Bother Guy! ปฏิบัติการตื๊ออันตรายคุณชายมาเฟีย

9.1

เขียนโดย Kreota

วันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 22.22 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  29.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 22.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

27) บ้านพร้อมหนี้สิน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

-27-

บ้านพร้อมหนี้สิน

 

 

            ฉันกลับมาที่บ้านด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ชีวิตฉันเหมือนกำลังมีแสงสว่างรำไรอยู่ที่ปลายอุโมงค์แล้วเชียว ถ้าไม่ถูกขัดขวางด้วยคำว่า แต่ ซะก่อน...

            “เฮ้ย!!”  ฉันอุทานเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วพบสภาพร้านขายของเปลี่ยนไป!

            ข้าวของหน้าร้านพังยับเยิน ชั้นวางของล้มระเนระนาด ของกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นจนไม่มีที่ที่จะเดินเข้าไป ฉันใช้เท้าเขี่ยของที่ขวางทางออกแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในร้านอย่างระมัดระวัง ทีแรกฉันนึกว่ามีโจรขึ้นบ้านตอนที่พ่อแม่ไม่อยู่ แต่พอเดินเข้าไปก็เจอแม่นั่งจ้องหน้าพ่อบนโต๊ะอาหารซึ่งอยู่ในห้องครัวหลังร้าน

            “เกิดอะไรขึ้นคะ! ทำไมร้านเป็นแบบนี้”  ฉันรีบปรี่เข้าไปถาม แต่กลับไม่มีใครละสายตาจากใครก่อนเลย

            “ว่าไงคะ! ทำไมเงียบกันหมด...”  ฉันถามย้ำอีกครั้ง รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ฉันกลัวขึ้นมาแม้ยังไม่ได้ฟังข่าว

            “พ่อแกสร้างเรื่องอีกแล้วน่ะสิ!!!”  แม่พูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะพูดได้จบประโยคดี

            “เรื่องอะไรอีกคะ”

            “มันเอาบ้าน เอาร้านไปจำนองกับพวกมาเฟีย!! ยืมเงินเขามา 22 ล้านยังไม่พอ ทำไมต้องเอาที่ซุกหัวนอนไปจำนองเขา!”  ประโยคสุดท้ายแม่ตะโกนใส่หน้าพ่อซึ่งนั่งอยู่อีกฟากของโต๊ะอย่างเดือดดาล พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มรื้อขึ้น

            “พ่อเอาบ้านไปจำนองกับคุณปริญญ์ด้วยหรอ”  ฉันหันไปถามพ่อ ถ้าใช่จริงๆ ทำไมเขาถึงต้องมาพังร้านเราแบบนี้ด้วย หรือว่าเพราะเรื่องที่พี่โบลิ่งไปใช้หนี้เมื่อวาน?

            “เปล่า...ไม่ใช่คุณปริญญ์”  พ่อตอบสั้นๆ ฉันใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยที่รู้ว่าไม่ใช่ฝีมือของโอเชี่ยนคอป. แต่ความหนักอึ้งก็เข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงความโหดร้ายของแก๊งมาเฟียอีกแก๊งที่พ่อเอาบ้านไปจำนอง ลักษณะการทวงหนี้แตกต่างจากคุณปริญญ์อย่างสิ้นเชิง!

            “แล้วพ่อไปจำนองไว้กับใคร”

            “เฟรกัสกรุ๊ป.”  ประโยคนี้แม่เป็นคนตอบแทน แค่ชื่อบริษัทก็ทำให้ฉันขนลุก บริษัทนี้เป็นบริษัทขนส่งทางทะเลยักษ์ใหญ่และเป็นที่รู้จักพอๆ กับโอเชี่ยนคอปเปอร์เรชั่นเลยทีเดียว แต่ที่น่าขนลุกนั่นก็เพราะว่าบริษัทนี้มีผู้มีอิทธิพลมากมายคอยหนุนหลัง

            “พ่อไปจำนองเขาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เงิน 22 ล้านยังไม่พอหรอคะ พ่อเอาเงินไปทำอะไรมากมายขนาดนั้น” 

            “พ่อเอาไปจำนองพร้อมๆ กับยืมเงินคุณปริญญ์นั่นแหละ แต่ที่พ่อมั่นใจว่าพวกเฟรกัสจะทำอะไรเราไม่ได้เพราะคนของคุณปริญญ์คุ้มครองเราอยู่ก็เลยกล้าเอาไปจำนอง”

            “หมายความว่าไงคะ”

            “ก็ยืมเงินเขามาเยอะ เขากลัวว่าถ้าพวกเราเป็นอะไรไปจะกลายเป็นหนี้ศูนย์ คุณปริญญ์ก็เลยต้องส่งคนมาคอยสอดส่องอยู่ห่างๆ แต่พอเราใช้หนี้คุณปริญญ์ไปแล้ว พวกเขาก็ไม่มาคุ้มครองเราอีก...”

            “มีแบบนี้ด้วยหรอคะ” 

            “ก็เพราะพวกแกนั่นแหละ! เรื่องถึงเป็นแบบนี้!!!”  จู่ๆ พ่อก็โพลงออกมาจนฉันสะดุ้ง พ่อดันตัวลุกขึ้นยืนแล้วชี้นิ้วมาที่ฉัน

            “ถ้าพวกแกไม่สะเออะไปใช้หนี้คุณปริญญ์ก่อน พวกนี้ไม่มีทางทำอะไรเราได้แน่ ฉันวางแผนไว้ดีแล้วว่าจะใช้หนี้พวกเฟรกัสก่อน แต่พวกแกก็ทำเสียเรื่องหมด!!!”

            “นี่คุณ! พูดแบบนี้กับลูกได้ยังไง มันเป็นความผิดของคุณแท้ๆ ไม่สำนึกขึ้นมาบ้างเลยรึไง!!!”  แม่เข้ามายืนคั่นกลางระหว่างฉันกับพ่อ

            “พ่อเลิกโทษคนนั้นคนนี้สักทีได้ไหมคะ เรื่องที่พ่อไปกู้เงินนอกระบบเพื่อมาลงทุนธุรกิจกับเพื่อนมันก็เป็นการตัดสินใจของพ่อเอง แล้วที่พ่อไม่ยอมบอกว่าเป็นหนี้ที่ไหนบ้างนั่นมันก็ความผิดของพ่อ ถ้าพ่อบอกกับพวกเราสักนิด...พวกเราคงจะวางแผนอะไรๆ ได้ดีกว่านี้...แต่นี่อะไร พวกหนูอุตส่าห์อยากจะช่วยแท้ๆ ยังจะมาว่าอีก!”

            “ฉันขอพวกแกหรอ!...ห๊ะ!! ฉันไม่ได้ขอให้พวกแกช่วยสักหน่อย!!...”

            “พ่อ!!!”  ฉันตะโกนสุดเสียงจนทั้งบ้านเงียบไปพักหนึ่ง 

            “ถ้าเกิดเรื่องนี้ไม่ทำให้เราเดือดร้อนกันทั้งบ้านโบจะไม่ว่าอะไรเลยนะ! ถ้าเกิดโบไม่โดนตามรังควาน บ้านไม่โดนรื้อจนพังยับเยิน แล้วเรากำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอน โบจะไม่เดือดร้อนแบบนี้เลย! แต่นี่มันไม่ได้เกี่ยวกับพ่อคนเดียวไง มันเกี่ยวกับเราทุกๆ คน!!!”  ฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาตัวเองก่อนจะพูดต่อ

            “เลิกอคติกับพี่โบลิ่งแล้วปรึกษากันจะดีกว่าว่าจะเอายังไง โชคดีที่หนี้ 22 ล้านเป็นของแก๊งของคุณปริญญ์ทำให้โบไม่ต้องทำอะไรมากแค่ไปเป็นเพื่อนลูกสาวเขา แต่สำหรับแก๊งนี้โบไม่มั่นใจว่าถ้าเราไม่มีเงินจ่ายดอกเบี้ยเขาจะให้เราอะไร...ปรึกษาพี่โบลิ่งเถอะค่ะ”

            “ไม่!! ฉันจะไม่มีทางร้องขอเศษเงินจากมันเด็ดขาด”  พ่อปฏิเสธเสียงแข็งแต่แม่มีสายตาอ่อนลงเมื่อพูดถึงพี่โบลิ่ง

            “แล้วเศษเงินที่พ่อว่า พ่อหามาเองได้ไหมล่ะ! เป็นเพราะเศษเงินพวกนั้นไม่ใช่หรอที่ทำให้เราตกอยู่ในอันตรายขนาดนี้!!”

            “โบอิ้ง!!!”  พ่อตะโกนพร้อมกับเงื้อมือขึ้นสูง แต่แม่รีบเข้าไปจับข้อมือพ่อเอาไว้

            “ฮึ! งั้นโบแค่ต้องรอดูอยู่เฉยๆ ใช่ไหมคะ รอจนกว่าพวกนั้นจะมาดักอุ้มเอาไปขัดดอกให้กับตาเสี่ยแก่ๆ จนกว่าพ่อจะหาเศษเงินหลายๆ ล้านไปใช้หนี้ให้...ถ้าพ่อคิดว่าการขอเงินลูกมาใช้หนี้มันเป็นเรื่องที่เสียศักดิ์ศรีมากก็ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องแบกศักดิ์ศรีที่มากมายของพ่อไปขอพี่โบลิ่งหรอก ศักดิ์ศรีของพ่อมันสำคัญกว่าของโบอยู่แล้วนี่! อีกหน่อยถ้าเกิดโดนจับตัวไปจริงๆ โบก็คงไม่เหลือศักดิ์ศรีอะไรแล้ว...”  ฉันบอกแล้วเดินหนีขึ้นมาชั้นบน ฉันไม่ได้ยินเสียงใดๆ ดังมาจากชั้นล่างเลยเพราะหูอื้อมือชาไปหมด

            ฉันทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วร้องไห้ออกมาดังๆ ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะฉันเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บ...ที่เขาไม่สนใจความรู้สึกของฉัน เจ็บ...ที่เขาไม่ยอมทิ้งอคติของตัวเองมาปกป้องฉัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าอายเลยแค่เปิดใจคุยกับพี่โบลิ่ง

            หรือว่าพวกเขา...ไม่ได้รักฉันเหมือนพี่โบลิ่งแล้ว

 

            งานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ถูกจัดขึ้นที่หอประชุม แสงสียามค่ำคืนของโรงเรียนวันนี้ดูแตกต่างไปจากเดิมมาก ทางเข้าถูกประดับประดาด้วยหลอดไฟแสงสีดวงเล็กระยิบระยับต้อนรับพวกเรา ภายในหอประชุมมีทั้งดอกไม้ ซุ้มสำหรับถ่ายรูป โต๊ะอาหารที่เรียงรายนับร้อย และเวทีขนาดใหญ่ที่ถูกจัดไว้อย่างดีเพื่อให้เข้ากับงาน มันเป็นภาพที่น่าจดจำสำหรับศิษย์ที่กำลังจะจบอย่างฉันมากทีเดียว

            ฉันสวมชุดเดรสยาวสีครีม มันเป็นชุดสายเดี่ยวที่ตกแต่งสายด้วยลายลูกไม้พองาม ดีนะเนี่ยที่พี่โบลิ่งเอาชุดไว้ให้ก่อนกลับไม่งั้นฉันไม่มีอะไรใส่มางานแน่ๆ มัวแต่ร้องไห้แล้วก็เศร้าเรื่องที่บ้าน วันก่อนฉันโทรไปหาพี่โบลิ่งว่าจะปรึกษาเรื่องหนี้ของพ่อ แต่พี่โบลิ่งไม่ว่างฉันเลยยังไม่มีโอกาสได้เล่าให้ฟัง ฉันคงไม่โดนจับไปขัดดอกก่อนจะเล่าให้พี่โบลิ่งฟังหรอกใช่ไหม Y_Y

            ฉันมางานพร้อมกับโปรดและปาว เพราะว่าโปรดอยากมีเพื่อนเดินเข้างาน ตลอดทางฉันต้องทำเป็นคุยปกติเหมือนไม่ได้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น การฝืนยิ้มนี่ต้องใช้พลังงานเยอะขนาดนี้เลยหรอเนี่ย

            เพราะของขวัญที่พี่ทิวฝากมาให้น้องๆ ในสายรหัสทำให้ปาวกับโปรดต้องช่วยฉันถือของเข้ามาในงาน ที่จริงฉันก็เกรงใจเหมือนกันนะติดรถเขามายังไม่พอ ยังให้เขามาถือของช่วยอีก

            “ขอบใจนะ”  ฉันบอกปาวเมื่อเขาเดินมาส่งที่โต๊ะซึ่งมีเหมยกับอ๋องนั่งรออยู่แล้ว ส่วนโปรดขอแยกไปเตรียมตัวเพื่อแสดงเปิดงานปาวก็เลยต้องหอบของมาส่งฉันทั้งหมดด้วยตัวเอง

            “นั่งด้วยกันสิปาว เขาให้นั่งคละห้องได้นะ”  อ๋องบอก ปาวพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างๆ ฉันพร้อมกับกวาดตามองไปรอบๆ งาน

            “หาท็อทกับฟานหรอ”  เหมยถาม

            “ใช่ พวกนั้นมารึยัง” 

            “มาแล้วนั่งโต๊ะข้างๆ นี่แหละ สงสัยลุกไปเข้าห้องน้ำมั้ง”

            “อ๋อ”  ปาวพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะขอตัวออกไปโทรศัพท์ข้างนอก

            “เขาไม่ได้ให้นั่งเป็นสายรหัสแล้วหรอ”  ฉันถามอ๋อง

            “ใช่ ปีนี้เขาเปลี่ยนแล้ว”

            “นี่คอลเลคชั่นใหม่เลยใช่ไหมเนี่ย >.<”  เหมยทักชุดใหม่ที่ฉันใส่อยู่

            “อืม เห็นพี่โบว่างั้น” 

            “แกใส่เบื่อแล้วฉันขอยืมใส่บ้างนะ” 

            “ได้สิ งานหน้าก็สลับกันใส่ไงจะได้ไม่ต้องซื้อ”

            “โอเคเลย”

            “แก วันนี้ปาวไม่ใส่แว่นหล่อเป็นบ้าเลยอ่ะ >///<”  อ๋องสะกิดไหล่ฉันยิกๆ ด้วยความเขิน

            “ช่วงนี้ปาวก็ไม่ค่อยใส่แว่นอยู่แล้วไม่ใช่หรอ”  เหมยพูดแทรกขึ้นมาบ้าง

            “ก็จริง แต่วันนี้หล่อเป็นพิเศษไงยะ”

            “อ๋อ”  เหมยพยักหน้ารับเบาๆ  “ว่าแต่พวกแกเถอะ ตอนนี้เกี่ยวข้องกันยังไงไม่ทราบ แกไม่ได้รับจ้างเป็นเพื่อนยัยโปรดแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังตัวติดกับสองพี่น้องนี้อยู่เลย”

            “ก็ฉันกับโปรดตกลงเป็นเพื่อนกันต่อไง”

            “อ๋อ ปาวก็เลยตามน้องมาว่างั้นเถอะ”  เหมยเลิกคิ้วสูง

            “คงงั้นมั้ง”

            “มีเลศนัยนะคู่นี้”  อ๋องหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด

            “นั่นสิ มีเกณฑ์สมหวังสูงเลยนะเนี่ย”  เหมยก็เอากับเขาด้วย

            ฉันโดนแซวจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยกซดน้ำอัดลมที่อยู่ตรงหน้าแก้เขิน ระหว่างนั้นเองก็มีรุ่นน้องคนหนึ่งเดินมาบอกว่าปาวให้ฉันไปหาที่โรงจอดรถ บอกว่าจะให้ฉันไปเอาของที่ลืมไว้ ฉันลองเช็คของขวัญที่ถือมาก็ครบไม่มีอะไรขาดเลย แล้วปาวจะให้ฉันไปเอาอะไร?

            ถึงจะสงสัยยังไงฉันก็เดินมาที่โรงรถอยู่ดี ที่ได้มาคนเดียวเพราะยัยสองคนนั้นบอกว่าไม่อยากมาเป็นก้างขวางคอ ยัยพวกนี้คิดว่าฉันจะมาทำอะไร แค่มาเอาของแหละน่า U///U

            พอฉันเดินมาถึงกลับเจอแมทธ์ยืนพิงรถของปาวอยู่ ฉันรู้สึกได้ถึงลางร้ายก็เลยตัดสินใจไม่เดินเข้าไปดีกว่า แต่พอหันหลังกลับก็เจอผู้ชายชุดดำ 3 คนยืนอยู่ข้างหลัง ฉันถูกต้อนเข้าไปหายัยแมทธ์ที่ยืนรออยู่อย่างสบายใจ

            “คิดจะหนีหรอ...ไม่ง่ายหรอกนะโบอิ้ง”  แมทธ์พูดก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันใกล้ๆ

            “เธอมีอะไร”  ฉันพยายามถามด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบที่สุด แต่มันกลับสั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

            “แค่อยากรู้ว่าเธอใช้มารยาเล่มไหนยัยโปรดถึงยอมเปิดปากบอกว่าเป็นน้องของปาว”  แมทธ์เข้ามาบีบคางฉันไว้แน่น ฉันจะใช้มือปัดมันออกแต่ก็ถูกชายชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังล็อกแขนเอาไว้

            “ฉันอุตส่าห์ปล่อยข่าวเพื่อกำจัดเธอแท้ๆ จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว แต่นังโปรดกลับทำเรื่องให้มันวุ่นวายกว่าเดิม!!” 

            “ทำไมต้องกำจัดฉันด้วย เรื่องที่ฉันยุ่งกับปาวหรอ”

            “ใช่! ที่จริงทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว แต่มันเปลี่ยนไปเพราะเธอ!!!”  ยัยแมทธ์ตะโกนใส่ฉันแล้วสะบัดหน้าฉันทิ้งแรงๆ พอฉันตั้งหลักได้และหันกลับไปหาแมทธ์ ก็ถูกฝ่ามือฟาดเข้ามาเต็มแก้มด้านซ้ายจนทำให้ใบหน้าหันไปตามแรงตบ

            “ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าทายาทแก๊งมาเฟียผู้มีคุณธรรมจะทำยังไงถ้าคนสนิทต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”  ยัยแมทธ์ยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ คำว่า ‘แบบนี้’ ที่ยัยแมทธ์บอกมันทำให้ฉันรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

            แควกกก!!

            “กรี๊ดดดดดดดดดดดดด!”  ฉันร้องออกมาสุดเสียงเมื่อจู่ๆ ยัยแมทธ์ก็กระชากชุดราตรีท่อนบนของฉันจนขาดกระจุย เหลือเพียงเกาะอกสีเนื้อที่ฉันใส่อยู่ด้านในเท่านั้นที่ห่อหุ้มร่างอยู่ แต่ยังดีที่มันไม่ขาดไปทั้งชุด

            “ขอให้สนุกกับค่ำคืนที่แสนเร้าใจนะจ้ะโบอิ้ง”  ยัยแมทธ์กระชากผมฉันแรงๆ แล้วเหวี่ยงฉันล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะเดินออกไปจากโรงรถพร้อมชายชุดดำทั้ง 3 คน

            ฉันพยายามดันตัวเองลุกขึ้นยืนหลังจากที่ยัยแมทธ์หายไปแล้ว แต่พอยืนขึ้นมาได้ก็เจอผู้ชายประมาณ 4 คนเดินดุ่มๆ เข้ามาในโรงรถ ฉันจำได้ว่าเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับฉันแต่จำไม่ได้ว่าอยู่ห้องไหน

            “อ้าวโบอิ้ง มาทำอะไรแถวนี้คนเดียวหรอ”  ผู้ชายคนหนึ่งทักทายฉันอย่างเป็นมิตร ฉันรีบยกเศษชุดราตรีของตัวเองขึ้นมาปกปิดร่างกายเอาไว้

            “เปล่า ไม่ได้ทำอะไร”  ฉันบอกแล้วเดินเลี่ยงไปด้านข้างเพื่อจะออกจากโรงรถ แต่ก็ถูกกระชากมานอนแผ่อยู่บนกระโปรงรถคันที่อยู่ใกล้ๆ อย่างแรง

            “ปล่อยฉันนะ!!!”  ฉันตะโกนลั่นพร้อมกับดิ้นไปมาแต่ก็ถูกล็อกแขนล็อกขาเอาไว้แน่น ซึ่งหนึ่งในสี่คนนั้นกำลังยกกล้องขึ้นมาถ่ายวีดีโอเอาไว้ด้วย

            ไม่นะ!!!!

            “พวกนายจะทำอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!!! ช่วยด้วย!!! ช่วยด้วยค่ะ!!!”

            “อย่าร้องให้เปลืองแรงเลย ยังไงก็ไม่มีใครได้ยินหรอกเสียงเพลงในงานออกจะดังขนาดนี้ เก็บแรงไว้รับมือกับพวกเราดีกว่าน่า ฮ่าๆๆๆ”  พูดจบพวกมันก็พร้อมใจกันระเบิดหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน แต่ฉันไม่สนุกด้วย!!

            “ฉันขอร้อง ปล่อยฉันไปเถอะนะ ถ้าพวกนายยอมปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องพวกนายเลย”

            “ไม่ต้องมาเกลี้ยกล่อมพวกเราให้ยากเลยเรารับเงินมาแล้ว อีกอย่าง...ของแถมน่ารักขนาดนี้ใครจะไม่เอาบ้างล่ะ”  พูดจบคนที่ล็อกแขนฉันอยู่ก็ขึ้นมาคร่อมร่างฉันเอาไว้แล้วเลิกกระโปรงฉันขึ้นสูง คนที่ทำหน้าที่ถ่ายคลิปก็เดินไปรอบๆ เพื่อไม่ให้พลาดสักมุม

            “เป็นเด็กดีนะหนูน้อย เจ็บนิดเดียวเอง”  ไอ้คนที่คร่อมอยู่ด้านบนบอกพร้อมกับลูบผมฉันเบาๆ รอยยิ้มหยาดเยิ้มที่มันส่งมาทำเอาฉันแทบจะอ้วกออกมา

            ใครก็ได้!...ตามมาช่วยฉันที!! ได้โปรด!!

            ฉันร้องไห้ออกมาเสียงดังมากขึ้นเมื่อมันพยายามก้มลงมาจูบฉัน ฉันพยายามเบี่ยงหน้าไปมาจนมันล้มเลิกความตั้งใจเปลี่ยนมาซุกไซร้ซอกคอฉันแทน!

            “ไม่นะ!! ปล่อยฉัน!!!! ไอ้เลว!!! ปล่อยยย!!!”  ฉันตะโกนทั้งน้ำตาพร้อมกับสบถด่าด้วยความคับแค้นใจ แต่พวกมันกลับหัวเราะดังยิ่งกว่าเดิมเหมือนสิ่งที่ฉันพูดมันเป็นเพียงเรื่องตลก

            “ไอ้ชาติชั่ว!!!”  เสียงทุ้มๆ ดังก้องกังวานไปทั้งโรงรถ ฉันรีบหันไปมองก็เห็นกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา ถึงม่านน้ำตาจะบดบังจนมองแทบไม่เห็น แต่ฉันก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือปาว...

            ทุกอย่างเหมือนจะหยุดชะงักไปชั่วขณะก่อนที่ความโกลาหลจะเริ่มต้นขึ้น คนที่กำลังคร่อมตัวฉันอยู่ถูกปาวกระโดดถีบที่หน้าจนล้มลงไปกองกับพื้นแล้วสลบไปในทันที

 

 

*****************************************************

อัพแล้วนะจ้ะ 

หนุ่มแว่นหมัดสลบกลับมาแล้วววววว 

แต่คราวนี้คงเรียกหมัดสลบไม่ได้

คงต้องเรียกว่านักเตะฟรีคิกถึงจะถูก 5555+ 

พอมาถึงกลางๆ เรื่อง เนื้อเรื่องจะเริ่มเข้มขึ้น

หวังว่าคงจะชอบกันนะคะ 

ฝากติดตามด้วยจ้า 

***************************************************

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา