In There World

-

เขียนโดย Migel

วันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 09.11 น.

  5 chapter
  0 วิจารณ์
  8,301 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558 09.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) Nonhuman

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ปี ค.ศ.3510

ธรรมชาติสร้างมนุษย์มาเพื่ออะไร ไม่มีใครรู้แต่สิ่งที่มนุษย์ทำคือคำตอบที่แสดงให้เห็นว่า มนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรจะอยู่ในระบบวัฏจักรของโลก ความแตกต่างจากหลายๆปัจจัยที่ไม่ลงลอยกันทำให้มนุษย์โดนลงโทษจากธรรมชาติ และมนุษย์ที่คิดเสมอว่าตนนั้นเป็นสัตว์ประเสริฐที่จะไม่มีวันยอมแพ้และท้อถอยจากธรรมชาติ พวกเขาสร้างสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อที่จะอยู่รอดต่อไป จนธรรมชาติแทบจะทำให้พวกเขาใจสั่นไหวไม่ได้แล้ว อยู่มาวันหนึ่งที่สังคมมนุษย์เจริญรุ่งเรืองจนถึงขีดสุด นักวิทยาศาสตร์ได้ทดลองทำเครื่องที่จะให้มนุษย์ถ่ายโอนพลังงาน หรือถ่ายโอนวิญญาณไปยังอีกร่างหนึ่งได้ แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำ มันผิด...

 

 

ผิดที่จิตใจของมนุษย์จะอยู่เกิน100ปี แม้ร่างกายจะแหลกเหลวไปแล้วแต่พวกเขาก็ยังอยู่ต่อไป เพียงแค่ต้องชดใช้ชีวิตของผู้อื่นไป1คน เท่านั้น 1ชีวิตอยู่ อีก1ชีวิตต้องตาย นักวิทยาศาสตร์สามารถบังคับมนุษย์เทียมหรือมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นให้สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่พวกเขาก็แบ่งเป็นหลายฝักหลายฝ่ายเหมือนกัน อีกฝั่งหนึ่งคัดค้านอีกฝั่งหนึ่งสนับสนุน ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง พวกเขาไม่ยอมซึ่งกันและกัน ทำให้เทคโนโลยีที่พวกเขาสร้างขึ้นเกิดมาแบบครึ่งๆกลางๆ พวกที่เกิดมาจากเทคโนโยลีเหล่านี้เรียกตัวเองว่ามนุษย์เทียม พวกเขาไม่ตายจนกว่าจะครบตามกำหนดระยะเวลานั่นคือ15ปี ไม่หลับไม่นอน ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน แต่มีข้อเสียคือพวกเขาค่อนข้างที่จะไม่มีชีวิตชีวาจนคนอื่นๆสามารถที่จะดูออกได้ว่าใครเป็นใคร พวกเขาทำเรื่องชั่วๆ จากการสั่งการของเจ้าของ สามารถฆ่าคน ปล้นเงินหรืออื่นๆ แม้ว่าจะได้ร่างกายเทียมไปแล้วแต่จิตใจก็ตกเป็นทาสของคนให้กำเนิดเช่นกัน

 

 

แต่ก็...มีเพียง1เดียวที่ไม่ก้มหัวรับฟังคำสั่งจากใคร เขาคือมนุษย์เทียมที่เกลียดตัวตนของตัวเอง มีนามว่า ‘เอ็นแอนด์บี’ นามนี้รู้จักกันในหมู่ขององกรลับของเทคโนโลยีขั้นสูงเท่านั้น...

และถึงแม้ว่าเขาจะต่อต้านคำสั่งการตกเป็นทาสจิตใจของคนเหล่านั้น แต่ก็จำเป็นต้องอยู่ห่างจากตัวเมืองและห้ามมีอารมณ์ความรู้สึก...รัก เพราะ... ถ้าหากยอมรับคำว่า “รัก” หัวใจก็จะแหลกสลายไป

 

 

การสงครามยาวนานต่อไป ก็สิ้นสุดลองที่5ปี ทุกๆที่ ล้วนมีแต่ซากศพของมนุษย์เทียมนอนทับๆกัน โดยมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดดำล้อมรอบอยู่ ใช่ว่าพวกเขาจะไม่ตาย เพียงแต่ถ้ามีสิ่งที่ทำให้ทะลุหัวใจของพวกเขาได้ก็สามารถทำให้พวกเขาตายได้... รัฐบาลที่แสนเจ้าเล่ห์หาโอกาสสร้างชื่อเสียงจึงประชุมกันเพื่อหาข้อสรุปว่าจะทำเทคโนโลยีนี้ขึ้นมาใหม่หรือจะให้ยกเลิกกันไป พวกที่เห็นด้วยก็คือพวกที่รักความสบาย ส่วนพวกที่ไม่เห็นด้วยคือพวกที่รักความสงบ การประชุมนี้ก็ยืดเยื้อกันมาอีก5ปี จนได้ข้อสรุปว่า ให้จับคนในองกรลับนั่นมาไต่สวนและลงโทษตามกฎหมายทั้งหมดไม่มีใครเหลือรอดยกเว้นเขา.... N&B

 

 

 

 

บทที่1 ฉันเนี่ยแหล่ะคือมนุษย์เทียม

เด็กหนุ่มหัวน้ำตาลแดงกำลังเดินทางไปโรงเรียนในตอนเช้า นัยน์ตาสีฟ้าของเขามองวิวรอบข้างอย่างร่าเริง เขาไม่เคยทุกข์ แม้ว่าเขาจะกำพร้าพ่อและแม่ อยู่สถานเลี้ยงเด็กตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ชุดนักเรียนที่ดูเซอๆ นั่นอีกทำให้มีคนมองว่าเขาเป็นพวกเด็กไม่ดี แต่เขาก็ไม่สนใจยังเดินไปโรงเรียนทุกวันเหมือนเดิม โรงเรียนที่ห่างไกลจากเมืองหลวงค่อนข้างมาก ใช้เวลาเดินทางจากบ้านนักเรียนแต่ละคน ราวๆ 1 ชั่วโมง


เมื่อถึงโรงเรียนออดก็ดังขึ้นพอดี เขาจึงเดินขึ้นอาคารเรียนไปพร้อมกันกลุ่มนักเรียนทั่วไป และมีเด็กพวกหนึ่งก็ทักเขาทุกๆวันว่า

 

“ไง เคน ตอนกลางวันอย่าลืมเอาของที่สั่งมาให้ฉันด้วยนะ” นักเรียนชายกลุ่มนั้นหัวเราะ

 

“รู้แล้วล่ะน่า โต๊ะหมายเลข 5 ฉันจะรอตรงนั้น” เขาพูดพลางเอามือตบกระเป๋าเบาๆ และเดินเข้าห้องเรียนของเขาไปโดยไม่รอฟังเสียงจากชายกลุ่มนั้น

เคนวางกระเป๋าลงที่เก้าอี้และนั่งลงเพื่อรอคุณครูเข้ามาโฮมรูมในตอนเช้า นัยน์ตาของเคนเหลือบไปเห็นเพื่อนข้างซ้ายติดริมหน้าต่างของเขา แล้วก็เผลอคิดว่า

 

‘ไอหมอนี่มันหลับได้หลับดีจริงๆ’ พอครูเดินเข้าห้องมา ทุกอย่างในห้องก็ดูสงบขึ้น เขาจึงปลุกเพื่อนข้างๆเนื่องจากกลัวว่าครูจะปาชอคข้ามหัวนักเรียนในห้องมาใส่คนข้างๆอีกครั้ง และดูเหมือนครั้งนี้จะต้องโดนอีกแล้ว

 

“เอาล่ะนักเรียนครูจะเรียกชื่อนะ ให้คนที่เรียกชื่อยกมือ” ครูก็พูดอย่างนี้ทุกวันเรียกชื่อเลยดีกว่ามั๊ง? เขาคิด

 

“เอ็นแอนด์บี” เขาขานชื่อคนข้างๆเด็กหนุ่มผมแดง เจ้าคนขี้เซาที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่

 

“...” ไม่มีการตอบรับจากคนๆนั้น และเป็นเหมือนทุกๆวันที่ครูทำท่าจะขว้างชอคอีกแล้ว ทุกๆคนก็เริ่มที่จะหลีกทางให้...



“เฮ้ย เอ็น... ตื่นสิ” เคนปลุกเขา แต่เขาก็ยังไม่ยอมตื่น จนชอคที่ครูเร็งขว้างมา แต่เขาหลบได้...! ก็ปกติล่ะเพราะโดนทุกวันเลยนี่นา


“Zzz” เสียงกรนของเขาดังสนั่นห้องเรียน ครูประจำชั้นเริ่มทำปากขมุบขมิบแล้วเดินไปที่โต๊ะของเขา แล้วก็...

 

“ปัง!!! นี่เธอ หัดฟังที่ฉันพูดหน้าห้องบ้างสิ อดหลับอดนอนมาจากไหนกันฮะ?” ครูพูดตะโกนแก้วหูของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นแทบจะพัง ส่วนหมอนั่นก็พยายามลุกขึ้นมาฟัง แต่พอฟังจบก็นอนต่อชัวๆ



“นี่ ได้ยินที่ฉันพูดบ้างมั๊ยเนี่ย? เอาล่ะ ฉันให้เธอทำรายงานเรื่องอะไรมาก็ได้ แต่ขอให้อยู่ในบทเรียน มา100หน้าเขียนให้ครบล่ะ” (เอาแล้วสิ) เคนคิด

 


ตอนกลางวัน เด็กหนุ่มผมแดงก็สาวเท้าไปที่โต๊ะเบอร์5 ที่พวกเด็กกลุ่มหนึ่งรอเขาอยู่ สิ่งที่อยู่ในกระเป๋าของเคน เขาก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร แค่มีคนจ้างให้มาส่งก็เท่านั้น แต่ก่อนที่เคนจะเดินไปที่โต๊ะเบอร์5 ก็มีคนๆหนึ่งมาจับไหล่ของเขาเอาไว้

 


“เฮ้ นายชื่อเคนใช่มั๊ย?” เมื่อเขาหันไปตามเสียงที่เรียก ก็พบว่าคนๆนั้นคือเด็กหนุ่มผมดำที่นอนหลับอยู่ในคาบโฮมรูมนั่นเอง

 

“ใช่” เคนตอบเขาไปแล้วกำลังจะเดินเอาของไปส่งต่อ

 

“มานี่หน่อยสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย” เขาจับข้อมือเคยเดินออกจากโรงอาหาร หารู้ไม่ว่า พวกที่รออยู่ที่โต๊ะที่5 กำลังมองมาทางพวกเขาทั้งสองคน พวกมันลุกขึ้นเดินตามสองคนนั้นไปอย่างช้าๆ

 

“อะไรเนี่ย ทำไมต้องลากฉันมาแบบนี้ ฉันจะต้องเอาของไปส่งเพื่อนฉันอีกนะ” เคนบ่นอย่างหัวเสีย

 

“ในกล่องนั่น มันคืออะไร?” เขาถาม

 

“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ นี่มันงานฉัน รับมา ส่งไปแล้วก็ได้เงิน เท่านั้น นั่นแหล่ะหน้าที่ของฉัน”

 


“ถ้าอย่างนั้น ขอฉันเปิดดูได้มั๊ย” พูดแล้วเขาก็ดึงกระเป๋าหลังของเคนออกมา อีกคนที่กำลังโมโหอยู่ก็แย่งคืน ทั้งสองแย่งกันไปแย่งกันมาจนกระทั่ง...

 


“เฮ้ย เคไมเนอร์ ทำไมไม่มาส่งของให้พวกเราซักที? รอนานแล้วนะ” เด็กกลุ่มนั้นเดินเข้ามา

 


“ว่าไง ดรูอิส ไม่ได้เจอกันนานเลยนะตั้งแต่ครั้งนั้น” เอ็นแอนด์บีพูดกับหัวโจกของเด็กกลุ่มนั้น ส่วนเคนก็ งงว่าทั้งสองคนเคยรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร?

 


“อ้อ แกนี่เอง ไอตัวน่ารำคาญตัวนั้นนี่เอง ฉันจำได้ไม่เคยลืม... ครั้งหน้า ถ้าฉันเจอแกอีกล่ะก็ ฉันเอาแกตายแน่ จำเอาไว้”

 


“แล้วจะจำเอาไว้ละกัน มาก็ดีแล้ว กล่องนี่น่ะ ฉันขอนะ” เอ็นแอนด์บี ยกล่องที่แย่งมาจากเคนตอนไหนไม่รู้ขึ้นให้พวกนั้นดู เขาเดาออกว่าภายในกล่องนั่นคืออะไร แต่เคนไม่เคยรู้เลย เขาแค่ทำตามที่หัวหน้าสั่งเท่านั้น

 

“กวนประสาท จริงๆเลยนะแกเนี่ย พวกน่ารำคาญก็ยังน่ารำคาญอยู่วันยังค่ำ ของที่ไม่ใช่ของตัวเองก็ยังด้านเอามาเป็นของตัวเองอยู่ได้ ฉันไม่อยากมีเรื่องที่โรงเรียน ส่งมันมานี่เดี๋ยวนี้” เขาพูดขู่

 

“ถ้าอยากได้... ก็มาเอาสิ” เด็กหนุ่มผมดำโยนกล่องนั่นเล่นไปมา จนทำให้พวกนั้นหน้าถอดสีทันที

 

“อย่าเล่น!!!” ดรูอิสแทบจะตระโกนออกมาทันที

 

“อย่าเล่นอะไร ฉันก็แค่โยนเฉยๆเอง” เอ็นแอนด์บียิ้ม ก่อนใช้มือข้างขวาที่ว่างอยู่จับต่างหูที่เป็นรูปสเก็ตบอร์ดสีน้ำเงิน เขาดึงมันออกมาเบาๆ จนไม่มีใครสังเกตเห็นมัน

 

“ส่งมันมานี่ซะ” ดรูอิสเดินเข้ามาหาเอ็นแอนด์บีเรื่อยๆ เขาหยิบมีดข้างหลังออกมาไม่ให้ใครเห็น ส่วนอีกคนก็กำลังแกะต่างหูนั่นออกมา มันขยายใหญ่ขึ้น ทำให้สามารถขี่ได้ เอ็นแอนด์บีขึ้นขี่เจ้า สเก็ตบอร์ดสีน้ำเงิน ลอยขึ้นสูงไปยังท้องฟ้าหลังโรงเรียน ทั้งหมดอยู่ในความตกใจ... เขาจึงฉวยโอกาสนี้อุ้มเคนออกมาจากตรงนั้น ดรูอิสเห็นดังนั้น เขาจึงรีบเอา สเก็ตบอร์ดอีกอันหนึ่งออกจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นสีดำ... เคนไม่เคยคิดว่า สเก็ตบอร์ดลอยฟ้ามันจะมีจริงเพราะตอนนั้น มันถูกสั่งเก็บไปแล้ว

 

“อย่าทำให้ฉันต้องใช้กำลังที่โรงเรียนนี้” ดรูอิสกัดฟันพูด แต่แอนแอนด์บีก็ยังยิ้มร่าอย่างไม่ใส่ใจแล้วบังคับสเก็ตบอร์ดลอยฟ้าออกห่างออกไปจากโรงเรียน ตอนนี้เราเห็นโรงเรียนกลายเป็นขี้ผงไปแล้ว...

 

“ถ้าอยากได้ ก็ตามมาเอาสิ” เขาก็เป็นคนหนึ่งที่อยากได้ของในกล่องนี่ เพียงแต่ เขาไม่ใช่คนเลว... ที่จ้องจะเอาชนะพวกนั้นด้วยวิธีการโสโครก

 


“เฮ้ย เอ็น!!! ฉันกลัวความสูง ช่วยด้วย!!” เคนแหกปากร้องลั่น เขาเป็นโรคกลัวความสูงขั้นร้ายแรง ความสูงทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออก นั่นก็คือคัดจมูกนั่นเอง

 


“หลับตาซะ แล้วอยู่นิ่งๆ เดี๋ยวพวกเราก็ตกลงไปพร้อมกันหรอก” เขาสั่ง แต่เคนก็ยังแหกปากไม่เลิก เอ็นไม่มีความคิดที่ดีกว่าจึงทำให้เขาสลบ โดยการต่อยที่ท้องของเคน เขาจึงสลบไปในอ้อมแขนของอีกคน

 


“ว่าไง เพื่อนเก่า... รอส” อีกคนที่เคยตามมากลับมาอยู่ที่ด้านหลังของเอ็นแอนด์บี แถมดรูอิสยังเรียกชื่อจริงของเขาอีกด้วย มันทำให้เขาหงุดหงิดจนอารมณ์ออกมาทางสีหน้า

 


“อย่ามาเรียกชื่อนั้นนะ! ฉันเริ่มเบื่อที่จะเล่นกลับนายแล้ว เจอกันครั้งหน้าเจ้ากล่องนี่จะไม่อยู่ที่มือนายอีก ฉันจะโยนมันลงไป มันจะได้ระเบิด” ว่าแล้วเขาก็นำไฟแซ็ก ขึ้นมาจุดที่ใต้กล่องแล้วเขวี้ยงมันลงไปในแม่น้ำขนาดใหญ่หลังโรงเรียน

 


“อย่า!!!!!!!” ดรูอิสตระโกนออกมา เขารีบตะเกียงตะกาย สเก็ตบอร์ดเข้าไปที่กล่องนั่น แต่มันดันตกลงไปในน้ำแล้วระเบิดก่อนที่เขาจะหยิบมันได้ ทั้งสองกระเด็นตามแรงสั่นสะเทือนของแรงระเบิด การกระทำครั้งนี้ทำให้เขาหมดความอดทนกลับเอ็นแอนด์บีอย่างแรง สิ่งที่เขาจะทำดังต่อไปนี้ก็คือ...

 


ทุกๆอย่างดูเหมือนจะเป็นความฝัน เมื่อเคนลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนเองนอนอยู่ห้องพยาบาล เขาหันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอกับอาจารย์ที่ห้องพยาบาลเลย เขาจำได้ว่าเขาแค่แหกปากเพราะกลัวความสูงแล้วเขาก็จำไมได้อีกแล้ว

 


“ไง... ตื่นแล้วหรอ” เสียงที่คุ้งเคยแต่แหบแห้งลงไป เขาหันไปทางต้นเสียงนั่นคือทางซ้ายของเตียง ใบหน้าของคนอีกสองเตียงทำให้เขานึกอะไรออก

 


“เอ็นแอนด์บี? ดรูอิส?” เมื่อเรียกเสร็จอีกคนก็เกือบจะลุกขึ้นมาโวย

 

“นายทำงานพลาดนะ เคไมเนอร์ รู้มั๊ยว่าอีกคนมันเป็นใคร?”

 

“ใครล่ะ ก็เอ็นแอนด์บีไง” เคนทำหน้า งงทั้งสองคนมีใบหน้าที่ไม่ต่างกันนั่นคือ... ยับเยินทั้งคู่

 


“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่ เจ้านั่นคือมนุษย์เทียมคนสุดท้าย และฉันไม่ได้ล้อนายเล่น ฉันคือคนที่มาจากองกรลับของรัฐบาล นายมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แล้ว นายจะหนีไปไหนไม่รอด” ดรูอิสพูดเสียงเบา และแอบหันไปกัดเจ้าคนหัวดำอีกคน

 


“พูดบ้าๆ เอ็นแอนด์บีเนี่ยนะมนุษย์เทียม แต่ พวกนายจะมาบอกฉันทำไม?” เคนสับสน

 

“ฉันเนี่ยแหล่ะคือมนุษย์เทียม และนายเป็นคนที่รับกล่องสัปรังเคนั่นมาเพราะฉะนั้นนายต้องรับผิดชอบ” เอ็นแอนด์บีพูด

 

“ถ้านายไม่บอกอะไรฉัน ฉันก็ไม่รู้อยู่ดีว่านั่นมันคืออะไร เพราะว่าฉันแค่รับมาส่งไปก็เท่านั้นไม่ได้มีความหมายอื่นอีก”

 

“นายต้องเลือก ว่าจะอยู่กับใคร ฉันหรือว่าไอตัวน่ารำคาญนั่น แต่ทางที่ดี นายควรจะเลือกฉันมากกว่านะ” ดรูอิสพูด

 

“นี่ ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีประโยชน์อะไรกับใครนะ ถ้าฉันไม่เลือกพวกนายจะว่ายังไง?”

********************

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา