[Sleuth Companian] คู่หู สืบสวน ป่วนคดี(ผี)

9.0

เขียนโดย Viva2603

วันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 12.14 น.

  1 ตอน
  5 วิจารณ์
  3,410 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2558 14.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

       บทนำ

          22.42 น.

          ค่ำคืนที่เงียบสงัด

          หญิงสาวร่างบางก้าวเดินไปตามถนนแสนเปลี่ยว ขณะก้มหน้าก้มตากดเบอร์โทรศัพท์โทร.หาใครสักคน

          [ฮัลโหล]

          เสียงปลายสายตอบรับ

          "ฮัลโหล~นอนยัง" หญิงสาวทักเสียงเจื้อยแจ้ว

          [ยัง]

          "ไปหาได้มั้ย"

          [จะบ้าเหรอ เป็นสาวเป็นนางจะมาหาผู้ชายดึกๆดื่นๆได้ไง]

          "แหม~ล้อเล่นน่า ทำเสียงแข็งไปได้" หญิงสาวมุ่ยปากทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่น่าจะเห็นได้

         [แล้วนี่อยู่ไหน ทำไมเงียบจัง]

         ปลายสายถามเมื่อสังเกตได้ถึงความผิดปกติของอีกฝ่าย หญิงสาวมองไปรอบๆตัวเองที่บัดนี้ได้ถูกความมืดกลืนกิน มีเพียงแสงสว่างจากเสาไฟฟ้าข้างถนนที่ตั้งห่างกันเป็นระยะๆเท่าๆกัน แต่มันก็ยังมืดสลัวอยู่ไม่น้อย

          "ข้าวออกมานอกบ้าน"

          [ไปทำอะไร?]

          "ออกมาออนไลน์ตังโทร.หาลักษมณ์อะแหละ"

          [บ้าเหรอ นี่มันก็ดึกแล้วนะ พรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้วไม่ได้คุยกันคืนนี้ก็ไม่เห็นเป็นไรซะหน่อย]

         "แล้วทำไมต้องตวาดด้วยหละ? ก็คิดถึงอะ"

         [รีบกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกมาค่ำๆมืดๆคนเดียวมันอันตรายรู้มั้ย] ปลายสายเสียงอ่อนลงอย่างอ่อนใจ

          "รู้แล้วๆ ก็กำลังจะกลับอยู่นี่ไง"

          เธอรีบซอยเท้าเร็วขึ้น เมื่อรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบตัวที่จู่ๆก็เย็นยะเยือก นี่ก็ยังไม่ได้ดึกมาก แต่น่าแปลกที่ตรงนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเธอคนเดียว ลมยามดึกพัดหวีดหวิวเข้ามาทักทาย จนหญิงสาวเองอดที่จะรู้สึกขนลุกไม่ได้

          "ลักษมณ์อย่าเพิ่งวางนะ คุยเป็นเพื่อนข้าวจนกว่าข้าวจะกลับถึงบ้านก่อน"

          [อือ]

          "ก...ก็ชวนข้าวคุยหน่อยสิ"

          หญิงสาวใช้มือที่ว่างลูบแขนข้างที่ถือโทรศัพท์ พยายามไม่หันมองรอบตัว

          [อ้าว แล้วจะให้ชวนคุยเรื่องอะไรหละ]

          "เอาน่าๆ คุยมาเถอะ"

          [กลัวผีมั้ย?] เหมือนยกประเด็นมาคุยแบบส่งๆ

          "โหยยย ถามอะไรตอนนี้เล่า"

          [ก็ไม่รู้จะคุยอะไรนี่หว่า]

          "งั้นก็อยู่เงียบๆถือสายรอเฉยๆก็ได้ อย่าวางสายนะ"

          [อือๆเอางั้นก็ได้]

          หญิงสาวถอนหายใจเบาๆแล้วเดินต่อไปเงียบๆ

          แกรก...แกรก...

          "..."

          เสียงเหมือนคนเดินลากขาดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล หญิงสาวชะงักขา มือกำโทรศัพท์แน่น ก่อนจะรู้สึกขนลุกซู่ที่ต้นคอ ค่อยๆรวบรวมความกล้าหันหลังไปช้าๆเพื่อที่จะพบกับ...

          ...

          ความมืดและความว่างเปล่า

          เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังมาจากปากของหญิงสาว มือข้างซ้ายที่ว่างอยู่ยกขึ้นกุมหัวใจที่เต้นแรงผิดจังหวะ พยายามผ่อนลมหายใจเข้าออกเพื่อเรียกสติที่กระเจิงไปเมื่อกี้ให้กลับมาเป็นปกติ ทว่า

          แกรก...แกรก...

          เสียงนั้นไม่ได้ดังอยู่ข้างหลัง หากแต่ดังมาจากข้างหน้า

          เธอรีบหันขวับไปทันที และได้พบกับเงาตะคุ่มๆของบางสิ่งคล้ายคน บางสิ่งที่ว่า กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเธอห่างกันเพียงไม่กี่เมตร หญิงสาวหยุดอยู่กับที่ หรี่ตามองสิ่งตรงหน้าเพราะท่าเดินแปลกๆ

          ยามที่สิ่งนั้นอยู่ในบริเวณที่ไฟจากเสาไฟฟ้าส่องไม่ถึง มันดูเหมือนหุ่นกระบอกมากกว่าจะใช่คน ทั้งขาซ้ายที่ดูจะบิดเบี้ยวผิดรูป ลำคอที่หักพับมาด้านขวา เวลาเดินก็ส่งเสียงงึมงำๆเหมือนคนกำลังบ่นอยู่ตลอดเวลา

          ยามที่สิ่งนั้นเดินผ่านเสาไฟ หญิงสาวจึงได้เห็นว่า มันคือผู้หญิงสวมชุดเจ้าสาวสั้นเหนือเข่า มันทั้งขาดรุ่งริ่งและสกปรก ผมเผ้ายุ่งเหยิงเหมือนรังนก แขนทั้งสองข้างตกอยู่ข้างลำตัว ในขณะที่พยายามเดินลากขามุ่งตรงไปข้างหน้า ปากก็พึมพำอะไรบางอย่าง

          มือที่กำโทรศัพท์เริ่มมีเหงื่อซึม หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ขนลุกซู่เมื่อเห็นสิ่งตรงหน้า คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวจนมันตีกันมั่วไปหมด

         [ฮัลโหล ข้าวเจ้า ยังอยู่มั้ย]

         "ฮะ...ย...อยู่ๆๆ"

          เสียงปลายสายสามารถดึงสติของข้าวเจ้ากลับมาได้ เมื่อเธอเปล่งเสียงพูด เธอจึงเพิ่งได้รู้ว่า เสียงของเธอตอนนี้ทั้งแหบและแห้งราวกับคนขาดน้ำมาหลายวัน

          "ลักษมณ์ ข้าวเจออะไรก็ไม่รู้"

          ข้าวเจ้าตัดสินใจเดินตามผู้หญิงคนนั้นไปเงียบๆ

          [เจออะไร] เสียงบ่งบอกถึงความฉงน

          "ข้าวก็ไม่รู้...รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงใส่ชุดเจ้าสาว แถมยังเดินแปลกๆด้วย"

          [หืม? เจ้าสาวที่ไหนจะมาเดินค่ำๆมืดๆแบบนี้]

           ข้าวเจ้าสามารถจินตนาการใบหน้าของคู่สนทนาได้เลยว่าตอนนี้เขากำลังทำหน้ายังไง

          "นั่นสิ ข้าวว่าข้าวเริ่มกลัวแล้วอะ"

          [แล้วตอนนี้ข้าวกำลังทำอะไรอยู่]

          "ข้าวกำลังเดินตามมันอยู่"

          [กลัวแล้วจะเดินตามทำไมเนี่ย เอางี้ เดี๋ยวข้าววางสายก่อนนะ แล้วเดี๋ยวลักษมณ์จะโทร.วิดีโอคอลไป แล้วข้าวก็ช่วยเปิดกล้องหลังด้วยนะ ลักษมณ์จะดูว่ามันคือตัวอะไร]

          ปลายสายหมายถึงการโทร.คุยกันทางไลน์ ซึ่งเป็นการโทร.ที่สามารถเห็นหน้าของคู่สนทนาได้

         "โอเค"

          ข้าวเจ้าพยักหน้า แล้วหยุดเดินพร้อมกับกดวางสายและเปิดระบบสั่นรออีกคนโทร.มา จนกระทั่งโทรศัพท์มือถือสั่นอีกครั้ง ข้าวเจ้ารีบกดรับแล้วเปิดกล้องหลังทันที

          [ข้าว มันมืดอะ มองไม่เห็น]

          ข้าวเจ้ากดลดเสียงโทรศัพท์ลงอย่างรวดเร็ว เมื่อนึกได้ว่า การโทร.วิดีโอคอล เสียงจะดังกว่าปกติเหมือนกำลังเปิดลำโพงโทรศัพท์

          ...

          และด้วยเสียงแปลกๆเมื่อสักครู่ ทำให้บางสิ่งในชุดเจ้าสาวชะงักกึก ทำให้ข้าวเจ้าต้องหยุดนิ่งตามไปด้วย ไม่มีเสียงพึมพำออกมาจากปากของมัน ราวกับมันกำลังตั้งใจเงี่ยหูฟังเสียงประหลาดเมื่อครู่ ข้าวเจ้าตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจ

          [ข้าว...]

          อีกครั้งที่ปลายสายสามารถเรียกสติของเธอกลับมาได้

          ข้าวเจ้าไม่ตอบอะไร แต่รีบเอาโทรศัพท์มาเปิดโหมดกลางคืนแล้วส่องไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

          "พอจะมองเห็นไหมลักษมณ์"

          [ก็...เห็นนะ ว่าแต่...ไหนเจ้าสาวที่ข้าวว่าหละ]

          "อ้าว"

          ข้าวเจ้าลองมองตรงทางข้างหน้าผ่านเลนส์กล้องก็ไม่พบบุคคลใดๆจริงๆ เธอลองชะโงกหน้าไปมองตรงทางด้วยตาเปล่า ก็พบเพียงความมืดและความเงียบเท่านั้น

          "ข้าว...ข้าวเห็นจริงๆนะลักษมณ์ เมื่อกี้มีผู้หญิงเดินอยู่ข้างหน้าข้าวจริงๆ"

          ข้าวเจ้าเริ่มตื่นตระหนกระคนตกใจ เธอหันมองรอบๆตวอย่างคนหวาดระแวง

           [ไม่ใช่ลักษมณ์ไม่เชื่อข้าวนะ แต่ตอนนี้ลักษมณ์แค่กำลังสงสัยว่า ผู้หญิงคนนั้นอยู่ไหน?]

          ข้าวเจ้าหยุดนิ่งแล้วคิดตาม

          "หรือว่า...มันจะไม่อยู่แถวนี้แล้ว" ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่ในใจก็ยังรู้สึกถึงความอันตรายอยู่

          [อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ งั้นข้าวก็รีบๆกลับบ้านเถอะ แล้วก็ไม่ต้องวางสาย เปิดกล้องไว้แบบนี้แหละ]

          "อ..."

          ข้าวเจ้าเพียงแค่จะพูดคำว่า " อืม" แต่ก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอเมื่อเธอยินเสียงแปลกๆดังขึ้นอีกครั้ง มันเป็นเสียงเหมือนคนพึมพำอะไรบางอย่าง และอยู่ใกล้มากจนข้าวเจ้ารู้สึกกลัว

          และข้าวเจ้าก็รู้สึกจั๊กจี้แปลกๆที่ข้อเท้า นอกจากเสียงพึมพำนั้นข้าวเจ้ายังได้ยินเสียงคนหายใจฟืดฟาดอีกด้วย

          [ข้าวเจ้า...ยังอยู่มั้ย]

          ข้าวเจ้านิ่งเงียบ เม้มปากแน่นอย่างอึดอัดรวบรวมความกล้าก้มลงมองที่เท้าตัวเองด้วยตาเปล่า

          ผู้หญิงในชุดเจ้าสาวขาดรุ่งนิ่งคนนั้น เงยหน้าขึ้นมองสบตาข้าวเจ้าผ่านเส้นผมสีดำชี้ฟู ดวงตาสีแดงก่ำที่เห็นแต่เส้นเลือดและไร้แววของสิ่งมีชีวิตถลึงตามองข้าวเจ้าอย่างเกรี้ยวกราด ในขณะที่มันอยู่ในท่าคลานลำตัวแนบติดกับพื้น มีเพียงแขนสองข้างที่ยกลำตัวบนขึ้น

          ปากของมันเริ่มขยับอีกครั้ง และลมหายใจของมันก็เริ่มแรงขึ้นๆ ทั้งที่ตอนนี้มันไม่น่าจะหายใจได้แล้ว

          ข้าวเจ้าเบิกตากว้าง แทบไม่มีแรงกรีดร้อง น้ำตาจากความกลัวไหลทะลักลงมา ลมหายใจติดขัดจนปลายสายสังเกตได้

          [ข้าว...ข้าวเป็นอะไร]

          "ข้าว...ข้าวเจอแล้ว...ม...มันอยู่ท...ที่เท้า มันยังอยู่..."

          ข้าวเจ้าละล่ำละลักพูดปนสะอื้น มือที่ถือโทรศัพท์หยิกเกร็ง

เธออยู่ใกล้กับหญิงสาวในชุดเจ้าสาวมากเกินไปจนได้ยินเสียงพึมพำของมัน

          "ตาย...ตาย...ตาย..."

          มันพึมพำซ้ำไปซ้ำมา เสียงของมันแหบต่ำชวนขนลุก เหมือนคนมีเสมหะติดอยู่ในคอ

          [ข้าว ข้าวตั้งสตินะ ตอนนี้ข้าวรีบหนีออกมาจากตอนนั้นก่อนเลย]

          ข้าวเจ้าพยักหน้าแรงๆแล้วหันหลังเตรียมวิ่งหนี

          "กรี๊ดดดดด!"

          แต่เธอก็ถูกดึงขาล้มลงจากมือขาวซีดเย็นเฉียบของหญิงสาวในชุดเจ้าสาว มันรีบหมุนตัวหันหัวไปอีกทางอย่างรวดเร็วในท่าคลาน แต่มือขวาของมันยังจับขาของเธออยู่ในลักษณะบิดเบี้ยว แขนขวาของมันหักพับมาด้าน หลังอย่างผิดธรรมชาติจนได้ยินเสียงกระดูกหักดัง "กร๊อบ!" และมันก็เริ่มลากขาเธอไปตามพื้นถนนตะปุ่มตะป่ำนี้

          "ช่วยด้วยยย กรี๊ดดดดด!"

          ข้าวเจ้าส่งเสียงกรีดร้อง มือกำโทรศัพท์แน่น ส่วนอีกมือนึงก็พยายามตะเกียกตะกายหาที่จับ

          [ข้าว! ข้าวเป็นอะไร]

          "ลักษมณ์!! ลักษมณ์ช่วยข้าวด้วย"

          เสียงแฟนหนุ่มทำให้ข้าวเจ้าดีใจ พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไกลก็ตาม

          [ข้าวอย่างเพิ่งวางสายนะ ลักษมณ์จะไปหาเดี๋ยวนี้]

          ข้าวเจ้าพยายามจะตอบ แต่ใบหน้าที่ครูดไปกับพื้นลาดยางตะปุ่มตะป่ำ ไอร้อนที่พื้นถนนคายออกมาในยามกลางคืน ทำให้ใบหน้าของข้าวเจ้าแสบร้อนไปหมด และเริ่มจะมีแผลปอกเปิก ในขณะที่ผีตัวนั้นยังคงลากเธอไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย ปากของมันเริ่มขยับพึมพำดังขึ้นกว่าเดิมจนได้ยินชัด

          "ตาย! ตาย! ตาย!"

          เคร้ง!

          โทรศัพท์หลุดมือข้าวเจ้าไปโดยไม่ตั้งใจ

          "กรี๊ดดด! ไม่นะ ไม่ ช่วยด้วย ลักษมณ์!"

          ข้าวเจ้าพยายามตะเกียกตะกายถีบขาของตัวเองเพื่อไปหาโทรศัพท์ ส่งผลให้ผีร้ายตัวนั้นออกแรงบีบขาขาวเนียนแน่นขึ้น จนน้ำหนองที่ฝ่ามือของมันเริ่มเปียกขาของเธอ

          และเธอก็ไม่สามารถสู้แรงมันได้

          ไม่มีสิ่งใดให้ยึดจับ

           มือที่พยายามเกาะพื้นถนนในขณะที่ตัวเองกำลังโดนลาก ทำให้เล็บเรียวสวยฉีกออกจนเลือดไหลซิบ และข้าวเจ้าก็ค่อยๆห่างจากโทรศัพท์ของตัวเองไปเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...

          [ฮัลโหล ข้าวเจ้า ได้ยินมั้ย?? ข้าวเจ้า!!"

          ไม่มีเสียงตอบรับ...

 

 

 

 

          23.03 น.

          บริเวณเดิมที่เคยมีเสียงกรีดร้อง บัดนี้กลับถูกปกคลุมด้วยความเงียบ...

          อากาศยามดึกเริ่มเย็นลง ไฟข้างถนนยังคงทำหน้าที่ของมัน...

          มีเพยงโทรศัพท์เครื่องหนึ่ง ที่กำลังสั่นอยู่ตลอดเวลาราวกับมีคนโทร.เข้า

          แต่มันกลับไม่มีคนรับ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา