[fic naruto] My Spy...สายลับที่รัก

-

วันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.00 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  7,224 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 12.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


          "วันนี้ดูเหมือนบรรยากาศจะแปลกๆนะเนี่ย"นารูโตะที่นั่งกินราเม็งอยู่ถึงกับเอ่ยปากด้วยความเซ็ง แน่ล่ะ...ก็ไม่มีใครพูดอะไรเลยตั้งแต่เข้ามานั่งแหมะกันอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นหรูใกล้มหาวิทยาลัย ปกติแล้วบรรยากาศบนโต๊ะอาหารนั้นจะคึกครื้นเพราะมีเรื่องที่ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจะคุยกันมากมาย แต่วันนี้กลับไม่มีบรรยากาศนั้นหลงเหลืออยู่ซักนิด เป็นเพราะความกดดันนั้นเองจึงทำให้ทุกคนแทบไม่มีอารมณ์จะกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าเลย

          "คุณอิโนะ ทานนี่หน่อยนะครับ"ซาอิเห็นว่าอิโนะทำหน้าเคร่งเครียดมากก็กลัวว่าเทมาริจะสงสัย เลยเปลี่ยนเรื่องคุย แถมยังตักโอนิกิริให้เธออีกต่างหาก

          "อืม...ขอบใจ ซาอิ"อิโนะพูดเนือยๆ แต่ก็ยังจ้องเทมาริไม่วางตา จนคนถูกจ้องจับความรู้สึกกดดันเเปลกๆบนโต๊ะอาหารได้ ถึงกับเอ่ยปากถามออกมาด้วยความหงุดหงิด

          "นี่...มีอะไรจุกปากกันรึไง ทำไมพวกเธอจ้องฉันอย่างกับฉันไปทำความผิดอะไรมา"เธอหรี่ตามองอย่างจับผิด ชิกะมารุจึงช่วยแก้ต่างให้เพื่อนๆ

          "ไม่มีอะไรกันหรอกน่า พวกนี้ก็แค่อาจจะเครียดหรือกำลังคิดเรื่องงานที่อาจารย์คาคาชิสั่งอยู่ก็ได้"แน่นอนว่าถ้าเป็นเรื่องนี้ใครก็คงคิดหนัก ด้วยการจับกลุ่ม10คน เสนอโครงการที่น่าจะเป็นประโยชน์เกี่ยวกับสายลับ และคาคาชิก็ใช้ไม้เดิมอีกครั้ง นั่นก็คือการเอา F ตัวโตๆมาข่มขู่ลูกศิษย์

          "เหรอ~~~"เทมาริทำหน้าไม่ไว้ใจ แต่ซากุระก็ชิงพูดเพื่อกลบเกลื่อนความน่าสงสัย

          "ใช่ พวกเรากำลังคิดกันเรื่องนี้เเหละ...เอ่อ...เอางี้มั้ย เทมาริ พวกเราทั้งหมดนี่มาทำโครงการนี้ด้วยกันดีมั้ย แล้วนอกจากที่จะไม่ติดFเเล้ว เราอาจจะมีประสบการณ์ดีๆด้วยกันก็ได้นะ"ซากุระเสนอ ซาสึเกะ อิโนะและซาอิรีบพยักหน้าเห็นด้วยทันที ก่อนที่เท็นเท็นจะช่วยโน้มน้าวเทมาริอีกแรง

          "อืม...จริงด้วย และถ้าพวกเราไปด้วยกัน อาจจะได้...เจออะไรแปลกใหม่ก็ได้นะ"เนจิพยักหน้ากับความคิดเห็นนี้ ชิกะมารุหันไปถามบัดดี้ของตนที่นั่งฟังอยู่ สีหน้ากำลังครุ่นคิด

          "ว่ายังไง ยัยจุก ไปร่วมงานกับเพื่อนฉันซักทีสองทีคงไม่มีปัญหาหรอก ใช่มั้ย"

          "ก็ได้ ว่ามาสิ โครงการของพวกเธอ...แล้วก็พวกนายน่ะ"เทมาริยิ้มให้นิดๆ นั่นก็ดูเป็นนิมิตหมายอันดีสำหรับพวกซากุระ

          "เอ่อ..."ซากุระอึกอัก ก็เพราะเป็นแผนที่เพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้ แถมยังปุบปับกะทันหันซะจนเพื่อนๆเเทบจะตามไม่ทัน ส่วนเรื่องโครงการที่คาคาชิสั่งนั่นถูกจัดอันดับเเทบจะเป็นอันดับสุดท้ายในแผนการทำงานเสียด้วยซ้ำ เหงื่อเม็นเล็กๆเริ่มผุดพรายขึ้นบนใบหน้าหวาน เมื่อไม่รู้จะตอบคำถามของเทมาริยังไงดี

          "เราไปจัดแคมป์ไฟ-เดินป่า ที่เกาะส่วนตัวฉันมั้ยล่ะ"ความคิดนี้ถูกเสนอขึ้นโดยฮิวงะ เนจิ ที่ดูจะน่าสงสัยน้อยที่สุด เพราะปกติก็ไม่ค่อยได้เเสดงอาการอะไรออกมามากนัก

          "แคมป์ไฟเหรอ เจ๋ง!!! ฉันชอบ"นารูโตะโพล่งออกมาอย่างร่าเริง บรรยากาศตึงเครียดเมื่อกี้เริ่มมลายหายไป แต่ก็ยังไม่ทิ้งไปซะทีเดียว

          "ฉันว่าก็ดีนะ..."ซาสึเกะพูดขึ้นนิ่งๆ ดูไม่ค่อยมีความรู้สึกยินดียินร้ายกับโครงการของเพื่อนๆมากนัก ดวงตาสีรัตติกาลยังคงจับจ้องใบหน้าของ 'ผู้ต้องสงสัย' จนซากุระต้องสะกิดให้เขาเลิกม้องแบบนั้น เขาหรี่ตาเล็กน้อยแล้วก้มลงกินซาชิมิต่อไป

          "ฉันก็ว่าดี ตกลงโครงการนี้ใช่มั้ย มีอะไรให้ช่วยก็บอกละกัน"สาวลึกลับลุกขึ้นก่อนจะวางเงินลงบนโต๊ะอาหาร

          "ฉันมีธุระ แล้วก็มื้อนี้ฉันเลี้ยงเองละกัน ขอตัวก่อน..."

          "ฉันไปด้วย..."ชิกะมารุลุกขึ้นบ้างแต่เทมาริส่ายหน้าให้

          "ธุ-ระ-ส่วน-ตัว"เธอเน้นทีละคำอย่างชัดเจนแล้วเดินออกไปจนคนที่ถูกครหาว่า'ยุ่งเรื่องส่วนตัว'ทางสายตาถึงกับถอนหายใจอย่างเซ็งๆ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบซูชิเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเพื่อนแทบทั้งโต๊ะเรียกชื่อเขาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

          "ชิกะมารุ!!!"มีเพียงซาสึเกะและเนจิที่ยังอยู่ในอาการไม่รู้ร้อนรู้หนาว

          "อะไรของพวกนาย ยัยนั่นก็บอกเเล้วว่าธุระส่วนตัว"

          "แอบตามไปสิตาบื้อ นี่ถ้ายัยนั่นแอบเข้าไปหาข้อมูลในห้องอาจารย์ก็จบข่าวกันพอดี"ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักกับคำพูกของเท็นเท็น

          "น่ารำคาญจริง"ชิกะมารุบ่นก่อนจะลุกเเล้วเดินออกไป เพราะกลัวว่าจะคลาดกับเทมาริซะก่อน เพราะที่จริงเขาก็อยากรู้เหมือนกัน...

          "นายว่าแผนนี้จะได้เรื่องรึเปล่าเนี่ย ฉันกลัวว่าเทมาริจะรู้ตัวซะก่อน ไหนจะความขี้บะ..อุ๊บ..."ซากุระยังพูดไม่ทันจบซาสึเกะก็ยัดซูชิเข้ามาเต็มปากเต็มคำ

          "เลิกพูดมากซะทีน่า ฉันน่ะเชื่อว่าเพื่อนฉันเจ๋งอยู่เเล้ว"ราชสีห์หนุ่มยิ้มอย่างมีเลศนัย

          ชิกะมารุเดินตามหาเทมาริไปทั่วเพราะเมื่อครู่เกิดคลาดกัน จนมาเจอเธอกำลังเดินมุ่งหน้าไปหลังตึกเรียนเก่าที่ไม่ค่อยมีคนเหยียบย่างเข้าไปมากนัก แถมในมือยังกำโทรศัพท์มือถือแน่น เขาจึงตัดสินใจเดินตามเธอไปเงียบๆ จนไปได้ยินบางอย่างเข้า

          "พ่อ...ฮึก..."เสียงสะอื้นเบาๆดังเข้ามาในโสตประสาท ชิกะมารุขมวดคิ้วเข้าหากัน

          'พ่อ?'

          "แต่แม่....ฮึก....ค่ะ เข้าใจแล้ว..."เมื่อแอบมองอีกครั้งก็พบว่าเทมาริกำลังนั่งชันเข่าแล้วฟุบหน้า ราวกับไม่ต้องการให้ใครเห็นยามที่เธอร้องไห้ ต่อให้เป็นสถานที่ลับตาคนก็เถอะ

          ร่างสูงสง่าของชิกะมารุกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปหาคนที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว แต่ก็ต้องหยุดชะงัก...เมื่อมีใครคนหนึ่งที่เร็วกว่าเขา

          "เทมาริ"เสียงทุ้มนุ่มที่ติดความดุหน่อยๆเรียกให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มือเรียวเล็กปาดน้ำตาที่ไหลเปรอะบนใบหน้า แล้วโถมตัวเข้าไปกอดอีกฝ่ายทันที จนชายอีกคนที่แอบดูอยู่ถึงกับรู้สึกคันมือคันเท้ายิบๆอยากเข้าไปอัดหน้าของชายผมแดงซักหมัดสองหมัด แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้เเละคอยดูคนสองคนที่ยังกอดกันแนบแน่นเเทบจะสิงร่างกันต่อไป...

          "ร้องไห้ทำไม เทมาริ...เดี๋ยวก็ไม่สวยหรอก"บังเอิญมากที่ชิกะมารุดันหูดีพอที่จะได้ยินบทสนทนาระหว่างคนสองคน

          "พ่อ...ฮึก ฉันโทร.หาพ่อ"เทมาริบอกระหว่างที่ซุกหน้าเข้ากับแผ่นอกกว้างที่ดูเเข็งแกร่งนั่น

          "ไม่เอาสิ อย่าพูดถึงเขาเลยน่า เธอจะร้องไห้เพราะเขาไปถึงเมื่อไหร่กัน"เสียงนุ่มนั้นยังคอยปลอบประโลม

          "เขา...ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย...'กาอาระ'..."

          "ฉันว่า เราไม่น่าจะอยู่กันสองคน...ว่ามั้ยครับ คุณที่หลบอยู่หลังมุมตึกน่ะ"ชิกะมารุรู้ตัวว่าถูกจับได้ก็ยอมก้าวออกไปโดยดี

          "ชิกะมารุ!!!"เทมาริเอ่ยชื่อคนที่เพิ่งเดินออกมาอย่างตื่นๆ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม

          "นายตามฉันมางั้นเหรอ?? มาทำไม!!!"

          "ไม่ได้ตามเธอมาซักหน่อย...ฉันก็แค่...มาหาที่งีบก็เท่านั้นแหละน่า"ชิกะมารุหาข้อแก้ตัวได้อย่างหวุดหวิด แต่สายตาจับผิดของชายผมแดงที่ชื่อกาอาระยังคงมองมาอย่างไม่ไว้ใจ

          "แฟนเหรอ? เทมาริ"ใบหน้าคมดุมีแววขบขันปนล้อเลียน จนแวบหนึ่งที่ชิกะมารุคิดไปว่าทั้งสองมีความสัมพันธ์บางอย่างที่มากกว่าเพื่อน แต่ก็ยังสงสัยกับการกระทำของทั้งคู่เมื่อกี้นี้ เขาจึงตัดสินใจรอดูสถานการณ์ต่อไปเงียบๆ

          "ฉันจะบอกให้เเม่ตัดนายออกจากกองมรดก...กาอาระ"ชิกะมารุเลิกคิ้วกับประโยคนั้น

          "แฟนเธอเหรอ เทมาริ"ชิกะมารุเผลอถามสิ่งที่ใจคิดออกไป กาอาระเลิกคิ้ว ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะระบายยิ้มขำ

          "หืม...นายคิดว่าฉันกับเทมาริจะเป็นแฟนกันงั้นเหรอ..หึๆ"

          "เอาล่ะ นายน่ะเงียบปากไปซะกาอาระ หมอนี่เป็นน้องชายฉันน่ะ ชิกะมารุ"เทมาริเอ่ยปากบอกอย่างเสียมิได้ เพราะกลัวว่าบัดดี้ของเธอจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่

          "แล้ว...ทำไมถึงไม่เรียกเธอว่าพี่ล่ะ"คนขี้สงสัยยังถามต่อไป

          "เอาน่า ฉันจะเรียกอะไรมันก็เรื่องของฉันไม่ใช่รึไง...อีกอย่าง...ฉันก็อายุเท่านายนะ ถ้านายอายุ 19 น่ะนะ"กาอาระกอดอกมองเขา แถมการยักคิ้วกวนๆให้

          "?"

          "พอดีว่าเทมาริ พี่สาวสุดที่เลิฟของฉันเนี่ย เป็นคนที่ชอบเที่ยว แล้วก็ย้ายไปย้ายมาบ่อยซะเหลือเกิน...แม่คุณก็เลยยังเรียนไม่จบซักทีไง อยู่เป็นเด็กซิ่วต่อไป...โอ๊ย"กาอาระร้องลั่นเมื่อถูกส้นเทาสุดอันตรายของเทมาริกระเเทกเข้าเต็มหลังเท้า เมื่อหันกลับไปมองก็เจอกับสายตาพิฆาตของพี่สาว

          "ถ้ายังไม่อยากตายก็หยุดเผาฉันซะ กาอาระ"เทมาริกระซิบลอดไรฟัน ชิกะมารุเห็นอาการของสองพี่น้องเเล้วลอบยิ้ม...

          "เอาน่า เทมาริ...แล้วก็เรื่องคันคุโร่ไว้ค่อยคุยกัน...เออ นายน่ะ ห้องคิงใช่มั้ย ฉันชื่อซาบาคุโนะ กาอาระ อยู่ปี 1 ห้อง Prince "เขายื่นมือนำก่อนอย่างมีมารยาท ชิกะมารุยิ้มก่อนจับมือกาอาระ

          "อา...ฉัน นาระ ชิกะมารุ อยู่ห้อง King เป็นบัดดี้ของพี่สาวนาย"กาอาระยกข้อมือขึ้นดูเวลาก็เลิกคิ้วอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจ

          "อืมม์ วันนี้ฉันคงต้องไปก่อนนะ ฝากดูแลพี่สาวฉันด้วยละกัน แล้วก็...ถ้านายสนใจจะจีบล่ะก็เชิญตามสบายเลยนะ ฉันอยากให้พี่สาวมีแฟน จะได้เลิกคิดฟุ้งซ่านไร้สาระซักที"จากใบหน้าดุๆในตอนแรกที่เห็นตอนนี้กลับดูทะเล้นซะจนน่าหมั่นไส้ แต่ชิกะมารุก็รู้สึกไม่ทันไร เทมาริก็ออกปาก

          "กลับไปหาแฟนนายซะ กาอาระ"

          "โอเค้..."กาอาระรีบเดินไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ชะตาจะถึงฆาต

          "นายตามฉันมา?"เทมาริเปิดปากทันทีหลังจากที่เจ้าน้องชายจอมเเสบจากไป

          "เปล่านี่...ฉันก็แค่มาหาที่งีบ บอกไปแล้วไม่ใช่รึไง"ชิกะมารุยังคงยืนกระต่ายขาเดียว ทั้งๆที่เขาเองก็รู้ว่าเทมาริไม่ใช่คนโง่ถึงขนาดจะไม่รู้ว่าเขาแอบสะกดรอยตามมา

          "หึ...ฉันโง่ขนาดนั้นเลยรึไง ..."เทมาริจ้องเขาอย่างจับผิด

          "...."

          "พวกเพื่อนๆนายคงสงสัยล่ะสิ เรื่องฉันน่ะ....แต่ทำไมนายต้องทำอะไรตามใจพวกนั้นนัก...นายเป็นทาสรึไง"เทมาริถามคำถามที่สะกิดใจเขาไม่น้อย...นั่นสิ

          แต่ถึงกระนั้นรอยยิ้มก็ยังคงปรากฏบนใบหน้าของเขา พร้อมๆกับดวงตาที่ฉายเเววบางอย่างที่เทมาริอ่านไม่ออก เขาเดินเข้าข้าห้องเรียนมาใกล้เธอขึ้นอีก

          "ตอนนี้ ฉันยังอธิบายเหตุผลบ้าบอนั่น...ไม่ได้หรอกนะ แต่เอาเป็นว่า...ถ้าเธอรู้จัก'สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเพื่อน'มากกว่านี้ล่ะก็...เธอก็จะเข้าใจเองนั่นเเหละน่า"เทมาริอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบที่ฟังดูเชื่อมั่นมากมายของชิกะมารุ แถมยังดวงตาที่แสดงความจริงใจออกมาอย่างปิดไม่มิดนั่นอีก

          "..."

          "เอาล่ะ ใกล้จะได้เวลาเรียนคาบต่อไปเเล้วล่ะนะ เราไปกันเถอะ เดี๋ยวเจ้าพวกนั้นเกิดคิดว่าฉันทำมิดีมิร้ายเธอเเล้วจะยุ่งกันไปใหญ่"เขาตัดบท ก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงเทมาริไปเข้าห้องเรียน

          "โถ่ ชิกะมารุ ไม่เข้าไม่ได้เหรอ...ฉันขี้เกียจเรียนเเล้วน่ะ"เทมาริบ่นระหว่างทาง

          "รู้เรื่องแล้วรึไง ถึงคิดจะโดด"เขาถาม หยุดการลากบัดดี้สาวไปชั่วครู่

          "อย่าลืมสิ ฉันน่ะเรียนมาหมดเเล้วนะยะ และอีกอย่าง วิชานี้น่ะน่าเบื่อจะตาย...นายไม่คิดเหมือนฉันบ้างรึไง"เธอพยายามหว่านล้อม และดูเหมือนจะสัมฤทธิ์ผล....

          "เฮ้อ~อยากไปไหนล่ะ ฉันก็อยากโดดเหมือนกัน"ดวงตาเจ้าเล่ห์เจ้ากลหันมามองผู้หญิงข้างกายอีกครั้ง

..........................
คาบวิชาพื้นฐาน อาวุธและเครื่องมือ
ผู้ต้องเข้าเรียน นักเรียนสายลับ ห้องคิง (ห้อง 1)

          "ชิกะมารุไปนานเกินไปรึเปล่าน่ะซาอิ"เสียงเจื้อยเเจ้วของอิโนะทำให้ซาอิเงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามอง

          "คุณอิโนะคิดมากเกินไปรึเปล่าครับ คุณชิกะมารุอาจจะโดดเลยก็ได้นะครับ ยิ่งเป็นวิชาพื้นฐานแบบนี้เเล้ว ขนาดผมยังเบื่อเลย"ซาอิว่า

          "งั้นเหรอ แต่ถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาล่ะ ถ้าเกิดยัยเทมาริฆ่าเพื่อนฉันหมกป่าล่ะ ฉันจะทำไง"อิโนะมักจะเป็นโรคคิดเองเออเองแบบนี้เป็นประจำยามที่มีเหตุคับขัน

          "ผมว่าคุณชิกะมารุไม่ได้กระจอกขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่าง คุณเทมาริเองก็เป็นผู้หญิง ย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี"ซาอิให้เหตุผล และดูเหมือนอิโนะจะเริ่มเข้าใจ

          "อืมม์ ก็อาจจะจริงอย่างที่นายว่า..."

          "อะแฮ่ม...คุณยามานากะ อิโนะ ช่วยกรุณาหันหน้ามาทางโปรเจคเตอร์ด้วย"อาจารย์ที่อิโนะเคยให้ฉายาว่า 'จอมโหด' จ้องเธอกับซาอิตาไม่กระพริบ ซาอิเพียงยิ้มให้คนที่จ้องเขาราวจะกินเลือดกินเนื้อด้วยท่าทีที่สุภาพเช่นเคย

          "ขอโทษด้วยครับ อาจารย์"ก่อนที่เขาจะจับให้เธอหันหน้าไปตรงจอโปรเจคเตอร์ต่อ อิโนะได้เเต่พึมพำอย่างขัดใจ

          "รู้งี้โดดบ้างก็ดี"

..........................

คาบวิชา จิตวิทยาและการวิเคราะห์
ผู้ต้องเข้าเรียน นักเรียนสายลับ ห้องควีน (ห้อง 2)

          "นายคิดว่าชิกะมารุจะเป็นไงบ้าง"เสียงหวานของซากุระถามเด็กหนุ่มที่นั่งเบื่อโลกอยู่ข้างๆกัน

          "หมอนั่นน่ะไม่พลาดเเน่นอน ฉันมั่นใจ"ซาสึเกะตอบก่อนจะหาวออกมาหวอดหนึ่ง

          "อะไรทำให้นายมั่นอกมั่นใจมากขนาดนั้น ว่าชิกะมารุจะไม่พลาดน่ะ"เธอถามอีกครั้งและไม่ได้หันไปสนใจเขามากนัก เพราะกำลังจดจ่ออยู่กับวิชาที่ตัวเองถนัด

          "..."เมื่อเขาไม่ตอบเธอก็จำต้องหันไปดู และก็พบว่า...

          "ซา-สึ-เกะ"ซากุระเค้นเสียงลอดไรฟัน เพราะพ่อตัวดีกำลังจัดที่จัดทางให้เหมาะสำหรับการ 'พักผ่อน' ในเวลาเรียนตามแบบของเขา แถมยังพูดต่อหน้าตาเฉย

          "ขอยืมตักหน่อยนะ ซากุระ"และล้มตัวลงนอนเเบบไม่เกรงใจสายตาเพื่อนๆเเละเเเฟนคลับที่จ้องเธออย่างอาฆาตมาดร้าย ไหนจะอาจารย์ที่สอนอยู่หน้าห้องอีก...นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นวิชาจิตวิทยาเเละวิเคราะห์ วิชาโปรดของเธอล่ะก็...

          "โอ้โห พัฒนาเร็วดีจริงน้า~ ซาสึเกะกับซากุระเนี่ย"เสียงนกเสียงกาของนารูโตะทำให้ซากุระเริ่มหงุดหงิด ดีที่มีเท็นเท็นคอยเตือนไม่ให้พูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะสาวห้าวก็เริ่มที่จะรู้ว่าซากุระเริ่มเดือดเเล้วเหมือนกัน

          "นี่...ซากุระ"จู่ๆเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลที่เธอคิดว่าเขาหลับไปแล้วด้วยซ้ำก็เรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง

          "หือ?"

          "ที่ฉันเชื่อใจชิกะมารุขนาดนั้นน่ะ...."

          "...??"

          "เพราะหมอนั่น...'เป็นเพื่อนของฉัน' ไง"ซากุระเลิกคิ้วประหลาดใจ...

          น่าแปลก....

          น่าแปลกที่ผู้ชายที่ได้สมญานามว่า ราชสีห์เจ้าเสน่ห์ จะพูดถึงเพื่อนด้วยท่าทีจริงจังและจริงใจมากขนาดนั้น....

          และเธอก็ได้รับรู้บางอย่างที่ส่งมา ผ่านดวงตาสีรัตติกาลที่มักจะเฉยชากับคนอื่นเสมอ....

          อุจิวะ ซาสึเกะ คือผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับคำว่า 'เพื่อน' มากจริงๆ

          "ฮ้าว ง่วงละ ยืมตักเธอหน่อย หมดคาบเมื่อไหร่บอกนะ"และเขาก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิม!!!

...........

          "หึ รอบนี้เธอไม่รอดแน่!!!"เสียงคำรามของชิกะมารุดังก้องไปทั่ว แต่เทมาริก็ไม่ยี่หระต่อคำขู่ที่น่ากลัวของเขา

          "ทำให้ได้แล้วค่อยพูดดีกว่ามั้ง"เธอยิ้มท้าทายก่อนจะกระโดดขึ้นแม็คลาเรนคันเดิม แล้วเร่งเครื่องไปดริฟท์โชว์กลางสนาม

          ใช่...ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่กลางสนามแข่งรถที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ใจกลางของเมืองการค้าอย่างเมืองโคโนฮะ สนามแข่งโคโนฮะ ดับเบิล เรซซิ่ง ที่มีเทคโนโลยีหรูหราในการตกแต่งและดูแลรถยนต์ สนามแข่งแห่งนี้เป็นสนามระดับไฮคลาส และสมาชิกก็เป็นระดับสูงเช่นเดียวกัน จึงไม่ค่อยมีคนมาเพ่นพ่านในสนามให้วุ่นวาย

          เทมาริชวนชิกะมารุมาที่นี่เพื่อปลดปล่อย...เป็นการปลดปล่อยจริงๆ เธอเเวะไปที่บ้านชิกะมารุเพื่อให้เขาเอาเจ้า Audi R8 สุดงามออกมาโลดเล่นประลองความเร็วกับรถของเธอ เริ่มด้วยการขับแข่งกันมาตั้งแต่ที่บ้านชิกะมารุจนมาถึงสนามแข่งก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ จึงคิดจะมาตัดสินกันอีกซักตั้ง

          "ถ้าฉันชนะ ฉันจะได้อะไร ไหนบอกหน่อยซิ"ชิกะมารุพูด เท้าแขนที่ประตูรถของเทมาริ

          "หัวสูงนะนาย อยากได้อะไรล่ะ"ชิกะมารุทำหน้าครุ่นคิด นี่แหละโอกาสทองของเขาที่จะล้วงเอาข้อมูลจากเธอ

          "เอาเป็นว่า เธอต้องบอกเรื่องที่ฉันอยากรู้ โดยไม่มีเงื่อนไข"เทมาริย่นหัวคิ้ว รู้สึกเหมือนชิกะมารุพยายามล้วงความลับของเธออย่างไรอย่างนั้น แต่ก็ยังเล่นไปตามเกมของเขา

          "ตกลง แต่ถ้าฉันชนะล่ะ"

          "อืม...ฉันยอมให้รถคันโปรดฉันไปขับเลยมั้ย ลูกรักของฉันเลยนะเนี่ย"ชิกะมารุพูดพลางแกว่งกุญแจรถล่อตา

          "ชิ ไม่เอาหรอก รถฉันเจ๋งกว่าเยอะ เอาเป็นว่า...ถ้าฉันชนะล่ะก็...นายจะต้องทำตามคำสั่งของฉัน"

          "ตกลง"เขาตอบอย่างไม่ต้องคิด คำขอเด็กๆเเลกกับความลับของเธอนั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

          "3 เดือน"

          "ห๊ะ...เมื่อกี้เธอว่าไงนะ"ที่เขาตกใจน่ะไม่แปลกหรอก...ก็ที่ขับรถแข่งกันมาตลอดทาง...ฝีมือเธอมันธรรมดาที่ไหน เธอเหมือนผู้เชี่ยวชาญการแข่งรถมากกว่านักศึกษาเสียอีก

          "3-เดือน"เธอเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ เมื่อเห็นชิกะมารุทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่อกก็พูดดักคอ

          "แต่นายรับปากแล้วนะ...ห้ามถอนคำพูดล่ะ"เธอยิ้มราวกับมีชัย

          "เออ รู้น่า เริ่มแข่งได้เเล้ว"เขาว่าตัดบท ก่อนจะเดินไปขึ้นรถอย่างหัวเสีย...

          "รถทั้งสองคันพร้อมแล้ว...3...2...1 GO..."
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
          "อ้าว ชิกะมารุ ทำไมสภาพเป็นแบบนั้นล่ะ"เท็นเท็นถาม เมื่อเห็นเพื่อนขับรถกลับมาอย่างเนือยๆ เท่านั้นยังไม่พอ รถสุดที่รักของพ่อคุณยังมีรอยลิปสติกเขียนไว้ตัวโตๆว่า...

          "ขี้แพ้"อิโนะอ่านข้อความนั้นอย่างงงๆ มองหน้าซาอิที่งงไม่แพ้กัน

          "เกิดอะไรขึ้น?"ซาสึเกะถาม เขาลงจากรถที่กำลังติดเครื่องเพราะเจ้าของเตรียมตัวกลับบ้าน ถ้าไม่เพื่อนรักไม่เกิดโผล่มาซะก่อน..

          "อา...คือว่า..."

เอี๊ยดด

          "สงสัยล่ะสิว่าไอตัวอักษรสวยๆบนฝากระโปรงรถหมอนี่น่ะ มาได้ยังไง..."เทมาริเปิดประโยคด้วยรอยยิ้มสะใจ

          "?"

          "พอดีฉันมีเดิมพันเล็กๆน้อยๆกับชิกะมารุน่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก"ซาสึเกะเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะปกติเพื่อนเขาไม่ใช่คนที่จะให้ใครมายุ่งย่ามกับรถคันโปรดได้ง่ายๆ จึงเดินเข้าไปถามอย่างสงสัย

          "นายไปทำอีท่าไหนเข้าน่ะ ชิกะมารุ ทำไมถึงมีสภาพเเบบนี้ นายยอมให้เทมาริมาเขียนข้อความนั่นบนรถนายได้ไงเนี่ยฮะ? ปกตินายหวงรถจะตายไปนี่นา"

          "ตอนเเรกก็ไม่คิดอะไรหรอก แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าเทมาริจะเเข่งรถเก่งขนาดนั้น...ฉันต้องทำตามคำสั่งยัยนั่นตั้ง 3 เดือน T.T"

          "แลกกับอะไร? คุ้มมั้ยนั่น"เนจิเข้ามาร่วมวง

          "แลกกับทุกเรื่องที่ฉันอยากรู้...นั่นฉันเห็นว่าเป็นโอกาสทอง ก็เลยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังก่อนนี่"คนแพ้บ่นอุบอิบ

          "เฮ้อ..นี่ฉันควรจะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี หือ..ไม่สมกับที่เป็นนายเลย ชิกะมารุรอบคอบเสมอไม่ใช่รึไง แล้วนี่ไปทำอะไรมา"เท็นเท็นถามบ้าง

          "วิ่งรอบสนามเเข่ง 20 รอบ"

          "โห นี่ถ้าไม่เเข็งเเรงตายได้เลยนะ ชิกะมารุ"นารูโตะอ้าปากค้าง 'นี่ก็ถือว่าดีแล้วล่ะนะ ที่ยังไม่ตาย'

          "อ้าว ชิกะมารุ มัวคุยอยู่นั่นแหละ มาช่วยฉันเอาของลงหน่อยสิ"เทมาริเรียกใช้ 'ทาส' ชั่วคราวของเธอ

          '3 เดือนต่อจากนี้สนุกแน่...ชิกะมารุ'

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
          "คิดว่าไง ถ้าวันนี้ฉันจะไปส่งเธอ"ซาสึเกะพูดกับซากุระหลังจากที่กินอาหารซึ่งเทมาริซื้อมาเลี้ยงโดยมี 'ทาส' คอยปรนนิบัติอย่างดี

          "หืม? บ้านฉันเป็นบ้านมาเฟียนะ...นายไปได้เหรอ"เธอถาม

          "ฉันไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดนั้นนะ แค่ไปส่งลูกสาว พ่อเธอคงไม่ฆ่าฉันหมกป่าหรอกมั้ง"ซาสึเกะพูดติดตลก และเขาก็ไม่รอให้เธออนุญาต ซาสึเกะรีบเปิดประตูรถแลมโบกินี่สุดหรูของเขาทันที

          "เชิญครับ คุณผู้หญิง"ซากุระอดที่จะถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับนิสัยของเขาไม่ได้ แต่ถึงกระนั้นร่างเพรียวบางก็ก้าวเข้าไปนั่งในรถของเขาอยู่ดี

          "ไปสิ รออะไรล่ะคุณชาย"

แต่ระหว่างทาง.....

          "อืม ฉันว่าฉันลืมของน่ะ เดี๋ยวขอแวะที่บ้านก่อนนะ"ซาสึเกะพูดขึ้นมาหลังจากที่เงียบมาตลอดทาง

          "ฉันว่ามันแปลกๆนะ บ้านฉันอยู่เลยบ้านนายไปตั้งไกล แถมวันนี้ฉันก็เอารถมา คิดยังไงถึงอยากจะมาส่งฉันที่บ้าน"เธอหันหน้ามามองเขาตรงๆ คิ้วเรียวที่ขมวดกันนั้นบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังสงสัยอย่างหนัก ซาสึเกะเลิกคิ้วกับกิริยาน่ารักๆของเธอ
          "หึ เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากไปเที่ยวบ้านคู่หูก็เท่านั้นล่ะน่า คิดมาก!!!"เขาเอื้อมมือมาขยี้ผมสีชมพูสดใสของเธออย่างมันเขี้ยวจนมันยุ่งเหยิงไปหมด

          "อือ ผมเสียทรงหมด"เธอบ่นพร้อมทำหน้ามุ่ย พอดีกับที่เจ้าแลมโบกินี่ของเขาที่เธอคาดว่าเขาน่าจะเหยียบมาไม่น้อยกว่าร้อยแปดสิบจอดอย่างสวยงามที่หน้าบ้าน...ไม่สิ ต้องเรียกว่า คฤหาสน์..

          คฤหาสน์อุจิวะที่สง่างาม มีสัญลักษณ์ประจำตระกูลเป็นรูปพัดกระดาษแกะสลักอยู่ที่หน้าประตู ขนาบข้างด้วยรูปปั้นสิงโตคำรามขนาดใหญ่สองตัวที่ดูน่าเกรงขามไม่น้อย คฤหาสน์ทั้งหลังเป็นสีขาวสะอาดตา มีต้นไม้เเละสวนหย่อมอยู่รายรอบทำให้ดูสงบ ร่มรื่น สบายตา แต่ที่หน้าประตูก็มีชายชุดดำสองคนยืนเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด การรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยมจนซากุระคิดว่ามันแทบจะดียิ่งกว่าบ้านมาเฟียอย่างเธอเสียอีก

          "รอฉันแป๊บนึงนะ เดี๋ยวมา"เขาเดินกึ่งวิ่งไปในบ้าน ซากุระก็น่งมองอะไรไปเรื่อยตามประสาลูกมาเฟียที่ต้องระวังตัวอยู่ตลอด พลันสายตาก็ไปเจอเข้ากับรถที่คุ้นตาเธอเป็นอย่างมาก...จนเมื่อเพ่งดูให้ดีก็พบว่าเป็นรถของ...

          "ซาสึเกะ!!!"เสียงตวาดกร้าวของใครคนหนึ่งทำให้เธอสะดุ้ง ก่อนที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงที่คุ้นเคยกับใครอีกคน...

          "พ่อเลิกบังคับผมซักทีเถอะครับ บอกแล้วว่าไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่มีทางจะเเต่งงานกับคาริน"เขาขึ้นเสียงเช่นกัน

          "แกก็รู้ว่าหนูคารินเป็นใคร...พ่อกำลังจะร่วมทุนกับบริษัทของเค้า การแต่งงานของแกกับหนูคารินจะช่วยให้..."

          "แค่นี้ยังไม่พออีกรึไงครับ พ่อน่ะร่ำรวยจนติดอันดับประเทศเเล้วไง...ยังไม่พออีกเหรอ แค่บ้านหลังนี้ก็กว้างจนแทบจะเดินไปเดินมาโดยไม่เห็นหนากันได้ด้วยซ้ำ ทำไมพ่อถึงยึดติดกับสิ่งของพวกนั้นนักหนา!!! พ่อไม่เคยใส่ใจ ว่าแม่จะกินยังไง จะอยู่ยังไง จะรู้สึกอะไรบ้าง...พ่อน่ะ เคยรักแม่กับพวกเราบ้างรึเปล่า..."

          "ที่ฉันทำก็เพราะฉันรักพวกแก ไม่อยากให้พวกแกลำบาก ให้พวกแกมีหน้ามีตาในสังคมไม่ใช่รึไง..."

          "ความรักไม่ใช่เงินทอง...ผมหวังว่าพ่อจะเข้าใจ... แล้วเลิกจับคู่ผมกับยัยนั่นซักที"เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาที่รถอีกครั้ง

          "นั่นคงเป็นสาเหตุ ที่เเกไม่ยอมแต่งงานกับหนูคารินใช่มั้ย"ผู้เป็นพ่อถามเสียงเย็น

          "อืม...ก็...คงใช่ล่ะมั้ง ก็นี่น่ะ คุณหนู ซากุระ แห่งตระกูลฮารุโนะนี่นา"เขากระตุกยิ้มเยาะ ก่อนจะขับรถออกจากคฤหาสน์หลังงาม ทิ้งให้ อุจิวะ ฟุงาคุ มหาเศรษฐีแห่งอสังหาริมทรัพย์ผู้เผด็จการมองตามอย่างเจ็บใจ

          "มันเป็นชะตากรรม...ที่แกไม่มีทางหนีพ้นหรอก ซาสึเกะ!!!"

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา