ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน

-

เขียนโดย ศิริพารา

วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.17 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  13.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 12.19 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน ตอนที่ 6 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เช้าวันแรกของการทำงานมนตร์ลดารีบจัดการอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงรัดรูป ใบหน้าผ่องใสขาวเนียน แก้มเป็นสีชมพูระเรื่ออย่างคนสุขภาพดี มือบางบรรจงเคลือบริมฝีปากของตนเองได้ลิปกรอสแวววาว รวบผมขึ้นสูงไว้กลางกระหม่อมทิ้งเป็นหางม้ายาวลงมาระต้นคอ ดูกระฉับกระเฉงต่อการทำงานยิ่งนัก หญิงสาวเดินลงมาชั้นล่างก่อนเวลาเจ็ดโมงเช้าอยู่หลายนาที สองเท้าบางเดินไปตามทางเดินเรื่อยๆจนมาพบกับชายต่างวัยสองคนที่ยืนคุยกันอยู่ระหว่างทางเดิน

                “อรุณสวัสดิ์ค่ะกานโช่” มนตร์ลดาเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

                “อรุณสวัสดิ์ครับเซญอริต้า เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ?” กานโช่ทักทายกลับด้วยใบหน้าเป็นมิตรเช่นกัน เมื่อได้พยาบาลสาวรับคำสั้นๆ พ่อบ้านเก่าแก่จึงแนะนำลูกชายของตนให้พยาบาลสาวได้รู้จักกันเอาไว้ “อ้อ... นี่ไมนาสลูกชายของผมเองครับ ไมนาส... เซญอริต้ามนตร์ลดาเธอเป็นพยาบาลที่มาดูแลคุณท่าน”

                “เรียกมิ้นต์ดีกว่าค่ะ ชื่อภาษาไทยของดิฉันออกเสียงยากมาก” มนตร์ลดาเป็นฝ่ายยื่นไปสัมผัสกับไมนาสก่อน พร้อมแนะนำตัวเองอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

                “คุณท่านรอเซญอริต้าอยู่ในห้องทำงาน เดินตรงไปฝั่งตะวันออกถัดห้องอาหารใหญ่นะครับ” กานโช่ชี้มือไปข้างหน้าพร้อมอธิบาย

                “ตายจริง!... ดิฉันลงมาช้าไปรึเปล่าคะ ท่านคงลงมารออยู่นานแล้ว”

                “ไม่หรอกครับ ปกติคุณท่านจะตื่นก่อนเจ็ดโมง และลงมารับอาหารเช้าประมาณเจ็ดโมงครึ่งครับ วันนี้เซญอร์อาร์ตี้หลานชายของท่านคงมีเรื่องสำคัญคุยกับท่าน เห็นว่าไปปลุกท่านตั้งแต่เช้าแล้วครับ” กานโช่บอกเพราะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นเจ้านายหนุ่มของตนเดินออกมาจากห้องของคุณท่านการันก้า แล้วยังออกไปทำงานโดยที่ไม่รอไมนาสอีกด้วย “ไปเถอะครับ ท่านรออยู่”

 

                มนตร์ลดาพยักหน้าพลางเดินมาตามทางที่พ่อบ้านบอกเมื่อสักครู่ หญิงสาวหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงานพร้อมกับยกมือขึ้นเคาะขออนุญาตเจ้าของห้องที่รออยู่ด้านใน พร้อมกับเปิดประตูออกเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยอนุญาตดังลอดประตูออกมา ผู้สูงวัยยิ้มพรายทักทายอย่างอารมณ์ดี ทั้งยังกดปุ่มบังคับรถเข็นไฟฟ้าให้เคลื่อนออกมาจากมุมห้องมาหยุดอยู่ที่โต๊ะทำงาน พลางผายมือเชื้อเชิญให้พยาบาลสาวนั่งลงตรงกันข้าม

                “เป็นยังไงบ้าง พอใจกับห้องส่วนตัวรึเปล่าเมื่อคืนฉันมีแขกพิเศษมาเยี่ยมเลยยังไม่ได้คุยกับเธอนัก”

                “ความจริงห้องที่ดิฉันพักมันออกจะสวยมากเกินไปสักหน่อยค่ะ แต่พอกานโช่อธิบายถึงเหตุผลให้ฟังแล้วดิฉันก็เข้าใจและต้องบอกว่าที่นี่น่าอยู่ สะดวกสบาย คนในบ้านก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีค่ะ” มนตร์ลดาตอบด้วยน้ำเสียงฉะฉาน ทว่านุ่มนวลน่าฟัง

                “ดีใจที่เธอชอบ ฉันอ่านประวัติของเธอแล้วนะแม่หนู เธอเป็นเด็กเรียนดี ทำงานเก่งขาดแต่ประสบการณ์เพราะอายุยังน้อย” ผู้สูงวัยมองใบหน้าผุดผ่องแล้วต้องยอมรับกับตัวเองว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตา ผิวพรรณ รูปร่างงดงามยิ่งนัก “ฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอสักหน่อยนะแม่หนู ฟาเบียโน่หลานชายฉันบอกเธอรึเปล่าว่าฉันไม่อยากได้พยาบาลที่มาทำงานกับฉันแค่ชั่วคราวหรือทำงานฆ่าเวลาเพื่อรอโรงพยาบาลสักแห่งเรียกตัวหรอกนะ ฉันแก่แล้วไม่อยากจะเปลี่ยนคนดูแลบ่อยๆ ขี้เกียจต้องมานั่งนับหนึ่งเรื่อยๆบอกความต้องการของตัวเองว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร และถ้าหากว่าเธอมาที่นี่ด้วยเหตุผลที่ฉันว่ามาก็ขึ้นไปเก็บของได้เลย”

                มนตร์ลดากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะดูเหมือนว่าผู้สูงวัยตรงหน้ามีจิตสัมผัสพิเศษ พูดดักทางเธอไว้ก่อนแล้ว “ดิฉันจะไม่โกหกคุณท่านหรอกนะคะว่าก่อนเดินทางมาที่นี่ ดิฉันได้เคยยื่นใบสมัครงานที่โรงพยาบาลไว้สองสามแห่งแล้ว แต่นั่นก็เป็นไปตามวิถีการดำเนินชีวิตของคนทั่วไปที่ย่อมต้องมาหาความมั่นคงในหน้าที่การงานให้กับตัวเอง แต่เมื่อดิฉันตัดสินใจมาที่นี่แล้วก็ไม่เคยคิดที่จะมองว่างานตรงหน้านี้เป็นเพียงการทำงานเพื่อฆ่าเวลาหรือรอคอยคำตอบรับใดๆทั้งสิ้น ดิฉันพร้อมที่จะใช้ความรู้ความสามารถของตัวเองเพื่อทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด แต่ถ้าคุณท่านเห็นว่าดิฉันไม่มีคุณสมบัติที่จะทำงานนี้ดิฉันก็ไม่มีคำคัดค้านค่ะ”

                เยี่ยม!... ตอบได้ดีจริงๆ “ฉันจ่ายเงินเดือนให้เดือนละหกพันเฮอัล อาหารครบสามมื้อ ที่พักฟรี สวัสดิการณ์อย่างอื่นก็ได้ตามสิทธิ์ที่ลูกจ้างควรจะได้ เซ็นสัญญาสี่ปี ถ้าหากว่าเธอทำงานดีถูกใจฉันก็จะให้เงินพิเศษอีกต่างหาก รายละเอียดทั้งหมดอยู่ในสัญญานี่ อ่านดูเอาเองคิดดีแล้วค่อยเซ็นชื่อลงไป” มือเหี่ยวย่นตามอายุไข เลื่อนกระดาษราวสองสามแผ่นที่วางซ้อนกันให้กับพยาบาลสาว

                มนตร์ลดาเลื่อนกระดาษมาตรงหน้าพร้อมกวาดสายตาไล่เรียงตามข้อความที่ปรากฏอยู่ในกระดาษทุกตัวอักษร

                การันก้าชักชอบใจในบุคลิกของพยาบาลสาวคนนี้แล้ว เธอดูอ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ กล้าคิดกล้าพูดแต่ก็สุภาพอ่อนน้อม ถ้าเธอสู้งานอย่างคำพูดของเธอก็คงดีไม่น้อย

                วันนี้ต้องแปลกใจในพฤติกรรมของหลานชายตัวดีที่เอะอะโวยวายตั้งแต่เช้าว่าทำไมไม่ให้พยาบาลคนใหม่เซ็นสัญญาจ้าง แถมในมือของเจ้าหลานชายยังถือสัญญาที่ว่ายื่นให้ตั้งแต่อยู่บนเตียงนอน! มันแปลกตรงที่ในสัญญาจ้างระบุระยะเวลาถึงสี่ปี มันออกจะเป็นการจ้างงานที่ยาวนานเกินไปสักหน่อยสำหรับลูกจ้างชั่วคราวที่เคยว่าจ้างมา แถมถ้ามีการยื่นจดหมายลาออกแม่หนูคนนี้ต้องชดใช้ค่าเสียหายตั้งสองเท่าของเงินเดือนที่อยู่ไม่ครบตามสัญญาอีก! อเตต้าร์ทำยังกับว่ารู้จักมักคุ้น เห็นฝีไม้รายมือในการทำงานของเธอแล้วจนอยากได้ตัวเธอไว้เสียเต็มประดา

                เมื่อคุณปู่ถามกลับว่าเคยรู้จักแม่หนูคนนี้มาก่อนหรืออย่างไรถึงได้ทำสัญญานี้ขึ้นมากับคนก่อนๆก็ไม่เคยเห็นจะเรื่องมากขนาดนี้? ไอ้หลานชายตัวดีกลับตอบส่งๆว่าขี้เกียจฟังเสียงบ่นตอนที่พยาบาลลาออกเหมือนคนที่แล้ว! แล้วก็ผลุนผลันออกไปจากบ้านทันที

                สัญญาจ้างที่มนตร์ลดาได้อ่านมันก็เป็นสัญญาจ้างทั่วไปอย่างที่เคยเห็นจนชินตา แต่ค่าตอบแทนที่ได้รับต่อเดือนนั้นสูงมากกว่าหลายเท่า ทั้งสวัสดิการณ์ที่ระบุไว้ก็แทบหาจากนายจ้างไหนอื่นไม่ได้อีกแล้ว มีวันหยุดให้ทุกวันอาทิตย์อีกต่างหาก แต่ระหว่างที่อยู่ในสัญญาสี่ปีนี้หากเธอยื่นใบลาออกก่อนกำหนดต้องชดใช้ให้กับนายจ้างเป็นเงินรวมเดือนของทุกเดือนที่ยังไม่ครบสัญญาแถมยังต้องเพิ่มเป็นสองเท่าอีกต่างหาก!! คุณพระช่วย... เงินหกพันเฮอัลคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณแปดหมื่นบาทเศษๆแล้วถ้าต้องเพิ่มเป็นสองเท่าแล้วคงได้เป็นหนี้ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดกันทีเลยเดียว

                “ความจริงฉันก็ไม่ได้คิดจะทำสัญญาแบบนี้หรอกนะ แต่เจ้าหลานชายของฉันมันบอกว่าขี้เกียจฟังฉันบ่นตอนที่พยาบาลลาออกกะทันหันเหมือนคราวที่แล้ว มันก็เลยระบุในสัญญาอย่างนั้น แต่ถ้าเธอคิดจะทำงานที่นี่แล้วเมื่อถึงวันที่มีความจำเป็นต้องไปจริงๆก็มาคุยกับฉันได้ กฏย่อมมีข้อยกเว้นเสมอแต่ต้องเป็นเรื่องจำเป็นจริงๆนะ” การันก้าบอก เมื่อเห็นสีหน้าของสาวน้อยตรงหน้ากรอกตาจากซ้ายไปขวาหลายทีมันเป็นอาการของคนที่กำลังคิดคำนวณตัวเลขอยู่ในใจ “สุดท้ายก็ต้องแล้วแต่เธอนะ อันนี้ไม่บังคับกัน”

                มนตร์ลดาเงยหน้าขึ้นมามองผู้สูงวัยอยู่เพียงแวบเดียวเท่านั้นแล้วจึงเอื้อมมือไปหยิบปากกาที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาจรดปากกาเซ็นชื่อตัวเองลงในสัญญาทันที

                การันก้าไม่ว่าอย่างไร เก็บกระดาษสองสามแผ่นนั้นไว้ในลิ้นชักโต๊ะทำงาน มองพยาบาลประจำตัวคนใหม่ด้วยสายตาเป็นขอบใจ “ฉันรู้สึกว่าหิวข้าวแล้วนะแม่หนูมิ้นต์”

                “งั้นดิฉันพาคุณท่านไปทานอาหารนะคะ” มนตร์ลดาลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินเขามาที่ด้านหลังของการันก้า สองมือบอบบางออกแรงเข็นรถไปยังห้องอาหารที่จัดเตรียมอาหารเช้าไว้รออยู่แล้ว หญิงสาวได้รับอนุญาตให้นั่งทานอาหารกับคุณปู่การันก้าทุกมื้อเพราะท่านไม่ชอบทานอาหารคนเดียว หลังอาหารมีกานโช่บอกหน้าที่และนำยาประจำตัวทั้งหมดของคุณปู่การันก้ามาให้พยาบาลสาว

                หน้าที่หลักของมนตร์ลดานั้นไม่ได้มีอะไรหนักหนา ดูคล้ายๆว่าจะหาคนมาเป็นเพื่อนทานอาหาร เพื่อนคุยคลายเหงาให้คุณปูการันก้าเสียมากกว่า ท่านมีโรคหัวใจเป็นโรคประจำตัวจึงจำเป็นต้องมีพยาบาลอยู่ดูแลอย่างใกล้ชิด ทุกๆสิบวันจะมีแพทย์ประจำตัวมาตรวจอาการของท่านที่คฤหาสน์เป็นประจำ เรื่องเหล่านี้กานโช่เป็นคนเล่าให้พยาบาลสาวฟัง

                ในช่วงบ่ายของวันคุณปู่การันก้าผล็อยหลับไปเพราะฟังเสียงหวานใสของพยาบาลประจำตัวอ่านหนังสือให้ฟัง ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณปู่การันก้านอนพักผ่อนช่วงกลางวันตามคำแนะนำของคุณหมอ  ทำให้กานโช่พ่อบ้านเก่าแก่ทึ่งกับความสามารถของพยาบาลสาวยิ่งนัก

                วันแรกของการทำงานในคฤหาสน์โอลีเวย์ร่าผ่านไปอย่างรวดเร็ว มนตร์ลดายังไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าของหลานชายของคุณปู่การันก้าเพราะได้ยินกานโช่เล่าว่าวันมะรืนนี้จะเป็นวันเปิดตัวไวน์สูตรใหม่พิเศษของ เซฮา เดอ ชาโต ที่นักดื่มทั่วโลกกล่าวถึงรสชาติอันแสนวิเศษของมัน เซญอร์อเตต้าร์จึงยังคงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานดังกล่าว

 

                อเตต้าร์ตัดสินใจออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่หลังจากเอาสัญญาจ้างไปให้คุณปู่ถึงเตียงนอน หากต้องแปลกใจเมื่อมิเชลมายืนดักรอที่รถสปอร์ตคู่ใจพร้อมทั้งขอติดรถกับเขาออกมาด้วย เธอทำเหมือนกับว่าไม่เคยเกิดเรื่องเมื่อคืนมาก่อน ดูเหมือนฉลาดขึ้นในการวางตัวรักษาระยะห่างกับเขาได้เหมือนเพื่อนที่ทำธุรกิจร่วมกัน ฉลาดใช้คำพูดบีบบังคับทางอ้อมให้พาขับรถออกมาเดินช๊อปปิ้งยังห้างสรรพสินค้าที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย ห้องเสื้อชั้นนำและสินค้าแบรนด์เนมเลิศหรู เวลาทั้งวันหมดไปกับการซื้อของ เข้าร้านทำผมทำเล็บ แล้วก็มานั่งกินข้าวในร้านอาหาร

                อเตต้าร์ส่ายหน้าอย่างเบื่อหน่ายที่ต้องมาเสียเวลาอันมีค่าไปกับการรอผู้หญิงน่าเบื่อคนนึงทำเรื่องไร้สาระ อเตต้าร์สลัดมิเชลออกจากตัวได้เพราะเธอเจอร้านสปาเมื่อตอนบ่ายจัด และยังบอกอีกว่าคืนนี้จะไม่กลับไปค้างที่คฤหาสน์โอลีเวย์ร่าทำให้อเตต้าร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อคืนนี้กว่าจะสลัดจากจูบยั่วยวนราวพายุของเธอได้ก็เกือบจะต้องเสียการเสียงานไป จนต้องยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า หากเธอยังดื้อดึงจะสานต่อความสัมพันธ์แบบนี้อีกต่อไปเขาก็ไม่ยินดีที่จะร่วมงานกับเธออีก นั่นแหละมิเชลถึงได้โกรธเดินกระทืบเท้าตึงๆออกจากห้องไป

                อเตต้าร์กลับมาถึงคฤหาสน์เกือบเที่ยงคืนเพราะต้องกลับเข้าไปสะสางงานที่ค้างอยู่ในออฟฟิศให้เสร็จสิ้นก่อน พอถึงห้องนอนชายหนุ่มก็รีบปรี่เข้าไปที่ทีวีเครื่องใหญ่เกือบเท่าผนังห้อง กล้องวงจรปิดทุกตัวภายในบ้านเรียงตัวกันเป็นช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆเต็มจอ แต่มือหนากลับกดไปที่ห้องนอนทางปีกตะวันออก หวังอยากมองเห็นใบหน้าของแม่คิตตี้คนงาม...

                ดึกดื่นค่อนคืนเธอยังอ่านหนังสืออยู่บนเตียงไม่ยอมหลับยอมนอนอีกหรือยังไง? อเตต้าร์จ้องมองภาพตรึงใจนั้นอยู่นานเท่าไหร่ไม่รู้ตัว ดวงตาคมกริบเบิกกว้างเมื่อคนในภาพวางหนังสือลงที่โต๊ะข้างเตียง สองแขนเรียวชูขึ้นเหนือศรีษะบิดขี้เกียจ เกร็งตัวค้างอยู่เป็นนาน ทรวงอกอิ่มที่ผุดดันออกมานอกชุดนอนตัวบาง!... มันทำให้เขาคิดไปถึงภาพที่เธอบิดเกร็ง ตัวสั่นระริกอยู่ใต้ร่างในวันนั้น ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างระงับความต้องการของตัวเองเป็นที่สุดเมื่อรู้ดีว่าภายใต้เสื้อนอนเนื้อบางเบานั่นคือร่างอวบอัดของเธอโดยปราศจากบราเซียร์ห่อหุ้มทรวง!!

                ไฟในห้องนอนของเธอดับพึบลง! มีเพียงความมืดดำให้เห็นที่หน้าจอ อเตต้าร์จึงได้กดเปลี่ยนช่องไปเป็นการแข่งขันฟุตบอลซึ่งพูดได้ว่าเป็นกีฬาที่ชาวบราซิลต่างก็คลั่งไคล้ แต่เวลานี้มันกลับไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาไม่ได้เลย เขาต้องการลอบมองเธอจากกล้องวงจรปิด เหมือนไอ้โรคจิตหื่นกามที่ทำตัวเป็นถ้ำมองสาวจากกล้องแอบถ่าย!! ถ้าเธอรู้คงต้องหาคำสรรเสริญมาเยินยอเขาเป็นแน่

                หึ... ไอ้บ้าเอ๊ย!! แกจะเรียกคำด่าประนามของเธอว่าคำสรรเสริญได้ยังไงกันวะ!?? อเตต้าร์คิดพลางสลัดเสื้อผ้าออกจากร่างกายโดยเร็วเดินตัวเปลือยโทงๆเข้าห้องน้ำ ส่ายหน้าเบื่อหน่ายกับความคิดไม่เข้าท่าของตัวเอง เขาชักจะเบื่อและจัดการความรู้สึกว้าวุ่นใจที่เกิดขึ้นกับตัวเองไม่ได้ซะแล้ว!!

               

                บ่ายวันงานเปิดตัวไวน์สูตรใหม่พิเศษของ เซฮา เดอ ซาโต

                “เธอก็ไปแต่งตัวได้แล้วนะแม่หนูมิ้นต์” คุณปู่การันก้า บอกพยาบาลสาวขณะที่เด็กรับใช้ชายคนหนึ่งกำลังอุ้มผู้สูงวัยวางลงที่รถเข็นไฟฟ้า มนตร์ลดาคุกเข่าติดหูกระต่ายสีดำให้ท่านทันที

                เมื่อเช้าที่ผ่านมากานโช่เอาชุดราตรีสั้นสองสามชุดมาให้พร้อมบอกว่า ให้เลือกใส่สักชุดสำหรับงานในค่ำคืนนี้ หญิงสาวอึกอักไม่อยากออกงานเลี้ยงหรูหราอย่างนี้มาก่อน จึงไม่ได้ยินดียินร้ายกับชุดสวยงามที่เห็นเท่าไหร่นัก หากท่าทางของเธอไม่มีทางที่จะรอพ้นสายตาของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างการันก้าได้ “ไม่เห็นมีอะไรน่ากังวล เธอเป็นคนสวยใส่ชุดอะไรก็สวยอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าเธอไม่อยู่ใกล้ๆฉัน แล้วฉันจะดูแลตัวเองได้ยังไง”

                มนตร์ลดายิ้มขำกับคำพูดของคุณปู่การันก้าที่เข้าใจพูดให้เธอคลายกังวล ความจริงแล้วท่านรู้จักดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดีต่างหาก ทำงานกับท่านได้ไม่ถึงสามวันดีก็พอจะเดานิสัยใจคอของท่านได้แล้วว่ามีเมตตากับคนในปกครองแค่ไหน “คุณท่านดูแลตัวเองได้ดีมากๆต่างหากล่ะคะ ดิฉันเองที่ไม่เคยได้ออกงานหรูหราแบบนี้มาก่อน กลัวจะทำตัวเป็นภาระให้ท่าน”

                “ฉันจะบอกอะไรให้นะ เธอต้องรู้จักหัดมันเอาไว้เพราะตราบใดที่เธอยังทำงานอยู่กับฉันที่นี่ บ้านเราจัดงานเลี้ยงแบบนี้บ่อยๆเพราะเราทำธุรกิจของของมึนเมามันย่อมต้องมาคู่กับงานปาร์ตี้อยู่แล้ว หรือถ้าไม่มีงานเลี้ยงพวกนี้ บางทีวันดีคืนดีหลานชายตัวดีของฉันก็ลุกขึ้นมาจัดปาร์ตี้ฟองสบู่อยู่บ่อยๆ สาวๆนุ่งลมห่มฟ้าเดินให้ทั่วสวนหน้าบ้าน บางทีฉันก็ครึ้มอกครึ้มใจออกมานั่งมองสาวๆพวกนั้นบ้างเหมือนกันนะ” คุณปู่การันก้าพูดติดตลกแต่ทุกอย่างที่ท่านพูดนั้นไม่ได้เกินความจริงสักนิดเลย!

                มนตร์ลดาทำตาโตอย่างน่ารัก “คุณท่านก็พูดไปเรื่อยเลยค่ะ ถ้าเซญอร์อเตต้าร์ทำอย่างนั้นได้ผิดใจกับภรรยาตายเลย!”

                “ไปเอามาจากไหน? อาร์ตี้ยังไม่แต่งงานนะ”

                มนตร์ลดายกมือขึ้นมาปิดปากอิ่มของตัวเองทันที แสดงว่าที่เห็นอยู่ระเบียงวันนั้นก็คงจะเป็นเซญอร์อเตต้าร์กับคู่ควงของเขา ตายล่ะ! ไม่ถามให้ดีก่อนปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อเลยยัยบ๊องเอ๊ย... จากนั้นพยาบาลสาวก็ยิ้มแหยๆให้ผู้สูงวัยที่ทำหน้างงๆอยู่ “คือ... ดิฉันคงเข้าใจอะไรผิดไปน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”

                “เอาล่ะๆ รีบไปแต่งตัวได้แล้วเดี๋ยวฉันจะลงไปรอข้างล่างนะ” พูดจบทั้งคู่ก็ออกมาจากห้องมนตร์ลดาไปส่งคุณปู่การันก้าที่หน้าลิฟต์ แล้วตนจึงรีบเดินกลับเข้ามาในห้องส่วนตัวบ้าง

 

                สามสิบนาทีต่อมา... มนตร์ลดาก้าวลงมาจากบันไดในชุดราตรีสั้นคอแหลม แขนกุดสีม่วงดอกลาเวนเดอร์ทั้งชุด ผ้าไหมฝรั่งเศสเนื้อดีบางเบาทิ้งตัวลงบนร่างผุดผ่องอ้อนแอ้นอย่างงดงาม หญิงสาวแต่งหน้าให้เข้มเล็กน้อยเพราะเป็นงานกลางคืน เปียผมก้างปลารอบศรีษะอย่างที่เคยทำมาตั้งแต่เด็กจนโตอย่างคล่องแคล่ว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเธอก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าคุณปู่การันก้าที่เลิกคิ้วมอง ยิ้มอย่างพอใจ ท่านมองแล้วให้ความรู้สึกถึงสาวน้อยแรกแย้มกลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์

                “วันนี้ฉันชักอยากจะเดินได้ เธอทำให้ฉันรู้สึกเป็นหนุ่มๆอยากขอเธอเต้นรำสักเพลงแล้วล่ะแม่หนูมิ้นต์”

                มนตร์ลดาหัวเราะเสียงสดใสเพราะไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดี สงสัยว่าความเจ้าชู้นั้นถ่ายทอดกันทางพันธุกรรมได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นสาวๆที่เข้ามาในงานคงไม่พูดคุยกันถึงแต่เรื่องของเซญอร์อเตต้าร์หนุ่มนักรักเป็นแน่ “ไปเถอะค่ะ... ป่านนี้สาวๆในงานคงมองหาคุณท่านกันให้วุ่นแล้ว พอถึงตอนนั้นน่ะคงจะลืมดิฉันไปสนิทเลย”

                เสียงหัวเราะของครื้นเครงของทั้งคู่ดังขึ้นพร้อมๆกับที่มนตร์ลดากดปุ่มบังคับรถเข็นออกมาจากคฤหาสน์โอลีเวย์ร่า

 

                ด้านนอกเป็นสวนขนาดมโหฬารที่ถูกเนรมิตรด้วยคนหลายร้อยชีวิต ประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสี แสงไฟสีส้มเรียงรายกันเป็นแนวยาวให้ความรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก แขกเหรื่อมากมายต่างพากันอยู่ในชุดสูทสากลและชุดราตรีหรูหรา ในมือของแขกทุกคนต่างก็ถือแก้วไวน์สีแดงทับทิม จิบทีละน้อยแล้วหันมาพูดคุยกันถึงรสชาติล้ำเลิศที่ได้สัมผัส ตลอดทางมนตร์ลดาสังเกตได้ว่าทุกคนต่างทักทายผู้สูงวัยอย่างนอบน้อม สายตาหลายคู่ที่จับจ้องมองมายังเธอนั้นมันทำให้รู้สึกตื่นเต้นจนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่หลายครั้ง ข่มความประหม่าที่เกิดขึ้นในตอนนี้

                การันก้าชี้นิ้วไปข้างหน้าเพื่อส่งสัญญาณให้พยาบาลสาวพาตนเองไปหยุดอยู่ที่ลูกค้ารายใหญ่ของ เซฮา เดอ ซาโต สองพ่อลูกตระกูลนอร์ท มอร์แกนและมิเชล

                “โอ้... ไม่เจอกันเสียนานสบายดีนะครับ” มอร์แกนเอ่ยทักทายการันก้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “แล้วนี่!?...”

                “มิสมนตร์ลดาเธอเป็นพยาบาลประจำตัวของผมเอง” การันก้าแนะนำ เมื่อเห็นมอร์แกนเลิกคิ้วถามถึงหญิงงามที่อยู่ด้านหลังการันก้า

                “ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมมอร์แกน” เศรษฐีอเมริกันวัยหกสิบปีเอ่ยทักทายด้วยสายตากรุ้มกริ่มจนออกนอกหน้า ทั้งยังยื่นมือออกมารอสัมผัส... พอพยาบาลส่งมือให้ มอร์แกนก็ยกหลังมือบอบบางของมนตร์ลดาขึ้นจุมพิตทันที

                “เช่นกันค่ะ” มนตร์ลดายิ้มพยายามชักมือตัวเองกลับอย่างนุ่มนวล ขนลุกชันรู้สึกว่าไม่อยากเข้าใกล้ผู้ชายคนนี้เท่าไหร่นัก!

                “ไม่ยักรู้ว่าคุณปู่มีพยาบาลประจำตัวสวยแบบนี้” มิเชลอยู่ในชุดราตรีสีดำทั้งชุดพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันราวกับว่าอีกไม่นานแม่พยาบาลสาวคนนี้ต้องถูกพ่อของตนเคลมเป็นแน่ เพราะท่านแสดงออกมาด้วยสายตาโจ่งแจ้งขนาดนี้

                “หนูมิ้นต์มาถึงวันเดียวกันกับที่มิเชลมาค้างที่นี่ เห็นเธอมาเหนื่อยๆก็เลยยังไม่ได้แนะนำให้รู้จักกัน” การันก้าเป็นคนตอบพลางสอดส่ายสายตาหาหลานชายของตน “อืม... แล้วอาร์ตี้ไปไหนเสียล่ะ?”

                “คุยกับตัวแทนจากฝรั่งเศสอยู่ทางโน้นแน่ะค่ะ พวกยุโรปไม่รู้จักว่าไวน์ของเราเป็นพรีเมี่ยมเกรด อาร์ตี้ต้องแนะนำให้วุ่นวาย ความจริงส่งขายให้มิเชลแค่เจ้าเดียว ซาเฮ เดอ ชาโต ก็ไม่ค่อยพอขายอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมอาร์ตี้ถึงได้อยากวางสินค้าในยุโรปนัก”

                “คนหนุ่มมักอยากทำอะไรที่มันท้าทาย ซึ่งปู่ก็เห็นด้วยนะ มันเป็นการขยายตลาด ธุรกิจเราก็จะได้ขยายขึ้นตามไปด้วย” การันก้าตอบ พร้อมกับภูมิใจในตัวหลานชายอยู่ไม่น้อยเพราะอเตต้าร์ไม่เคยหยุดนิ่งกับการพัฒนาคุณภาพของไวน์แบรนด์ เซฮา เดอ ชาโต เลยแม้แต่น้อยทั้งที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางแล้ว

                “คนยุโรปส่วนมากไม่ค่อยมีโอกาสได้ลิ้มรสชาติสวรรค์อย่างพวกเราหรอกครับ พวกนั้นยึดติดที่แบรนด์ไวน์เก่าๆ ความจริงแล้วชนชั้นสูงและราชวงค์ในยุโรปเท่านั้นล่ะครับที่จะได้ลิ้มรสชาติวิเศษของ เซฮา เดอ ชาโตและคนกลุ่มนี้ก็ออเดอร์ตรงจากเราอยู่แล้ว ถ้าเป็นคนชนกลางลงมาก็คงไม่กล้าหยิบเป็นแน่เพราะราคาสูงกว่าไวน์ที่พวกเขาคุ้นเคยอยู่หลายเท่าตัว”

                การันก้าไม่ได้ตอบว่าอย่างไรเพราะเสียงจากพิธีกรบนเวทีดังขึ้น เรียกความสนใจของแขกในงานให้ไปจดจ่ออยู่ที่เวทีใหญ่กลางงาน

                “ขอต้อนรับแขกผู้มีเกียรติทุกท่านเข้าสู่งานเลี้ยงเปิดตัวไวน์สูตรพิเศษของ เซฮา เดอ ชาโต ผมพูดได้เต็มปากว่านี่... เป็นไวน์รสละมุนละไมที่สุดในชีวิตที่เคยได้ลิ้มลองมา สีแดงทับทิมที่เห็นมันทำให้ผมไม่อยากจะหยุด อยากดื่มไปเรื่อยๆที่พูดมาทั้งหมดนี้ทุกท่านคงเห็นด้วยกับผมนะครับ เพราะจากที่ได้ยินเสียงกล่าวขานถึงไวน์แก้วนี้แล้ว มันคือเครื่องดื่มที่พูดได้เต็มปากว่าวิเศษที่สุดในขณะนี้ และไวน์รสเลิศนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่มีอเตต้าร์ เมนดิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า ผู้นี้ครับ”

                ทันทีที่พิธีกรเอ่ยชื่อพร้อมกับฝายมือไปยังบันไดทางขึ้นของเวที ร่างสูงใหญ่ของเจ้าตัวก็ปรากฏในชุดสูทแบล็กไทสีดำสนิท ด้านในสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวจับจีบอย่างประณีตตรงช่วงอก ผมทรงสกินเฮด ใบหน้าคร้ามคม ริมฝีปากบางเฉียบ คางคร้ามมีเคราขึ้นอยู่รำไร ชุดภูมิฐานกับบุคลิกดิบเถื่อนมันดูเป็นความขัดแย้งที่ลงตัวนัก ส่งผลให้บุรุษจอมเถื่อนผู้นี้กระชากหัวใจสาวๆให้หมอบคาบราบแก้วอยู่แทบเท้าได้ทุกคน!!

                “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานในครั้งนี้ ผมใช้ความพยายามอยู่หลายปีกว่าที่จะหมักองุ่นได้สีและรสชาติอย่างที่ทุกท่านได้สัมผัส หากแต่ไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ว่ามีขั้นตอนอย่างไร” อเตต้าร์ยิ้มพราย เมื่อคำพูดติดตลกอย่างพ่อค้าหวงสูตรเด็ดของตัวเองเรียกเสียงหัวเราะจากแขกเหรื่อได้ “แต่ขอให้มั่นใจได้ว่าทุกขั้นตอนพิถีพิถัน เอาใจใส่ในรายละเอียดเป็นพิเศษ แน่นอนว่าราคาต่อขวดก็คงต้องสูงตามขั้นตอนที่ยุ่งยาก แต่เรามีแพลนที่จะขยายตลาดออกไปให้กว้างไกล อยากให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาติที่เราภูมิใจนำเสนอนี้ให้มากที่สุด ผมจึงได้ทำโปรดักซ์ออกมาหลายขนาด ราคาก็ลดหลั่นกันลงไปตามปริมาณ หากแต่ทุกท่านมั่นใจได้ว่าการที่จะเข้าใกล้และลิ้มรสของ เซฮา เดอ ชาโต นี้มีมากขึ้นแน่นอน ในอเมริกาเรามีพันธมิตรที่ค้าขายกันมายาวนานอย่างมิสเตอร์มอร์แกนเป็นผู้จัดจำหน่าย ในยุโรปเรามีพันธมิตรใหม่อย่างแซลมัวแอลเป็นผู้จัดจำหน่าย...”

                อเตต้าร์ยังแนะนำคู่ค้าร่วมธุรกิจของตนเองต่อไปเรื่อย โดยมีเสียงปรบมือกึกก้องดังขึ้นเป็นระยะๆเมื่อเขาได้เอ่ยถึงชื่อของผู้จัดจำหน่ายในทวีปต่างๆทั่วโลก ทุกคนในงานจับจ้องสนใจในคำพูดของบุรุษผู้มีท่าทีองอาจบนเวทีเป็นสายตาเดียว ยกเว้นมนตร์ลดาที่อ้าปากค้างกระพริบตากลมโตหลายๆครั้งอย่างตกตะลึง งงงัน!!

                แสงไฟสปอร์ตไลท์ส่องสว่างไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่กลางเวที มันทำให้มนตร์ลดาได้เห็นใบหน้าที่พยายามบอกให้ตัวเองลืมเลือนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน หากแต่ไม่เคยทำได้สำเร็จสักครั้งหนึ่ง ท่าทางหยิ่งทะนงตนอย่างคนที่มีความมั่นใจในตัวเองอย่างสูงมันทำให้เธอจดจำเขาได้อย่างแม่นยำ!! ตอนนี้เขายังจ้องมองมาที่ตัวเธอไม่กระพริบตา!! ไอ้หมาขี้เรื้อนที่ขืนใจเธอในห้องอัปยศนั่นกำลังพล่ามน้ำไหลไฟดับอยู่กลางเวที ผู้คนหลายร้อยคนกำลังเอ่ยชื่นชมในความสามารถ! จะมีสักคนบ้างไหมที่รู้ว่า เขามันคือไอ้โจรหื่นกามที่ลากเธอเข้าห้องเพื่อย่ำยีศักดิ์ศรีจนป่นปี้...

                สองวันที่ผ่านมาเธอมัวทำบ้าอะไรอยู่ถึงได้ไม่รู้ว่าไอ้คนชั่วคนนี้คือเอตต้าร์ เมนดิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า!?? มนตร์ลดาแทบล้มทั้งยืน ไม่มีแรงที่จะยกแก้วไวน์ในมือขึ้น เพื่อฉลองตามคำเชื้อเชิญที่ไอ้บ้ากามบนเวทีและผู้คนที่รายล้อมรอบตัวกระทำอยู่!

                “โอ้... มิสไม่สบายรึเปล่าครับ!!?” มอร์แกนใช้แขนข้างหนึ่งของตนเองตวัดเข้าที่เอวคอดกิ่วของพยาบาลสาวข้างกายไว้ทันท่วงที เมื่อจู่ๆเธอเข่าอ่อน... ทำท่าว่าจะทรุดลงดื้อๆ

                “อะ...เอ่อ มะ...ไม่เป็น ไรค่ะ” มนตร์ลดาแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ ใจดวงน้อยเต้นระรัวไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี หากตอนนี้ไอ้ตัวปัญหาที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้กำลังเดินใกล้เข้ามาทุกที “ขอบคุณนะคะ”

                มอร์แกนยิ้มอ่อนโยนให้แต่ยังไม่ยอมคลายมือที่ประคองเอวคอด ด้วยความที่จิตใจว้าวุ่นไม่คาดคิดว่าจะได้มาพบว่าไอ้โจรหื่นกามนั่นก็คือน้องชายแท้ๆของเซญอร์ฟาเบียโน่นั่นเอง มนตร์ลดาจึงไม่ได้ใส่ใจกับมือหนาของมอร์แกนที่วางทาบอยู่บนเอวของตัวเอง

                “ดื่มไปไม่ถึงแก้วก็เมาซะแล้วแม่หนูมิ้นต์ของฉัน แล้วฉันจะเต้นรำกับใครล่ะทีนี้” การันก้าแซวพยาบาลประจำตัวอย่างอารมณ์ดี

                “แหม... เต้นรำกับมิเชลก็ได้ค่ะ ถ้าไม่ถือว่ามิเชลจะสวยน้อยกว่าพยาบาลของคุณปู่” มิเชลพูดขึ้นเรียกเสียงหัวเราะของคนในวงสนทนา หากตอนนี้ได้เพิ่มอเตต้าร์เข้ามาอีกคนด้วย

                “เขาเรียกว่าสวยคนละแบบ อย่างหนูมิเชลนี่ต้องสวยเปรี้ยว เผ็ด เร่าร้อนเหมือนเตกีล่า” คุณปู่การันก้าเข้าใจตอบทำให้มิเชลยิ้มหน้าบานถูกใจ

                “ได้ยินแว่วๆ ใครเมาเหรอครับ?” อเตต้าร์ถามขึ้น

                “แม่หนูมิ้นต์พยาบาลประจำตัวของฉันไง”

                อเตต้าร์พยักหน้ารับไม่ตอบว่าอย่างไร แต่สายตาสีเขียวมรกตกลับที่จ้องมองไปยังมือหนาของมอร์แกนที่ประคองอยู่บนเอวคอดนั้น มันทรงพลัง เปล่งอำนาจอำมหิตออกมาจนมอร์แกนรู้สึกได้! ไม่นานก็ต้องละมือออกจากเอวคอดกิ่วอย่างเสียดาย เมื่อไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนตัวเธอตามที่ต้องการแล้ว สายตาคมกริบของอเตต้าร์ก็วกขึ้นมาจ้องดวงตากลม ซึ่งฉายแววความหวาดหวั่นออกมาอย่างชัดเจน

                “ฉันชมคุณรึยังคะอาร์ตี้ วันนี้คุณหล่อจนทำให้ฉันแทบลืมหายใจ!” มิเชลชมตรงๆ พร้อมยิ้มโปรยเสน่ห์

                “ผมได้ยินสาวๆส่วนมากว่าอย่างคุณเหมือนนี่แหละ มิเชล” อเตต้าร์ยอมรับอย่างไม่มีถ่อมตัว มันยิ่งสร้างความอึดอัดให้กับมนตร์ลดามากขึ้น เพราะทุกคำพูดไม่ว่าเขาจะพูดกับใคร สายตาคมกริบนั้นไม่ได้ละจากใบหน้าของเธอเลย!

                วงสนทนาเริ่มเริ่มใหญ่ขึ้นพร้อมหัวข้อที่สนทนาล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องไวน์ เซฮา เดอ ชาโต พระเอกของงาน แต่มนตร์ลดากลับหูอื้อตาลาย ไม่สนใจกับเสียงพูดคุยรอบกาย ไม่นานนักหญิงสาวก็เห็นไมนาสเดินเข้ามากระซิบกระซาบกับอเตต้าร์ แล้วบอดี้การ์ดหนุ่มก็ถอยออกไปยืนด้านหลังเล็กน้อย

                “ผมต้องขอตัวสักครู่นะครับ” อเตต้าร์เดินออกจากวงสนทนาไปและเข้าไปหยุดทักทายอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก โดยเลือกยืนอยู่ในทิศทางที่มองเห็นแม่คิตตี้คนงามได้อย่างชัดเจน

                “สีหน้าเธอไม่ดีเลยนะแม่หนูมิ้นต์ กลับเข้าไปพักผ่อนก่อนดีไหม” การันก้าเอ่ยขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว พยาบาลประจำตัวกลับมีสีหน้าที่ดูแย่ลงกว่าเดิม!

                “ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันสบายดี”

                “แต่มิสหน้าซีดมากเลยนะครับ เหมือนจะเป็นลม ให้ผมพาเข้าไปพักผ่อนด้านในไหม?” มอร์แกนพูดราวกับว่าที่แห่งนี้เป็นบ้านของตน!

                “คงเป็นเพราะดื่มไวน์เพลินไปหน่อยแล้วยังไม่ได้ทานอาหารมั้งคะ เลยทำให้หน้าดูซีดๆ” คำอธิบายมั่วๆเหมือนคนที่ไม่มีความรู้เรื่องสุขภาพออกมาจากปากอิ่มสีเชอร์รี่สด เมื่อพูดออกมาแล้วก็นึกอยากจะตบปากตัวเองนักเพราะมันคือข้อแก้ตัวอันยอดแย่เหลือเกิน

                “ถึงว่าล่ะทำไมฉันถึงได้รู้สึกหิวนัก วันนี้เราเตรียมอาหารหลายอย่างไว้ต้อนรับ ที่สำคัญมีสเต็กซ์เนื้อที่เข้ากันเป็นอย่างดีกับไวน์รสเลิศ อย่าลืมชิมกันให้ได้นะ” การันก้าบอกแขกทุกคนในวงสนทนา พร้อมเอ่ยปากให้มนตร์ลดาพาไปตักอาหารที่วางเรียงอยู่มากมาย จากนั้นทั้งคู่จึงหาที่นั่งรับประทานอาหารกัน

                ตลอดเวลาที่นั่งทานอาหาร การันก้าสังเกตให้ว่าพยาบาลสาวมีเรื่องกังวลใจ! เธอยังทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จัดยาก่อนอาหาร ตักอาหารสำหรับเขาและตนเอง แล้วก็เขี่ยมันไปมา แต่กลับดื่มไวน์หลายแก้วโดยไม่สนใจอาหารตรงหน้าสักนิด เสียงเพลงเร้าใจตามจังหวะแซมบ้าที่ดังกระหึ่มอยู่กลางฟลอร์ไม่ได้เบี่ยงเบนความสนใจเธอได้สักนิด หนุ่มๆหลายคนเดินเข้ามาชวนเธอไปเต้นรำแต่เธอกลับยิ้มและเอ่ยคำปฏิเสธได้อย่างนุ่มนวล หนึ่งในนั้นรวมมอร์แกน นอร์ท เจ้าของซุปเปอร์มาเก็ตหลายสาขาในอเมริกาด้วย

                เวลาผ่านไปนานพอสมควร แขกเหรื่อส่วนมากต่างดื่มด่ำ ลองลิ้มอาหารและเครื่องดื่มจนเป็นที่พอใจแล้วจึงตบเท้าออกมาวาดลีลากลางฟลอร์เต้นรำ

                “คุณปู่คะ วันนี้จะให้เกียรติเต้นรำกับมิเชลสักเพลงได้ไหมคะ?” มิเชลเดินเข้ามากระซิบใกล้ๆการันก้าที่มองดูแขกเหรื่อที่มาร่วมงานสนุกสนานอย่างพึงพอใจ

                “เอาสิ” การันก้าตอบพลางหันมาบอกให้มนตร์ลดาไปพักผ่อนเพราะเธอมีอาการที่ไม่ดีขึ้นเลย ทั้งยังรู้สึกได้ว่าเธอเริ่มเมาไวน์แล้ว

                “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันนั่งรอคุณท่านอยู่ตรงนี้ดีกว่า” มนตร์ลดาตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่สดชื่นนัก

                “ไปพักผ่อนเถอะน่าวันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไม่ต้องห่วงฉัน อาร์ตี้ก็อยู่ ยังมีกานโช่ ไมนาสด้วย” การันก้าชี้ไปยังคนของตัวเองที่ต่างก็อยู่ในบริเวณงานทั้งสิ้น “ไปเถอะ ถ้าฝืนตัวเองมากพรุ่งนี้จะทำงานไม่ไหวเอานะ”

                “ไปเถอะคุณพยาบาล คุณปู่พูดขนาดนี้แล้วยังไงท่านก็ไม่ตัดเงินเดือนเธอหรอก” มิเชลบอกเพราะออกจะรำคาญ หมั่นไส้กับท่าทางเหมือนสาวน้อยไร้เดียงสาของแม่พยาบาลสาวนี่เหลือเกิน พูดจบมิเชลที่พาคุณปู่การันก้า ออกไปกลางฟลอร์เต้นรำทันที

                ตลอดระยะเวลาที่อเตต้าร์แยกตัวออกมาทักทายกับลูกค้านั้น ชายหนุ่มไม่ได้ละสายตาจากร่างอรชนนานเกินกว่านาทีสักครั้ง ทุกครั้งที่หันมาสบตากับคู่สนทนาของตนก็ต้องหันมาจ้องมองตามเธออยู่เป็นระยะๆ รู้ว่าเธอดื่มไวน์เข้าไปหลายแก้วมาก คิ้วหนาขมวดแทบเป็นเส้นตรง เมื่อแม่คิตตี้ยังหยิบแก้วและไวน์จากบริกรไปหนึ่งขวดเต็มๆ เดินตัวเซ... เลี่ยงออกจากงานเลี้ยงมุ่งหน้าสู่ตัวคฤหาสน์

                อเตต้าร์บดกรามแน่น นอกจากจะปล่อยให้ผู้ชายตัณหากลับอย่างมอร์แกนโอบกอดได้ตามสบายแล้วเธอยังริจะทำตัวเป็นยัยขี้เมาอีกหรือไง?! แน่ล่ะว่าแอลกอฮอร์ไม่กี่เปอร์เซนต์จากไวน์นั้นมันคงไม่ได้ทำให้ผู้หญิงส่วนมากเมาได้ แต่ดูก็รู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงส่วนมากที่เขาเจอมาจนชินชา อย่างประสบการณ์บนเตียงเป็นตัวอย่างก็ได้ เธอยังไม่เคยได้ลิ้มรสจนกระทั่งมาเจอกับเขา แล้วมันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะมีสติครบถ้วนเหมือนตอนเดินเข้ามาในงาน!

 

                มนตร์ลดาเดินออกจากงานเลี้ยงหวังจะหนีไปให้พ้นจากสายตาของไอ้หื่นกามที่เคยสร้างความอดสูใจให้กับตนเอง ทุกครั้งที่สายตาปะทะกันก็จะพบว่าเขาจะจ้องมองมาอยู่ก่อนแล้ว ระหว่างทางหญิงสาวรินไวน์ลงในแก้วแล้วดื่มรวดเดียวจนหมด วันนี้ถ้าไม่เมาเธอคงไม่มีทางหลับตาได้ลงแน่ ภายในใจว้าวุ่นไม่รู้ว่าจะจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างไรบวกกับความมึนเมาทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครคนหนึ่งเดินตามหลังมาตลอดเวลา!!

                อเตต้าร์มองด้านหลังของผู้หญิงที่มีรูปร่างน่าปราถนาที่สุด เธออยู่ในชุดผ้าไหมโปร่งสีม่วงดอกลาเวนเดอร์แหวกลึกจนถึงกลางแผ่นหลังนวลเนียน ผุดผ่อง รับกับปรีน่องเรียวงามได้อย่างเหมาะเจาะ สายตาคมกริบหรี่ตามองด้วยความไม่พอใจ! เมื่อเธอเดินเข้ามาในตัวคฤหาสน์แล้ววางแก้วในมือไว้บนโต๊ะที่เดินผ่าน หันมายกไวน์กระดกเข้าปากทั้งขวดอย่างใจกล้า!!

                เสียงสำลัก ค่อกแค่กของเธอทำให้ร่างสูงใหญ่ของอเตต้าร์หยุดเดินกางขาออกกว้าง สองมือท้าวสะโพกสอบของตัวเองมองดูสาวขี้เมาที่เดินไถร่างไปกับผนังบ้านอย่างพิจารณา เธอยังไม่วายยกขวดไวน์ขึ้นกรอกปากตัวเองไปเรื่อยๆ สองเท้าบางเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องล้มกองอยู่บนพื้น!

                อเตต้าร์แทบจะกระโจนเข้าไปหาแม่คนขี้เมาแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว เธอทรุดล้มลงกับพื้นแต่เพียงเดินไม่กี่ก้าวร่างสูงใหญ่ก็ถึงตัวเธอแล้ว ตอนนี้เขารู้สึกโมโหเธอยิ่งนักที่กินเหล้าจนเมามายแล้วยังไม่รู้จักดูแลตัวเองจนล้มไปกองอยู่กับพื้น ดีว่าที่พื้นนั้นปูพรมหนานุ่มไว้ไม่อย่างนั้นคงได้แผลฟกช้ำดำเขียวกันมั่งล่ะ!! อเตต้าร์รวบร่างทั้งร่างขึ้นมาจากพื้นหมายจะต่อว่าให้เธอได้รู้สึกตัวบ้าง แต่หัวใจแกร่งกระด้างของบุรุษจอมเถื่อนกลับอ่อนยวบ! เมื่อพลิกร่างอ้อนแอ้นนั้นให้หันมาเผชิญหน้า น้ำตาเม็ดโตไหลรินออกมาเปอะเปื้อนทั่ววงหน้ากระจ่างตา ดวงตากลมโตแดงช้ำ!... ภาพที่เห็นมันทำให้เขาพูดไม่ออกเหมือนทั้งร่างถูกทับด้วยเทือกเขาเซฮา กาอูชา ทั้งลูก!!

                “กรี๊ด... ปล่อยฉานนะไอ้บ้า!!” มนตร์ลดากรีดร้องด้วยความดังของเสียงที่มั่นใจว่ามันเป็นอันตรายต่อระบบการได้ยินของมนุษย์! ซึ่งมันได้ผลทำให้อเตต้าร์หูดับไปชั่วขณะ!! ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อมองใบหน้าคร้ามคมที่ก้มลงมาห่างกันเพียงแค่คืบ ทั้งยังดิ้นรนต่อสู้ออกจากอ้อมแขนแน่นหนาแต่ไม่สามารถทำได้อย่างใจคิดนักเพราะตอนนี้โลกทั้งใบของเธอมันหมุนโคลงเคลงด้วยฤทธิ์ไวน์ราคาแพงหูฉี่

                “โธ่โว้ย!! จะกรี๊ดทำไมเนี่ย!??” จากที่คิดว่าจะกอดปลอบเธอดีๆ บุรุษจอมเถื่อนที่ไม่เคยโอ๋หญิงกลับตวาดเสียงดัง! แต่อเตต้าร์ก็ต้องอ้าปากค้าง... ทำอะไรไม่ถูกอีกครั้ง เมื่อใบหน้าที่เปรอะเปื้อนด้วยน้ำตาหยุดชะงักไปแวบหนึ่งแล้วเบะปากร้องไห้เหมือนเด็กน้อยโดนผู้ใหญ่ดุ!!

                “ฮือๆ ไอ้บ้า! ปล่อยฉาน...นะ!!”มนตร์ลดาร้องไห้โฮออกมาอย่างไม่อาย ระดมทุบไปทั่วอกกว้างไม่เลือกที่ “ปล่อย... แกจะตามรังควานฉาน ไปถึงไหน! ฮือ... ปล่อย!!!”

                “โอ๊ย!... ทำบ้าอะไรนี่!?” อเตต้าร์โอดครวญด้วยความเจ็บปวดเพราะแม่คิตตี้ขี้เมารวบรวมแรงทั้งหมดย่ำปลายส้นสูงของตนเข้าที่เท้าของเขาเต็มแรง ด้วยความเจ็บและไม่ทันระวังตัวจึงเผลอละมือจากร่างอ้อนแอ้นทันที

                หลังจากหลุดออกพ้นจากมือใหญ่แล้ว มนตร์ลดาก็รีบวิ่งขึ้นบันไดด้วยความทุลักทุเล ซอยเท้าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ก็ทำได้ไม่ดีสักเท่าไหร่เพราะบ้านทั้งหลังมันไม่อยู่นิ่งหมุนติ้วๆเกิดเป็นภาพซ้อนทับกันให้สับสนไปหมด!!

                กรี๊ดดด...

                อเตต้าร์เดินดุ่มๆเข้าไปรวบร่างอ้อนแอ้นขึ้นพาดบ่าตัวเองราวกับแบกกระสอบนุ่นเก่าใบหนึ่ง! สองขาแข็งแรงก้าวเดินขึ้นบันไดอย่างมั่นคง ไม่สนใจต่อเสียงโวยวายไม่เป็นภาษาของเธอ เธอยังทำร้ายร่างกายเขาด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดทั้งที่โดนห้อยหัวลงพื้นผิดธรรมชาติอย่างนั้น จุดมุ่งหมายของอเตต้าร์คือห้องฝั่งตะวันออกที่ติดกับห้องคุณปู่ของตน

                ตุบ!!

                อเตต้าร์เหวี่ยงร่างที่แบกพาดบ่าลงบนเตียงกว้างภายในห้องส่วนตัวของเธอไม่เบานัก เล่นเอาหญิงสาวพูดไม่ออกเพราะความจุกท้องไปพักใหญ่ สมน้ำหน้า!... เมาแล้วยังมาทำซ่าอีก ฤทธิ์มากทุกครั้งที่ได้เจอหน้ากัน ดูซิ! ดูเธอตอนนี้ก่อนเป็นไร สองแขนเรียวค่อยๆค้ำที่นอนนุ่มพยุงร่างตัวเองขึ้นจากที่นอนชันตัวมองหน้าเขาด้วยแววตาอาฆาต ใบหน้ามีแต่คราบน้ำตาแต่ก็ยังไม่วายที่จะส่งสายตาราวกับจะฉีกทึ้งเนื้อตัวเขาออกเป็นชิ้นๆ ลืมแม้กระทั่งจะสำรวจเสื้อผ้าของตัวเอง กระโปรงผ้าไหมเนื้อดีที่เธอสวมมันเลิกขึ้นสูงจนน่าหวาดเสียว หากเธอขยับตัวอีกสักนิดอเตต้าร์คงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดในการที่จะห้ามตัวเองไม่ให้ล่วงเกินเธออีกครั้ง!!!

                “ออกไป!... ไอ้คนสาระเลว แกมานไอ้ปีศาจ ในคราบมนุษย์!! แกมานม่าย...ช่าย...คน! แกมานเลว ฮือๆ แกขืนใจฉาน ฮือ...” มนตร์ลดาคว้าหมอนใบใหญ่ที่อยู่ใกล้มือตัวเองขว้างใส่ร่างสูงสุดแรงเกิด หญิงสาวยังต่อสู้เอาตัวรอดเพราะคิดว่าไอ้คนเลวมันจะข่มเหงเอาอีก สติอันน้อยนิดเริ่มเลือนหาย เครื่องปรับอากาศที่เปิดเอาไว้อยู่แล้วเย็นเฉียบบวกกับที่นอนนุ่มๆ ความมึนเมาที่มีอยู่ในร่างกายนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานร่างกายก็ล้มพับลงไปกับหมอนอีกใบที่คิดว่าจะปาใส่เขาอีกครั้ง

                อเตต้าร์ส่ายหน้ากับภาพที่เห็น ทั้งโกรธทั้งสงสาร นี่ถ้าเธอคิดจะใช้ความเมาเพื่อหนีปัญหานั้นมันไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีแน่ หากเขาเป็นอันธพาลข้างถนนคงได้จัดการเธอจนเต็มอารมณ์ไปเลยทีเดียว ก็แม่คุณเล่นเมาไม่รู้เรื่องรู้ราวขนาดนี้แล้วแค่นจะมาปกป้องตัวเอง

                มือหนาของอเตต้าร์ดึงผ้าห่มที่วางอยู่ปลายเตียงขึ้นคลุมร่างอ้อนแอ้นแค่ช่วงเอว พร้อมเลื่อนตัวเองขึ้นไปอยู่บนเตียงข้างๆเธอ สายตาคมกริบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา นิ้วแข็งแรงเกี่ยวเอาลูกผมที่หลุดรุ่ยลงมาขึ้นไปทัดไว้ที่ใบหูบาง

                “ยัยขี้เมาเอ๊ย... จะไม่ตื่นขึ้นมาด่าฉันอีกสักหน่อยรึไง ฮึ...” เป็นครั้งแรกที่อเตต้าร์หัวเราะในลำคอหึๆ ไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองที่ถูกด่าว่าแรงๆสักนิด ตรงกันข้ามหนุ่มนิสัยห่ามกลับเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ออกมาอีกครั้งพร้อมกะละมังน้ำอุ่นจัดกับผ้าขนหนูผืนเล็ก วางไว้ที่โต๊ะข้างเตียง หากใครมาเห็นอเตต้าร์ตอนนี้คงต้องอ้าปากค้างงงเป็นไก่ตาแตกเพราะคนที่ไม่เคยใส่ใจใครเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดนอนพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี!!

                อเตต้าร์จัดการถอดชุดผ้าไหมสีม่วงที่ขับผิวผุดผ่องออก ตามด้วยชุดชั้นในทั้งสองชิ้นออกจากร่างอวบอัดขาวนวลอย่างรวดเร็ว หากเป็นผู้ชายคนอื่นก็คงต้องหาผ้าห่มมาปิดร่างเปลือยเปล่านี้แล้วจึงเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ แต่นั่นมันไม่ใช่เขา!! ก็จะปิดบังให้มันยุ่งยากทำไมกันเพราะร่างกายสวยงามของเธอทุกตารางนิ้วนี้ ไม่มีส่วนใดที่รอดพ้นสายตาของเขาได้ ที่สำคัญเขาคือผู้ชายคนแรกที่ได้เห็นเรือนร่างอันงดงามนี้! แล้วยังจะอายอะไรอีก ยังจะต้องปิดบังอะไรให้ยุ่งยากเสียเวลาทำไมกัน หากว่าเธอรู้ความจริงนี้เข้าและโวยวายขึ้นมาเขาก็ยินดีที่จะนอนเปลือยกายให้เธอได้เช็ดเนื้อตัวโดยที่มีสติครบถ้วนด้วยซ้ำไป คนหยาบที่ไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของผู้หญิงคิดอย่างสำราญหัวใจ

                เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้แต่ชายหนุ่มจัดการทุกอย่างได้คล่องมือทั้งที่ในชีวิตนี้ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน สองตาคมกริบจ้องมองร่างเปลือยเปล่างดงามนั้นอยู่เป็นนานกว่าจะตัดใจสวมชุดนอนให้เธอได้ หญิงสาวนอนหลับสนิทห่มผ้าผืนหนาเรียบร้อยแล้ว อเตต้าร์จึงได้กลับเข้าไปในงานเลี้ยงอีกครั้ง

 

                ในงานเลี้ยงที่ใกล้จะเลิกราเต็มที แขกเหรื่อก็บางตาไปมาก การันก้ามองหลานชายตัวดีอย่างคาดโทษ เกือบสองชั่วโมงที่ผ่านมาผู้สูงวัยเหลียวซ้ายแลขวา ให้คนตามหาตัวหลานชายจนวุ่นแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา แล้วนี่พองานเลี้ยงใกล้จะเลิกรา ไอ้หลานชายตัวแสบกลับเดินเข้ามาหาด้วยหน้าตาเบิกบานอย่างที่ไม่เคยได้เห็นบ่อยนักในรอบหลายปี

                “หายหัวไปไหนมาวะ แกคิดว่าจะให้ไอ้แก่พิการนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างฉันเนี่ยจะคุยกับลูกค้าแทนแกได้ล่ะก็ แกเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่า ฉันไม่ยุ่งกับธุรกิจตั้งแต่ยกให้พวกแกแล้วนะอาร์ตี้?!” การันก้าต่อว่าตรงๆ

                “ก็เห็นออกไปสนุกกับสาวๆอยู่กลางฟลอร์โน่น สาวๆงี้ล้อมหน้ารุมหลัง ไอ้เราก็หวังดีเปิดโอกาสให้ไม่อยากจะขโมยซีน คุยกับลูกค้านิดๆหน่อยๆก็บ่นเป็นคนแก่ไปได้” อเตต้าร์ต่อล้อต่อเถียงกับคุณปู่แบบนี้จนเป็นที่ชินตาของทุกคนในคฤหาสน์โอลีเวย์ร่า อเตต้าร์นั้นได้นิสัยเกือบทุกอย่างมากจากการันก้า ส่วนฟาเบียโน่พี่ชายของเขาถอดแบบนิสัยเงียบขรึมมาจากพ่อที่ตายจากไปเมื่อยี่สิบปีก่อน

                อเตต้าร์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ข้างๆปู่ของตัวเอง “แล้วมิเชลกลับไปแล้วเหรอครับ?”

                “อื้อ... ฉันไม่แปลกใจเลยที่แกไม่ชอบมิเชล น่าเบื่อ ไร้แรงดึงดูดแต่เพราะเหตุผลทางธุรกิจเลยต้องจำใจทน”

                “แล้วเธอกับพ่อของเธอว่ายังไงบ้างครับ?”

                “รายได้ที่สองพ่อลูกตระกูลรนอร์ท ควรได้ถูกแบ่งไปมากกว่าครึ่ง พวกเขาก็ต้องแสดงอาการไม่พอใจบ้างล่ะ แต่ก็พูดอะไรไม่ได้มาก มีตัดพ้อต่อว่าอยู่กลายๆแต่ฉันทำเป็นไม่ใส่ใจ สองพ่อลูกนั่นก็เลยต้องเงียบไป” ผู้สูงวัยบอก ความจริงแล้วเขารู้ทุกความเคลื่อนไหวของหลานชายทั้งสองว่าทำอะไรบ้างทั้งเรื่องการงานและเรื่องส่วนตัวแต่คุณปู่การันก้าจะคอยให้คำปรึกษาอยู่ข้างหลังเสียมากกว่า “แล้วแกสืบเรื่องไฟไหม้ไร่องุ่นไปถึงไหนแล้ว?”

                “จวนแล้วล่ะครับ”

                “ใช่ที่สงสัยไว้รึเปล่า?”

                “ถ้าคุยกับมอร์แกนน่ะจับพิรุธไม่ได้หรอกครับเพราะเรื่องธุรกิจเขาก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แต่พอคุยกับมิเชลนี่ ทิ้งข้อสงสัยไว้ให้ผมหลายอย่างทีเดียว เธอคงรู้ตัวถึงได้ไม่มาค้างที่นี่อีกเลย” อเตต้าร์บอก เขามักจะเล่าเรื่องราวต่างๆให้คุณปู่ได้ฟังเสมอ

                “ไม่จริงมั้ง... ฉันว่าแกต่างหากที่ไม่ยอมพาเธอขึ้นสวรรค์ ถ้าแกยอมเสียสละร่างกายแกสักหน่อยป่านนี้เราล้วงความลับจากมิเชลได้เยอะแยะแล้ว”

                อเตต้าร์เบ้ปาก ส่ายหน้าดิก “ปู่พูดเหมือนผมเป็นอีหนูงั้นแหละ ผมไม่ใช่ผู้ชายขายตัวตามชายหาดนะที่จะได้นอนกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้มีจิตพิศวาส ถึงจะเห็นว่าผมเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยแต่ก็เลือกนะครับ แล้วที่ต้องสืบนานแบบนี้เพราะอยากให้พวกมันตายใจคิดว่าเราเข้าใจว่าเป็นไฟป่าไหม้ไร่องุ่นตามแผนที่มันวางไว้ ให้พวกมันลงมืออีกครั้งคราวนี้ผมจะรวบมันทั้งก๊กเลยไม่เห็นต้องลงทุนเอาตัวเข้าแลก!!”

                “เฮอะ!! พูดอย่างกะตัวเองเป็นหนุ่มพรหมจรรย์ แกเริ่มมีความรู้สึกหวงตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมไม่หาเมียเป็นตัวเป็นตนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย ถ้าจะมาพล่ามว่าให้ฉันฟังว่าตัวเองไม่ได้มั่ว!!”

                อเตต้าร์ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างไม่สนใจสายตาของพนักงานกำลังเก็บกวาดสถานที่อยู่ วันนี้เขาอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกจริงๆ “ให้คุยกับลูกค้าแทนแค่นี้ถึงกับกัดผมไม่ปล่อยเลยหรือไง เอาน่า... งอแงแบบนี้ผมว่าปู่คงง่วงแล้วล่ะสิ เดี๋ยววันนี้ผมจะพาไปส่งเข้านอนเองนะครับ”

                “ฉันไม่ใช่เด็กนะจะได้งอแง! ไอ้ลูกหมาเอ๊ย!!” การันก้าว่าให้หลานชายบ่อยๆ

                ว่าแล้วอเตต้าร์ก็พาคุณปู่ของตัวเองเคลื่อนที่ไปตามถนนมุ่งตรงสู่คฤหาสน์โอลีเวย์ร่าเบื้องหน้าที่เปิดไฟไว้ทุกดวง โชว์ความงดงามสมคำล่ำลือที่ไดขึ้นชื่อว่าเป็นคฤหาสน์สไตล์ฝรั่งเศสแบบอนุรักษ์นิยมที่สวยติดอันดับต้นๆของโลก

                “คร๊าบ... ผมเป็นทุกอย่างที่ปู่อยากให้เป็นนั่นแหละ หมู หมา กา ไก่ อะไรก็แล้วแต่จะบัญชา ก็ปู่เป็นต้นตระกูลของผมนี่!!” อเตต้าร์พูดติดตลก ต่อล้อต่อเถียงเป็นเชิงบอกกับคนเป็นปู่ว่า ลูกหลานก็สืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษ ปู่ให้พ่อมาเป็นอะไร พ่อก็ต้องให้เขามาเป็นอย่างที่ปู่ให้เหมือนกัน

                “แกนี่มันเหลือเกินจริงๆนะอาร์ตี้” พูดจบแล้วสองปู่หลานก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทั้งคู่

               

            หลังจากที่อเตต้าร์ส่งคุณปู่การันก้าเข้านอนด้วยตัวเองแล้ว ชายหนุ่มจึงกลับเข้ามาในห้องส่วนตัวของตนเองอีกครั้ง จัดการอาบน้ำชำระร่างกาย น้ำเย็นๆจากฝักบัวอันใหญ่ที่ไหลลงมารินรดตัวเองนั้นมันทำให้สมองอันชาญฉลาดคิดหาวิธีที่จะทำให้แม่คิตตี้ขี้เมาไม่มีทางหนีจากไปได้อีก เพราะถ้าปล่อยไว้อย่างนี้แล้วก็กลัวว่าสัญญาจ้างฉบับที่ตั้งใจผูกมัดเธอไว้ถึงสี่ปีเต็มนั้นมันจะไม่แข็งแรงพอ

                อเตต้าร์ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่เช็ดเนื้อตัวของตนเองให้แห้ง มองดูตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ รอยสักรูปเสือจากัวร์หนุ่มในท่วงท่าย่างก้าวอย่างช้าๆราวกับมองหาเหยื่อ ใบหน้าของมันอยู่ตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ลำตัวพาดยาวไปตามสีข้างอ้อมไปถึงแผ่นหลังเล็กน้อย บนหัวไหล่มีกบหน้าตาแปลกๆ รอบต้นแขนคือลูกศรที่เจ้าตัวตั้งใจจะสื่อความหมายบางอย่างเพื่อเตือนใจตัวเอง!! มือหนายกขึ้นลูบคางที่หนวดแข็งๆเริ่มผุดขึ้นมาทิ่มมือแม้ว่าจะกำจัดมันทิ้งทุกเช้าก็ตาม อาการที่ทำนี้มันท่าทางในตอนที่กำลังใช้ความคิดอย่างยิ่งยวด ตัดสินใจอะไรบางอย่างที่ผิดพลาดไม่ได้แม้เพียงน้อยนิด ซึ่งจะเห็นได้ไม่บ่อยนักในตอนที่คิดเกี่ยวกับการทำธุรกิจหากตอนนี้ปฏิกิริยาดังกล่าวมันเป็นเพียงการคิดหาวิธีดึงรั้งให้ผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในสายตาของตัวเองเท่านั้น!!

               

                ตีห้าของวันรุ่งขึ้นประตูห้องนอนของมนตร์ลดาถูกเปิดออกอย่างเบามือ พร้อมกับการสอดตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็วของผู้มาเยือน สายตาคมกริบของอเตต้าร์มองตรงไปที่เตียงกว้างที่แม่คิตตี้ยังนอนหลับสบายอุราอยู่ดังเดิม ร่างสูงใหญ่ที่มีเพียงชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มปกปิดร่างกายด้วยความเคยชินตั้งแต่เล็กจนโตเวลานอนนั้นเขาจะไม่สวมเสื้อผ้าสักครั้ง!! เจ้าของร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาชิดที่ขอบเตียง กอดอกมองใบหน้างดงามนิ่งนาน

                ความงามของใบหน้าผุดผ่องนี้รึเปล่านะที่ต้องการเห็นอยู่นับครั้งไม่ถ้วน?

                ความหวานล้ำของริมฝีปากอิ่มสีเชอร์รี่สดนี่รึเปล่านะที่กระสันอยากลิ้มอีกครั้ง?

                หากเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ก็คงไม่รีรอที่จะคว้าเอามาเป็นคู่นอนชั่วคราวทันที ยอมรับล่ะว่าติดใจอยากจะฝังตัวเองเข้าไปในความร้อน นุ่ม ล้ำลึกของเธอนับครั้งไม่ถ้วน แต่พวกผู้หญิงพรหมจรรย์เป็นกลุ่มคนประเภทที่หวงตัวไว้ให้กับสามีในคืนวันเข้าหอ เขายังไม่พร้อมที่จะมีความสัมพันธ์อันยืนยาวนั้นในตอนนี้ 

                หรือวันนั้นเธอกำลังรอลูกค้าอยู่!? เธอคงต้องการมอบเลือดสาวของเธอให้ไอ้เฮงซวยสักคนที่ยอมจ่ายค่าตัวหนักๆให้ล่ะสิ!! ใช่สิ! ก็เธอลั่นปากออกมาเองนี่ว่าอยากเป็นเมียน้อยของฟาเบียโน่

                ให้ตายห่าตรงนี้เถอะ!! ทำไมพอคิดว่าจะมีไอ้หน้าไหนมาแทรกตัวเข้าร่างกายของแม่คิตตี้นี่ ทำไมถึงได้โมโหขนาดนี้กันวะ!??

                มนตร์ลดาเริ่มรู้สึกตัวเพราะร่างกายเคยชินกับการตื่นนอนในเวลานี้จนเคยชินแล้ว มือบอบบางขยี้ที่ดวงตาตนเองเบาๆ ชูแขนบิดขี้เกียจแบบที่ทำเป็นประจำทุกวัน แต่พอเปิดเปลือกตาขึ้นมนตร์ลดาต้องอ้าปากหวอ บิดตัวค้าง! เพียงชั่วครู่ก็ตั้งสติได้พร้อมผุดลุกขึ้นถอยหลังกรูไปพิงกับหัวเตียงอย่างระแวดระวังภัย! เมื่อมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนที่ยืนมองดูตัวเองอยู่นี้คือใคร!!?

                “หยุด!! อย่าได้กรี๊ดเชียวนะ” อเตต้าร์ชี้นิ้วห้าม เมื่อเห็นปากอิ่มกำลังเผยออ้าปากจะกรีดร้อง “ฉันมาคุยด้วยดีๆอย่าได้มาทำให้เสียอารมณ์!”

                “ฉันไม่คุย! แกมาทางไหนไปทางนั้นเลย” มนตร์ลดาโต้กลับอย่างไม่กริ่งกลัว

                “นี่... อย่ามาทำตัวอ่อนไหว เซนซิทีฟ ทำเป็นรังเกียจฉันไปหน่อยเลย ก็แค่เสียสาวครั้งแรกไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเจออยู่แล้ว บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วยๆ ถ้ายังขืนทำเป็นโวยวายไม่เลิกฉันจะเข้าใจเอาเองล่ะนะว่าเธอตั้งใจจะยั่วฉันอีก” น้ำเสียงติดรำคาญใจของอเตต้าร์ทำให้ได้รับสายตาจ้องมองมายังกับจะกินเลือดกินเนื้อกลับมา

                “ฉันไม่ได้ทำเป็นรังเกียจแต่ขยะแขยงเลยล่ะ ตาสองข้างมันบอดไปแล้วหรือไงถึงได้เห็นอาการสะอิดสะเอียนของฉันเป็นยั่วยวนไปได้! อ้อ... ลืมไปตาคนไม่ได้บอดแต่ใจคนต่างหากที่บอด มืดมิดแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ทำชั่วเอาไว้แล้วยังจะมีหน้ามาบอกว่าจะคุยดีๆอีกอย่างนั้นเหรอ??”

                “เอาล่ะๆ ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนมาก” อเตต้าร์โบกมือเหมือนกับจะยอมแพ้ ลากเก้าอี้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาทรุดตัวนั่งลงข้างเตียงแทน “ฉันแค่อยากจะมาบอกเธอว่าให้ทำงานที่นี่ต่อไป ดูแลคุณปู่ของฉันต่อไป”

                “ฝันไปเถอะ!! ฉันไม่มีทางอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกับแกแน่ เดี๋ยวฉันจะไปเรียนคุณท่านว่าจะขอลาออก”

                “ลืมข้อบังคับในสัญญาที่เพิ่งเซ็นไปแล้วหรือไง เพิ่งทำงานได้สามวัน มีปัญญาชดใช้ค่าเสียหายในสัญญาหรือไง” อเตต้าร์ถามอย่างเป็นต่อ

                “ไม่มี! ใครจะรวยด้วยชั่วด้วยเหมือนแกล่ะ แต่คุณท่านเคยบอกกับฉันไว้ว่าถ้ามีเหตุผลที่สมควรก็จะพิจารณาเป็นการพิเศษ และฉันคิดว่าถ้าบอกเรื่องทั้งหมดให้ท่านได้ทราบท่านก็คงไม่ขัดข้อง”

                “เรื่องที่เรานอนด้วยกันวันนั้นน่ะเหรอคิตตี้?”

                มนตร์ลดาอ้าปากค้าง อยากจะตายมันตรงนี้นัก!! ทำไมชีวิตเธอถึงต้องมาเจอผู้ชายปากมอม หยาบคายอย่างนี้นะ!!

                “เอาเลย ยิ่งถ้าท่านได้รู้ว่าเธอไม่สมยอมด้วยล่ะก็ เตรียมตัวเข้าโบสถ์กับคนใจบอดคนนี้เลย อืม... ความจริงไม่สมยอมแค่ตอนแรกนี่ใช่ม่ะ ตอนหลังนี่จำได้ว่าร้องครางหงิงๆไม่หยุดปากเลย อา... แค่คิดก็ครึ้มอกครึ้มใจแล้ว” อเตต้าร์ทำเสียงสูดปากอย่างน่าเกียจยั่วเย้าแม่คิตตี้คนงามที่แสนจะปากจัด!

                หน็อย!! ไอ้คนเส็งเคร็ง อย่าได้คิดว่าฉันจะหลงกลแกง่ายๆเชียว “หึ เอาซี้... ฉันไม่เชื่อว่าแกจะยอมเดินเข้าโบสถ์ตามความต้องการของคุณท่านง่ายๆ ยังไงๆฉันก็ต้องบอกเรื่องนี้กับท่าน”

                “ตามใจ...” อเตต้าร์ลากเสียงท้ายประโยคยาวอย่างกวนโมโห “ก็แค่เดินเข้าโบสถ์แลกกับการได้แทรกตัวเข้าไปอยู่ใน... ซี้ด... อา... ก็นับว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่”

                “ฉันยอมตายถ้าแกจะทำกับฉันแบบนั้นอีก” มนตร์ลดาโมโหมากขึ้นเมื่อทำลายความมั่นใจของผู้ชายตรงหน้านี้ไม่ได้เลย ร่างอ้อนแอ้นทั้งชุดนอนคุกเข่าบนเตียงต่อว่าเขาด้วยอารมณ์ที่กำลังปะทุเต็มที่

                “คิดเอาไว้อยู่แล้วไม่มีผิดพวกขี้ขลาด ตั้งท่าจะหนีอย่างเดียว ไม่รู้จักสู้กับปัญหา ถ้าในสมองคิดได้แค่นี้ก็ไม่มีทางที่จะหนีไปจากความจริงที่เรานอนด้วยกันได้หรอก แล้วยังไง!... จะไปทำงานที่ไหนก็หนีไม่พ้นโอลีเวย์ร่าไปได้หรอก ทั้งโรงพยาบาลรัฐและเอกชนต่างก็ได้รับเงินสนับสนุนโครงการใหญ่น้อยกันถ้วนหน้า เพราะฉะนั้นอย่าได้คิดจะผิดสัญญาที่ตัวเองได้ทำไว้ ไม่อย่างนั้นผมนี่แหละที่จะตามล่าคุณไปสุดขอบโลกเลย หนีได้หนีไป ไม่เชื่อก็ลองดู อ้อ... จะบอกปู่หรือไม่บอกก็ตามใจ ผมรับมือได้ทุกแบบอยู่แล้ว”

                คำพูดดูถูกที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนขี้แพ้ ไม่สู้คน ไม่รู้จักเผชิญหน้ากับปัญหาของเขามันทำให้มนตร์ลดาสงบลงได้เป็นอย่างดี

                “ทำงานต่อไป งานดีเงินดีแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆไม่ใช่เหรอ ที่พูดมานี่อย่าได้คิดนะว่าจะพิศวาสอะไรนักหนา จืดชืดทำอะไรไม่เป็นสักอย่างน่ะ แค่ครั้งเดียวก็เต็มกลืนแล้ว” อเตต้าร์สำทับแรงๆให้เธอได้ฮึดสู้

                “แกก็พูดได้สิลองมาเป็นฉันดูบ้างไหมล่ะ จะรู้สึกยังไง?”

                “คนที่เขาโดนรุมโทรมมีออกให้กลาดเกลื่อนแล้วทำไมพวกเขาถึงรู้จักลุกขึ้นมาทำงาน ลุกขึ้นมาดูแลตัวเองได้ แล้วที่คุณเจอมาก็ไม่ได้โหดร้ายอย่างนั้นซักหน่อย! อย่ามาเถียง รู้ดีแก่ใจตัวเอง” อเตต้าร์ชิงพูดดักคอหญิงสาวก่อน เมื่อหญิงสาวอ้าปากจะเถียงอีก “แล้วตอนนั้นผมรอให้คุณไปเรียกตำรวจอยู่ตั้งนาน เบอร์โทรฯก็เขียนฝากไว้ตัวใหญ่เบ้อเร่อเท่อ ถ้าอยากจะเอาผิดจริงๆทำไมไม่ติดต่อมา?”

                ก็ใครจะคิดว่าจะมาเจอกับคนหยาบคายแบบนี้อีก อุตส่าห์หนีจากรีโอเดอจาเนโรมาทำงานไกลถึงรีโอกรันดีโดชุล ยังหนีไม่พ้นแถมยังต้องมาเป็นลูกจ้างไอ้คนเส็งเคร็งที่มาพรากความสาวไปอีก!! จริงสิ... หากยังต้องใช้ชีวิตอยู่ในประเทศบราซิลนี้ก็คงหนีไม่พ้นแน่อย่างที่เขาว่ามาเป็นแน่ ดูอย่างตอนนี้สิ! คิดว่าหนีมาตั้งไกลสุดท้ายก็ต้องมาอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน

                “ถ้ามีหัวคิดก็คิดให้ดีๆ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปซะ ที่ผมจะพูดก็มีแค่นี้แหละไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วมันใกล้จะถึงเวลาที่ปู่จะตื่นลงไปข้างล่างแล้ว” อเตต้าร์พูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่นาฬิกาแขวนบนผนังห้องบอกเวลาอีกไม่กี่นาทีก็จะหกโมงเช้าแล้ว

                มนตร์ลดามองร่างสูงที่คลุมด้วยเสื้อคลุมตัวยาวสีน้ำเงินเข้มหมุนตัวเดินออกไป มือบางยกขึ้นหมายจะทุบเขากลางอากาศแก้แค้นนักแต่ก็ต้องยกแขนค้าง! แล้วลดลงข้างตัวทันทีเมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง

                “แล้วต่อไปนี้ห้ามจิกเรียกผมว่า แก อีกเป็นอันขาด ห้ามด่าทอเหมือนผู้หญิงชั้นต่ำข้างถนน บอกเป็นครั้งสุดท้ายไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าไม่เตือน!”

                มนตร์ลดาขมริมฝีปากตัวเอง มือกำหมัดแน่นมองผู้บุกรุกพื้นที่ส่วนตัวเดินออกไปจากห้องด้วยความอัดอั้นตันใจ!! ผู้หญิงชั้นต่ำข้างถนนอย่างนั้นเหรอ!?? แล้วที่ลากฉันเข้าห้องตั้งหน้าตั้งตาปู้ยี่ปู้ยำจนไม่เหลือชิ้นดีเนี่ย มันคงสูงส่งนักล่ะไอ้บ้ากาม!!

 

                อเตต้าร์เดินกลับมายังซีกตะวันตกอย่างรวดเร็ว ศรีษะได้รูปพิงเข้าที่ประตูบานใหญ่ของห้องนอนตัวเอง พลางถอนหายใจหนักๆ

                ‘หึ...จืดชืดทำอะไรไม่เป็นสักอย่างน่ะ แค่ครั้งเดียวก็เต็มกลืนแล้วน่ะเหรอ!!’ โกหกทั้งเพ! เขาและพระเจ้าเท่านั้นล่ะที่รู้ว่าตั้งแต่วินาทีที่แทรกเข้าไปในร่างกายของเธอจนถึงวินาทีนี้ เขาใช้ความพยายามเพียงใดที่จะสลัดความรู้สึกที่มันตามหลอกหลอนนั้นได้ แต่จะอะไรก็ช่างมันเถอะ! อย่างน้อยก็ทำให้แม่คิตตี้คนงามอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้แล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะหมกมุ่นคิดถึงแต่เธอก็เป็นได้ถึงได้ทำให้ว้าวุ่นใจ ถ้าลองออกไปเที่ยวหาผู้หญิงอกโต สะโพกดินระเบิดมาโยกให้มันฉ่ำอุรา!... อาจจะลืมหน้าแม่พยาบาลสาวนี่ไปเลยก็ได้

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา