Prediction , Texts & Paper วุ่นรักนักข่าว

-

เขียนโดย Littlepeacee

วันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.11 น.

  5 ตอน
  2 วิจารณ์
  7,486 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2558 23.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่สาม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

3

‘หมดคาบแล้วมาพบฉันที่ห้องประชุมด่วน

-โจ คอลลินส์’

 

“สรุปก็คือเธอยอมตกลงดูแลยูจีนเนี่ยนะ?” แม็กซ์กระซิบถามฉันเสียงเบา

สถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติได้ภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่มีการพูดคุย ขอลายเซ็น ถ่ายรูป ให้สัมภาษณ์หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น หลังจากที่โค้ชพีประกาศเสียงดังลั่นทางโถงว่า ให้นักเรียนกลับเข้าชั้นเรียน ก่อนที่ครูใหญ่เอชจะพายูจีนเข้าไปที่ห้องทำงานของเธอพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขาอีกหนึ่งคน แม็กซ์พูดติดตลกว่า มือปาไข่ไม่แม่นเท่าฉัน เพราะคนที่รับไข่ไปเต็มๆ มีแต่เด็กนักเรียนกับนักข่าวสองสามคนที่ยืนอยู่ห่างจากยูจีนออกไปเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้โดนยูจีนเลยแม้แต่นิด หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มโกลาหล แม็กซ์เองก็ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างแต่มารู้อีกทีก็คือ ตอนที่สิ้นเสียงประกาศของโค้ชพี ทุกคนต่างแยกกันเข้าห้องเรียนโฮมรูม ไม่นานจากนั้นโทรทัศน์ประจำห้องเรียนก็ปรากฏใบหน้าที่ดูไม่ค่อยจะยินดีสักเท่าไหร่ของครูใหญ่เอช

ฉันรู้ดีว่าครูเขาจะพูดถึงเรื่องอะไร และรู้ดีด้วยว่า ถ้าครูใหญ่เอชเรียกพวกเราทุกคนเข้าไปพบที่โรงยิมก่อนที่จะเริ่มพูดถึงคนร้ายและเหตุการณ์เมื่อเช้านี้แทนที่จะพูดผ่านโทรทัศน์แบบที่เธอกำลังทำอยู่ ฉันจะต้องเผยพิรุธอะไรสักอย่างออกมาให้ทุกคนจับได้แน่ๆ

ฉันเรียนโฮมรูมห้องเดียวกับแม็กซ์ เราจะนั่งข้างกันเสมอ และที่ประจำที่ว่านั่นก็คือ โต๊ะสองตัวสุดท้ายที่วางอยู่หลังสุดของห้อง ฉันคิดว่าตรงนั้นเป็นทำเลที่ดีพอสมควร เพราะเป็นจุดที่ครูเฟิร์ทสอดสายตาที่สั้นประมาณร้อยกว่าๆ ไปไม่ถึง และนั่นก็ทำให้ฉันแอบคุยกับแม็กซ์ได้อย่างสบายโดยที่ไม่มีทั้งครู โจ ลอนดอนหรือสมาชิกคนอื่นๆ ของทั้งแคทส์ อายและสแตนเบิร์กเจอร์นัลคอยจับตามอง

“ตอนนี้ฉันคงกลายเป็นคนโง่ที่สุดในโลกในสายตาของนายอีกคนสินะ” ฉันตอบพลางก้มหน้าวาดรูปอะไรสักอย่างลงในสมุดจดทั้งๆ ที่ตัวฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังวาดอะไรอยู่

อย่างที่เคยบอกคุณไปนั่นแหละ ฉันกับแม็กซ์จัดว่าสนิทกันระดับหนึ่งเลยทีเดียว และการที่ฉันไม่โทษแม็กซ์เรื่องที่เขาลาออกจากแคทส์ อายและไปอยู่กับแสตนเบิร์กเจอร์นัลก็ไม่ได้หมายความว่า ฉันกำลังทรยศแคทส์ อาย เพราะความสัมพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนานของเราสองคนทำให้ฉันมั่นใจได้ว่า แม็กซ์ไม่ใช่คนประเภทนั้นแน่ๆ ความลับต่างๆ ที่ฉันบอกแม็กซ์จะไม่ได้ทางรั่วไหลไปสู่ฝ่ายตรงข้ามเด็ดขาด

และสิ่งหนึ่งที่ฉันต้องการเป็นอย่างมากในตอนนี้ก็คือที่ระบาย ฉันต้องการคนที่พร้อมจะรับฟังปัญหาที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่สามารถบอกเรื่องนี้กับโจ หรือลอนดอน หรือแม้แต่แอลลี่ได้  เนื่องจากทั้งสามคนตกเป็นเป้าในการพูดถึงในครั้งนี้ จะให้เล่านิคฟังฉันก็คงต้องรอจนกว่าจะโรงเรียนเลิก หรือถ้าเป็นพ่อ ฉันก็คงต้องเล่าวนไปวนมาสักประมาณยี่สิบรอบเห็นจะได้ล่ะมั้ง กว่าที่พ่อจะเข้าใจว่าใครคือโจ ใครคือยูจีน ใครคือแอลลี่ และอะไรคือแคทส์ อาย

แม่เองก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับเด็กสาววัยรุ่นอย่างเราๆ แต่ที่พูดถึงนั่นคงเป็นคุณแม่ที่มีหน้าที่ทำงานบ้าน ดูแลลูก และนั่งจับกลุ่มนินทากับเพื่อนข้างบ้านหรือไม่ก็ชมรมผู้ปกครองและเด็กในยามว่างเท่านั้น ไม่ใช่ลิลลี่ แฮร์ริสัน ผู้หญิงวัยสามสิบกว่าๆ ที่ทั้งชีวิตมีแต่คำว่างานและงาน เชื่อฉันเถอะนะ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่สะลักสำคัญอย่างเรื่องเรียนต่อ หรือการเจ็บไข้ได้ป่วยที่ทำให้อาจถึงตายล่ะก็ แม่ไม่มีทางมานั่งรับฟังปัญหาของฉันหรอก

ดังนั้นแม็กซ์จึงเป็นผู้ช่วยคนสุดท้ายและดีที่สุดของฉันอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

“เปล่า ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่…” แม็กซ์พูดค้างให้ฉันอยากรู้ต่อ

“เพียงแต่อะไร”

แม็กซ์มองไปยังจอโทรทัศน์ที่กำลังฉายหน้าครูใหญ่โฮซี่อย่างใช้ความคิด ก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “ฉันแค่กำลังคิดว่าชีวิตเธอคงวุ่นวายแน่ๆ ไหนจะยูจีน ไหนจะโจกับลอนดอน แล้วแอลลี่อีกล่ะ คิดดูนะ ถ้าหากว่าครูใหญ่เอชเกิดจู้จี้กับเธอขึ้นมาล่ะก็… หึ้ย! แค่คิดก็ปวดหัวแย่”

ฉันถึงกับต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก เมื่อคิดตามสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ก็ถูกของเขา ฉันไม่มีข้อมูลอะไรทั้งสิ้นเกี่ยวกับพ่อซูเปอร์สตาร์ชื่อดังคนนี้เลย คือจะพูดอย่างนั้นก็คงจะไม่ถูกซะทีเดียว ฉันก็พอรู้เรื่องเกี่ยวกับเขาอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นเพียงข้อมูลที่คนธรรมดาสามารถหาได้ตามเว็บแฟนไซต์ วิกิพีเดีย  หรือนิตยสารที่เขาเคยไปให้สัมภาษณ์เอาไว้ ไม่ใช่ข้อมูลเชิงลึกที่เจาะจงถึงลักษณะนิสัย หรือการใช้ชีวิตประจำวัน บางทีนะบางที ยูจีนอาจจะน่ากลัวกว่าที่คิดก็เป็นได้

แอลลี่เคยพูดเอาไว้ว่า สาเหตุที่เธอไม่ชอบเขาก็คือ การที่ยูจีนเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ดังราวกับพุแตกในชั่วข้ามคืน ก่อนที่จะพังพินาศลงด้วยการกระทำโง่ๆ ของตัวเอง

ต้องยอมรับว่าฉันไม่ค่อยเข้าใจตรรกะข้อนี้ของแอลลี่สักเท่าไหร่ ฉันไม่เห็นว่าการที่ยูจีนโด่งดังจากซีรีส์สำหรับเด็กอายุห้าขวบจนถึงสิบสองปีเรื่อง ‘มิทช์ส นิว สคูล’ ที่นำเสนอแต่ด้านดีๆ และคติสอนใจที่ทำให้คุณหนูๆ อยากจะไปโรงเรียน ไปพบโลกใบใหม่ที่สดใสและสนุกสนาน (แม้ว่าความจะตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงก็เถอะนะ) ได้หันเหไปเป็นพระเอกสุดหล่อกระชากใจวัยรุ่น ในละครชุดโรแมนติก - ดราม่าที่แสดงให้เห็นถึงชีวิตอันแท้จริงของวัยรุ่นอันอุดมไปด้วยสิ่งมอมเมา ยาเสพติด ความหลงระเริง และเซ็กซ์ อย่าง ‘แพสชั่นส’ เป็นเรื่องที่ผิด เพราะคนในวงการสมัยนี้ใครๆ ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น และที่สำคัญ ยูจีนเองก็อายุสิบเจ็ดแล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยเพิ่งหัดเข้าวงการเสียเมื่อไหร่ เพียงแต่จะติดก็ตรงที่เขาดันไปมีข่าวฉาวกับ แคทเทอลีน ออลวิน นางเอกที่เล่นละครคู่กันเสียนี่

เรื่องนี้ก็จัดเป็นประเด็นร้อนไม่ได้หยุดไม่ได้หย่อนเลยเหมือนกัน เมื่อมีรูปหลุดของนางเอกสาวจากเรื่องแพสชั่นสกำลังจูจุ๊บกับพระเอกหนุ่มคู่ใจกลางห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เหล่าวัยรุ่นที่ชื่นชอบซีรีส์เรื่องนี้ก็พลอยดีใจกันยกใหญ่ที่พระเอกนางเอกที่ตนชื่นชอบไม่ได้รักกันเพียงในจอเท่านั้น แต่ยังหวานชื่นกันถึงนอกจอ แต่บรรดาผู้ปกครองของหนูๆ ที่เป็นแฟนคลับยูจีนจากเรื่องมิทช์ส นิว สคูลนี่สิแลจะไม่ค่อยปลื้มกับข่าวที่ว่า มีคนวัยกลางคนจนถึงรุ่นคุณลุงคุณป้าออกมาวิพิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ถึงความไม่เหมาะสมของการกระทำของทั้งคู่ ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและชาวยูจีเนียตัวน้อยๆ

บางคนถึงกับประกาศห้ามไม่ให้ลูกๆ ของตัวเองดูมิทช์ส นิว สคูลอีกต่อไปเชียวล่ะ เพราะเขาถือว่าซีรีส์เรื่องนี้ช่างเป็นซีรีส์ที่ลวงโลกซะเหลือเกิน และถ้าลูกๆ ของพวกเขาชื่นชอบยูจีนเข้ามากๆ ก็อาจจะแอบไปหาแพสชั่นสมาดูก็เป็นได้ คุณคิดดูก็แล้วกันว่าเด็กที่ดูละครแบบนั้นตั้งแต่เล็กๆ โตขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งมาถึงตรงนี้เองฉันก็เริ่มค่อยจะแน่ใจแล้วว่ามันเป็นความคิดที่ถูกหรือไม่ที่เมื่ออาทิตย์ก่อนฉันเปิดแพสชั่นสตอนสุดท้ายดูกับนิคน่ะนะ

“แต่ถ้าฉันไม่ยอม แอลลี่ต้องเดือนร้อนแน่ๆ” ฉันตอบ “นายก็รู้ว่าโจน่ะเอาจริง”

“ฉันนี่คิดไม่ผิดจริงๆ ที่สนับสนุนโจให้เป็นประธาน ทั้งฉลาดและจริงจัง” แม็กซ์พยักงานให้ตัวเองอย่างชื่นชม

ฉันได้แต่หัวเราะหึๆ เบาๆ ก่อนจะก้มหน้าขีดเขียนต่อ

“ว่าแต่เธอบอกเรื่องนี้กับแอลลี่หรือยัง”

ฉันส่ายหน้าก่อนจะพูด “ฉันจะเอาเวลาที่ไหนไปบอกเขาล่ะ แค่วิ่งหนีโค้ชพีก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว”

“บางทีแอลลี่อาจจะไม่โกรธเธอเรื่องนี้ก็ได้นะ ถ้าพวกเธอลองคุยกันดีๆ แอลลี่น่าจะเข้าใจและยอมฟังเหตุผลของเธอ เพราะสิ่งที่เธอทำก็เพื่อชมรมและตัวของแอลลี่เอง ใช่ว่าเธอตั้งใจให้เป็นแบบนั้นซะเมื่อไหร่” แม็กซ์ปลอบพลางหยิบดินสอขึ้นมาขีดรูปลงในกระดาษใบเดียวกับฉัน

“ท่าจะยาก” ฉันพูดห้วนๆ ก็มันเป็นเรื่องจริงหนิ เพียงแค่งานต้อนรับวันแรกเจ้าตัวก็ก่อเรื่องเสียขนาดนี้ ถ้าต้องมารู้ว่าฉันยอมรับดูแลยูจีนล่ะก็ งานนี้ฉันคงบอกให้โจเตรียมตัวควักเงินเก็บของชมรมมาเป็นค่ารักษาพยาบาลยูจีนรอไว้ได้เลย

“ลีอาห์” อีกฝ่ายหยุดเขียนก่อนจะเรียกชื่อฉันเบาๆ “ฉันไม่รู้โจจะงัดไม้ไหนมาสู้กับแสตนเบิร์กเจอร์นัล ต่อให้นั่นเป็นแผนการที่ดีที่สุดและสามารถล้มชมรมของฉันได้ก็ตาม แต่ฉันไม่อยากให้พวกเธอประมาท”

จู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็ถูกปรับแต่งให้ฟังดูจริงจังมากจนฉันต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย “นายหมายความว่ายังไง”

แม็กซ์สบตากับฉันนิ่งๆ อยู่ชั่วอึดใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมา “ฉันอยากให้เธอระวังตัว ระวังตัวให้มาก เพราะแสตนเบิร์กเจอร์นัล ‘ร้าย’ กว่าที่เธอคิด”

บางทีมันอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ทั้งคำพูด น้ำเสียง และแววตาของแม็กซ์มีแต่ความเป็นห่วงและอัดอั้นตันใจ เขาอาจจะรู้ว่าฝ่ายนู้นกำลังมีแผน ฉันไม่แน่ใจว่าแสตนเบิร์กเจอร์นัลรู้ถึงแผนการของโจแล้วหรือยัง แต่เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็วพวกนั้นจะต้องรู้เข้าแน่ๆ และถ้าฝั่งนู้นรู้ถึงแผนเด็ดของเราแล้วคิดจะต่อสู้ด้วยความ ‘ร้ายกาจ’ อย่างที่แม็กซ์บอกล่ะก็ บางทีนี่อาจจะเป็นฉากปิดของแคทส์ อายไปตลอดกาล

ฉันพยักหน้าอย่างรับรู้ก่อนจะตอบ “ขอบคุณมากนะแม็กซ์ หมดคาบนี้โจนัดฉันไปพบ เดี๋ยวฉันจะบอกเขาให้” ฉันพูดก่อนจะยื่นมือออกไปฉีกหน้ากระดาษที่วาดรูปเล่นเอาไว้เสียเละไปหมดก่อนจะขยำเป็นก้อนกลมๆ อยู่ในมือ

                “แต่อย่าบอกลอนดอนล่ะ ไม่งั้นเธอโดนข้อหายุ่งเกี่ยวกับคนของแสตนเบิร์กเจอร์นัลแน่ๆ”

                “ฉันคิดว่านายจะเก็บไว้บอกเธอเองเสียอีก” ฉันออกปากแซวอย่างรู้ทัน

ใบหน้าที่เคยตึงเครียดของแม็กซ์กลับกลายเป็นสีชมพูระเรื่อจนฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ให้กับปฏิกิริยาแสนน่ารักของนักข่าวหนุ่มคนเก่ง พร้อมกับเอี้ยวตัวไปข้างหลังตรงถังขยะที่วางอยู่ชิดติดผนังห้องเรียนแล้วปาก้อนกระดาษนั้นลงไปในถังอย่างสวยงาม

 

ใบประกาศจับตัวคนร้ายที่หมายจะปองร้ายซูเปอร์สตาร์ชื่อดังด้วยไข่ไก่ถูกติดเอาไว้บนบอร์ดกลางทางโถง ฉันได้แต่หลบหน้าหลบตาบรรดานักเรียนที่กำลังมุงดูบอร์ดนั้น ไม่กล้าแม้แต่จะเฉียดกายเข้าไปใกล้ กล้องวงจรปิดของโรงเรียนจับภาพคนร้ายเอาไว้ไม่ได้ก็จริง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะมีเพียงแค่เราสองคนที่รู้ว่าใครคือคนร้าย ฉันไม่รู้ว่าโจจะตุกติกอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า แต่ถ้าหากเขาคิดจะทำแบบนั้นล่ะก็ พ่อฉันได้เตรียมตัวหาสูทมาใส่ไปพบครูใหญ่โฮซี่ได้เลย

โจกับลอนดอนกำลังคุยอะไรสักอย่างอยู่ภายในห้องประชุมของห้องประจำชมรมหนังสือพิมพ์รายวันแคทส์ อายโดยมีดาราหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาเอาการกำลังนั่งมองพวกเขาอยู่ใกล้ๆ ฉันผลักประตูเข้าไปโดยไม่ลืมที่จะเคาะก่อนสองสามครั้ง

บทสนทนาของพวกเขาหยุดลงกะทันหัน พลางหันมามองฉันเป็นตาเดียว

ลอนดอนกระแอมเบาๆ เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างหยุดนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ก่อนจะแทรกตัวผ่านหน้าโจแล้วเดินตรงเข้ามาหาฉัน “เรามีเวลาไม่กี่นาทีก่อนที่ชั่วโมงต่อไปจะเริ่มขึ้น” เธอเริ่ม “ฉันดีใจมากนะลีอาห์ ที่ในที่สุดเธอก็ตกลงร่วมทำงานนี้กับเรา”

ฉันเสมองไปทางโจที่เอาแต่อมยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดของลอนดอน แหงล่ะ! ฉันมั่นใจว่าพวกเขาทั้งสองคนรู้อยู่แก่ใจว่า ถ้าฉันไม่รับงานนี้ล่ะก็ ฉันเสร็จแน่ จากประกาศตามจับคนร้ายที่ปาไข่ยูจีน โคลแมน จะกลับกลายเป็นประกาศจับตัวแพะที่ชื่อลีอาห์ ชเลนเดอร์แสนเซ่อแทนอย่างแน่นอนไม่ต้องสงสัย

“นี่ตารางสอนของยูจีน” ลอนดอนพูดพร้อมกับยื่นกระดาษใบหนึ่งให้ฉัน “อันที่จริง ฉันไม่คิดว่างานนี้จะเป็นปัญหาสำหรับเธอสักเท่าไหร่ เธอแค่แนะนำให้เขารู้จักว่า ห้องต่างๆ ตามตารางสอนนี่อยู่ที่ไหน เธออาจจะนั่งกินข้าวกับเขาตอนพักกลางวันด้วยก็ได้ ถ้าไม่มีพวกเอลิสต์คนไหนแย่งตัวเขาไปก่อนน่ะนะ”

“ถ้ามันไม่เป็นปัญหาทำไมไม่ทำกันเองเล่า” ฉันบ่นอุบอิบ

“เธอว่าอะไรนะ?!” ลอนดอนถามเสียงดังจนฉันสะดุ้งโหยงรีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ปละ…เปล่า! เปล่า! ไม่มีอะไรหรอก” ฉันยกมือขึ้นมาโบกไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปแยกเขี้ยวถามผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ยืนหัวเราะอยู่ข้างลอนดอน “นายหัวเราะอะไร”

“เปล่า! เปล่า! ไม่มีอะไรหรอก” โจยักคิ้วตอบซ้ำคำพูดของฉัน

“นี่นาย!” ฉันเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง ขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ต่างกับโจที่ยังยืนยิ้มให้อย่างตั้งใจจะกวนประสาท

ว่าก็ว่าเถอะนะ คนเรานี่ก็แปลก ทั้งๆ ที่ปากก็พูดเองแท้ๆ ว่าเป็นงานง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่กลับโยนให้คนอื่นไม่ยอมทำเองเสียนี่ ที่แย่กว่านั้นคือ พอคนเขายอมรับทำกลับมายืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ได้

“เอาล่ะ ถ้าหากว่ามีอะไรเพิ่มเติมนอกจากนี้ฉันจะมาบอกเธอทีหลัง ฉันไปเข้าเรียนล่ะ” ลอนดอนกล่าวก่อนจะคว้าสมุดสองสามที่วางอยู่บนโต๊ะประชุมแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยออกจากห้องไป

“เธอเองก็ไปเรียนเถอะ” โจบอกพร้อมกับตั้งท่าจะเดินไปเข้าห้องเรียนด้วยเช่นกัน แต่ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกจากห้องไป ฉันคว้าแขนของเขาเอาไว้ก่อน

“ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

เดิมทีฉันตั้งใจจะบอกโจเรื่องที่แม็กซ์เตือนฉันเอาไว้ แต่อย่างที่เป็นที่รู้กันดีว่าสมาชิกของแคทส์ อาย ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับสมาชิกของแสตนเบิร์กเจอร์นัล แม้ว่าโจจะไม่ใช่คนช่างทิฐิอย่างลอนดอน ฉันก็ยังไม่วางใจพอที่จะบอกเขาอยู่ดี หากแต่เป็นอีกเรื่องที่สำคัญกว่า และฉันจำเป็นต้องบอกเขา

 “คือ…ฉัน…”

โอเค ทีนี่ฉันเริ่มจะเข้าใจความรู้สึกของนิคเสียแล้วล่ะ การพูดถึงเรื่องอะไรที่ไม่มีใครสามารถพิสูจน์ได้ว่า มันจะเกิดขึ้นจริงหรือมีอยู่จริงหรือเปล่านี่มันทำให้ฉันหวั่นไม่น้อยเลย ลองคิดดูนะ สมมติว่าคุณต้องเดินเข้าบอกกับหนุ่มนักธุรกิจที่เห็นว่าเวลาเป็นเงินเป็นทองอยู่เสมอคนหนึ่งว่า บนโลกใบนี้น่ะมียูนิคอร์นอยู่จริง และมันจะโผล่ออกมาจากวงแหวนวิเศษในทุกๆ คืนที่พระจันทร์เต็มดวง แล้วทีนี่คุณก็ชวนเขาไปพิสูจน์เจ้ายูนิคอร์นนั่นดวงกัน คิดดูก็แล้วกันว่าเขาจะหาว่าคุณบ้าขนาดไหนเชียว

“แบบว่า…”

ในกรณีนี้เองก็เหมือนกัน ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่นิคเห็นนั้นคืออะไร มันอาจจะเป็นพลังวิเศษที่พวกพระเอกนางเอกในหนังสือนิยายชอบมีกัน หรือไม่ก็เป็นเพียงแค่ความบังเอิญที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนฉันเชื่อและอยากจะบอกต่อก็เป็นได้ แต่ในใจตอนนี้ของฉันนั้นกลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกไปจะได้รับผลเหมือนกับครั้งแรกที่นิคห้ามไม่ให้ฉันไปงานโปรโมทสินค้าเมื่อปีที่แล้ว

“อย่างนี้นะโจ…ฉันหมายถึง…ฉัน…”

ฉันได้แต่กัดริมฝีปากล่างตัวเองอย่างลำบากใจ ใช่ว่าปกติแล้วฉันจะเป็นคนขี้ขลาดอะไรขนาดนี้ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกที่ฉันจะพูดเรื่องนี้กับคนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัว อย่างที่บอกไปว่าแม่ดูจะไม่ตื่นเต้นหรือตกใจกับสิ่งที่นิคเห็นเลยสักนิด ตรงกันข้าม แม่ออกจะไม่อยากพูดถึงมันด้วยซ้ำ ฉันไม่อาจสรุปได้ว่าแม่เชื่อหรือไม่เชื่อ คือมันไม่ได้เหมือนกับว่าแม่ไม่เชื่อ และไม่อยากให้นิคหรือฉันหมกมุ่นกับเรื่องนี้มากๆ ก็เลยตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงมัน หากแต่เป็นว่าแม่ดูเหมือนจะ ‘เชื่อ’ เสียสนิทใจมากกว่า แต่ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไหมแม่ถึงทำเป็นว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กันด้วย

“นิค…น้องชายของฉันเขา…เอ่อ…”

พ่อเองก็เช่นกัน แต่ด้วยความที่พ่อกับนิคเจอกันน้อยครั้งได้ ความรู้สึกอึดอัดใจเวลาต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้จึงเกิดขึ้นน้อยกว่าตอนอยู่กับแม่ ถ้าคุณไปกินอาหารที่ร้านชเลนเดอร์สบ่อยๆ ก็คงจะรู้ดีว่าพ่อฉันเป็นคนร่าเริงและไม่คิดมากกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากจนเกินไปแบบที่แม่เป็น ฉะนั้นเวลาที่มีใครพูดถึงเรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นฉันหรือนิคก็ตาม พ่อมักจะเปลี่ยนเรื่องได้อย่างรวดเร็วและแนบเนียนจนบางครั้งพวกเราก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ฉันจึงไม่สามารถบอกได้ว่าพ่อนั้นเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่

“….เขาเห็น…”

แต่ถ้าถามความเห็นฉันนะ ฉันว่าทั้งพ่อและแม่น่ะเชื่อเรื่องนี้หมดหัวใจเลยทีเดียว หากแต่ไม่กล้ายอมรับว่านิคนั้นมีญาณวิเศษจริงๆ ส่วนเหตุผลที่ว่าทำไมนี่ฉันก็ไม่รู้ บางทีฉันอาจจะลองถามดูก็ได้ แต่สำหรับโจแล้ว ฉันคิดว่าเขาน่าจะ—

“ลีอาห์! เธอจะพูดอะไรก็พูดออกมาสักทีสิ” รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่ที่มุมปาก บัดนี้ได้หายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือไว้แต่เพียงคิ้วที่ขมวดเข้าหากันน้อยๆ ให้หญิงสาวที่เพิ่งสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงตะโกนจากอีกฝ่ายอย่างฉันได้เห็น

“เอ่อ…ขอโทษนะ” เสียงหนึ่งที่ช่างไม่คุ้นหูเสียเลยดังขึ้นมาจากด้านหลังที่ไกลออกไปสักประมาณสิบก้าวเห็นจะได้ ทำเอาฉันกับโจต้องหันไปมองตาม “ฉันอยากจะถามว่าเราไม่เข้าเรียนกันเหรอ? นี่เลยมาสิบห้านาทีแล้วนะ”

ฉันกับโจรีบหันขวับกลับมามองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนที่เราทั้งคู่จะต่างเบิกตาโพลงโตแล้วอุทานออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“แย่แล้ว!!!”

 


 

หากคุณอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคาบเรียนที่สองที่พวกเราเข้าสายล่ะก็ บอกได้เลยฉันนี่จัดว่าโชคดีกว่าโจมากเลยทีเดียว ใครๆ ก็รู้ว่าครูฮ๊อพกินส์เป็นหนึ่งในครูหมวดวิทยาศาสตร์ที่ใจดีที่สุด หรือจะเรียกว่าใจดีที่สุดในโรงเรียนมัธยมปลายแสตนเบิร์กเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นการที่ฉันเข้าสายไปเพียงแค่สิบห้านาทีนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลยสักนิด ส่วนยูจีนเองก็ไม่ได้โดนครูตำหนิอะไร เพราะเขามีข้ออ้างมหัศจรรย์อย่าง ‘ผมหาห้องเรียนไม่เจอน่ะครับ’ โดยไม่ลืมที่จะโปรยยิ้มละลายใจตามแบบฉบับซูเปอร์สตาร์ให้แก่ครูวอลเตอร์และเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่เริ่มเรียนไปแล้วกว่าครึ่ง

ส่วนโจนั้นดูเหมือนจะว่าจัดว่าซวยที่สุดก็เป็นได้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าตรงข้ามกับครูฮ๊อพกินส์แสนใจดีประวิชาชีววิทยาก็มีครูแม็คเคนซี่สุดโหดประจำวิชาเรขาคณิตนี่แหละ โจถูกกักบริเวณในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนเป็นเวลาหนึ่งคาบเต็มของเย็นวันนี้ ฉัน ลีอาห์ ชเลนเดอร์ เพื่อนสาวที่แสนดีของเขาก็เลือกที่จะเดินผ่านหน้าห้องแนะแนวที่มีโจนั่งหน้าหงอยอย่างเบื่อหน่ายอยู่ก่อนจะหัวเราะอย่างสะใจให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถือว่าเป็นการแก้แค้นที่เขาอยากใช้ให้ฉันเป็นฝ่ายดูแลยูจีน ก่อนจะรีบเผ่นออกมา

แน่นอนว่าโจทั้งได้ยินและได้เห็นทุกอากัปกิริยาที่ฉันทำ ส่งผลให้ฉันได้รับสี่สิบแปดข้อความจากโจภายในหนึ่งชั่วโมง สมกับที่เมื่อคืนฉันนอนรอข้อความจากเขาเชียวล่ะ แต่ขอร้องล่ะนะ อย่าได้ถามเชียวว่าเขาส่งอะไรมาให้ฉันบ้างเลย

“อย่าลืมปิดประตูหน้าร้านล่ะ ลีอาห์” พ่อตะโกนลงมาจากด้านบนชั้นสองของบ้านเรา

“หนูกำลังจะไปปิดค่ะพ่อ” ฉันตะโกนตอบ ก่อนจะเดินไปทำอย่างที่ปากว่า

อย่างที่ฉันได้บอกเอาไว้บ้างแล้วล่ะนะว่า ที่บ้านของเราทำธุรกิจ ซึ่ง ‘เรา’ ที่ว่านั่นก็หมายถึงฉันและพ่อที่อยู่ด้วยกันในบ้านหลังเล็กแต่มีความสูงสามชั้น โดยที่ชั้นล่างสุดนั้นถูกทำเป็นร้านขายแซนด์วิชชื่อ ชเลนเดอร์ส ทั้งฉันและนิคไม่รู้เรื่องที่พ่อกับแม่ตัดสินใจแยกทางกันสักเท่าไหร่ เพราะแม่เป็นคนที่ไม่ช่างพูด แม่มักจะเงียบและขรึมที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งสี่ ดังนั้นอย่าได้หวังเลยว่าแม่จะแพร่งพรายอะไรออกมาให้รู้ ส่วนพ่อเองก็ชอบหัวเราะอย่างสนุกสนานแล้วชวนเราเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย กว่าจะรู้ตัวอีกทีว่าถูกพาให้ออกทะเลนั้น มันก็ไกลเกินกว่าจะกลับเข้าเรื่องเดิมเสียแล้ว

แต่อย่างหนึ่งที่ฉันนับถือพ่อกับแม่มากๆ เลยก็คือ การที่พ่อไม่เคยห้ามไม่ให้ฉันไปนอนค้างที่เพ้นต์เฮ้าส์ชั้นสิบแปดในใจกลางเมืองของแม่ และแม่เองก็ไม่เคยห้ามนิคที่จะเล่นที่ร้านนี้ไม่ว่าจะเป็นตอนเย็นหลังเลิกเรียนหรือในวันหยุด

ฉันเอื้อมมือออกไปดึงประตูไม้สีน้ำตาลเข้มที่ถูกใช้มานานหลายปีอย่างหมายที่ปิดลงแต่กลับถูกอะไรบางอย่างรั้งเอาไว้เสียก่อน

เงาตะคุ่มของชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงกันข้ามกับฉัน แต่ด้วยความที่นี่ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วทำให้บรรยากาศด้านนอกนั้นทั้งเงียบและมืดมิด ฉันผลักประตูกลับไปเล็กน้อยเพื่อที่จะได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นได้ชัดขึ้นพร้อมกับเอ่ย

“ขอโทษนะคะ แต่ว่าวันนี้ร้านเราปิดแล้ว รบกวนคุณลูกค้ามาใหม่วะ—” เสียงของฉันขาดหายไปในทันทีที่เงาดำนั้นก้าวเดินเข้ามาในตัวร้านที่ยังมีแสงไฟส่องอยู่ เผยให้เห็นร่างสูงโปร่งที่มาพร้อมกับผมที่ถูกซอยสั้นสีบลอนด์ทองและ รอยยิ้มที่ถูกบรรจงวาดลงบนใบหน้าของเขา ฉันได้แต่สบนัยน์สีฟ้าอ่อนๆ ชวนหลงใหลของอีกฝ่ายอย่างลืมตัวก่อนที่เผลอยิ้มตอบกลับไปเช่นกัน “อะ…อเล็กซ์”

“ไง ลีอาห์”

“นาย…มาทำอะไรที่นี่เหรอ?” ฉันเปิดประเด็น

“ฉันก็ย้ายมาอยู่ข้างๆ บ้านเธอนี่ไง” อเล็กซ์ตอบทั้งที่ยังไม่ลดละรอยยิ้มแสนหวานนั่น “รั้วติดกันเลยรู้ไหม”

“โอ้ว! ถ้าอย่างนั้นก็ดะ—” …ดี ดีซะเมื่อไหร่กันล่ะ!!!

โอ๊ย! ตายแล้ว ตายแน่ๆ ตายแหงๆ ไม่ต้องสงสัย ฉันบอกได้เลยว่างานนี้ฉันไม่เสร็จลอนดอนก็ต้องเสร็จหัวใจตัวเองอย่างแน่นอน! ชายหนุ่มรูปงามราวกับเจ้าชายชาร์มมิ่งจากเรื่องซินเดอเรลลาผู้นี้ก็คือ อเล็กซ์ บิลล์ ใช่! เขาคืออเล็กซ์ บิลล์ คุณอาจจะไม่เข้าใจว่าเขาคืออเล็กซ์ บิลล์แล้วอย่างไร แต่ฉันจะบอกให้เลยก็ได้ว่า ฉันยอมให้ใครก็ได้บนโลกนี้หรือต่อให้เป็นพวกโรคจิตมาซื้อบ้านต่อจากเจ้าของคนเก่าเลยก็เอา! แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวบิลล์!

ไม่มีใครในโรงเรียนไม่รู้ว่าแคทส์ อายกับแสตนเบิร์กเจอร์นัลไม่ถูกกัน ไม่มีใครในโรงเรียนไม่รู้ว่าโจเซฟ คอลลินส์ เป็นประธานชมรมหนังสือพิมพ์รายวันแคทส์ อาย และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือไม่มีใครในโรงเรียนที่ไม่รู้ว่าอเล็กซ์ บิลล์เป็นประธานชมรมแสตนเบิร์กเจอร์นัล!

ทีนี้คุณพอจะเข้าใจปัญหาของฉันแล้วหรือยัง แม้ว่าอเล็กซ์จะติดผลโหวตหนึ่งในสามชายหนุ่มหน้าตาดีที่สุดในโรงเรียนประจำปีการศึกษาที่แล้วหรือถูกจัดเป็นหนึ่งในเอลิสต์ของสังคมแสตนเบิร์กก็เถอะ แต่นั่นก็ยังไม่หนักแน่นพอสำหรับข้ออ้างที่จะทำให้คุณฝ่าฝืนกฎของลอนดอน และน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ต่อให้ฉันเกลียดแสตนเบิร์กเจอร์นัลแค่ไหน ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ฉันเป็นเพียงเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยากจะควงชายหนุ่มรูปหล่ออย่างอเล็กซ์ไปงานพรอม

และ ณ เวลานี้ที่หญิงสาวคนอื่นๆ ในโรงเรียนจะต้องอิจฉาฉันจนตาร้อนที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเอลิสต์หนุ่มที่เพียงแค่ขยิบตาเบาๆ สักหนึ่งครั้งก็มากพอที่จะทำให้คนรอบข้างหายใจหายคอไม่ออก กลับถูกแปลเปลี่ยนเป็นช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดเพียงเพราะคำว่า 'สมาชิกผู้ภักดี'

โธ่! พระเจ้าขา ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่านี่จะต้องเป็นบทลงโทษที่โจได้สาปส่งมาตอนที่ฉันแกล้งเขาเมื่อเย็นวันนี้อย่างแน่ทีเดียวเชียว

 “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า หน้าดูซีดเชียว” อเล็กซ์ถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วง

เป็นสิ ตอนนี้ฉันเป็นมากเชียวล่ะ

“เปล่าหรอก อาจจะ…เอ่อ แค่เหนื่อยๆ ล่ะมั้ง” ฉันตอบอย่างตะกุกตะกะเพราะไม่สามารถอธิบายเหตุผลที่แท้จริงให้อีกฝ่ายรับรู้ได้

“โอ้! ถ้าอย่างนั้นฉันว่าเธอพักผ่อนเถอะ ฉันเพียงแค่จะมาทำความรู้จักเพื่อนบ้านใหม่เท่านั้น” เขากล่าวด้วยท่าทีที่ดูสบายๆ ต่างกับฉันลิบลับ “ไม่คิดว่าจะเจอเธอ”

“ฉันก็ไม่คิดเหมือนกัน” ฉันพึมพำเบาๆ กับตัวเองอย่างอดไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เราเจอกันที่โรงเรียนนะ” อีกฝ่ายอีกยิ้มก่อนจะโบกมือลา ฉันเองก็ได้แต่โบกมือกลับไปก่อนจะปิดประตูร้านลงอย่างเบามือเมื่อเห็นว่าเขาเดินเข้าบ้านไปแล้ว

อย่างนี้ไม่ดีแน่ ไม่ดีอย่างถึงที่สุดเลยล่ะ ถ้าหากว่าใครมารู้เข้าว่าฉันอยู่บ้านติดกับศัตรูล่ะก็ ไม่โจก็ลอนดอนคนใดคนหนึ่งเอาฉันตายแน่ๆ แล้วไหนจะท่าทีที่ดูเป็นมิตรเสียเหลือเกินนั่นอีกล่ะ ฉันว่าถ้าเป็นฉันนะ ฉันคงจะไม่กล้าเดินเข้ามาทักเลยแม้แต่น้อย หรือไม่ก็อาจจะร้องขอให้พ่อย้ายบ้านหนีเลยก็เป็นได้ เพราะคงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้กับศัตรูหรอกถูกไหม? หรือว่าบางทีอเล็กซ์และแสตนเบิร์กเจอร์นัลอาจจะไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่คิด หากแต่มีแค่ลอนดอนเท่านั้นที่คิดไปเองทั้งหมด

แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ร้ายกาจ เพราะไม่อย่างนั้นพวกเขาคงไม่เริ่มคิดที่จะสร้างชมรมนี้ขึ้นมาเพื่อแย้งชิงผลประโยชน์กับพวกเราหรอก แล้วไหนจะคำเตือนของแม็กซ์อีกล่ะ ถูกไหม?

อย่างนี้แล้วฉันจะทำอย่างดี ฉันไม่อยากถูกไล่ออกจากชมรม แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าเขาเป็นถึงอเล็กซ์ บิลล์เชียวนะ! โอกาสดีๆ อย่างนี้ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าฉันทำใจกล้า พูดคุยกับเขาสักหน่อยฉันอาจจะชวนเขาไปงานการกุศลปีนี้ด้วยกันก็ได้ หรือไม่เราอาจจะไปงานพรอมด้วยกัน หรืออาจจะเป็น—

แก๊ก! แก๊ก!

ความคิดทั้งหมดถูกชะงักกึกไปในทันทีที่มีเสียงราวกับของแข็งบางอย่างกระทบกับหน้าต่างห้องนอนของฉัน ฉันเลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเปิดบานกระจกออก ก่อนจะพบกับอเล็กซ์ที่ยืนอยู่ตรงระเบียงที่อยู่ตรงกับหน้าต่างห้องนอนฉันในระยะทางที่นับใกล้กันมาก

“ฉันลืมบอกอะไรเธอไปน่ะ” เสียงของอเล็กซ์ดังออกมาจากฝั่งตรงข้าม “…ราตรีสวัสดิ์ ลีอาห์”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา