Silence
เขียนโดย touch
วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.15 น.
แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 16.52 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
ท้องฟ้าที่เคยสดใสกำลังหม่นหมองลงเพราะเมฆครึ้มบนท้องฟ้า แสงอาทิตย์ที่เคยสาดส่องไปทั่วอาณาบริเวณค่อยๆเลือนหายไปเพื่อย้ำเตือนว่าฤดูร้อนที่แสนระอุนั้นจะจากไป และก้าวเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ที่จะนำพาซึ่งความชุ่มฉ่ำและเย็นสบายมาให้
ในละแวกหนึ่งของหมู่บ้านที่สงบ ปรากฏบ้านหลังใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใจสวนหย่อมอันร่มรื่นที่ปูพื้นไปด้วยหญ้าสีเขียวซึ่งกำลังจะต้องเปียกปอนเพราะหยาดฝนโปรยปราย พุ่มไม้ใหญ่น้อยถูกปลูกประดับไว้อย่างสวยงามตามจุดต่างๆ มีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่โดยรอบ บ้างก็เป็นต้นไม้ที่ให้ร่มเงา บ้างก็เป็นต้นไม้ที่ให้ผล หรือแค่ปลูกไว้เพื่อความสวยงามที่จะได้ชื่นชมกับดอกของมันเท่านั้น ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดาไม้ดอกคงจะเป็นต้นทองกวาวซึ่งอยู่ทางซ้ายของตัวบ้านซึ่งออกดอกชูช่อสีแสดสะพรั่งไปทั้งต้น ให้ความรู้สึกแปลกประหลาดเมื่อมันจะต้องมายืนต้นใกล้เคียงกับไม้ใบเขียว
ที่โคนต้นทองกวาวมีเก้าอี้ไม้ตัวยาวสีแดงเข้ม ตั้งหันหน้าเข้าหาตัวบ้านซึ่งเยื้องมาจากหน้าต่างห้องครัวเพียงเล็กน้อย และเพราะมีพุ่มไม้สีเขียวขึ้นอยู่ด้านข้าง จึงทำให้เก้าอี้ตัวนี้ดูจะกลมกลืนไปกับบรรยากาศของธรรมชาติ
ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
ถนนเส้นหนึ่งถูกตัดจากถนนหมู่บ้านเข้าไปจนถึงตัวบ้าน 2 ชั้น มีโรงจอดรถอยู่ทางฝั่งขวาของบ้าน ประตูบ้านเป็นกระจกที่สามารถส่องเข้าไปให้เห็นด้านในได้ แต่ทว่าจะต้องถูกบดบังเพราะผ้าม่านสีโอรสที่ประดับไว้ ไม่ใช่แค่ที่ประตู รวมทั้งหน้าต่างด้วย
เบื้องหลังประตูกระจกคือทางเดินที่ทอดไปสู่ห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ในส่วนด้านหลังของบ้าน มีบันไดไม้อยู่ด้านข้างห้องนั่งเล่น ทางขวาเป็นห้องทำงานที่ปิดประตูเอาไว้ ส่วนทางซ้ายเป็นห้องน้ำ ที่อยู่ถัดมาด้านหน้าคือห้องครัวที่มีอุปกรณ์การครัวครบครัน รวมทั้งมีอาหารอยู่ในตู้เย็นใบใหญ่มากมายด้วย ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของห้องครัวคือห้องรับแขกที่มีโซฟาสีดำสนิท ตั้งหันหน้าเข้าหากันอย่างเป็นระเบียบพร้อมกับชั้นวางหนังสือ เครื่องประดับตกแต่งเล็กๆน้อย รวมทั้งโคมไฟตั้งพื้นที่ดูทันสมัย
ชั้นสองของบ้านประกอบไปด้วย 3 ห้องนอนและ 1 ห้องน้ำ ห้องนอนหนึ่งอยู่บริเวณส่วนหน้าของตัวบ้าน อีก 2 ห้องอยู่ฝั่งซ้าย และด้านหลัง มีความกว้างของห้องน้อยกว่าห้องแรกเพียงเล็กน้อย ถึงอย่างงั้นแล้วก็มีความเป็นส่วนตัวอยู่ในระดับหนึ่ง
…
เสียงรถดังขึ้นแทรกผ่านเสียงฝนตกพรำๆที่กำลังคลายร้อนให้กับบ้านหลังนี้
รถเข้าจอดในโรงจอดรถ เสียงเครื่องยนต์ดับไป ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดและปิดประตูรถ
“จารุ ช่วยแม่ถือของหน่อย”
เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนดังขึ้น
ดูเหมือนเธอกำลังจะคุยอยู่กับลูกสาวที่กำลังร้องเพลงสนุกสนานและตื่นเต้นกับสายฝาที่ตกลงมา ณ ขณะนี้ ถึงกระนั้นแล้วเด็กหญิงก็รับของที่แม่ขอให้ช่วยไปถือเอาไว้ชั่วครู่ เพื่อให้แม่ของเธอได้ล้วงมือลงไปในกระเป๋าและหญิบกุญแจบ้านออกมาไขประตูเข้าบ้านอีกทาง ซึ่งจะสามารถตรงเข้าสู่ห้องรับแขกด้านใน
แกร๊ก
เมื่อประตูถูกเปิดออกแล้ว เด็กหญิงน้อยก็เขย่งเข้าไปในบ้านอย่างร่าเริง ทว่าก็หยุดฝีเท้าลงเล็กน้อยเพื่อรอแม่ที่กำลังจะตามเข้ามา
เพราะฝนตกหนักกว่าที่คิดไว้มาก ทำให้ท้องฟ้ามืดครึ้มเร็วกว่าปกติทั้งที่เพิ่งจะเป็นตอนบ่าย ในบ้านมืดเกินกว่าจะมองเห็นหน้าใครชัดๆ หญิงวัยกลางคนจึงเปิดไฟหรี่ในบ้านเพื่อให้ความสว่าง แต่แล้วก็ต้องตกใจเล็กน้อยเมื่อสายตาของเธอที่ตรงไปยังห้องครัวพบร่างของใครบางคนนั่งอยู่ที่เคาว์เตอร์บาร์ และกำลังหยิบซีเรียลที่เทลงบนโต๊ะขึ้นมากินอย่างไม่คำนึงถึงว่ามันจะสกปรก
“จูล!”
หญิงวัยกลางเรียกชื่อเด็กหนุ่มซึ่งนั่งอยู่ที่เคาว์เตอร์บาร์ดังกล่าว ก่อนที่เขาจะส่งสายตานิ่งสงบมาหา ในปากก็ยังส่งเสียงเคี้ยวซีเรียลไม่หยุด
“ตกอกตกใจหมด ลูกกลับบ้านมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย”
เธอถามเขาออกไปด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเชิงตำหนิ
เป็นเหมือนเคยทุกครั้ง จูลไม่ตอบคำถามแม่ของตัวเอง เขาหันกลับไปมองตรงๆ และหยิบซีเรียลขึ้นมาใส่ปากอย่างไม่สนใจ
“มานั่งมืดๆอยู่คนเดียว แม่ก็นึกว่าในบ้านไม่มีใคร คราวหลังจะเปิดไฟบ้างก็ดีนะ”
คนเป็นแม่เลิกสนใจลูกชายตัวเอง หันไปรับของที่ฝากลูกสาวช่วยถือเอาไว้ทีแรก แล้วตรงเข้าไปในครัวก่อนจะวางสิ่งเหล่านั้นไว้บนเคาว์เตอร์บาร์ ห่างจากจุดที่จูลเทซีเรียลลงบนโต๊ะเอาไว้ไม่มากเท่าไหร่
“พี่จูล”
เสียงเจื้อยแจ้วดังมาอีกทางหนึ่ง
“เรามาเล่นอะไรกันเถอะ ฉันอยากเล่น” จารุที่ตรงเข้ามาหาจูล ทำน้ำเสียงออดอ้อนพอน่ารัก “นะพี่จูล นะ”
“หึ” จูลส่งเสียงในลำคอ ส่วนมือกำลังไล่บี้ซีเรียลบนโต๊ะให้แตกเป็นผง
“เถอะนะ มาเล่นด้วยกันหน่อย”
จูลเหล่สายตาไปมองทางแม่นิดหน่อย ก่อนจะหันมาหาน้องสาวตัวเอง
เด็กหญิงผมยาวหยิกเป็นเกรียวซึ่งมัดเป็นแกละเอาไว้ แก้มของเธอแดงระเรื่อรับกับแววตาที่ฉายความสดใสไร้เดียงสา เธอเป็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารัก ฉลาด ร่าเริง แสนดี มีน้ำใจเอื้ออาทรรวมทั้งเป็นมิตรกับทุกคน เป็นลูกสาวที่ทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจกับเกิดมาของเธอ
แม่ดีใจที่เธอเกิดมาเป็นคนแบบนี้
“ได้สิ ถ้าเธอต้องการแบบนั้น” จูลกระตุกยิ้มนิดๆตามนิสัยของเขา “ไปเล่นน้ำฝนกันดีไหม”
“ไปเล่นน้ำฝนเหรอ”
“ใช่...” จูลลากเสียงยาวๆ “ฝนตกหนักแบบนี้ เธอไม่รู้หรอกว่าเวลาโดนมันเข้าจะทำให้รู้สึกสนุกขนาดไหน”
จารุเบิกตากลมโตและตั้งใจฟังสิ่งที่จูลกำลังพูด
“มันจะรู้สึกยังไงงั้นหรอ”
“ก็...” จูลกำลังนึกถึงความรู้สึกที่เขาเคยอยู่ตากฝนเกือบตลอดชั่วโมง “คงจะเหมือนมีใครหลายๆคนรุมกันขว้างก้อนหินใส่เธอ โดยที่เธอหาทางหลบไม่...”
“จูล! หยุดพูดแบบนั้นเลยนะ”
เสียงโกรธๆ ดังมาขัดการสนทนาระหว่างสองพี่น้อง
จูลยิ้มให้จารุที่ขมวดคิ้วสร้างปมสงสัยในใจนิดหน่อยก่อนจะหันไปหยิบซีเรียลขึ้นมากินต่อ
“จารุไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ทำแซนด์วิชให้”
“แต่ว่า...”
“ไปเถอะ เดี๋ยวแม่ทำแซนด์วิชให้นะลูก”
แม่ไม่พูดเปล่า ยังเดินเข้าไปหาจารุและพยายามจูงมือเธอให้ตรงไปที่บันไดเพื่อให้เธอได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
เมื่อจารุขึ้นชั้นสองไปแล้ว แม่เดินกลับเข้ามาในครัวซึ่งจูลยังนั่งอยู่ที่เดิม เขายังคงส่งเสียงเคี้ยวซีเรียลโดยไม่หันมามองหรือมีอาการสนใจ เธอจึงทำได้แค่ถอนหายใจแล้วกลับไปจัดการข้าวของที่ซื้อมาเพื่อทำอาหารเย็นของวันนี้ พร้อมกับทำแซนด์วิชให้จารุตามที่บอกเอาไว้ด้วย
ไม่มีการสนทนาอะไรอีกระหว่างแม่กับจูล หลายครั้งที่แม่มีท่าทีอึกอักอยากจะพูดอะไรกับเขา แต่เมื่อหันมาหาเขา เธอก็กลับมองท่าทางของเขาเฉยๆ ส่วนเขาก็เหมือนอย่างเคย คือทำสายตานิ่งสงบ ไม่สนใจ และดูเหมือนจะไม่ได้คิดอะไรด้วย
อีกครั้งที่แม่ทำท่าอยากจะพูดอะไรออกมาเพื่อเป็นการบอกให้จูลรู้ว่าคราวหลังอย่าพูดแบบนั้นกับน้องอีก แต่เขากลับลุกออกจากเก้าอี้บาร์ กวาดเศษซีเรียลที่ทำเลอะไว้บนโต๊ะลงบนฝ่ามือตัวเองแล้วเอาไปทิ้งในถังขยะ ก่อนจะตรงไปที่บันไดอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ปัง!!!
เสียงกระแทกปิดประตูดังสนั่นไปทั้งบ้าน จนทำให้แม่ที่ยืนอยู่ในครัวสะดุ้ง
จูลกลับเข้าห้องไปด้วยท่าทีสบายๆเหมือนไม่ได้เป็นอะไร แต่เขากลับปิดประตูเสียงดัง ใช่... เขาจงใจปิดประตูเสียงดังแน่ๆ
สิ่งถัดไปที่แม่คิด คืออยากจะเดินตามจูลขึ้นไปที่ห้องแล้วกล่าวต่อว่าเขาถึงการกระทำและคำพูดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่เธอกลับถอนหายใจ สะบัดหน้าเพื่อเอาความคิดเหล่านั้นออกแล้วกลับไปเตรียมของสำหรับอาหารเย็นที่ทำค้างไว้เมื่อกี้อีกครั้ง
ฝนยังคงตกหนัก และคล้ายกับมันจะต้องตกหนักแบบนี้ไปตลอดทั้งบ่ายจนถึงกลางคืน หยาดฝนที่ตกลงมาจะคลายความร้อนในช่วงฤดูที่ผ่านมาออกจนหมด อากาศจะชุ่มชื้นขึ้น เย็นขึ้น และทำให้หนาวขึ้น
ที่ชั้นสองตรงห้องนอนทางซ้ายของตัวบ้าน มีแสงไฟหรี่ๆจากโคมไฟตั้งโต๊ะสาดส่องมาให้เห็นจากหน้าต่าง ในห้องนั้นเงียบสงัด มีเพียงเสียงสายฝนที่สาดกระทบหน้าต่างเท่านั้นที่ดังอยู่ในขณะนี้
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ