GOD - The Gift Of Doom
เขียนโดย Barry
วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12.06 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.18 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
[17+ Mature Rating]
This may included intense violent , blood and gore , violent sexual, Drug and alcohol reference and strong language
นิยายเรื่องนี้เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุ17ปีขึ้นไป
อาจมีเนื้อหา ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง เลือด และชิ้นส่วน เรื่องเพศ การใช้สารเสพติดและแอลกอฮอล์ และการใช้ภาษาที่รุนแรง ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า17ปี
บันทึกของนายพลแอทท์เลอร์
December 27, A.Rc.99
อีกวันที่ต้องบัญชาการภายใต้คำสั่งของคอมพิวเตอร์ เรากำลังไล่ต้อน’ลูกหลานแห่งเทพ’จะอะไรก็ช่าง แต่ฉันไม่เชื่อว่าเทพเจ้าจะมีจริงหรอก ถึงอย่างงั้นแต่พวกเผ่าพันธุ์ประหลาดนั่นก็มีพลังพิเศษที่วิทยาศาสตร์อธิบายได้อยู่ดี ไอ้เรื่องวิทยาศาสตร์จะยังไงก็ช่างมันเถอะ แต่การทดลองเอามาใช้เข้ากับเครื่องกล แล้วแปลงมาเป็นอาวุธให้ยานแม่ก็ได้ผลดีก็แล้วกัน แต่ท่านประธานาธิบดี (The President) กลับต้องการเพิ่มอีก คงอยากช่วยโลกล่ะมั้ง(หัวเราะ) เป็นแค่AI แต่สั่งได้สั่งดีจริงๆ แต่...ฉันเองก็ต้องถ่ายทอดคำสั่งนั้นไปให้ผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ดี
นายพลจอร์ช แอทท์เลอร์
ผู้บัญชาการ Mother Ship
----หน้าสมุดบันทึกฉีกขาด----
December 31, A.Rc.99
ดูเหมือน’พวกนั้น’ จะกำลังจนมุม น่าแปลกใจจริงๆที่เผ่าพันธุ์แบบนี้จะเพิ่งถูกค้นพบเมื่อราวๆสี่สิบปีที่แล้วนี่เอง ทั้งๆที่มีหลักฐานการมีตัวตนอยู่ทั่วโลกไม่น้อยกว่ามนุษย์อย่างเราๆ เผลอๆจะเกิดก่อนด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช้เทคโนโลยีช่วยค้นหาคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอตัว เพราะอย่างงั้นถึงต้องแบก AI คอร์ ของท่านประธานาธิบดีมาด้วยสินะ ถึงยังไงอาวุธของเราก็ทรงพลังกว่าอยู่ดี พรุ่งนี้คงจะเป็นวันตัดสินชะตากันแล้วล่ะพวกทหารเอง ก็พากันฉลองขึ้นปีใหม่ด้วยบรรยากาศครึกครื้น
นายพลจอร์ช แอทท์เลอร์
ผู้บัญชาการ Mother Ship
----บันทึกถูกเขียนอย่างเร่งรีบ----
January 01, A.RC.100
ประมาทเกินไป... ไม่สิ นี่มันเป็นเหตุการณ์ไม่คาดฝันสุดๆ จู่ๆก็มี’บางสิ่ง’โผล่ขึ้นมากลางสนามรบ พวกทหารเอาแต่ลือกันว่าเป็นวันพิพากษา ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกันวะ!! มีพวกคนมีปีกโผล่หัวออกมาจากวงแสงประหลาดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้เองก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว พอส่งคนไปเก็บตัวอย่างก็ขาดการติดต่อหมดทั้งกองเสียฉิบ!! ไหนจะควันพิษสีดำที่หลุดเข้ามาในยานแม่อีก พวกทหารที่ตายเพราะพิษนั่นแล้วก็ลุกขึ้นมากินคนอื่นๆที่ยังรอดอีก!! ค่าอากาศทั้งภายในและภายนอกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกได้เลยว่านี่เป็นวาระสุดท้าย ใครก็ตามที่เก็บบันทึกนี้ได้ ได้โปรด.... คุณต้องเดินเครื่อง AI คอร์อีกครั้ง!! เพื่อควบคุมสถานการณ์นี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นพลเรือนหรือทหารก็ตาม ย้ำ คุณต้องเดินเครื่องอีกครั้ง แม้ตัวข้าพเจ้าจะตายก็จะไม่เสียใจ..... บันทึกนี้จะถูกส่งออกไปทางตะวันตก เพื่อให้พ้นเขตป่า เป็นระยะ50กิโลเมตร หากต้องการเดินเครื่อง จงมุ่งหน้ามาทางตะวันออก
นายพลจอร์ช แอทท์เลอร์
ผู้บัญชาการ ที่ยังมีชีวิตอยู่เป็นคนสุดท้าย
บันทึกเก่าแก่ที่ตกอยู่ชายป่า ในแคปซูลส่งอุปกรณ์ที่ถูกปิดตายมาเป็นเวลากว่า40ปีเขียนเอาไว้แบบนั้น
คำบอกเล่าของชายชราผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยอาศัยอยู่ในเชลเตอร์ของช่างประกอบยาน
‘วันนั้นลุงก็กำลังประกอบยานรบตามคำสั่งของท่านประธานาธิบดี จำได้ว่าต้องเร่งมือเพราะมีคำสั่งเร่งจำนวนการผลิต แต่สายตาก็ยังมองไปที่มอนิเตอร์ที่ฉายภาพการรบของกลางเชลเตอร์อยู่ จำได้ว่าภาพสุดท้ายคือใครซักคนโผล่ออกมา พร้อมกับเสียงร้อง บรรยายไม่ถูกว่าเป็นยังไง แต่คนไม่ร้องกันแบบนั้นหรอก จะบอกว่าเหมือนสัตํว์ป่าก็ไม่เคยเห็นสัตํว์ป่าด้วยสิ ก็เลยไม่รู้ว่าเหมือนกันมั้ย แต่เสียงนั้นเหมือนจะแผ่ออกมาพร้อมวงแสงสีทอง ดูเหมือนกับเทพหรือเทพธิดา ดูในจอไกลๆน่ะ มองไม่ออกหรอก รู้แต่ว่ามีคนมีปีกโผล่ออกมาสู้กับทหาร แล้วจากนั้นต้นไม้จำนวนมากก็ผุดออกมา พวกทหารรอบนอกดีใจมาก รีบเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์ไม้ แต่พอหายเข้าไปในควันสีดำ ก็ขาดการติดต่อไปเลย ตากล้องก็น่าจะประสบชะตากรรมเดียวกัน พอเห็นภาพนั้นเสร็จ ทั้งเชลเตอร์ก็สั่นไหว จอมอนิเตอร์ขนาดยักษ์กลางเชลเตอร์หล่นลงมา ผู้คนพากันวิ่งหนีกระเจิง เหยียบกันตายก็มี แผ่นดินไหวแรงมากจนหลังคาหล่นลงมาพร้อมกับท่อและเครื่องยนต์ปรับอากาศ จำได้ว่าไฟรั่วไปทั่วเลย ลุงก็เลยรีบวิ่งเข้าไปหลบในโรงงาน แต่ให้ตายเถอะ โรงงานนั่นแหละที่จะถล่มทับลุงตาย โชคดีที่ตอนนั้นมีท่อหล่นลงมาค้ำไว้ ก็เลยวิ่งลอดออกมาได้ ตอนนั้นลืมสังเกตเรื่องอากาศไปเลย เพราะมัวแต่ตกใจ นั่งพักจนหายเหนื่อยก็เพิ่งนึกได้ เชลเตอร์รั่ว คิดว่าตายแน่ๆ แต่กลายเป็นว่า รู้ตัวอีกที ลุงก็ควบคุมเหล็กได้แล้ว.... แบบเนี้ย’ ชายมีอายุผู้ประกอบอาชีพช่างยนต์กล่าว และยกน็อตลอยตัวขึ้นให้ดูด้วยการใช้พลังพิเศษ
Shelter 102 Security Record
ภาพจากดิสก์เก็บข้อมูลถูกย้อนดูอีกครั้ง โดยชายชาวลิมโบคนหนึ่งภายในส่วนของห้องพัศดี แผ่นดินไหวทำให้ห้องขังต่างๆพังและทำให้นักโทษบางส่วนเป็นอิสระ พวกเขาค้นพบพลังของตน และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ฆ่าคนด้วยวิธีการใหม่ๆ พวกเขาทำลายประตูคุก ประตูแล้วประตูเล่า และฆ่าเหล่าพัศดีเรือนจำทันทีที่พวกเขาเข้ามาควบคุมสถานการณ์
ภาพตัดมาที่เหล่านักโทษพากันสวมใส่ชุดของตนที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้ในห้องเก็บของ บ้างก็เอาชุดของพัศดีมาใส่ พวกเขารู้สึกดีกับชัยชนะครั้งนี้ และมั่นใจกับ’พลังที่ได้รับ’จึงไม่หนีไปไหน หนึ่งในพวกเขาค้นเจอคีย์การ์ด ซึ่งมีตัวเลขระบุเอาไว้ว่า Level 4 และบันทึกก็ได้จบลงแค่นี้
ศักราชถูกนับเป็นA.Rc. (After Re-Colonizetion) หลังจากที่สภาพอากาศบนโลกเริ่มย่ำแย่ มนุษย์จำเป็นต้องอยู่รวมกันเป็นโคโลนี่อีกครั้ง โดยทำการก่อสร้างโดมขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก และวางเส้นทางเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่าย ซึ่งจัดทำโดยรัฐบาลของหลายๆประเทศ
- A.Rc. 1– สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรเป็นผู้นำในการสร้างโคโลนี่ โดยสร้างเชลเตอร์ขนาดใหญ่เอาไว้เป็นศูนย์กลางและรวมตัวกันภายใต้ชื่อ’สหพันธ์พลาเกีย’ต่อมาประเทศโลกที่สาม ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆประเทศ จนมีเชลเตอร์ขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง เช่น อาฟริกา ซึ่งทั้งทวีปถูกรวมไว้ในโคโลนี่เดียว เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด เกาหลีเหนือและใต้ถึงจุดแตกหัก รบกันจนเหลือเพียงชนกลุ่มน้อย เข้าร่วมกับญี่ปุ่น ซึ่งหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้เข้าร่วมกับญี่ปุ่น
- A.Rc. 4 - การพัฒนาAI"The President" สุดยอดโปรแกรมประมวลผลเพื่อปกครองประเทศเสร็จสมบูรณ์หลังจากการคัดลอกเรียบเรียงและจัดสร้างที่กินเวลามากว่า30ปีโดยรวบรวมแนวคิดปรัชญาบุคลิกและรูปแบบความคิดของสุดยอดผู้นำจากประวัติศาสตร์หลายยุคสมัยมาใช้
- A.Rc. 7 - เริ่มเปิดใช้งานAI"The President"เป็นหนแรกพร้อมประกาศการมีตัวตนของมันในขณะที่ประเทศรัสเซียแยกตัวไปพร้อมกับอีกหลายประเทศรวมตัวกลายเป็นโคโลนี่"สหภาพโชเวียตใหม่"ในช่วงเวลาเดียวกัน
- A.Rc. 11 - โคโลนี่สหภาพโซเวียตใหม่เริ่มตัดขาดการติดต่อและเริ่มปิดกั้นการเข้าตรวจสอบของโคโลนี่หลัก’พลาเกีย’ โดยการให้เหตุผลว่าได้ขอทำการแยกตัวจากกลุ่มโคโลนี่ทั้งหมดแล้ว
- A.Rc. 12 - โคโลนี่สหภาพโซเวียตใหม่เริ่มกระจายกองกำลังทหารตามชายแดนเขตประเทศรัสเซียเก่าเข้ายึดและเปิดใช้งานโรงผลิตน้ำมันที่ถูกสั่งห้ามใช้งานอย่างไม่มีเงื่อนไขผิดสนธิสัญญาการรักษาและฟื้นฟูสภาพผืนโลกอย่างชัดเจนแม้มีการส่งคำเตือนไปก็ไม่มีการตอบรับ
- A.Rc 17 - โคโลนี่พลาเกียและเครือข่ายถูกโจมตีโดยโคโลนี่สหภาพโซเวียตใหม่อย่างไม่มีเหตุผลและโคโลนี่เวลซ์ถูกยึดครอง
- A.Rc. 18 - โคโลนี่พลาเกียตอบโต้กลับด้วยการโจมตีจากปราการรบลอยฟ้าขนาดใหญ่ "ดาโกต้า2" ทำลายกองกำลังที่ยึดครองโคโลนี่ย่อยเวลซ์อย่างราบคาบและสามารถยึดคืนกลับมาได้
- A.Rc. 20 - โคโลนี่สหภาพโซเวียตใหม่ประกาศสงครามเต็มตัวหลังจากการโดนกดดันในช่วงที่ผ่านมาพร้อมส่งหน่วยทหารที่ผ่านการติดตั้งนาโนแมชชีนออกรบเต็มตัวเป็นการผิดพันธสัญญาห้ามการใช้นาโนแมชชีนในการทหารอย่างเต็มตัวกฏนี้เกิดขึ้นเพราะสงครามก่อนขึ้นสู่A.Rcที่เริ่มโดยประเทศรัสเซียที่ส่งอาวุธกระจายนาโนแมชชีนเข้าโจมตีประเทศต่างๆก่อนจะโดนตอบโต้ด้วยแอนตี้นาโนแมชชีน
- A.Rc 21 โคโลนี่สหพันธรัฐจีนเข้าร่วมกับฝั่งโซเวียตใหม่อย่างเต็มตัวหลังจากที่ปิดบังท่าทีโอนอ่อนต่ออีกฝ่ายมานาน
- A.Rc 23 - พลาเกียและกลุ่มโคโลนี่ในเครือเริ่มเกิดความสับสนโคโลนี่ฟรานซ์ประกาศแยกตัวไปเข้ากับโคโลนี่โซเวียตใหม่พร้อมกับทำการยักยอกเงินและสินแร่จำนวนมหาศาลออกจากคลังกลางไปด้วยสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรง
- A.Rc. 28 - โคโลนี่ดอยซ์ทำการตัดเส้นทางเชื่อมโยงพร้อมกับโยกย้ายออกไปจากกลุ่มพลาเกียไปหากลุ่มตะวันออกไกลพร้อมประกาศตัวว่าจะไม่ข้องเกี่ยวกับสงครามนี้
- A.Rc. 30 - สงครามระหว่างพลาเกียและโซเวียตใหม่เริ่มต้นอย่างแท้จริงกลุ่มโคโลนี่ตะวันออกไกลที่บวกโคโลนี่ดอยซ์เข้าไปประกาศจะไม่ข้องเกี่ยวกับสงครามและมีการป้องกันตัวด้วยอาวุธแอนตี้นาโนแมชชีนรวมทั้งกองกำลังหุ่นรบที่ควบคุมด้วยAIแบบพิเศษป้องกันชายแดนทางทะเลและอากาศไว้
- A.Rc 31 - สหภาพโซเวียตใหม่โจมตีเปิดฉากด้วยTsar Bomba อาวุธร้ายแรงในอดีตที่ถูกพัฒนาตามยุคจนกลายเป็นอาวุธมหาประลัยแบบใหม่ทำให้ปราการรบลอยฟ้า"ดาโกต้า2" "เซนต์จอห์น2" และ "USS เอนเตอไพรซ์" ได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องถอนกำลังออกจากแนวรบไปแต่ความเสียหายนี้ก็แผ่กระจายไปถึงฝั่งโซเวียตใหม่เช่นกันกองกำลังรบจักรกลควบคุมด้วยAIสูญหายไปกว่า20%
- A.Rc. 32 - โคโลนี่ฟรานซ์ถูกปืนใหญ่วงโคจร"ซิลเวอร์ฮาโล"ยิงใส่ส่งผลให้โคโลนี่สูญเสียความสามารถในการอยู่อาศัยอย่างถาวรจำนวนผู้เสียชีวิตจากพลังงานของปืนใหญ่วงโคจรมีมากกว่าสามล้านชีวิต
- A.Rc. 33 - จากการสูญเสียโคโลนี่ฟรานซ์ฐานข้อมูลและฐานการผลิตที่สำคัญทำให้ฝั่งโซเวียตใหม่ไม่สามารถผลิตกำลังรบได้อย่างเต็มที่เช่นปกติซ้ำขาดข้อมูลที่ตั้งต่างๆที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเลยทำให้โคโลนี่โซเวียตใหม่เลือกจะโจมตีด้วยการเข้าเจาะและทำลายข้อมูลการเคลื่อนไหวของตนแต่จากการใช้ดาวเทียมสอดแนมพบว่าปราการรบภาคพื้นอวกาศของรัสเซียกำลังบินกลับมาจากเหมือง...คาดว่าเอาแอนตี้แมตเตอร์ที่ค้นหาและขุดได้มาใช้งาน
- A.Rc 34 - พลาเกียตัดสินใจใช้งาน"The President"ในฐานะอาวุธสงครามและประสบความสำเร็จอย่างงดงามจากการที่"The President"นั้นสามารถเจาะข้อมูลการเคลื่อนไหวต่างๆโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัวได้...ซ้ำยังสั่งการคำสั่งผิดๆอีกทำให้ฝั่งโซเวียตใหม่เสียหายทั้งเศรษฐกิจและกำลังทหาร
- A.Rc. 36 – พลาเกียที่น่าจะมีชัยเหนือกว่าพบกับปัญหาเมื่อ "The President" ไม่รับฟังคำสั่งที่จะปิดฉากสงครามด้วยการควบคุมปืนใหญ่วงโคจรเข้ายิงใส่รีแอคเตอร์หลักของโคโลนี่โซเวียตใหม่เพื่อให้เกิดเชนรีแอคชั่นส่งผลชัทดาวน์ต่อโคโลนี่เครือข่ายอื่นๆแต่กลับปล่อยรีแอคเตอร์หลักเอาไว้ ส่งผลให้โซเวียตใหม่ยอมแพ้
- A.Rc. 37 - สงครามระหว่างพลาเกียและโซเวียตจบลงอย่างสิ้นเชิงหลังจากที่กลุ่มโซเวียตยอมแพ้เจ้าหน้าที่ผู้รอดชีวิตจากการล่มสลายของโคโลนี่ฟรานซ์ถูกส่งตัวไปอยู่ที่โคโลนี่อาฟริกาลงโทษในฐานะกบฏต่อโคโลนี่พลาเกียและสุดยอดAI "The President" ถูกชัทดาวน์เพื่อตรวบสอบระบบการทำงานโดยละเอียดแต่เพราะการขัดขืนคำสั่งทำให้พลาเกียไม่ไว้วางใจมันอีกต่อไป แม้ว่าจะได้รับชัยชนะแล้วก็ตาม
- A.Rc. 38 - พลาเกียพยายามเจรจาให้กลุ่มโคโลนี่ตะวันออกไกลเข้ากับตนเองแต่ก็ถูกตีกลับมาอย่างไม่ไยดีโดยโคโลนี่ดอยซ์โคโลนี่เจแปนเองก็ปฏิเสธเช่นกัน
- A.Rc. 40 - แผ่นดินไหวประหลาดที่กลาเกียทำให้หลายโคโลนี่จมลงจากที่ตั้งเดิมอีกกว่า20cm. สร้างความแตกตื่นให้กับผู้อยู่อาศัยเป็นอย่างมากกำแพงเชลเตอร์บางส่วนเสียหายและยุบลงไป
- A.Rc. 42 - การซ่อมแซม"The President" ได้มีการเปิดรับเอาเหล่าผู้ชำนาญและเชี่ยวชาญในการสร้างAIเข้าไปเป็นจำนวนมากเพื่อช่วยกันตรวจสอบ"จุดบกพร่อง"สีดำในแผงวงจรความคิดที่ไม่มีใครสามารถเข้าถึงได้
- A.Rc. 44 - การตรวจสอบทีมงานแบบสุ่มที่ทำแบบลับๆทำให้พบกับ"ผู้ไม่หวังดี"ในการซ่อมแซม The Presidentสปายชาวฟรานซ์ที่ปลอมตัวเข้ามาได้อย่างแยบยลในฐานะของชาวอาฟริกาเขาถูกจับกุมได้ทันท่วงทีก่อนที่ไวรัสจะโดนปล่อยเข้าไปสู่ตัวAI และ"จุดสีดำ"ก็หายไปด้วยหลังการตรวจพบผู้ไม่หวังดีรายนี้
- A.Rc. 45 - เปิดใช้งานอีกหนหลังการแก้ไขปรับปรุงขนานใหญ่และจากการควบคุมของAI ทำให้ปัญหาต่างๆถูกจัดการภายใต้การจับตามองของผู้นำพลาเกียทั้งหลาย
- A.Rc. 48 -โคโลนี่ตะวันออกไกลที่ปฏิเสธการเข้าร่วมกับพลาเกียมาตลอดจำต้องยอมเข้าร่วมจากผลงานการเล่นเกมเศรษฐกิจของThe President ทำให้ระบบเศรษฐกิจของฝั่งตะวันออกไกลขาดดุลย์ให้กับพลาเกียอย่างมาก
- A.Rc. 50 - ปัญหาเศรษฐกิจโซนอาฟริกาได้รับการแก้ไขจากการคำนวนของThe President รวมทั้งการแทรกแซงสื่อต่างๆทำให้ปัญหาต่างๆอย่างกลุ่มก่อการร้ายลดลงไปอย่างมาก
- A.Rc. 52 - โคโลนี่ทั่วโลกยอมรับในศักยภาพของThe President และเปิดลิงค์เพื่อเชื่อมต่อการควบคุมเข้ากับThe Presidentไปแล้วกว่า60โคโลนี่ย่อยแต่โคโลนี่ฝั่งตะวันออกไกลยังคงรอดูท่าทีก่อน
- A.Rc 55 - ค้นพบการเคลื่อนไหวแปลกประหลาดในโคโลนี่ตะวันออกไกลพร้อมโชว์คลิปภาพจากสถานีทดลองแห่งหน่งที่แสดงให้เห็นสิ่งผิตปกติบางอย่าง เป็นภาพของหมู่เกาะที่ลอยอยู่บนฟ้าแต่ทว่า The Presidentไม่สามารถหาข้อมูลได้มากกว่านี้เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการถูกตรวจพบจึงJack outจากระบบก่อน
- A.Rc. 58 - พยายามเจาะข้อมูลอีกครั้งแต่ก็ถูกบล็อคอย่างสมบูรณ์แบบจากไฟร์วอลพิเศษที่ผสมเทคโนโลยีของนาโนแมชชีนที่ยากเกินกว่าที่The Presidentจะเข้าไปได้...แต่อย่างน้อยก็สามารถค้นหาภาพฟุตเทจและข้อมูลของ"หมู่เกาะลอยฟ้า"เพิ่มเติมได้พบว่ามีสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกผสมจีน และจากผลการป้องกันดังกล่าวทำให้The Presidentเรียกร้องการอัพเกรดAIคอร์และหน่วยประมวลผลที่ผสมเทคโนโลยีนาโนแมชชีนลงไปเพื่อสามารถเจาะระบบผสมนาโนแมชชีนของฝั่งตะวันออกไกล
- A.Rc. 59 - การอัพเกรดThe Presidentถูกคัดค้านอย่างรุนแรงจากเหล่าผู้นำหลายๆประเทศเพราะตัวThe Presidentเป็นผู้ที่ออกแบบAIคอร์และระบบประมวลผลต่างๆและส่งแบบแปลนนี้ให้กับเหล่านักพัฒนาด้วยตัวเอง
- A.Rc. 61 - แบบพัฒนาเสร็จสมบูรณ์และสามารถเจาะผ่านการป้องกันขั้นสุดท้ายของไฟร์วอลของโคโลนี่ตะวันออกไกลได้และสิ่งที่The Presidentค้นพบเป็นสิ่งที่ทำให้โคโลนี่ทั่วโลกตะลึงกับชนเผ่าประหลาดที่มาพร้อมผมสีขาวและร่างขนาดใหญ่โตที่โดนเรียกโดยชาวญี่ปุ่นว่า"อามาเทรัส"
- A.Rc. 62 - สหพันธ์พลาเกียพยายามสอบถามกับฝั่งตะวันออกไกลแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเรื่องหมู่เกาะลอยฟ้าและชนเผ่า"อามาเทรัส" และถึงจะส่งหน่วยสอดแนมเข้าไปทั้งทางบกและอากาศแต่ก็ไม่อาจจะหาร่องรอยของหมู่เกาะลอยฟ้าได้เลยแม้The Presidentจะยืนยันตำแหน่งจากการเจาะข้อมูลมาแล้วก็ตามที
- A.Rc 64 - 1ปีหลังการปฏิเสธอย่างต่อเนื่องในที่สุดโคโลนี่ตะวันออกไกลก็ยอมรับเรื่องการมีตัวตนของชนเผ่าทรงภูมิปัญญานาม"อามาเทรัส"และหมู่เกาะลอยฟ้าที่ได้รับการเปิดเผยชื่อในการแถลงการยอมรับชื่อของหมู่เกาะลอยฟ้าที่ว่ามีนามว่า"ทาคามากะฮาระ" และในงานอามาเทรัสก็ส่งคนจากในชนเผ่าลงมาในงานให้ได้เห็นชัดๆสร้างความแตกตื่นกับทั้งโลกเป็นอย่างมาก
- A.Rc 64.7 - 7เดือนหลังการปรากฏตัวของอามาเทรัส The Presidentได้คำนวนวิเคราะห์และตรวจสอบความสามารถของชนเผ่าอามาเทรัสก็ได้แค่สรุปออกมาด้วยความคิดเดียว"เป็นชนเผ่าที่เหมือนกับพระเจ้าที่คอยเฝ้ามองพวกเราโดยไม่คิดทำอะไรและมีความอันตรายในระดับที่สูงเกินกว่าจะคำนวนได้ถ้าคิดจะเป็นศัตรู"
- A.Rc. 65 - ทำการสรุปและวางแผนการจับตัวชนเผ่า"อามาเทรัส" เพื่อที่จะนำพลังแห่ง"การรังสรรค์"มาใช้งานแต่แผนก็ไม่อาจจะสำเร็จได้เพราะถูกอามาเทรัสล่วงรู้และมีคำเตือนส่งกลับมาทำให้สหพันธ์พลาเกียจำต้องหยุดแผนการเอาไว้
- A.Rc. 66 - ตกลงและยอมรับที่จะสร้างเชลเตอร์ให้แก่ประเทศไทยประเทศเดียวของฝั่งตะวันออกไกลที่ยังไม่มีเชลเตอร์และคงมีธรรมชาติที่คงสมบูรณ์แม้ไม่มีเชลเตอร์ปกป้องเรื่องนี้สร้างความฉงนให้สหพันธ์พลาเกียเป็นอย่างมากแต่ส่วนมากยอมรับในการตัดสินใจนี้เพราะจะสามารถนำเอาพืชผลจากไทยที่คงไม่ผ่านการเจือปนมาเพาะปลูกและพัฒนาได้โดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆอีกต่อไป เวลาเดียวกันชาว"ไทย"บางส่วนที่ได้ข่าวนี้ก็แยกตัวออกจากไทยไปเข้ากับฝั่งตะวันออกไกลอย่างเต็มตัว
- A.Rc. 67 - การสร้างโคโลนี่ไทยที่The Presidentตกลงนั้นสหพันธ์พลาเกียเป็นคนตัดสินใจเข้าไปก่อสร้างเองนักการเมืองจากประเทศไทยตอบรับอย่างดีและไร้เสียงคัดค้านส่วนThe Presidentก็คอยเข้าตรวจสอบเครือข่ายข้อมูลของไทยก็ไม่พบความผิดปกติและการปิดบังรวมทั้งการมีส่วนเกี่ยวข้องกับตะวันออกไกลสร้างความผิดหวังเล็กๆให้กับตัวThe President ที่คาดคะเนจากข้อมูลเก่าเอาไว้ว่าไทยกับญี่ปุ่นนั้นเป็นมิตรที่ดีต่อกันหลังการรวมกลุ่มเป็นโคโลนี่
- A.Rc. 67.6 - ค้นพบความผิดปกติและการแจกจ่ายแร่ธาตุต่างๆในการสร้างเชลเตอร์ที่ไทยและแจ้งเตือนให้กับสหพันธ์พลาเกียทราบแต่ทางสหพันธ์ที่ควบคุมก็บอกว่ามันเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยทำให้The Presidentเกิดอาการสงสัยพร้อมทั้งเกิด"จุดสีดำ"ในระบบประมวลผลอีกครั้ง
- A.Rc. 68 - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของโคโลนี่หายตัวเงียบไปอย่างลึกลับบางคนก็ประสบอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงเริ่มมีความสงสัยเกิดขึ้นในสหพันธ์พลาเกียถึงการหายไปของเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน. The Presidentไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆแต่"จุดสีดำ"ในระบบประมวลผลเองก็หายไปเรื่อยๆ
- A.Rc. 70 - เชลเตอร์ไทยเสร็จสมบูรณ์แบบเป็นไปตามกำหนดระยะเวลาไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น ด้านThe Presidentก็กลับเป็นปกติอีกครั้งเช่นจุดสีดำที่หายไปผู้ควบคุมคาดว่าตัวAIจะรู้สึก"เครียด"มากเกินไปจึงปิดระบบประมวลผลบางส่วนและแสดงออกมาเป็นจุดสีดำ
- A.Rc. 73 - การหายตัวไปอย่างลึกลับของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานชั้นสูงเกิดขึ้นอีกครั้งและเพราะการหายไปของเจ้าหน้าที่ The Presidentจึงเข้าควบคุมแทนสร้างความอุ่นใจให้สหพันธ์พลาเกียที่กังวลเรื่องข้อมูลรั่วไหล
- A.Rc 73.1 - โคโลนี่อาฟริกาหลายส่วนเริ่มมีธรรมชาติกลับมาอีกครั้งจากพลังแห่ง"การรังสรรค์"ของอามาเทรัสทำให้ชาวอาฟริกาแสดงความดีใจและยกย่องชนเผ่าอามาเทรัสว่า"เป็นพระเจ้าที่มีตัวตน" ทำให้The Presidentเริ่มวางแผนจับตัวชาวอามาเทรัสอีกครั้งแต่เปิดเผยแผนนี้แค่กับผู้พัฒนาตัวAIเท่านั้นโดยไม่แจ้งให้สหพันธ์พลาเกียทราบ
- A.Rc. 75 – การจับตัวชนเผ่าอามาเทรัสประสบความสำเร็จ แต่คงยังไม่สามารถนำพลังแห่ง"การรังสรรค์"ออกมาใช้ได้ เวลาเดียวกันผู้นำหลายๆโคโลนี่หายตัวไปอย่างลึกลับแต่ข่าวนี้ก็โดนปิดลงด้วยการ"สร้าง"ตัวแทนขึ้นมาโดยThe President เพื่อคอยควบคุมและป้องกันการแตกแยก อันเป็นการพัฒนาตัวเองของAIที่เกินกว่าที่เหล่าผู้พัฒนาจะคาดเดาได้
- A.Rc. 77 - ประสบความสำเร็จในการทดลองเพื่อนำพลังแห่ง"การรังสรรค์"มาใช้งานได้และไม่น่าเชื่อว่าชาวอามาเทรัสจะทำได้ถึงระดับที่จะ"สร้าง"ดินแดนขึ้นมาเพราะด้วยพลังแห่ง"การรังสรรค์" ทำให้สามารถสร้างสินแร่ที่ไม่อาจจะหาได้ง่ายๆขึ้นมารวมถึงแอนไทแมทเทอร์บริสุทธิ์ด้วย
- A.Rc. 78 - ปัญหาสินแร่ในคลังถูกขจัดลงชนเผ่าอามาเทรัสเริ่มระแวงถึงบางสิ่งที่สามารถจะจับประชากรของตนไปได้และเริ่มทำการตรวจสอบกลับ ส่งผลให้The Presidentหยุดแผนการเอาไว้ก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการประทะส่วนสหพันธ์พลาเกียถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบโดยThe President
- A.Rc. 80 - โคโลนี่โซเวียตใหม่ก็ถูกควบคุมโดยThe Presidentเช่นกันและจากการติดตามอย่างลับๆผู้พัฒนาAIบางคนเห็นว่าตัวAIได้ทำการ"ควบคุม"และนำตัวผู้นำของกลุ่มโคโลนี่โซเวียตใหม่ไปรวมไว้ที่โคโลนี่ไทย อย่างไม่ทราบสาเหตุและเหล่าผู้นำรวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่หายไปอาจจะอยู่ที่โคโลนี่ไทยทั้งหมดโดยถูกเปลี่ยนหน้าตาและความทรงจำด้วยพลังแห่ง"การรังสรรค์"ที่ได้รับมาจากชนเผ่าอามาเทรัส
- A.Rc. 82 - โคโลนี่ไทยทรุดตัวก่อนจะถล่มพลังลงมา ทำให้ทุกชีวิตที่อยู่ในโคโลนี่ต้องตายลงแบบไม่มีทางจะหนีได้ จากการตรวจสอบร่องรอยที่คงเหลือ ทำให้ทราบว่า The President คำนวณเอาไว้แล้วว่าโคโลนี่ไทยจะถล่ม เนื่องจากการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากแร่บางส่วนที่ถูกแจกจ่ายอย่างผิดปกติ
- A.Rc. 83 - โลกทั้งใบตกอยู่ใต้การควบคุมของThe Presidentที่สามารถใช้พลังแห่งการรังสรรค์จนทำให้The President สามารถสร้างแบ็คอัพของมันเองได้โดยซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของผู้พัฒนาAI
- A.Rc 85 - ประกาศสงครามกับชนเผ่าอามาเทรัสอย่างไม่เกรงกลัวผ่านปากของสหพันธ์พลาเกียความกังวลของเหล่าผู้พัฒนาAIเป็นความจริงว่าThe Presidentอยู่ในระดับเกินการควบคุมได้แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถทำลายแบ็คอัพยูนิตของThe Presidentลงและหาทางปลดล็อค"คอร์"ของพลังแห่งการรังสรรค์สำเร็จ
- A.Rc. 85.11 – ผู้พัฒนาAIหลายคนถูกจับตัวและแยกออกไปโดยThe President คงเหลือไว้เพียงหน่วยซ่อมแซมซึ่งได้บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมดต่อจากผู้พัฒนาAI ส่วนชนเผ่าอามาเทรัสที่ช่วยเหลือออกมาได้ก็หายตัวไปอย่างลึกลับโดยที่ตัวAIเองไม่ติดตามได้และสูญเสียพลังแห่งการรังสรรค์ไป
- A.Rc 86 – มีการปฏิรูปการปกครองครั้งใหญ่ โดยแยกเอาผู้อยู่อาศัยตามประเภทของงาน โดยไม่มีการแบ่งประเทศของแต่ละเชลเตอร์อีกต่อไป มีแต่การพัฒนาเพื่อนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ การเรียนการสอนถูกปรับเปลี่ยนใหม่โดยAI ที่ทำเพื่อความอยู่รอดของมนุษย์ โดยไม่ได้ถามถึงความสมัครใจของตัวมนุษย์เอง ทำให้คนรุ่นหลังมีการเรียนรู้ที่ผิดออกไป
- A.Rc. 88 – สุดยอดเรือเหาะบัญชาการรบ Mother Ship ถูกสร้างขึ้นจนสำเร็จ และเป็นแนวหน้าที่นำAI คอร์ไปยังสนามรบต่างๆ โดยเป็นทั้งปราการลอยฟ้าที่แน่นหนาที่สุด ทำให้AIคอร์ปลอดภัยจากการแทรกแซงทั้งมวล เพราะการเชื่อมต่อทั้งหมดจะต้องถูกอนุมัติโดยThe President เสียก่อน
- A.Rc. 88.3 – แม้จะมีสุดยอดอาวุธ และยานรบขนาดใหญ่มากมาย แต่ก็ไม่สามารถต้านทานพลังของชนเผ่าอามาเทรัสได้ The President ทำการฉีดนาโนแมชชีน เพื่อพัฒนาศักยภาพของหทาร รวมทั้งย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ