แม้ชีวิตฉันก็จะให้นาย

10.0

เขียนโดย ภาพงับ

วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 03.03 น.

  5 บท
  0 วิจารณ์
  8,482 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558 03.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ปาติหารย์น่ะมีจริงนะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                ทุกสิ่งอย่างมันวังเวงไปหมด ผมอยากจะลืมทุกอย่างไป โหดร้าย! ภาพที่ผมเห็นเมื่อตอนนั้นมัน … มันโหดร้ายเกินไปที่ผมจะรับได้ไหว ทั้งร่างกายก็อ่อนแรงไปหมดเมื่อนึกถึงสิ่งนั้น ผมจะทำอย่างไรดี คุณยูริเป็น จอมเวทย์ที่อุทิศเสียสละ ทุ่มเทเพื่อผู้คนมาโดยตลอด ไม่มีใคร ! ไม่มีใครสักคนเดียวที่รู้ว่าเธอจากไปอย่างน่าเวทนา นี่น่ะหรอจุดจบของจอมเวทย์ ! มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ มันทรมานเกินไปแล้ว …… คุณยูริ…..

                “ดูสิไหวมั้ยเนี่ย   เลอะหมดเลย รุยเซย์” แม่ผมพูดพลางเช็ดปากให้น้อง ทำไมกันนร้า ทุกคนทำเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย ผมทั้งดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ ระคนความเสียใจยากที่จะพรรณาจากจิตใจได้

                “คาสึเกะ … เป็นไรหรือเปล่าลูก ” แม่มองผม เพราะตอนนี้ผมทานข้าวอย่างใจเหม่อลอย แม้จะตักข้าวเข้าปาก มันก็ชังยากเหลือเกิน

                “อาหารไม่อร่อยหรือเปล่าลูก” พ่อผมถาม

                “ฮื่อ…..ๆๆๆ อร่อ…อร่อยมากเลย ฮื่อออ… ผมดีใจจังเลยที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ทานอาหารอร่อยๆของพ่อ ฮื่อๆๆ”  ผมสะอืนพร้อมกับทานข้าวไป

                “เอ…..เอ่อออ…” พ่อพูดพลางถอนหายใจ

ณ โรงเรียน

                “นี่ฮิโรโตะ … ไอ้นั่นแมร่งทำอวดดีชิบหายเลยเราอ่ะแมร่งหมั่นใส้ ….” โซมะ พูดกับฮิโรโตะ ที่นั่งอยู่ในห้องเรียน เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ผมเองก็มาโรงเรียนกับคีโบในร่างแมวเหมือนเช่นเคย

                >>>โซมะ …… มรึง<<< ผมใช้เทเลพาทีของคีโบสื่อไปหาโซมะ

                >>>เดี่ยวไว้ก่อนมรึง …. ค่อยว่ากันที่หลัง<<< โซมะตอบกลับมา

                “นั่นแหละเราก็ว่างัน ….”  โซมะกลับไปคุยกับฮิโรโตะเหมือนเดิม

เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง ผมกับโซมะก็มาทานข้าวบนด่านฟ้าเหมือนเดิม

                ผมกับโซมะทานข้าวด้วยแววตาเหม่อลอย

                “รู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกเลย ทุกคนในโรงเรียนไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

                “จริงๆแล้วก็ไม่มีใครรู้นิ ทั้งเรื่อง despond เรื่องคุณยูริ มีแค่เราที่รู้ คนอื่นไม่มีใครรู้เลย มันเปลี่ยนไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วล่ะ พวกเราน่ะควรจะรู้ตัวให้ไวกว่านี้ มรึงน่ะจนถึงตอนนี้ก็อยากจะเป็นจอมเวทย์อยู่มั้ย” โซมะเสียงแผ่ว

                “เอ….เอ่อ….” ผมพูดน้ำเสียงอ่อนๆ

                “นั่นสินะก็ช่วยไม่ได้หรอก …”

                “กูเข้าใจนะว่ากูอ่อนแอ มาพูดตอนนี้ก็เพราะด้วยเห็นแก่ตัวสินะ แต่ว่า… แต่ว่า ไม่ไห…ว การตายแบบนั้นน่ะ แค่นึกถึงกูก็หายใจไม่ออกแล้ว กูกลัว ฮื่อๆๆ…” ผมพูดพร้อมร้องไห้ออกมา

                “คุณยูริน่ะ…. เป็นคนที่ใจดีจริงๆนร้า เพื่อให้เรารับรู้เอาไว้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง ในการต่อสู้ จนถึงกับต้อง…. ” โซมะพูดเสียงแผ่ว

                “นี่คีโบ แล้วเมืองนี้มันจะเป็นยังไงบ้างน่ะ จากนี้ไปใครจะสู้กับ despond ”

                “เมืองนี้น่ะเป็นเขตของยูริมานานแล้ว แต่ถ้าตำแหน่งว่างลง จอมเวทย์คนอื่นก็ไม่อยู่เฉยหรอก เดี่ยวก็มีคนอื่นมาล่า despond ต่อแทนน่ะ” คีโบว่า

                “แต่ว่านั่นมันก็คนที่อยากจะได้ Seed of sorrow ไม่ใช่หรอ เหมือนไอ้มินาโตะนั่นน่ะ” โซมะพูด

                “จริงๆแล้วคนอย่างยูริน่ะ ไม่ค่อยจะมีนักหรอกนะ ปกติก็คิดแบบนั้นกันทั้งนั้นล่ะ ไม่ว่าใครก็อยากได้ของตอบแทน แต่ว่าคนที่จะตำหนิพวกนั้นได้ก็มีแต่คนที่แบกชะตากรรมจอมเวทย์ไว้เหมือนกันเท่านั้นน่ะนะ” คีโบว่า

                “เอ…เอิ่ม….” ผมกับโซมะพูดพลางถอนหายใจ

                “ผมน่ะ พอจะเข้าใจความรู้สึกของพวกนายแล้วล่ะ แต่ผมก็บังคับใครไม่ได้ คงต้องลากันแล้วล่ะ ผมน่ะ ยังคงต้องไปตามหาคนที่มีความปราถนาที่จะทำสัญญากับผมอีก” คีโบว่า

                “ขอโทษนะ……คีโบ” ผมพูด

                “ทางนี้ก็ต้องขอโทษที่ต้องลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ถึงจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆแต่ก็ขอบคุณนะ” คีโบพูดแล้วก็เดินจากไป

หลังเลิกเรียน ผมก็นั่งคิด และคิดถึงคุณยูริอยู่เสมอ คำพูดตอนนั้น ….. ผมบอกกับเธอว่าอยากจะเป็นคู่หูคอยช่วยกันกำจัด despond แต่ว่าตอนนี้ผมกลับกลัว “ฮื่อๆๆๆ….” ผมเดินมาที่ห้องที่คุณยูริพัก ประตูไม่ได้ล็อกไว้ ทุกสิ่งในห้องยังเป็นเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแม้แต่อย่างเดียว ทุกอย่างเงียบสงัด คุณยูริจากไปพร้อมกับความว่างเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าเธอตายไปแล้ว “ช็อต!!! กัน!” เสียงนั้นยังคงดังก้องในจิตใจของผม “ฮื่อ…ๆๆ  ขอโทษ….ผมขอโทษผมมันคนอ่อนแอ… ฮื่อๆๆ” เมื่อผมกำลังจะกลับบ้าน มินาโตะก็มารออยู่แล้ว

                “หะ…. มิ..นาโตะคุง” ผมพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตา

                “นายน่ะโทษตัวเองมากไปแล้วนะ ฮารุตะ คาสึเกะ ไม่มีใครจะสามารถโทษนายได้หรอก ถ้ามี…ฉันเนี่ยล่ะที่จะไม่ยกโทษให้!” มินาโตะว่า

                “เอ…เอ่อ..”

                “ยอมฟังคำเตือนของฉันแล้วสินะ” มินาโตะว่า พลางเดินกลับพร้อมกันกับผม

                “ถ้ายอมเชื่อนายตั้งแต่แรกๆล่ะก็…” ผมพูด

                “แต่ชะตาของ ซากุระ ยูริ ก็ไม่เปลี่ยนไปหรอกนะ แต่ว่า….ชะตาของนายน่ะถูกเปลี่ยนไปแล้ว ถึงจะช่วยได้คนเดียวแต่ฉันก็ดีใจ” มินาโตะว่า

                “มินาโตะคุงน่ะ ดูชำนาญกับเรื่องพวกนี้แตกต่างจากคุณยูริในคนละแบบเลยนะ”

                “คงอย่างนั้นมั้งฉันไม่ปฏิเสธหรอก”

                “คงจะเคย…..เห็นคนตายแบบเมื่อวานนี้มาแล้วหลายครั้งหรือเปล่า…”

                “ใช่!!”

                “กี่คนแล้ว….”

                “เยอะซะจนเลิกนับไปแล้วล่ะ ..”

                “เอิ่ม….” ผมตกใจเล็กน้อย

                “ห้องของคุณยูริน่ะ จะว่างเปล่าไปตลอด….มั้ยนะ” ผมพูดเสียงอ่อยพร้อมก้มหน้า

                “ซากุระ ยูริน่ะมีแค่ญาติที่อยู่ห่างๆกันเท่านั้นล่ะ คงอีกสักพักใหญ่ๆถึงจะมีประกาศคนหายออกมา”

                “จะไม่มีใครรู้เรื่องที่คุณยูริตายไปเลยงันหรอ…”

                “ช่วยไม่ได้น่ะ ถ้าตายอยู่ในมิตินั้นก็จะไม่เหลือร่างอยู่เลย บนโลกฝั่งนี้น่ะก็จะเป็นบุคคลสูญหายไปตลอดกาล วาระสุดท้ายของจอมเวทย์น่ะเป็นแบบนี้ล่ะ” มินาโตะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

                “เอ๊ะ!!.....” จู่ๆน้ำตาผมก็เริ่มไหล

                “ฮื่อๆ …. อุตสาต์ต่อสู้เพื่อทุกคนมาโดยตลอดแท้ๆ..ฮื่อๆ..  แต่ไม่มีใครรู้เลย แบบนี้มันเศร้าไปแล้ว ฮื่อๆ…” ผมร้องไห้

                “เพราะเป็นสิ่งที่พวกเราแลกมาเพื่อให้ได้ความปราถนามาน่ะ ไม่ได้จะทำเพื่อใคร ต้องต่อสู้เพื่อคำขอของตัวเอง ถึงจะไม่มีใครรู้สึก หรือแม้จะถูกลืม นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้” มินาโตะว่า

                “แต่ฉันจำได้…” ผมพูด มินาโตะสีหน้าเปลี่ยนไป

                “ฉันจะไม่ลืม …ไม่ลืมเรื่องของคุณยูริ ไม่ลืมแน่”

                “เหรอ ถ้าได้ยินที่เธอพูด ซากุระยูริ คงดีใจ ฉันอิจฉานะ” มินาโตะสีหน้าเย็นชา

                “นายก็ด้วย เรื่องของนายฉันก็จะไม่ลืมที่ช่วยฉันออกมาเมื่อตอนนั้นฉันจะไม่ลืมแน่นอน” ผมพูดแต่มินาโตะฟังแล้วก็กำมือแน่น

                “นายน่ะใจดีเกินไป อย่าลืมล่ะว่าความใจดีนั่นจะเรียกหาความโศกเศร้าให้เข้ามายิ่งขึ้น” มินาโตะพูดแล้วก็เดินจากไป

[ZOMA PART]

[ วันนี้ ผมก็ซื้อเค้กไปฝากโมโมกะจังเหมือนเช่นเคย เธอเอาแต่นั่งซึม เหม่อลอย ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่า เธอคงจะเสียใจมากที่กลับไปเล่นเทควันโดไม่ได้ แต่ผมจะช่วยเธอได้อย่างไรกัน ผมสงสารเธอ

                “โมโมกะจัง เค้กที่ซื้อมาฝากน่ะ อร่อยมั้ย?” ผมถาม

                “อือ..” เธอตอบด้วยแววตาเซื่องซึม ผมอยากจะทำให้เธอลืมเรื่องราวความทุกข์ที่อยู่ในใจออกไปจึงได้แต่ชวนคุยนั่นนี่ แต่เธอก็ได้แต่ถามคำตอบคำ

                “อย่างฉันเนี่ย คนหลายคนบอกชอบกินเค้กตั้งแต่เมื่อไร …. ฮ่าๆ จริงๆแล้วฉันเองก็ชอบกินเค้กตามโมโมกะจังเนี่ยล่ะ เพราะมันอร่อยจริงๆนะ ฮ่าๆ” ผมตอบ ไปแต่เธอไม่ขำด้วย ยังคงนั่งซึมต่อไป

                “นายน่ะ…. นายน่ะ กำลังแกล้งฉันอยู่หรือไง ฮื่อๆ… ทั้งๆที่เพื่อนๆส่วนใหญ่ลืมฉันไปหมดแล้ว แต่…แต่ทำไมนายถึงยังดีกับฉันอยู่… ฮื่อๆ นายรู้มั้ยว่าฉันน่ะเดินไม่ได้แล้ว…. เดินไม่ได้แล้ว กลับไปเล่นเทควันโดก็ไม่ได้มีแต่จะทำให้นายเป็นภาระ นายอย่ามายุ่งกับฉันอีกเลย หมอบอกว่าตัดใจเรื่องขาซะเถอะจะมีก็เพียงปาติหารย์เท่านั้น ฮื่อๆๆ  ” เธอพูดไปร้องไห้ไป

                “ไอ้ขาแบบนี้นะ ไอ้ขาแบบนี้นะ เอาออกไปซะเลยก็ดี!!!! มันใช้การไม่ได้แล้ว เอาออกไปเลย!! ฮื่อๆๆ” เธอพูดพลางทุบขาตัวเองอย่างรุนแรง

                “อย่า!! อย่านะ โมโมกะ” ผมพูดพร้อมกับห้ามเธอไว้ ผมหันมองที่หน้าต่าง คีโบอยู่ตรงนั้น

                “มีสิ!!!!  ปาติหารย์น่ะ มีแน่นอน !! เธอจะต้องกลับมาเดินได้ใหม่อีกแน่นอน” ผมพูด

]

ในขณะที่ผม กำลังเดินกลับบ้านก็ได้เจอกับ ฮิโรโตะที่กำลังเดินไปด้วยแววตาที่เหม่อลอย

                “ฮิโรโตะ !!! ไปไหนมา!! ” ผมพูดแล้ววิ่งไปหาฮิโรโตะ แต่ว่า นั่น!!! ที่คอของฮิโรโตะมีตราประทับแบบเดียวกับคนที่คุณยูริเคยช่วยไว้เลย

                “นายกำลังจะไปที่ไหนน่ะ!!!” ผมหยุดฮิโรโตะไว้

                “อ่า….. คุณฮารุตะ สวัสดีครับ….. ผมกำลังจะไปในที่ที่ดีกว่าที่นี่ยังไงล่ะ… อ่าจริงสิคุณ..ฮารุตะก็มาด้วยกันสิ…..” ฮิโรโตะแล้วก็จูงมือผมเดินไป

                หรือว่านี่จะเป็น…. ถ้าติดต่อ มินาโตะได้ล่ะก็ แต่ว่าเราไม่มีเบอร์โทรหามินาโตะนี่หน่า แย่แล้ว !

                เมื่อเดินมาเรื่อยๆก็มาถึงโกดังร้างแห่งหนึ่ง มีผู้คนที่เป็นแบบเดียวกับฮิโรโตะมากันเพียบ

                “ฉันน่ะ ทำอะไรก็แย่ไปหมด หนี้ก็ท่วมหัว…. ไอ้ชีวิตแบบนี้น่ะ ไม่มียังจะดีกว่า” มีคนในกลุ่มพูดขึ้นมา แล้วก็มีคน 2 คนเอาน้ำยาล้างห้องน้ำ กับ ยาฆ่าแมลง ใส่ลงไปในถังน้ำใบหนึ่ง และเตรียมแก้วไว้มากมายเหมือนกำลังจะเอามากิน

                ห๊ะ!!! ไม่ได้นะแบบนี้ทุกคนก็จะตายหมดน่ะสิ “หยุดนะ!!!” ผมรีบวิ่งไปดึงถังน้ำใบนั้นมาโยนลงหน้าต่าง  “แฮ่   ………… แฮ่ๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงผู้คนมากมายตรงเข้ามาเหมือนจะทำร้ายผม ผมรีบวิ่งนี้จนเข้าไปหลบในห้องๆหนึ่ง

                “ทำยังดี! ทำยังดีล่ะ” ผมตกใจกลัวมากครับ แต่แล้วจู่ๆ รอบๆตัวผมก็เปลี่ยนไป มิติถูกเปิดออก ผมร่วงลงไปในมิตินั้น นี่มัน !  มิติของ despond

                “ช่วยด้วย!!!  ใครก็ได้!!” ผมร้องตะโกน ตอนนี้ผมอยู่ท่ามกลางภูตรับใช้มากมาย ในหัวของผมตอนนี้ ได้แต่นึกถึงภาพของคุณยูริ ที่จากไปด้วยความทรมานแต่ผมกลับช่วยอะไรเธอไม่ได้ นี่คือบทลงโทษหรือไงกันนะ ที่ผมอ่อนแอ จนทำให้คุณยูริต้องจบชีวิตลงแบบนั้น despond ตัวหนึ่งปล่อยภูตรับใช้ออกมามันดึงตัวผมไว้ มันค่อยๆออกแรงดึง ขา แขนมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ตัวผมจะขาดออกจากกันแล้ว แต่แล้ว!!

ฟิ้ว!!!  ฉึบ! ฉึบ! ๆๆ ฉิ่งๆๆ  ภูตรับใช้ที่กำลังจะแยกร่างของผมอยู่นั้น ถูกตัดขาดเป็นสองท่อน ตัวมันก็กระเด็นออกไป  นั่นมัน!! 

                “โซมะ!!!” แต่ชุดที่เห็น มันคือชุดจอมเวทย์ ! หรือว่า !

                “จบแค่นี่ล่ะนะ !!!!” เสียงดาบปักลงที่หัวใจของ despond ทันที !

                มิตินั้นค่อยๆจางหายไป คนที่ถูก despond นั้นเข้าสิงก็ต่างสลบไป

                “มรึง !  ชุดนี่มัน….” ผมพูด

                “อ้อ…555+ พอดีกูเกิดเปลี่ยนใจนิดหน่อยว่ะ…” โซมะว่า

                “แต่ว่า…”

                “เห้ย มรึงไม่เป็นไรหรอกหน่า ถึงกูเพิ่งครั้งแรก แต่ก็ไปได้สวยนี่หว่า” โซมะพูด

ตึก! เสียงนั่น มินาโตะ!

                “นี่…นาย!” มินาโตะพูด แววตาจ้องด้วยความน่ากลัว

                “มาช้านะมรึง ไอ้เด็กใหม่!” โซมะตอบไป

[MOMOKA PART]

[   “หิ….หิวน้ำ!!! ” ฉันพยายามจะเลื่อนตัวเองไปหากระติกน้ำแต่ว่า ตุ๊บ!

                “โอ๊ย! เจ็บ ใครก็ได้ช่วยที!” ฉันพูด แต่ว่าไม่มีใครตอบรับพยาบาลน่าจะอยู่ในห้องทำงานคงไม่ได้ยินฉัน ฉันจำใจจับราวเตียงเพื่อพยุงตัวเองขึ้น “อึ้บๆ” ทำไมถึงรู้สึกแปลกที่ขานะ มันไม่รู้สึกเจ็บ หรืออ่อนแรงเหมือนแต่ก่อน ฉันค่อยๆ พยุงตัวเอง แต่ปรากฏว่า !   ขาฉันสามารถยืนค้ำตัวได้

                “ห๊…..ห๊ะ…” ฉันไม่เชื่อสายตาตัวเอง แต่ก็ลองฝืนมันดูอาจจะมีปาติหารย์อย่างที่โซมะพูดก็ได้

ฉันค่อยๆ เหยียดขาออกไป แล้วค่อยๆยืน ไม่เจ็บ! ไม่เจ็บ!  ไม่อ่อนแรง! ฉันพยุงตัวขึ้น ฉันยืนได้! ฉันยืนได้! นี่มัน! นี่มันอะไรกัน พระเจ้าเมตตาฉันงันหรอ ฉันสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง คราวนี้ฉันลองเดินดู ฉันเดินได้ ทำไมล่ะ ทำไมกัน เมื่อตอนเช้าฉันยังให้คนอื่นช่วยพยุงแต่ตอนนี้ ฉัน! ฉันเดินได้แล้ว ฉันดีใจมาก มากที่สุด นี่น่ะหรอ ปาติหารย์  ฉันกลับมาเดินได้แล้ว

]

 

               

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา