แรดชิบหาย เมียอย่างมึง!

5.5

เขียนโดย LemonNest

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.06 น.

  42 chapter
  66 วิจารณ์
  55.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 21.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

38) ตอนที่ 37

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 37

 

 

 

เพทาย

 

            ผมเหมือนคนที่ตายทั้งเป็น เห็นแต่ช่วยไม่ได้…

 

                “คิดว่าต้นข้าวจะกลับบ้านไหม? น่าสงสารจัง” มิ่งขวัญมาที่นี่เพื่อช่วยผม ใช่! ผมรู้หมดทุกอย่างตั้งแต่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อต้นข้าวมา ปู่พูดถูกที่เรารักกัน ต่อให้เรื่องอะไรเราก็ผ่านมันไปได้

 

                แต่ทว่า…มันมีความกล้าพอไหมที่จะบอกทุกคนว่าผมเป็นของมัน เหมือนที่ผมเองทำทุกอย่างเพื่อให้รู้ว่ามันเป็นแค่ของผม ของผมคนเดียวเท่านั้น

 

                “ไม่หรอก ต้นข้าวไม่ใช่ผู้ชายยอมแพ้อะไรง่าย ๆ”

 

                “มั่นใจขนาดนั้นเลย” มิ่งขวัญไม่เชื่อ ผมจึงพยักหน้าย้ำอีกที “เมื่อไหร่ที่ถึงขีดสุด…เธอก็ระวังตัวเอาไว้แล้วกัน” เพราะผมเจอมาบ่อย สังเกตได้จากการนั่งรอหรือทำอะไรที่ขัดใจมันจริง ๆ ต้นข้าวถึงจะแสดงอาการเอาแต่ใจออกมา เห็นมันเป็นคนน่ารักใส่ซื่อ แต่กับผมมันไม่เคยซื่อเลยสักครั้ง

 

                มึงมันก็ซาตานดี ๆ นี่เอง

 

            “มาแล้ว ๆ” มิ่งขวัญสะกิดบอกผมเมื่อต้นข้าวมาพร้อมกับผู้ชายอีกคน ผมไม่ชอบหน้าไอ้หมอคนนี้ ถ้าไม่ติดมันเป็นลูกอาหมอนะ ผมยำมันตั้งแต่วันแรกที่คิดจะจีบต้นข้าวแล้ว

 

                “ตาลมไปไหนเนี่ย?” แม่ของลมเรียกหาลูกชายที่บอกจะไปจัดการต้นข้าว แต่ทำไมกลายเป็นต้นข้าวอยู่ลูกเธอหายไปเสียได้

 

                “ปล่อยลูกไปบ้างก็ได้ แกคงไปเดินเล่นแถว ๆ นี้แหละ”

 

                “ลูกฉันไม่ใช่ลูกคุณเสียหน่อย ฉันจะไปตามหาตาลม” เธอถอยเก้าอี้ขอตัวเดินออกไป อาผมส่ายหน้า

 

                “วุ่นวายกับลูกแบบนี้ไง ลมมันถึงไม่อยากอยู่บ้าน” ดีนะผมไม่มี…แม่ เหอะ ผมไม่เคยมีเธอมาตั้งแต่ทิ้งผมไปแล้ว

 

                “ถ้าอิ่มกันแล้วก็เข้าเรื่องเลยนะ ฉันจะให้แกสองคนลองอยู่ด้วยกันก่อนสักพัก แกว่ายังไง?” ผมทำหน้างง มันไม่ใช่แบบนี้นี่ ปู่กำลังทำอะไร?

 

                “มิ่งยังไงก็ได้ค่ะ”

 

                “ได้ยังไงครับ! แต่ต้นข้าวเป็นแฟนเจ้าเพนะพ่อ” ป๋าโวยวาย ผมลุกขึ้นยืนไม่ยอมด้วยคน ไม่ทันจะอ้าปากก็ต้องเงียบลงเพราะมือของปู่ที่กางให้พอ

 

                “ก็แค่สักพัก อีกอย่าง…ถ้าเจ้าเพมันไม่คิดอะไรก็ไม่เห็นจะเดือดร้อน นอกซะจากแกยังชอบผู้หญิงอยู่ และเป็นผู้หญิงที่แกเคยบอกปาว ๆ ว่าเป็นแฟนด้วยนะ” มิ่งมันเป็นไม้กันหมาต่างหาก ปู่จะไปรู้อะไร “แล้วเธอล่ะ ยอมไหม?” ทุกสายตาหันไปกดดันที่ต้นข้าว มันละสายตาจากแก้วบนโต๊ะเงยหน้าตอบปู่

 

                “ครับ? ผม…” มันมีสีหน้าลังเล ถ้ามันเลือกตกลงคือผมต้องลองอยู่กับมิ่งขวัญ และถ้ามันไม่ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

 

                “จะมีคนบ้าที่ไหนปล่อยผัวตัวเองไปอยู่กับคนอื่นล่ะครับปู่ ผมว่าหยุดเล่นก่อนที่พี่ชายเขาจะโมโหเอานะ ใช่ไหมเฮียน้ำ” เฮียเพลงเดินยิ้มแป้นเข้ามากอดไหล่ต้นข้าวต่อหน้าต่อตาผัวมัน!

 

                “ตกลงที่ให้ผมพาน้องมาเพราะคิดอยากจะทดสอบอะไรครับ มันจะมีอะไรหนักไปกว่าการที่ต้องไม่เจอหน้ากันอีกครับ พิสูจน์เพื่ออะไร? ในเมื่อบดทดสอบชีวิตคู่มันอีกยาวไกล ใช่อยู่ว่าถึงต้นข้าวจะผ่านมันไปได้ในตอนนี้ มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันว่าในอนาคตจะไปกันรอด คุณอยากรู้อะไรครับ? ความรักเหรอ? แค่นี้ยังดูกันไม่ออกอีกเหรอว่าน้องผมรักหลานคุณมากแค่ไหน หรือต้องเอาถึงขั้นยิงกันเฉียดตายครับ การที่ต้นข้าวแสดงออกไม่เก่งใช่ว่าจะไม่ได้รัก…แต่เพราะอะไรน้องผมถึงอดทนคำถากถางของพวกคุณ ไม่ใช่เพราะกลัวเพทายเสียหน้าเหรอ พวกคุณต้องการอะไรจากชีวิตพวกผมสองคนครับ ผมมันจน ใช่! ผมก็ไม่ได้เถียง แต่พวกคุณเกิดมาพวกคุณรวยเลยหรือเปล่าล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินพ่อแม่คุณก็แค่เด็กธรรมดาที่ต้องเติบโตต่อไป”

 

                “…”

 

                “แต่สำหรับผมและข้าวมันไม่ใช่ เราสร้างทุกอย่างมาด้วยมือของตัวเอง เงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ผมไม่เคยใช้สักบาท ผมเพียงแค่คิดว่าน้องต้องมีความสุข น้องต้องได้เรียนหนังสือ และแค่สอนน้องในสิ่งที่พ่อแม่ผมสอนมาเท่านั้น ไม่ต้องมาสงสารหรือเห็นใจเรานะครับ เพราะผมคงไม่ทนกับสิ่งที่ทำให้น้องผมรู้สึกแย่อีกต่อไป กลับกันต้นข้าว!” ต้นน้ำประคองพีชให้ลุกขึ้นยืนเดินกุมมือไปด้วยกัน อีกข้างก็คว้ามือต้นข้าวกลับบ้าน ทั้งสามคนออกไปแล้ว ออกจากบ้านหลังใหญ่ไปแล้ว

 

                ตอนนี้…มันไม่ได้อยู่ที่กล้าไม่กล้า แต่ผมกำลังทำบ้าอะไรอยู่ต่างหาก!

 

                มึงมันโง่เพทาย ทำไมมึงต้องไปบังคับคนที่มึงรักให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวของตัวเองด้วย มาทดสอบทำซากอะไรในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองไม่มีทางนอกใจต้นข้าวแน่ และต้นข้าวเองก็พูดอยู่เสมอว่าเชื่อใจผม บัดซบ!! กลายเป็นผมที่ผิดเต็ม ๆ

 

                “ทีนี้ก็เข้าใจกันแล้วนะว่าทำไมฉันถึงยอมรับเด็กสองคนนั้นง่าย ๆ ต่อให้เขาไม่มีเงินสักบาทเขาก็จะหาเองได้ยินไหม ที่ใช้กันอย่างกับหว่านนามันใช่ไหมล่ะ คิดดูเอาเอง? ขอโทษหนูมิ่งด้วยที่ทำให้เสียเวลา กลับไปหาลูกเถอะ ปู่ขอบใจมาก และอีกเรื่อง…คนที่พวกเธอดูถูกกันอยู่มีเงินเป็นสิบ ๆ ล้านเชียวนะ น่าภูมิใจไหมที่เขาสร้างด้วยตัวเอง เขาจนจังนะว่าไหม? ” ปู่พูดปิดท้ายทำเอาญาติผมฮือฮาพลางนึกออกว่าคุณต้นน้ำเป็นเจ้าของแบรด์เสื้อผ้าชื่อดัง มิ่งขวัญยกมือไหว้ก่อนจะตบบ่าผมให้กำลังใจ ผมโดนเธอหักหลังอีกแล้ว! ยัยปีศาจตัวแม่ ไม่ใช่ต้นข้าวที่โดนทดสอบ แต่เป็นผมเองที่กำลังโดนลองใจอยู่

 

                เอะใจอยู่แล้วเชียวว่าคนอย่างปู่น่ะเหรอจะดึงผมเข้าไปร่วมแผนด้วย ฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ คงคิดอยู่แล้วว่าผมต้องโง่หลงเชื่อแน่ ผมก็แค่อยากให้ต้นข้าวมันแสดงออกว่ามันเป็นเจ้าของผม ผมผิดอะไรวะ? อยากให้มันกล้าพูดกับคนอื่นที่เข้ามายุ่งกับผมว่ามันเป็นคนรักของผม ห้ามแย่ง ห้ามเอาไป เพราะผมก็คิดอย่างนี้มาตลอด

 

                “ป๋ารู้ตั้งแต่แรกใช่ไหม แล้วถ้าเพไม่เห็นด้วยกับปู่ล่ะ ไม่ยอมทดสอบต้นข้าวเหมือนที่ปู่วางไว้…”

 

                “ป๋าเลี้ยงแกมาทั้งตัวและหัวใจนะเพ ลูกชายป๋า ป๋ารู้จักทุกคน แต่ไม่คิดว่าลูกป๋าจะหลงกลปู่เราเข้าจริง ๆ เพราะถ้าเพแค่ไม่ ทุกอย่างก็จบ นั่นคือเพไม่ได้ต้องการอะไรจากต้นข้าว เพไม่ต้องการพิสูจน์อะไรทั้งสิ้น เพียงเพราะเพไว้ใจ เชื่อใจคนรักของตัวเอง ป๋าเข้าใจว่าเพอยากให้ต้นข้าวแสดงออกมาเหมือนที่เพทำ แต่เพไม่รู้จักนิสัยเมียตัวเองจริง ๆรึยังไงว่าเป็นยังไง ป๋าก็พูดไม่ออกเพราะเพเลือกเอง”

 

                ความรักไม่ใช่การแสดงความเป็นเจ้าของ แต่มันคือการไว้ใจ เชื่อใจ และอยู่ร่วมกันโดยไม่หวาดระแวงกันเอง

 

………………………………………………………………………………

 

                หนึ่งเดือนผ่านไป…

 

                ผมยังคงใช้ชีวิตคนเดียวไม่เปลี่ยนแปลงเหมือนวันเก่า ๆ เหตุการณ์ในวันนั้นมันเป็นเครื่องเตือนใจให้ผมยั้งคิดทุกอย่าง ให้ผมใช้สติมากกว่าความอยากได้ มากกว่าการที่แคร์ตัวเองมากกว่าคนรัก ทำไมเราต้องทำอะไรในสิ่งที่ไม่ชอบ ถ้าในวันนั้นต้นข้าวมันแสดงออกมาจริงว่าผมคือของมัน แล้วยังไง? ผมอาจจะดีใจ แต่ก็แลกกับการที่มันเสียใจ มันร้องไห้ มันเจ็บปวด และเสียความรู้สึกที่รู้ว่าทุกอย่างคือแผน

 

                ดีแล้ว…ที่มันไม่เกิดขึ้นจริง เพราะแค่ต้นข้าวขอเลิกกับผม…ผมก็เจ็บเจียนตาย

 

                เราเลิกกันแล้ว…

 

                ‘กลับไปอยู่จุดเดิมกันดีกว่าว่ะ เพราะเราก็เริ่มกันไม่ค่อยจะดีอยู่แล้ว มึงเรียนให้จบแล้วค่อยกลับมา ถ้ามึงยังไม่มีใคร กูหวังว่าเราจะได้กลับมาคบกันอีก เพราะกู…คงไม่มีใคร’

 

            เลิกเพราะตัวผมเอง ผมยังรู้จักมันไม่ดีพอ และ…เราควรเริ่มต้นใหม่จริงอย่างที่มันว่า

 

                “ไง เศร้าเลย เอามาม่าไปเลี้ยงสักวันไหมล่ะ?” มิ่งขวัญตบหลังผมเสียงดังอ้อมแขนหิ้วเด็กน้อยสองปีหนีบข้างมาด้วย ผมยิ้มอ่อนลูบหัวเล็กเล่น

 

                “แต่งตอนไหนไม่เห็นบอกกัน? แล้วรู้สึกลูกเธอจะชื่อมาร์ค มาหาอามาเร็ว” ผมอ้าแขนออก มิ่งขวัญส่งลูกชายของเธออุ้มนั่งตักผม

 

                “แต่งได้นานแล้วแต่ยังไม่อยากมีลูก รอเรียนจบมีการมีงานทำนี่แหละ เห็นผัวฉันยัง หล่อกว่าแกเยอะ”

 

                “ยังไงวะ ตอนนี้แกก็น่าจะเรียนอยู่นี่” ผมใช้นิ้วเขี่ยแก้มจ้ำม่ำเล่น

 

                “เปล่า ฉันไม่ได้เรียนแล้ว มาเรียนรู้เอาจากงานจริงเลย พอดีผัวรวยว่ะแก สอนเช้าสอนเย็นจนได้กัน ฮ่า ๆ”

 

                “เออ! หน้าด้านไม่เปลี่ยน” ผมว่าไอ้ตาโต ๆ ของมาร์คเหมือนแววตาต้นข้าวเลย หรือผมคิดถึงมันมากไป

 

                “อย่าเศร้าไปเลย เรียนจบแล้วก็ไปขอเขาซะ คิดถึงก็ไปหา เขาไม่ได้ห้ามแกไปนี่ ก็แค่พี่ชายเขาไม่ชอบหน้าแกแค่นั้นเอง” คงเกลียดเลยด้วยซ้ำ ผมไม่เคยทำให้ต้นข้าวสบายใจเลยมีเหรอพี่ชายมันจะชอบ

 

                “ผิดมากเหรอวะ?”

 

                “แค่แกรู้ว่าเขาไม่ชอบแกก็ผิดแล้วนะเพ ฝืนใจให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ชอบ ฉันว่าแกเลวเลยล่ะ”

 

                “เพราะใครล่ะ! ก็เธอไงที่ไม่ยอมบอกฉันตั้งตั้งแต่ทีแรก บอกหน่อยก็ไม่ได้ว่าอย่าตกลงนะ อย่ายอมเล่นเกมของปู่”

 

                “โทษตัวเองที่เลือกจะดีกว่าไหม? บทเรียนนะ เอาไปคิดแล้วทำมันให้ดีกว่าเดิม คิดซะว่าตอนนี้แกเริ่มต้นใหม่ ต้นข้าวก็บอกเองว่าคงจะไม่ใคร ใช่ไหม? แกเคยเล่าให้ฟัง”

 

                “คงจะ! ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสักหน่อย น่ารักอย่างมันคนอื่นต่อคิวรอให้เพียบ”

 

                “ตบปากสักทีดีไหม แกคิดได้ไงว่าเมียแกจะมีคนอื่น สมควรเลิก!!” ยัยปีศาจมันตะโกนใส่หูผมดึงลูกชายตัวเองหิ้วกลับไปหาสามีที่น่ารักของเธอ อืม หล่อจริงไม่ได้โม้

 

                ผมหยิบรูปถ่ายที่โจ้ส่งมาให้ขึ้นเปิดดูทีละใบ จะให้เชื่อใจยังไงวะในเมื่อหลักฐานคาตาขนาดนี้!!

 

                “หึ เที่ยวกับเพื่อน” ผมวางรูปใบแรกลง “นี่ก็มีคนมาจีบ” ใบที่สองวางลง “ไอ้เหี้ยนี่ส่งดอกไม้มาถึงบ้าน” ใบที่สามผมกำมันแน่นขย้ำจนยับ “ไอ้หมอเวรนั่นก็ยังไม่เลิกยุ่งกับเมียกูสักทีแม่ง!!!” รูปใบสุดท้ายผมฉีกทิ้งโปรยใส่ถังขยะ

 

                “อีกสองปีกูจัดการมึงแน่ต้นข้าว รอกูก่อนเถอะ ไม่หายงอนกูปล้ำแม่งอีกรอบให้ตายคาเตียง โว๊ยยย!!” ใครว่าผมทำใจได้ ไม่เลยสักนิด ผมร้องไห้มาสามคืนติดเมื่อต้นข้าวมันขอเลิกไป ไม่เรียนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่พอมาคิดดูว่าผมทำไปแล้วได้ต้นข้าวกลับมาไหมก็หันมาสนใจตัวเองมากขึ้น เริ่มเรียนและทุกเช้าและก่อนนอนผมจะส่งข้อความไปบอกรักมันทุกวัน น้ำหยดลงหินวันละนิด ๆ ยังไงก็ต้องกร่อนใจอ่อนให้ผมสักวัน

 

…………………………………………………………………………………………….

 

ต้นข้าว

 

            “พี่ครับ ขอลายเซ็นหน่อยครับ” เด็กปีหนึ่งวิ่งมาขอลายเซ็นผมเมื่อก้าวลงจากอาคารเรียน ไอ้เต้ยมันกอดอกมองน้องเขาสายตานิ่ง ๆ จนน้องเขากลัวหลบสายตายื่นสมุดส่งให้

 

                “รู้ไหมพี่ชื่ออะไร?”

 

                “ไม่รู้ครับ พี่ครับ…ผมขอโทษ แต่เดี๋ยวจะไปหาชื่อพี่มาแน่นอนครับ” มันยิ้มกวาดสายตามองร่างสูง ๆ ของน้องเขาแบบประเมินด้วยสายตา

 

                “พี่ชื่อเต้ยนะครับน้องเติ้ล ไหนเอาสมุดมาสิครับ พี่เซ็นให้พร้อมเบอร์โทรเลยนะ” ผมส่ายหน้ากับท่าทีที่เปลี่ยนไปมากของมัน มีผัวแล้วแรดขึ้น ผมก็เคยเป็น แต่ไอ้หล่อมันโหดไงผมเลยถึงต้องเก็บอาการไว้ให้มิดชิด

 

                ผมคิดถึงมันอีกแล้ว

 

            “เอาเบอร์โทรพี่ไหมเต้ย หืม” มึงเจอของจริงเข้าแล้วเต้ย ผมหลีกทางให้พี่แซมเดินมายืนข้างมันได้ถนัดขึ้น ไอ้เต้ยชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ

 

                กูเห็นแต่กูไม่บอก มีอะไรไหม

 

            “มาทำไม คณะตัวเองไม่มีเรียนเหรอครับคุณหมอ” นี่แหละ วิธีการหลีกเลี่ยงโทษของตัวเองอย่างเนียนที่สุดของมัน เปลี่ยนประเด็นซะ ให้พี่หมอลืม ๆ ไป

 

                “มีครับ แค่ผ่านมาเอาขนมมาให้ลูกหมา” เต้ยมันแยกเขี้ยวใส่มือรับเอาไว้

 

                “เต้ยไม่ใช่หมา” มันหันไปแกล้งดุน้อง “วันนี้พี่ให้แค่ชื่อนะ พรุ่งนี้มาเอาที่เหลือ” น้องเติ้ลพยักหน้ารับรีบหนีออกไปให้ไวที่สุด มีป้ายชื่อไงผมเลยรู้

 

                “พี่ยังไม่ลืมนะครับ เดี๋ยวนี้ดื้อ” ผมตบบ่าไอ้เต้ยชูสองนิ้วให้ ฉีกยิ้มหวาน ๆ ให้อีกที

 

                “โชคดีว่ะ คืนนี้ยาว”

 

                “กูไม่กลัวมันหรอก” มันกระซิบกับผมสองคน “พี่แซมมาเหนื่อย ๆ นั่งก่อนนะครับ เต้ยไปซื้อน้ำมาให้นะ เมื่อกี้น้องจริง ๆ นะครับ เต้ยไม่คิดอะไรเลย เด็กไอ้ข้าวมันเลย เต้ยไม่รู้เรื่อง” ผมพยักหน้าช้า ๆ

 

                “เหรอครับเพื่อน” ไหนมึงว่าไม่กลัว ก่อนผมจะได้ฆ่ามันก็มีรุ่นพี่ที่เคยคุยกันเดินมาหา

 

                “น้องข้าวเพิ่งเลิกเรียนเหรอครับ ไปนั่งทานข้าวกับพี่ไหม? นะ ๆ ให้พี่ได้มีโอกาสบ้าง” พี่คนนี้จีบผมอยู่ผมรู้ดี แต่เราคุยกันแล้วว่าผมไม่ได้ชอบ ผมไม่อยากให้ความหวังใคร แต่พี่เขาก็ขอแค้ข้าวสักมื้อไว้จดจำว่าอย่างน้อยเคยนั่งกินกับผม ผมก็ตกลงเพราะดูท่าทีพี่เขาต้องการแค่นั้นจริง ๆ

 

                หลาย ๆ เรื่องราวมันทำให้ผมคิดกว้าง ไม่มองโลกในแง่ดีและร้าย ใครเข้ามายังไงผมก็ตอบแทนไปแบบนั้น ผละจากไอ้เต้ยมาก็เดินไปนั่งที่โต๊ะแถว ๆ ริมซ้ายของโรงอาหาร คนค่อนข้างน้อยเพราะเย็นมากแล้ว ฟ้าเริ่มมืดและฝนเริ่มตกตามฤดูกาล ผมนึกอะไรได้รีบหยิบกุญแจรถออกมาไปถอยเวสป้ามาจอดในที่ร่ม

 

                ป๋าให้เงินผมมาค่าที่ผมไปสอนพิเศษไอ้หล่อ ผมรับไว้และเอามาซื้อเวสป้ารุ่นล่าสุดที่อยากได้ อาจจะรวมกับเงินทำงานตัวเองนิดหน่อย พอผมขับไปไหนไอ้เต้ยก็จะขอซ้อนไปด้วย มันไม่เอาลูกรักมันมาแล้วขับ มันบอกเอาคืนช่วงปีสองที่ผมใช้มันเป็นคนขับบ่อย ๆ

 

                “นั่งกินไปมองหน้าน้องข้าวไป พี่ฟิ๊นฟินนน โอ๊ย! ตบหัวกูอีกแล้วนะ” เต้ยมันล้อผมไม่หยุด แค่ให้มันนั่งรอทำเป็นบ่น เชื่อเหอะว่าถ้าพี่แซมไม่ติดเฝ้าห้องพยาบาลมันต้องจิกหัวพี่เขาให้ไปส่งแน่

 

                “โทรนัดไอ้พวกนั้นยัง” ผมเงยหน้าก่อนก้มลงจดเลคเชอร์

 

                “โทรแต่เช้าแล้วครับ มึงคิดยังไงอยากไปดูหนังกับพวกกู”

 

                “อ่าวไอ้สัส พูดเหมือนกูไม่ใช่เพื่อนพวกมึง”

 

                “ก็มันจริง ปกติมึงก็มีแต่…” ผมหยุดมือที่จด ก่อนจะพูดต่อให้ไอ้เต้ย

 

                “มีแต่เพทายใช่ไหม…เพราะแบบนี้ไงกูเลยอยากให้เวลากับเพื่อนบ้าง กูผิดกับพวกมึงมาเยอะแล้ว ขอแก้ตัวบ้างดิวะ กูอกหักมานะเว้ย มีแต่พวกมึงที่อยู่กับกู” ไอ้เต้ยพาดแขนมาวางที่ไหล่ผม กอดคอดึงเข้าไปใกล้จนหัวเราชนกัน

 

                “เหรอครับเพื่อน มึงไปหักอกเขามานะกูได้ข่าว จบ ๆ เรื่องนี้ จะเอายังไงต่อก็แล้วแต่มึงเหอะ อยู่กับเพื่อนฝูงบ้างก็ดี เดี๋ยวพวกกูเหี่ยวเฉาตายกันหมด” แล้วมันก็พล่ามอีกยาวเหยียด

 

                ทำไมผมเพิ่งจะมารู้สึกตัวว่าผมยอมไอ้หล่อมากเกินไป ผมควรที่จะได้เที่ยวกับเพื่อนบ้าง ควรที่จะมีเวลาส่วนตัวของตัวเอง แต่พอมันบอกไม่ ผมก็ต้องยอมอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่เราน่าจะตกลงกันก่อนว่าถ้าผมไปเที่ยวผมจะบอกมัน หรือมันทำอะไรมันจะบอกผม เราเชื่อใจกันอยู่แล้ว แค่นี้ผมก็มีเวลาให้คนอื่นบ้าง ให้มันบ้าง

 

                “นายตฤณ! เธอยังอยู่ปีสองหรือไงจ๊ะ ไปเขียนชั้นปีมาใหม่ เลขที่ก็เปลี่ยนไปแล้วเธอเขียนมาให้ดี ๆ สิ” ผมโคตรอายเมื่อเพื่อนมันหัวเราะกัน ผมก็ลืมบ้างนี่หว่าว่าอยู่ปีสามแล้ว เวลามันผ่านไปไวมากจนผมตามแทบไม่ทัน

 

                “เขิน ๆ ๆ คิดว่าตัวเองเป็นน้องอยู่หรือไงหนูต้นข้าว โตแล้วครับหัดเขียน…”

 

                “นายตุลา! ฉันให้ส่งงานแต่ไม่ต้องแถมโพสอิทมาด้วยก็ได้ หืม ตั้งใจทำงานนะครับเต้ย” ผมหัวเราะลั่น พี่แซมแน่ ๆ

 

                “อาจารย์!! จะอ่านออกเสียงทำไมครับ เอามาเลย ๆ” ไอ้เต้ยมันสนิทกับอาจารย์คนนี้มากมันวิ่งไปแย่งสมุดในมือมองค้อน ๆ มันก็โดนแซมไปตามระเบียบ อายกว่ากูไหมล่ะ

 

                เมื่อเลิกเรียนผมสี่คนรวมไอ้ดูโอ้กิมมิก ที่มันแอบไปแซ่บกันมาตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ นัดกันไปเที่ยวที่…สวนสนุกครับ ย้อนชีวิตวัยเด็กหน่อย ไอ้กิมมันกลัวความสูงครับแกล้งมันให้ไปเล่นอะไรสูง ๆ มันโกรธพวกผมชนิดเดินนำไม่สนใจเพื่อนที่ง้อตามหลังเลย

 

                “กูขอโทษไอ้กิม สัสมิกไปง้อผัวมึงดิ้” เต้ยมันโบ้ย

 

                “ครับ? ก็กิมไม่คุยด้วยมิกจะง้อทำไม เดินนำไม่รอด้วย” ไอ้กิมหันมากอดคอเมียมันเดินให้ไปด้วยกัน

 

                “กูยังเคืองมึงนะไอ้เต้ย ง้อกูเร็ว ๆ” มันหันหลังอยู่แต่ก็พูดออกมา

 

                “ทำไมแค่กูล่ะวะ ไอ้ข้าวก็คิดนะมึง”

 

                “เพราะมันน่ารักกูโกรธไม่ลง มึงไม่ง้อใช่ไหม?”

 

                “เหตุผลส้นตีน อะๆ ไอติมถ้วย” ไอ้กิมกรอกตาไปมา “สองถ้วย” มันยังไม่พอใจ “กูเลี้ยงจนจบทริปเลยไอ้เหี้ย! พอใจยัง” เต้ยมันแบะปากโวยวาย

 

                “ดีมากเพื่อนรัก กูรักมึงที่สุดเลยเต้ย” กิมมันดึงคอเสื้อไอ้เต้ยเข้ามากอด ไอ้เต้ยมันผลักหัวกิมออก

 

                “หลอกแดกฟรี มึงเลวมาก”

 

                “งั้นกูโกรธ”

 

                “เออ กูเลี้ยง! หายโกรธกูนะ ไป ๆ กูอยากเล่นน้ำต่อ” ผมโดนไอ้เต้ยกอดเอวเดินไปด้วยกัน ทำเหมือนกูเป็นสาวน้อยเลยนะ

 

                ผมยิ้มและหัวเราะอย่างมีความสุขมาก ๆ และก็เหมือนเช่นทุกวันที่โทรศัพท์ขึ้นแจ้งเตือนข้อความเข้า ไอ้หล่อมันขยันส่งมาให้ผมทุกวัน ผมไม่ได้โกรธมันนะ แต่แค่อยากให้มันได้เรียนจบและโตกว่านี้อีกหน่อย หัดให้มันใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป เพราะขืนมันยังติดผมแจเหมือนเดิม ผมก็คงจะไปไหนไม่ได้เช่นตอนนี้

 

                ถ้ามันซื่อสัตย์กับผมจริง มันก็ต้องเรียนจบกลับมาหาผมแน่นอน ผมยังรอ…แต่แค่ไม่บอกให้มันได้ใจเท่านั้นแหละ

 

………………………………………………………………….

 

ตัส

 

            “พี่โจ้! ผมบอกอีกครั้งนะครับว่าจะไปกับเพื่อน เพื่อนครับ!!” ผมย้ำให้ชัด ๆ ว่าไปกับเพื่อนจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้ผมแอบไปเลี้ยงกับรุ่นพี่มาครับ ลืมบอกพี่โจ้ ไม่ได้โกหกแต่แค่ลืมบอก

 

                “ไปที่ไหน? เมื่อไหร่กลับ? มีใครไปบ้าง?”

 

                “แค่ไปซื้อหนังสือการ์ตูนหน้าปากซอยเนี้ยพี่ ไปสามคนครับ มีผมกับไอ้แฝด ห่างจากหอสามกิโลเป๊ะ ๆ” ผมก็ดีใจอยู่ที่พี่โจ้มาหา มาดูความเป็นอยู่ของผมที่หอ ผมจะแชร์อยู่กับเพื่อนก็ไม่ได้ เพราะพี่โจ้ชอบหื่นอะ ผมก็ยอม คิก ๆ

 

                “รีบไปรีบมานะ พี่คิดถึง” อย่าอ้อน ๆ เดี๋ยวผมคร่อมเลย เขินจัง

 

                “รู้แล้วครับ จุ๊บ~ เฝ้าห้องให้ดีนะเจ้าตูบ” ผมลูบหัวพี่โจ้เล่น

 

                “ทำเป็นเล่น พี่มีงานต้องทำอีกเยอะเลย เย็นนี้ไปกินกับเพื่อนแฝดเราก็ได้ พี่คงไม่ว่างครับ” พี่โจ้ไม่ว่างอีกแล้ว เมื่อไหร่ไอ้คุณเพทายมันจะเรียนจบสักทีวะ

 

                “ครับ ๆ อย่าลืมกินข้าวด้วยนะ ถ้าตัสรู้ว่าไม่กินล่ะก็…” ผมยกนิ้วชี้ขู่

 

                “ตัสจะบุกไปถึงบริษัทและโทรไปฟ้องเฮียเพลงนะครับ พี่พูดถูกไหม?”

 

                “ถูกต้อง ตัสไปแล้วนะ เดี๋ยวซื้อขนมมาฝาก นี่โทรศัพท์ของตัสวางไว้ตรงนี้นะ จะเช็คอะไรตามสบาย แต่ระวังเจอกิ๊กเค้านะ” ผมเจอหยิกวะแก้มยืด

 

                “แก่แดดใหญ่แล้วเรา แล้วเมื่อคืนแอบมาเช็คโทรศัพท์พี่รึไง?” รู้ได้ไง ผมว่าผมเงียบที่สุดแล้วนะ

 

                “ครับ แฮ่ ๆ ก็เห็นข้อความเข้าเลยอาสาเปิดดูให้ งานทั้งนั้น น่าปวดหัว”

 

                “พี่ไม่ได้ว่าอะไร พี่มีแค่เราคนเดียวนั่นแหละ ลองทิ้งสิ พ่อแม่เราเอาพี่ตาย” ผมก็เอาตายนะครับ ปล่อยไกลหูไกลตาสาวเข้าหาตลอด

 

                “ครับ ๆ ไปก่อนนะ ไอ้แฝดบ่นตายแล้ว” ผมเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้าง พี่โจ้ยิ้มนอนราบกับเตียง คงเหนื่อยมามากกับงานวันนี้ ผมก็พอรู้มาว่างานส่วนหนึ่งคุณเพทายเอาไปทำ ทั้งเรียนทั้งทำงานจะไหวหรือไงนะ แต่ช่างเหอะ อยากมาทำพี่ต้นข้าวเสียใจก่อนทำไม

 

                คอยดูนะ ถ้าใช้งานพี่โจ้หนัก ผมจะหาแฟนใหม่ให้พี่ต้นข้าว คอยดูสิ!

 

 

 

 TBC.

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา