก็จะยิ่งมากขึ้นทุกวัน เท่ากับว่าวัยของเธอจะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ลองเสี่ยงกระโดดขึ้นรถไฟขบวนสุดท้ายอีกครั้งได้อย่างไร ถึงจะเคยพลาดตกมาแล้วครั้งยังเป็นสาวแรกแย้มก็ตาม
วันนี้หญิงสาวร่างบางอยู่ในชุดเดรสสีดำพอดีตัวทับด้วยสูทสุภาพสีขาว หนีบกระเป๋าถือใบเก๋สีเมทาลิก เข้ากันกับรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วสีเดียวกัน เดินเข้าไปในตัวตึกบริษัทด้วยท่าทางมั่นใจสง่าตามแบบฉบับคุณหนูพ่วงตำแหน่งเลขาทันที
พิมพ์ภัทรเอามือทาบอกด้านซ้ายเมื่อรู้สึกว่ายิ่งใกล้เข้าห้องนั้นเท่าไหร่ หัวใจดวงน้อยที่เคยผิดหวังซ้ำซากกลับมาเต้นรัวราวกับมันฟื้นคืนชีพอีกครั้ง หรืออาจจะเป็นเพราะมันรู้ว่าใกล้จะได้เจอคนที่อยู่ในห้องนั่นกันแน่ และมันก็ยิ่งเต้นเร็วรัวและแรงเข้าไปอีก เมื่อปลายเท้าในรองเท้าของตัวเองจรดอยู่หน้าบนประตู ซึ่งมีป้ายบอกตำแหน่งติดไว้อย่างชัดเจน
รองประธาน
หญิงสาวหลับตาลงช้าๆ สูดหายใจเข้าออกสองสามครั้งเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ‘หัวใจจ๋าอย่าเต้นแรง ขาเรียวจ๋าอย่าสั่น จงก้าวเข้าไป ค่อยๆก้าวเข้าไปในห้อง’ พิมพ์ภัทรตะโกนบอกตัวเองในใจเสียงดัง แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ยังเต้นแรงกว่าเดิม ขาที่กำลังสั่นก็สั่นมากขึ้นจนแทบจะก้าวไม่ออก มือบางที่บัดนี้ชื้นไปด้วยเหงื่อกำกระเป๋าหนังแน่นขึ้น หัวสมองที่คิดวิเคราะห์เกี่ยวกับหน้าที่เลขามาตลอดทาง ตอนนี้กลับว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก และไม่สามารถสั่งการให้เท้าทั้งสองข้างก้าวผ่านประตูห้องตรงหน้าได้ ความตื่นเต้นกำลังจู่โจมเธอ!
แต่หารู้ไม่ว่าทุกอากัปกิริยาของตัวเองนั้นอยู่ในสายตาของคนร่างสูง ที่มายืนซ้อนมองอยู่ด้านหลังคนตัวเล็กนานแล้ว รอยยิ้มจุดขึ้นบนริมฝีปากหยักได้รูป แล้วค่อยๆฉีกกว้างขึ้นจนแทบจะเห็นฟันสวยครบทุกซี่ เมื่อเห็นอาการตื่นเต้นเกินเหตุของยัยน้องรักของเขาอยู่นานแล้ว ทว่าเขาก็ยังรู้สึกว่ามันน่ารักดีออก นานแล้วที่ไม่ได้เห็นมุมนี้ของพิมพ์ภัทร เขาเสียเวลาไปกับความคิดงี่เง้าคิดเองเออเองนานเหลือเกิน จนปล่อยให้คนที่รักเขารอคอยเสียจนหญิงสาวกำลังจะเปลี่ยนใจ แต่นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป เขาไม่ปล่อยให้เธอรอแม้สักวินาทีเดียว เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่ยอมขยับเสียที ชายหนุ่มจึงตัดสินทำในสิ่งที่เป้าหมายคาดไม่ถึง
“ว้าย!” พิมพ์ภัทรร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกว่าร่างตัวเองลอยหวือขึ้นไปในอากาศ และไม่รู้ว่าใครเป็นคนอุ้ม จนเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคยออกคำสั่ง
“เปิดประตู” ธีร์ภพสั่งเสียงแผ่วชิดริมหูของคนในอ้อมแขน
“พี่ธีร์!” สติที่เคยหลุดลอยก่อนหน้านี้กลับมาอีกครั้ง หญิงสาวเบิกตากว้างมองคนอุ้มด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ในอ้อมกอดเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ และทำไมเขาต้องอุ้มเธอด้วย
“เปิดประตูสิ ให้อุ้มนานๆพี่เมื่อย” พิมพ์ภัทรเอื้อมไปบิดลูกบิดประตูโดยเร็ว เพราะคิดว่าตัวเองหนักอย่างจนอุ้มนานไม่ไหวอย่างที่เขาว่าจริง
“ปล่อยภัทรลงได้แล้วค่ะ” คนถูกอุ้มบอกเมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องแล้ว
“แน่ใจนะว่ายืนไหว” เขาถามด้วยใบหน้ายิ้มๆล้อเลียน
“พี่ธีร์!!!” จนคนถูกล้อต้องเอ่ยปราม เพราะรู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนเห่อเขินอาย ที่ความตื่นเต้นของเธอเป็นเหตุให้เขาต้องอุ้มเข้าห้อง ทว่าชายหนุ่มกลับอุ้มคนตัวบางไปวางให้นั่งบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงาน แทนที่จะปล่อยให้เธอยืนลงบนพื้นเอง
“ไม่เห็นต้องอุ้มเลย ภัทรเดินเองได้”
“ถือว่าเอาฤกษเอาชัยเหมือนกับ....” เขาหยุดพูดไม่จบประโยคให้คนฟังอยากรู้ ในขณะที่กำลังคุกเข่าบนพื้นพรมและใชฝ่ามือนวดขาเรียวเล็กให้หญิงสาวไปด้วย
“เหมือนกับอะไรคะ” แล้วมีหรือที่น้องน้อยของเขาจะไม่ถามต่อ ธีร์ภพจึงเงยหน้าขึ้นสบกับดวงตากลมแป๋วที่กำลังรอฟังอย่างตั้งใจ เขายิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำเอาคนฟังแทบหยุดหายใจ
“เหมือนกับอุ้มเจ้าสาวเข้าหอไงครับ” เท่านั้นล่ะหัวใจดวงเล็กที่เพิ่งจะเป็นปกติก่อนหน้านี้ กลับมาเต้นหนักกว่าเดิมอีกหลายเท่านัก หากไม่มีมืออุ่นที่กำลังนวดขาให้อยู่ พิมพ์ภัทรคิดว่าตัวเองคงหยุดหายใจไปเสียแล้ว และใบหน้าที่แต่งเครื่องสำอางมาอย่างประณีต ก็คงแดงไม่แพ้ลูกมะเขือเทศเป็นแน่
“งั้นพี่ของไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ” ไม่ต่างกันนักเมื่อธีร์ภพรู้สึกว่าตัวเองเขินอายเกินกว่าจะจ้องตากับคนตัวเล็กอีกต่อไป เขาจึงเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเพื่อสงบอัตราการเต้นของหัวใจ ที่บัดนี้มันแทบจะระเบิดอยู่รอมร่อเสียให้ได้ หากคนบนโซฟาสังเกตสักนิด เธอจะเห็นว่าใบหูของท่านรองประธานนั้นแดงเรื่อแค่ไหน
หลังลับคนร่างสูงที่หายเข้าไปในประตูหลังโต๊ะทำงานแล้ว พิมพ์ภัทรจึงเริ่มเดินสำรวจไปทั่วห้อง สิ่งที่แปลกคือชุดโต๊ะทำงานอีกตัว ซึ่งตั้งตรงข้ามโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม ทั้งๆที่มีโต๊ะเลขาอยู่หน้าห้องแล้ว แต่สิ่งที่สะดุดตาเธอที่สุดไม่ใช่ปากกาด้ามทองราคาแพง หรือเอกสารกองท่วมหัวที่เขาต้องศึกษา หากมันคือกล่องขนาดกลางสีน้ำตาลเข้ม บุด้วยพลาสติกใสให้เห็นด้านใน เป็นถาดสีเดียวกับกล่อง มีช่องรูปหัวใจให้ใส่ขนมลงไป คนมองค่อยๆเอื้อมมือไปแตะรูปไล้ไปมาช้า ราวกับจะรำลึกถึงที่มาของมัน ‘เจ้ากล่องช็อกโกแล็ตซ่อนรัก’ ที่เธอลงมือทำเองกับมือเพื่อเอาไปขอบคุณเขา หลังจากธีร์ภพช่วยเธอไว้จากอุบัติเหตุในวันรับสนองสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ภาพต่างๆไหลวนเข้ามาให้หัวสมองเธอ พร้อมกับความอบอุ่นแผ่นซ่านสู่ขั้วหัวใจอีกครั้ง เขายังเก็บมันไว้ตลอดอย่างนั้นหรือ แถมยังดูใหม่เอี่ยมเหมือนเดิมด้วยซ้ำ งั้นหมายความว่า....
“พี่ไม่เคยลืมเจ้าของขนมเลยสักครั้ง”
ปล. เป็นยังไกันบ้าง พี่ธีร์เขาน่ารักขึ้นมะ ขอให้สนุกกับการอ่านนิยายของไรท์นะคะ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ