Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย
เขียนโดย Kreota
วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.
แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย
27) บ้านพร้อมหนี้สิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
-27-
บ้านพร้อมหนี้สิน
ฉันกลับมาที่บ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตฉันเหมือนกำลังมีแสงสว่างรำไรอยู่ที่ปลายอุโมงค์แล้วเชียว ถ้าไม่ถูกขัดขวางด้วยคำว่า แต่ ซะก่อน...
“เฮ้ย!!” ฉันอุทานเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วพบสภาพร้านขายของเปลี่ยนไป!
ข้าวของหน้าร้านพังยับเยิน ชั้นวางของล้มระเนระนาด ของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นจนไม่มีที่ที่จะเดินเข้าไป ฉันใช้เท้าเขี่ยของที่ขวางทางออกแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในร้านอย่างระมัดระวัง ทีแรกฉันนึกว่ามีโจรขึ้นบ้านตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ แต่พอเดินเข้าไปก็เจอแม่นั่งจ้องหน้าพ่อบนโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ในห้องครัวหลังร้าน
“เกิดอะไรขึ้นคะ! ทำไมร้านเป็นแบบนี้” ฉันรีบปรี่เข้าไปถาม แต่กลับไม่มีใครละสายตาจากใครก่อนเลย
“ว่าไงคะ! ทำไมเงียบกันหมด...” ฉันถามย้ำอีกครั้ง รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ฉันกลัวขึ้นมาแม้ยังไม่ได้ฟังข่าว
“พ่อแกสร้างเรื่องอีกแล้วน่ะสิ!!!” แม่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะพูดได้จบประโยคดี
“เรื่องอะไรอีกคะ”
“มันเอาบ้าน เอาร้านไปจำนองกับพวกมาเฟีย!! ยืมเงินเขามา 22 ล้านยังไม่พอ ทำไมต้องเอาที่ซุกหัวนอนไปจำนองเขา!” ประโยคสุดท้ายแม่ตะโกนใส่หน้าพ่อซึ่งนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะอย่างเดือดดาล พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้อขึ้น
“พ่อเอาบ้านไปจำนองกับคุณปริญญ์ด้วยหรอ” ฉันหันไปถามพ่อ ถ้าใช่จริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมาพังร้านเราแบบนี้ด้วย หรือว่าเพราะเรื่องที่พี่โบลิ่งไปใช้หนี้เมื่อวาน?
“เปล่า...ไม่ใช่คุณปริญญ์” พ่อตอบสั้นๆ ฉันใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของโอเชี่ยนคอป. แต่ความหนักอึ้งก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงความโหดร้ายของแก๊งมาเฟียอีกแก๊งที่พ่อเอาบ้านไปจำนอง ลักษณะการทวงหนี้แตกต่างจากคุณปริญญ์อย่างสิ้นเชิง!
“แล้วพ่อไปจำนองไว้กับใคร”
“เฟรกัสกรุ๊ป.” ประโยคนี้แม่เป็นคนตอบแทน แค่ชื่อบริษัทก็ทำให้ฉันขนลุก บริษัทนี้เป็นบริษัทขนส่งทางทะเลยักษ์ใหญ่และเป็นที่รู้จักพอๆ กับโอเชี่ยนคอปเปอร์เรชั่นเลยทีเดียว แต่ที่น่าขนลุกนั่นก็เพราะว่าบริษัทนี้มีผู้มีอิทธิพลมากมายคอยหนุนหลัง
“พ่อไปจำนองเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เงิน 22 ล้านยังไม่พอหรอคะ พ่อเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น”
“พ่อเอาไปจำนองพร้อมๆ กับยืมเงินคุณปริญญ์นั่นแหละ แต่ที่พ่อมั่นใจว่าพวกเฟรกัสจะทำอะไรเราไม่ได้เพราะคนของคุณปริญญ์คุ้มครองเราอยู่ก็เลยกล้าเอาไปจำนอง”
“หมายความว่าไงคะ”
“ก็ยืมเงินเขามาเยอะ เขากลัวว่าถ้าพวกเราเป็นอะไรไปจะกลายเป็นหนี้ศูนย์ คุณปริญญ์ก็เลยต้องส่งคนมาคอยสอดส่องอยู่ห่างๆ แต่พอเราใช้หนี้คุณปริญญ์ไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มาคุ้มครองเราอีก...”
“มีแบบนี้ด้วยหรอคะ”
“ก็เพราะพวกแกนั่นแหละ! เรื่องถึงเป็นแบบนี้!!!” จู่ๆ พ่อก็โพลงออกมาจนฉันสะดุ้ง พ่อดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วชี้นิ้วมาที่ฉัน
“ถ้าพวกแกไม่สะเออะไปใช้หนี้คุณปริญญ์ก่อน พวกนี้ไม่มีทางทำอะไรเราได้แน่ ฉันวางแผนไว้ดีแล้วว่าจะใช้หนี้พวกเฟรกัสก่อน แต่พวกแกก็ทำเสียเรื่องหมด!!!”
“นี่คุณ! พูดแบบนี้กับลูกได้ยังไง มันเป็นความผิดของคุณแท้ๆ ไม่สำนึกขึ้นมาบ้างเลยรึไง!!!” แม่เข้ามายืนคั่นกลางระหว่างฉันกับพ่อ
“พ่อเลิกโทษคนนั้นคนนี้สักทีได้ไหมคะ เรื่องที่พ่อไปกู้เงินนอกระบบเพื่อมาลงทุนธุรกิจกับเพื่อนมันก็เป็นการตัดสินใจของพ่อเอง แล้วที่พ่อไม่ยอมบอกว่าเป็นหนี้ที่ไหนบ้างนั่นมันก็ความผิดของพ่อ ถ้าพ่อบอกกับพวกเราสักนิด...พวกเราคงจะวางแผนอะไรๆ ได้ดีกว่านี้...แต่นี่อะไร พวกหนูอุตส่าห์อยากจะช่วยแท้ๆ ยังจะมาว่าอีก!”
“ฉันขอพวกแกหรอ!...ห๊ะ!! ฉันไม่ได้ขอให้พวกแกช่วยสักหน่อย!!...”
“พ่อ!!!” ฉันตะโกนสุดเสียงจนทั้งบ้านเงียบไปพักหนึ่ง
“ถ้าเกิดเรื่องนี้ไม่ทำให้เราเดือดร้อนกันทั้งบ้านโบจะไม่ว่าอะไรเลยนะ! ถ้าเกิดโบไม่โดนตามรังควาน บ้านไม่โดนรื้อจนพังยับเยิน แล้วเรากำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน โบจะไม่เดือดร้อนแบบนี้เลย! แต่นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับพ่อคนเดียวไง มันเกี่ยวกับเราทุกๆ คน!!!” ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเองก่อนจะพูดต่อ
“เลิกอคติกับพี่โบลิ่งแล้วปรึกษากันจะดีกว่าว่าจะเอายังไง โชคดีที่หนี้ 22 ล้านเป็นของแก๊งของคุณปริญญ์ทำให้โบไม่ต้องทำอะไรมากแค่ไปเป็นเพื่อนลูกสาวเขา แต่สำหรับแก๊งนี้โบไม่มั่นใจว่าถ้าเราไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยเขาจะให้เราอะไร...ปรึกษาพี่โบลิ่งเถอะค่ะ”
“ไม่!! ฉันจะไม่มีทางร้องขอเศษเงินจากมันเด็ดขาด” พ่อปฏิเสธเสียงแข็งแต่แม่มีสายตาอ่อนลงเมื่อพูดถึงพี่โบลิ่ง
“แล้วเศษเงินที่พ่อว่า พ่อหามาเองได้ไหมล่ะ! เป็นเพราะเศษเงินพวกนั้นไม่ใช่หรอที่ทำให้เราตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้!!”
“โบอิ้ง!!!” พ่อตะโกนพร้อมกับเงื้อมือขึ้นสูง แต่แม่รีบเข้าไปจับข้อมือพ่อเอาไว้
“ฮึ! งั้นโบแค่ต้องรอดูอยู่เฉยๆ ใช่ไหมคะ รอจนกว่าพวกนั้นจะมาดักอุ้มเอาไปขัดดอกให้กับตาเสี่ยแก่ๆ จนกว่าพ่อจะหาเศษเงินหลายๆ ล้านไปใช้หนี้ให้...ถ้าพ่อคิดว่าการขอเงินลูกมาใช้หนี้มันเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีมากก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องแบกศักดิ์ศรีที่มากมายของพ่อไปขอพี่โบลิ่งหรอก ศักดิ์ศรีของพ่อมันสำคัญกว่าของโบอยู่แล้วนี่! อีกหน่อยถ้าเกิดโดนจับตัวไปจริงๆ โบก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว...” ฉันบอกแล้วเดินหนีขึ้นมาชั้นบน ฉันไม่ได้ยินเสียงใดๆ ดังมาจากชั้นล่างเลยเพราะหูอื้อมือชาไปหมด
ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมาดังๆ ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะฉันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บ...ที่เขาไม่สนใจความรู้สึกของฉัน เจ็บ...ที่เขาไม่ยอมทิ้งอคติของตัวเองมาปกป้องฉัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยแค่เปิดใจคุยกับพี่โบลิ่ง
หรือว่าพวกเขา...ไม่ได้รักฉันเหมือนพี่โบลิ่งแล้ว
งานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ถูกจัดขึ้นที่หอประชุม แสงสียามค่ำคืนของโรงเรียนวันนี้ดูแตกต่างไปจากเดิมมาก ทางเข้าถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟแสงสีดวงเล็กระยิบระยับต้อนรับพวกเรา ภายในหอประชุมมีทั้งดอกไม้ ซุ้มสำหรับถ่ายรูป โต๊ะอาหารที่เรียงรายนับร้อย และเวทีขนาดใหญ่ที่ถูกจัดไว้อย่างดีเพื่อให้เข้ากับงาน มันเป็นภาพที่น่าจดจำสำหรับศิษย์ที่กำลังจะจบอย่างฉันมากทีเดียว
ฉันสวมชุดเดรสยาวสีครีม มันเป็นชุดสายเดี่ยวที่ตกแต่งสายด้วยลายลูกไม้พองาม ดีนะเนี่ยที่พี่โบลิ่งเอาชุดไว้ให้ก่อนกลับไม่งั้นฉันไม่มีอะไรใส่มางานแน่ๆ มัวแต่ร้องไห้แล้วก็เศร้าเรื่องที่บ้าน วันก่อนฉันโทรไปหาพี่โบลิ่งว่าจะปรึกษาเรื่องหนี้ของพ่อ แต่พี่โบลิ่งไม่ว่างฉันเลยยังไม่มีโอกาสได้เล่าให้ฟัง ฉันคงไม่โดนจับไปขัดดอกก่อนจะเล่าให้พี่โบลิ่งฟังหรอกใช่ไหม Y_Y
ฉันมางานพร้อมกับโปรดและปาว เพราะว่าโปรดอยากมีเพื่อนเดินเข้างาน ตลอดทางฉันต้องทำเป็นคุยปกติเหมือนไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น การฝืนยิ้มนี่ต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
เพราะของขวัญที่พี่ทิวฝากมาให้น้องๆ ในสายรหัสทำให้ปาวกับโปรดต้องช่วยฉันถือของเข้ามาในงาน ที่จริงฉันก็เกรงใจเหมือนกันนะติดรถเขามายังไม่พอ ยังให้เขามาถือของช่วยอีก
“ขอบใจนะ” ฉันบอกปาวเมื่อเขาเดินมาส่งที่โต๊ะซึ่งมีเหมยกับอ๋องนั่งรออยู่แล้ว ส่วนโปรดขอแยกไปเตรียมตัวเพื่อแสดงเปิดงานปาวก็เลยต้องหอบของมาส่งฉันทั้งหมดด้วยตัวเอง
“นั่งด้วยกันสิปาว เขาให้นั่งคละห้องได้นะ” อ๋องบอก ปาวพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ ฉันพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ งาน
“หาท็อทกับฟานหรอ” เหมยถาม
“ใช่ พวกนั้นมารึยัง”
“มาแล้วนั่งโต๊ะข้างๆ นี่แหละ สงสัยลุกไปเข้าห้องน้ำมั้ง”
“อ๋อ” ปาวพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะขอตัวออกไปโทรศัพท์ข้างนอก
“เขาไม่ได้ให้นั่งเป็นสายรหัสแล้วหรอ” ฉันถามอ๋อง
“ใช่ ปีนี้เขาเปลี่ยนแล้ว”
“นี่คอลเลคชั่นใหม่เลยใช่ไหมเนี่ย >.<” เหมยทักชุดใหม่ที่ฉันใส่อยู่
“อืม เห็นพี่โบว่างั้น”
“แกใส่เบื่อแล้วฉันขอยืมใส่บ้างนะ”
“ได้สิ งานหน้าก็สลับกันใส่ไงจะได้ไม่ต้องซื้อ”
“โอเคเลย”
“แก วันนี้ปาวไม่ใส่แว่นหล่อเป็นบ้าเลยอ่ะ >///<” อ๋องสะกิดไหล่ฉันยิกๆ ด้วยความเขิน
“ช่วงนี้ปาวก็ไม่ค่อยใส่แว่นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ” เหมยพูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“ก็จริง แต่วันนี้หล่อเป็นพิเศษไงยะ”
“อ๋อ” เหมยพยักหน้ารับเบาๆ “ว่าแต่พวกแกเถอะ ตอนนี้เกี่ยวข้องกันยังไงไม่ทราบ แกไม่ได้รับจ้างเป็นเพื่อนยัยโปรดแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังตัวติดกับสองพี่น้องนี้อยู่เลย”
“ก็ฉันกับโปรดตกลงเป็นเพื่อนกันต่อไง”
“อ๋อ ปาวก็เลยตามน้องมาว่างั้นเถอะ” เหมยเลิกคิ้วสูง
“คงงั้นมั้ง”
“มีเลศนัยนะคู่นี้” อ๋องหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด
“นั่นสิ มีเกณฑ์สมหวังสูงเลยนะเนี่ย” เหมยก็เอากับเขาด้วย
ฉันโดนแซวจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยกซดน้ำอัดลมที่อยู่ตรงหน้าแก้เขิน ระหว่างนั้นเองก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาบอกว่าปาวให้ฉันไปหาที่โรงจอดรถ บอกว่าจะให้ฉันไปเอาของที่ลืมไว้ ฉันลองเช็คของขวัญที่ถือมาก็ครบไม่มีอะไรขาดเลย แล้วปาวจะให้ฉันไปเอาอะไร?
ถึงจะสงสัยยังไงฉันก็เดินมาที่โรงรถอยู่ดี ที่ได้มาคนเดียวเพราะยัยสองคนนั้นบอกว่าไม่อยากมาเป็นก้างขวางคอ ยัยพวกนี้คิดว่าฉันจะมาทำอะไร แค่มาเอาของแหละน่า U///U
พอฉันเดินมาถึงกลับเจอแมทธ์ยืนพิงรถของปาวอยู่ ฉันรู้สึกได้ถึงลางร้ายก็เลยตัดสินใจไม่เดินเข้าไปดีกว่า แต่พอหันหลังกลับก็เจอผู้ชายชุดดำ 3 คนยืนอยู่ข้างหลัง ฉันถูกต้อนเข้าไปหายัยแมทธ์ที่ยืนรออยู่อย่างสบายใจ
“คิดจะหนีหรอ...ไม่ง่ายหรอกนะโบอิ้ง” แมทธ์พูดก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันใกล้ๆ
“เธอมีอะไร” ฉันพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด แต่มันกลับสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“แค่อยากรู้ว่าเธอใช้มารยาเล่มไหนยัยโปรดถึงยอมเปิดปากบอกว่าเป็นน้องของปาว” แมทธ์เข้ามาบีบคางฉันไว้แน่น ฉันจะใช้มือปัดมันออกแต่ก็ถูกชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังล็อกแขนเอาไว้
“ฉันอุตส่าห์ปล่อยข่าวเพื่อกำจัดเธอแท้ๆ จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว แต่นังโปรดกลับทำเรื่องให้มันวุ่นวายกว่าเดิม!!”
“ทำไมต้องกำจัดฉันด้วย เรื่องที่ฉันยุ่งกับปาวหรอ”
“ใช่! ที่จริงทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว แต่มันเปลี่ยนไปเพราะเธอ!!!” ยัยแมทธ์ตะโกนใส่ฉันแล้วสะบัดหน้าฉันทิ้งแรงๆ พอฉันตั้งหลักได้และหันกลับไปหาแมทธ์ ก็ถูกฝ่ามือฟาดเข้ามาเต็มแก้มด้านซ้ายจนทำให้ใบหน้าหันไปตามแรงตบ
“ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าทายาทแก๊งมาเฟียผู้มีคุณธรรมจะทำยังไงถ้าคนสนิทต้องมาเจอเรื่องแบบนี้” ยัยแมทธ์ยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ คำว่า ‘แบบนี้’ ที่ยัยแมทธ์บอกมันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว
แควกกก!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!” ฉันร้องออกมาสุดเสียงเมื่อจู่ๆ ยัยแมทธ์ก็กระชากชุดราตรีท่อนบนของฉันจนขาดกระจุย เหลือเพียงเกาะอกสีเนื้อที่ฉันใส่อยู่ด้านในเท่านั้นที่ห่อหุ้มร่างอยู่ แต่ยังดีที่มันไม่ขาดไปทั้งชุด
“ขอให้สนุกกับค่ำคืนที่แสนเร้าใจนะจ้ะโบอิ้ง” ยัยแมทธ์กระชากผมฉันแรงๆ แล้วเหวี่ยงฉันล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะเดินออกไปจากโรงรถพร้อมชายชุดดำทั้ง 3 คน
ฉันพยายามดันตัวเองลุกขึ้นยืนหลังจากที่ยัยแมทธ์หายไปแล้ว แต่พอยืนขึ้นมาได้ก็เจอผู้ชายประมาณ 4 คนเดินดุ่มๆ เข้ามาในโรงรถ ฉันจำได้ว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันแต่จำไม่ได้ว่าอยู่ห้องไหน
“อ้าวโบอิ้ง มาทำอะไรแถวนี้คนเดียวหรอ” ผู้ชายคนหนึ่งทักทายฉันอย่างเป็นมิตร ฉันรีบยกเศษชุดราตรีของตัวเองขึ้นมาปกปิดร่างกายเอาไว้
“เปล่า ไม่ได้ทำอะไร” ฉันบอกแล้วเดินเลี่ยงไปด้านข้างเพื่อจะออกจากโรงรถ แต่ก็ถูกกระชากมานอนแผ่อยู่บนกระโปรงรถคันที่อยู่ใกล้ๆ อย่างแรง
“ปล่อยฉันนะ!!!” ฉันตะโกนลั่นพร้อมกับดิ้นไปมาแต่ก็ถูกล็อกแขนล็อกขาเอาไว้แน่น ซึ่งหนึ่งในสี่คนนั้นกำลังยกกล้องขึ้นมาถ่ายวีดีโอเอาไว้ด้วย
ไม่นะ!!!!
“พวกนายจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยค่ะ!!!”
“อย่าร้องให้เปลืองแรงเลย ยังไงก็ไม่มีใครได้ยินหรอกเสียงเพลงในงานออกจะดังขนาดนี้ เก็บแรงไว้รับมือกับพวกเราดีกว่าน่า ฮ่าๆๆๆ” พูดจบพวกมันก็พร้อมใจกันระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน แต่ฉันไม่สนุกด้วย!!
“ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะ ถ้าพวกนายยอมปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องพวกนายเลย”
“ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมพวกเราให้ยากเลยเรารับเงินมาแล้ว อีกอย่าง...ของแถมน่ารักขนาดนี้ใครจะไม่เอาบ้างล่ะ” พูดจบคนที่ล็อกแขนฉันอยู่ก็ขึ้นมาคร่อมร่างฉันเอาไว้แล้วเลิกกระโปรงฉันขึ้นสูง คนที่ทำหน้าที่ถ่ายคลิปก็เดินไปรอบๆ เพื่อไม่ให้พลาดสักมุม
“เป็นเด็กดีนะหนูน้อย เจ็บนิดเดียวเอง” ไอ้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนบอกพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ รอยยิ้มหยาดเยิ้มที่มันส่งมาทำเอาฉันแทบจะอ้วกออกมา
ใครก็ได้!...ตามมาช่วยฉันที!! ได้โปรด!!
ฉันร้องไห้ออกมาเสียงดังมากขึ้นเมื่อมันพยายามก้มลงมาจูบฉัน ฉันพยายามเบี่ยงหน้าไปมาจนมันล้มเลิกความตั้งใจเปลี่ยนมาซุกไซร้ซอกคอฉันแทน!
“ไม่นะ!! ปล่อยฉัน!!!! ไอ้เลว!!! ปล่อยยย!!!” ฉันตะโกนทั้งน้ำตาพร้อมกับสบถด่าด้วยความคับแค้นใจ แต่พวกมันกลับหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิมเหมือนสิ่งที่ฉันพูดมันเป็นเพียงเรื่องตลก
“ไอ้ชาติชั่ว!!!” เสียงทุ้มๆ ดังก้องกังวานไปทั้งโรงรถ ฉันรีบหันไปมองก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา ถึงม่านน้ำตาจะบดบังจนมองแทบไม่เห็น แต่ฉันก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือปาว...
ทุกอย่างเหมือนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนที่ความโกลาหลจะเริ่มต้นขึ้น คนที่กำลังคร่อมตัวฉันอยู่ถูกปาวกระโดดถีบที่หน้าจนล้มลงไปกองกับพื้นแล้วสลบไปในทันที
*****************************************************
อัพแล้วนะจ้ะ
หนุ่มแว่นหมัดสลบกลับมาแล้วววววว
แต่คราวนี้คงเรียกหมัดสลบไม่ได้
คงต้องเรียกว่านักเตะฟรีคิกถึงจะถูก 5555+
พอมาถึงกลางๆ เรื่อง เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มขึ้น
หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ
ฝากติดตามด้วยจ้า
***************************************************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ