Biter Fighter : ฝ่าวิกฤต ปรสิตนักกัด
เขียนโดย mimmo
วันที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.02 น.
แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 00.21 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) จุดเริ่มต้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1 เม.ย. 58
วันแรกของเดือนเมษายนกับอากาศที่ร้อนมากขึ้นกว่าทุกปี อัศวินนั่งดูรายการข่าวภาคเที่ยงในห้องขนาด 24 ตารางเมตรในซอยวิภาวดี 3 นักข่าวรายงานถึงโรคระบาดที่เกิดขึ้นโดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ยังไม่เคยมีนักวิทยาศาสตร์คนใดเคยพบมาก่อน ตอนนี้คร่าชีวิตผู้คนในแถบทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ไปแล้วกว่า 7 แสนคน ชายหนุ่มลุกขึ้นจากโซฟาหน้าทีวีไปชงกาแฟ 1 แก้วแล้วกลับมานั่งเพ่งไปที่หน้าจอต่อ ผู้สื่อข่าวนำเทปบันทึกภาพที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวต่างประเทศฉายขึ้นที่หน้าจอ เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า อัศวินรู้สึกจุกแน่นขึ้นมาทันที ความกังวลเริ่มก่อตัวขึ้นภายในจิตใจของเขา ในจอโทรทัศน์กำลังฉายภาพการเกิดจราจลจากผู้คนที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ ผู้คนที่ดูหิวกระหายเลือด ผู้คนที่กำลังฉีกทึ้งเนื้อหนังของคนข้าง ๆ เดินวิ่งสะเปะสะปะ พร้อมกับอ้าปากค้างขยับกรามกรับ ๆ อยู่ตลอดเวลา ทุกคนมีสภาพผิวหนังเหี่ยวซีด บางคนก็มีผิวหนังหลุดลอก เผยให้เห็นผิวหนังชั้นใน ... ไม่สิบางทีชายหนุ่มคิดว่าเขาเห็นเนื้อสด ๆ มัดกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่กระดูกแขนโผล่ออกมาเลยด้วยซ้ำ ผู้สื่อข่าวตัดภาพมาที่ประธานธิบดีบารัค โอบาม่า ซึ่งเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา กำลังแถลงการณ์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่นี้ โดยโอบาม่าได้แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย และยังอ้างถึงความรับผิดชอบของหน่วยงานต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคระบาด รวมถึงตักเตือนให้ประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมกับสหรัฐอเมริกาในการตั้งองค์กรระหว่างประเทศเพื่อป้องกันโรคระบาด หาแนวทางการรักษา เพื่อกำจัดเชื้อโรคร้ายให้หมดสิ้นไป
อัศวินจิบกาแฟไปสองสามอึก เขากดรีโมทเพื่อปิดทีวีทันทีที่ตัดภาพไปข่าวอื่น ชายหนุ่มนิ่วหน้าพลางครุ่นคิด เขามั่นใจเหลือเกินว่าสิ่งที่เขาคิดต้องไม่ผิดอย่างแน่นอน แต่ทว่ามันเกิดขึ้นจริงบนโลกมนุษย์ได้อย่างไร เขาแทบไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เขาลองจิบกาแฟอีกสองอึก พลางหยิกที่ท้องแขนตัวเองอีกสองที . . . ใช่กาแฟก็ยังมีรสชาติเหมือนเดิม แถมแขนที่โดนหยิกก็เจ็บจริงเสียด้วย เขาเคยเห็นภาพผู้คนบ้าคลั่งแบบในรายงานข่าวเมื่อสักครู่มาเป็นร้อย ๆ ครั้งแล้ว แต่หากว่ามันเป็นภาพที่เห็นจากภาพยนตร์แนวซอมบี้เป็นร้อย ๆ เรื่องที่เขาสะสมไว้ต่างหาก เขานี่แหละแฟนพันธุ์แท้หนังซอมบี้ตัวจริง เขาชื่นชอบการค้นหาคำตอบว่าซอมบี้เกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ และวิธีการฆ่าซอมบี้นั้นต้องยิงที่หัวจริงหรือเปล่า และเหนืออื่นใด เขายังชอบเล่นเกมแนวเอาชีวิตรอดจากเหล่าซอมบี้กระหายเลือดอีกต่างหาก ชายหนุ่มไม่ปล่อยให้ตนเองจมอยู่ในห้วงความคิดนานเกินไป เขารีบลุกตรงดิ่งไปที่อ่างล้างหน้า เขาเปิดน้ำแรงและวักน้ำมาล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็วสามสี่ที เช็ดหน้าเช็ดมือกับผ้าเช็ดตัวที่แขวนไว้แล้ว เขาก็เดินเร็วกึ่งวิ่งเหยาะ ๆ มาหยิบโทรศัพท์มือถือทันที เขากดโทรไปที่รายชื่อที่เขาบันทึกไว้ว่า "mom" จากประวัติการโทรแล้วน้อยครั้งนักที่เขาจะเป็นฝ่ายโทรไปหาก่อน แต่ครั้งนี้ชายหนุ่มมิอาจเฝ้ารอให้หญิงวัยกลางคนผู้ซึ่งเป็นแม่ของเขาโทรมาก่อนแต่อย่างใด
"ฮัลโหลแม่ . . . นี่วินเองนะ แม่ได้ดูข่าวช่อง 3 เมื่อกี้หรือเปล่า" ชายหนุ่มรีบเร่งยิงคำถามโดยไม่ทันได้พูดเกริ่นนำ หรือแม้แต่ถามสารทุกข์สุขดิบแต่อย่างใด
"อ้าว ... วิน โทรมาเรื่องนี้เนี่ยนะลูก แม่ดูแล้วหล่ะ มันก็แปลกดีนะ" แม่ของอัศวินตอบมาที่ปลายสาย
"แม่ ... ถึงมันจะดูแปลก ๆ ไปหน่อยก็เหอะ แต่ยังไงๆแม่ก็ระวังไว้หน่อยแล้วกันนะ ไม่รู้มันเชื้อโรคเหมือนอีโบล่าหรือเปล่า ถ้ามีอะไรผิดปรกติแม่รีบโทรมาหาวินเลยนะ" ชายหนุ่มถอนหายใจหลังจากได้พูดถึงสิ่งที่เขากังวลใจให้ปลายสายฟังจนจบ
"โอเค แม่รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก บ้านเราไม่ได้อยู่เมืองใหญ่ แถมไกลอเมริกาอีกต่างหาก" แม่ของเขาตอบน้ำเสียงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไรอย่างที่ชายหนุ่มหวั่นวิตกไปก่อนเลยสักนิดเดียว
"เอาน่า...ไง ๆ ก็ระวังไว้ก่อนแล้วกันแม่ คราวนี้วินมีประชุมอีกสองวัน เดี๋ยวจะกลับบ้านวันศุกร์ค่ำ ๆ เลยแล้วกัน แค่นี้ก่อนนะแม่ จะออกไปออฟฟิศแล้ว" ชายหนุ่มวางสาย แล้วถอนหายใจเบา ๆ
หลังจากวางสายแล้วชายหนุ่มก็ลุกขึ้นไปหยิบเสื้อสูทลำลองสีกากีสวมทับเสื้อยืดสีขาว และสวมกางเกงยีนส์สีเข้มทับกางเกงบ็อกเซอร์ที่เขาใส่แทนกางเกงชั้นใน หันไปเช็คความเรียบร้อยผ่านกระจกที่โต๊ะเครื่องแป้ง แล้วรีบคว้ากระเป๋าหนังสีดำใบย่อมกับกุญแจห้องออกไปทันที
ณ ห้องประชุมกระรัตทรัพย์เก้าอี้ว่างค่อยๆทอยถูกเติมเต็มด้วยบรรดาสมาชิกของธุรกิจเครือข่ายโกลด์ฟิตเนส ครั้งหนึ่งอัศวินก็เคยนั่งตรงที่ว่างเหล่านั้นมาก่อน แต่มาวันนี้เขาได้เลื่อนขั้นแล้ว หลังจากที่ชายหนุ่มเข้าสู่ธุรกิจเครือข่ายตั้งแต่เรียนจบชั้นมหาวิทยาลัย เขาก็ประสบความสำเร็จมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นทีมสุดแกร่งของเขา โค้ชพี่เลี้ยงที่คอยเชียร์คอยหนุนให้ตลอด และยังด้วยความอึด ความมุมานะขั้นเทพของเขาก็ทำให้ผู้ชายวัย 25 ปีนามว่า "อัศวิน" ได้ขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีอันทรงเกียรติพร้อมด้วยตำแหน่งสมาชิกระดับ Super Gold member ในวันนี้ เหลือเพียงอีก 3 ขั้นเท่านั้นเขาก็จะขึ้นไปยืน ณ ระดับสมาชิกสูงสุดของธุรกิจ ความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็วระดับนี้ยังไม่เคยมีใครพิชิตได้ในองค์กรของเขา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นอัศวินมักจะยกประโยชน์ให้แก่โค้ชพี่เลี้ยงผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมของเขา และครอบครัวที่ให้ความเข้าใจตลอดไม่เคยรังเกียจเดียดฉันท์ว่าเขาทำธุรกิจเครือข่ายซึ่งมักจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปต่อต้านและมองด้านลบอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ทำไมทั้ง ๆ ที่เขาควรจะรู้สึกภาคภูมิใจที่จะได้ขึ้นมารับเหรียญรางวัลและเข็มกลัดทองคำที่สลักชื่อบริษัทกับระดับสมาชิกขั้นซุปเปอร์โกลด์เมมเบอร์ของเขา ในวินาทีนี้เขากลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเขาเองมักเฝ้ามองตัวเองในจินตนาการเสมอ ๆ ว่าเขากำลังไต่ขึ้นบันไดแห่งความฝันไปทีละขั้น ๆ เพื่อไปยืนอยู่ตรงจุดสูงสุดของบันไดนั้น ขณะที่เขารับมอบเหรียญรางวัลจากประธานบริษัทเขาค่อนข้างเหม่อลอยจนลืมมองกล้องนับสิบตัวที่กำลังยิงแสงแฟลชรัว ๆ กระหน่ำถ่ายภาพของเขาเพื่อนำไปทำสื่อโปรโมตให้กับลูกข่ายได้เห็นถึงความสำเร็จของจริง และได้รับแรงบันดาลใจ กระทั่งพิธีกรบนเวทีซึ่งเป็นเพื่อนร่วมทีมของเขาเองแอบกระทุ้งที่สีข้างแล้วกระซิบให้ชายหนุ่มยิ้มให้กับกล้องเหล่านั้น อัศวินได้สติกลับคืนมาก็รีบหันไปยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พลางชูเหรียญทำท่าทางต่าง ๆ ให้บรรดาตากล้องได้จับภาพ หลังจากรับรางวัลเสร็จแล้วเขาไม่รอฟังประธานบริษัทกล่าวสุนทรพจน์ ไม่ได้รอฟังเรื่องราวความสำเร็จของคนอื่น ๆ อย่างชื่นชมและยินดีเหมือนกับทุกครั้ง ๆ รวมถึงไม่รอเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จของสมาชิกที่ได้เลื่อนขั้นทั้งหมดในค่ำคืนนี้ เขารีบตรงดิ่งกลับคอนโดของเขาเพื่อที่จะได้กลับไปเคลียร์สิ่งต่าง ๆ ที่ยังค้างคาอยู่ในภวังค์ความคิดของเขา
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ