บันทึกรักข้ามเวลา <ตีพิมพ์ สนพ.ปริ๊นเซส สถาพรบุ๊ค>
เขียนโดย เฟิงเหม่ยหลิง
วันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.20 น.
แก้ไขเมื่อ 8 มีนาคม พ.ศ. 2559 04.12 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
นิยายเรื่องนี้ แต่งครั้งแรกเมื่อวันที่ 1/2/2558
เว็ปเด็กดี : ลิ้งค์ http://my.dek-d.com/pinkalice/
ผ่านการพิจารณาจาก สนพ ปริ๊นเซส ในเครือสถาพรบุ๊คส์แล้ว ไม่อนุญาติให้ทำซ้ำ คัดลอกทุกกรณี หากพบเห็นทางเราจะดำเนินคดีตามกฏหมาย อาญาโดยไม่มีข้อยกเว้น
ภาคต่อ : บันทึกองค์หญิงจำเป็น
บทนำ
บุปผาคู่บัลลังก์ที่ถูกทิ้งเมื่อสิบห้านาทีก่อน!
หนึ่งพันกว่าปีก่อนช่วงเวลาปัจจุบัน พื้นแผ่นดินที่ฉันกำลังข้ามถนนอยู่นั้นได้ถูกแบ่งแยกเป็นเจ็ดส่วน มีชื่อกล่าวขานรวมว่าแผ่นดินเฟิง เจ็ดส่วนคือจำนวนทั้งเจ็ดแว่นแคว้นประกอบด้วย ต้า,จิน,จ้าว,อิง,ฉี,เฉียนฉินและหาน แคว้นทั้งเจ็ดผูกมิตรไมตรีอยู่ร่วมกันสงบเรื่อยมา จนราชวงศ์เจิ้งแห่งแคว้นต้าได้ริทำการใหญ่หมายรวมแคว้นทั้งเจ็ดขึ้นเป็นหนึ่งเดียว สงครามจึงเกิดขึ้นนับตั้งแต่นั้นและไม่เคยดับลงอีกเลย....
ในยุคเลี่ยงจินได้เกิดขั้วมหาอำนาจสามของแคว้นใหญ่ขึ้น สามแคว้นรุ่งเรืองแห่งยุคคือแคว้นต้า แคว้นจินและแคว้นฉี เป็นช่วงที่แผ่นดินร้อนเป็นไฟทั้งสามห้ำหั่นเพื่อชิงดินแดนรอบข้างและปกป้องประชาตน
แคว้นจินตั้งอยู่ดินแดนทางเหนือเกรียงไกรด้วยกองทัพและอาวุธเหนือแว่นแคว้นใด ปกครองโดยจักรพรรดิหวางเจิ้งอี้เฟย ผูกพันธะสัญญาเป็นสหพันธรัฐแคว้นฉีด้วยสัญญาสงบศึกห้าปีกับฮ่องเต้หมิงหยางเฟิ่ง สองแคว้นร่วมรบทำศึกชนะแคว้นน้อยใหญ่จนมีอำนาจเข้มแข็งไม่มีใครกล้าแข็งข้อ
แต่เพียงไม่นานนับแต่นั้น...พันธะสัญญานี้ได้ถึงจุดแตกหักช่วงกลางยุคในที่สุด สัญญาถูกฉีกขาดราวรอยร้าวที่ไม่อาจประสานเป็นโอกาสให้แคว้นต้าเข้าทำศึกใหญ่ครั้งสำคัญ
แคว้นต้าแม้แผ่นดินจะเล็กกว่าแคว้นทั้งสองนัก แต่ความทะเยอทะยานเปรียบดั่งนกเฟยหวงพร้อมโบยบินของราชวงศ์เจิ้ง ทำให้ฮ่องเต้เจิ้งอี้หมิงช่วงชิงช่วงเวลาอ่อนแอของทั้งสองแคว้นสังหารฮ่องเต้หมิงหยางเฟิ่งในศึกต้าจิ๋น ความระส่ำระส่ายไร้ผู้ปกครองอย่างไม่ทันตั้งตัวของแผ่นดินฉีเดือดร้อนตั้งแต่ชายแดนถึงชิงฉวนเมืองหลวงของแคว้น ชาวบ้านตัดสินใจอพยพขึ้นดินแดนทางเหนือขอความช่วยเหลือจากพระจักรพรรดิอี้เฟย
สงครามยืดเยื้อยาวนานจนในที่สุดแผ่นดินได้ถูกสยบโดยฮ่องเต้หวางเจิ้งอี้เฟยพระจักรพรรดิแผ่นดินจิน ด้วยอานุภาพแห่งกองทัพทหารนับแสนในใต้มือพระองค์ แผ่นดินแตกแยกรวมเป็นหนึ่งได้อีกครั้ง แคว้นต้าพ่ายแพ้ยับเยินแต่สิ่งที่สูญเสียยิ่งกว่าของประชาชนชาวต้าคือการสูญสิ้นชีวิตองค์จักรพรรดิ
สองเมืองย่อยยับ...หนึ่งแคว้นปราชัย
สองศพดิบกลบฝัง...หนึ่งร่างเรืองอำนาจ
สงครามไม่มีเหตุการณ์ใดไม่สูญเสีย ยิ่งอ่านซ้ำเป็นรอบที่สิบฉันยิ่งเข้าใจความร้ายกาจของมันเป็นอย่างดี กว่าจะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเหมือนทุกวันนี้ต้องใช้หยดเลือดบรรพบุรุษเท่าไหร่กว่าจะได้มา แต่อดีตคือบทเรียนเพราะเราไม่มีทางกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้ เหมือนเหตุการณ์อีกสิบห้านาทีข้างหน้าที่เปลี่ยนแปลงชีวิตฉันไปตลอดกาล...
“เธอชอบหนังสือประวัติศาสตร์มากกว่าใบหน้าผมอีกนะ”
ฉันปิดหนังสือดัง “ปับ” มองใบหน้าหล่อเหลาของแฟนหนุ่มข้างตัว คำพูดประชดประชันของเขาทำให้อดขมวดคิ้วไม่ได้
“เสี่ยวหมิงนายเลิกเอาตัวเองไปเปรียบกับหนังสือของฉันได้ไหม” สองขาตบพื้นเสียงดังหวังให้แฟนหนุ่มง้องอน เสี่ยวหมิงมองหน้าฉันแล้วถอนหายใจ แววตาเขาเลื่อนลงพื้นต่างจากการกระทำเช่นทุกครั้ง ปกติหากฉันพูดแบบนี้เสี่ยวหมิงจะเดินเข้ามาหาฉัน เขย่าแขนสองสามทีแล้วแย่งหนังสือในมือไปเพื่อให้ฉันมองเขาแค่คนเดียว เป็นการง้องอนสไตล์น่ารักของเสี่ยวหมิงที่ฉันชอบที่สุด เขาเป็นผู้ชายอารมณ์ดีขี้เล่น เวลาฉันร้องไห้มักมีเรื่องเล่าให้หัวเราะเสมอ เสี่ยวหมิงหน้าตาดีกว่าผู้ชายรุ่นเดียวกันเขาถึงฮอตป๊อปปูล่า อีกทั้งนิสัยหนึ่งที่ฉันชอบคือเขาไม่เคยนอกใจฉันแม้เพียงสักครั้งเดียว
“เราเลิกกันเถอะ”
คำพูดที่ออกจากปากเขาทำให้ฉันโดนฟ้าผ่ากลางศีรษะทั้งที่อากาศยังแจ่มใส
“นายว่าอะไรนะ?”
ฉันทวนคำให้เขาคิดใหม่อีกรอบ ตอนนี้ช็อกจนคุมความสั่นของริมฝีปากของตัวเองไม่ได้ เสี่ยวหมิงหันใบหน้าไร้อารมณ์มาเผชิญ ความเย็นชาของเขาทำให้ฉันหนาวสะท้านไปทั้งร่าง แววตาไม่เหมือนคนเป็นคู่รักกันมาห้าปีเลยสักนิดเดียว...เหมือนเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันซะมากกว่า
“เฮ้อ...” เขาถอนหายใจยาวเดินเข้ามาใกล้ “ผมมีคนใหม่แล้ว เธอไม่เคยสนใจกันเลยเวลาพวกเราเดท” เขาจ้องมาเหมือนฉันเป็นตัวอะไรสักอย่างที่น่ารังเกียจ “ห้าปีเต็มๆที่ทนอยู่กับผู้หญิงแบบเธอพอกันที!” พูดจบเสี่ยวหมิงก็ถอดแหวนคู่ออกแล้วโยนลงพื้น เหตุผลของการเลิกกันครั้งนี้เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของฉัน ถ้าเขาทนไม่ได้ทำไมไม่บอกเลิกกันตั้งแต่อาทิตย์แรก สองเดือนแรก หรือถ้าให้นานหน่อยสามปีแรกก็ได้! คนแถวนั้นมองฉันเป็นตาเดียว สายตาที่จ้องมองมาเหมือนสงสารเวทนาอย่างรุนแรง กลางถนนเนี่ยนะ!? นายบอกเลิกฉันกลางถนนที่คนแออัดข้ามไปมาภายในไม่กี่วิ!
“เสี่ยวหมิง!” ฉันเหมือนนางเอกละครหลังข่าวยังไงยังงั้น คว้ามือยื้อแขนเสื้อเขาไว้พยายามพูดขอโอกาสอีกครั้ง แต่ทว่าโอกาสมักเหมือนสายน้ำไหลมาแล้วไม่ไหลกลับเป็นกฎธรรมชาติง่ายๆของความรัก น้ำตาฉันคลอเบ้าและอีกนิดเดียวมันคงไหลออกมาจากดวงตากลมโตคู่นี้ เสี่ยวหมิงหันกลับมามอง แววตาฉันจึงทอประกายความหวังทันที ยิ้มหนึ่งผุดขึ้นโล่งใจ แต่แล้วเขากลับจับมือฉันให้ปล่อยลง หันแผ่นหลังให้แล้วเดินจากไป
สิ่งนี้คือคำตอบสุดท้ายจากเขา
ความจริงฉันควรเข้าใจอะไรได้ง่ายๆตั้งแต่เห็นแววตาเย็นชาเมื่อหลายเดือนก่อนแล้ว ครั้งแรกที่พบกันเสี่ยวหมิงเห็นฉันอ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยู่ในสวนสาธารณะ เขาแอบมานั่งข้างฉันทุกวันและถึงแม้จะบ้าอ่านประวัติศาสตร์เฟิงขนาดไหนฉันก็รู้สึกถึงสายตาของเสี่ยวหมิงที่จ้องมองมาตลอด...หึหึ
เสี่ยวหมิงบอกว่าใบหน้าฉันยามเขามองจากด้านข้าง แววตาที่จดจ่อกับอะไรสักอย่างของฉันเหมือนมีแรงดึงดูดให้เขาเข้าใกล้ทีละน้อย จนอยากมองใบหน้านี้ทุกวัน ฟังดูโรแมนติกใช่ไหมละ? แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเหมือนนิยายรักที่คุณได้อ่านกันหรอกนะ...
อาทิตย์แรกที่คบกันเสี่ยวหมิงอ่านหนังสืออยู่ข้างฉันเค้ายังบอกเลยว่าชอบจักรพรรดิแคว้นต้าถึงแม้พระองค์จะตายในสนามรบในที่สุดก็ตาม เพราะพระองค์มากด้วยปัญญาและไหวพริบอีกทั้งมีความมุ่งมั่นทำสิ่งใดลุล่วงจนสุดกำลังเอาความแค้นเป็นแรงมานะ เสี่ยวหมิงพูดจ่อไม่หยุดแล้วก็ยิ้มให้ พลางถามทุกเรื่องราวที่ฉันสนใจเป็นเช่นนี้ทุกวันจนฉันตัดสินใจคบกับเขา เลิกอ่านหนังสือประวัติศาสตร์เพื่อใช้มือข้างนั้นกุมมือเขาไว้แทน
แต่แล้วเมื่อหลายเดือนก่อนเสี่ยวหมิงก็เปลี่ยนไป เขามีท่าทีลนลานทุกครั้งที่มีสายเข้า ทำตัวพิรุธตอนออกไปธุระกับเพื่อน แต่ฉันก็พยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้เพราะอยากไว้ใจคนรักให้มากที่สุด หากเสี่ยวหมิงบอกว่าไม่มีอะไรฉันจึงถือว่ามันไม่มีอะไร คนอย่างฉันยอมโง่แต่ไม่ยอมแตกหักเพราะแตกหักคือหายนะของทุกสิ่งไม่ต่างจากแคว้นจินและแคว้นฉีที่ผิดใจกันเพราะเรื่องเล็กน้อยจนทำให้จักรพรรดิหมิงต้องสิ้นพระชนม์ ฉันจึงเอาหนังสือที่เคยวางลงมากุมอ่านอีกครั้ง ส่วนเสี่ยวหมิงก็ไม่ได้สังเกตอะไรในตัวฉันแม้แต่น้อยเพราะมัวแต่หยิบมือถือมาแชทระหว่างเดท เป็นเช่นนี้จนถึงวันนี้...วันที่สายตาเสี่ยวหมิงเปลี่ยนไปจนน่าใจหาย
น้ำตาหยดลงพื้นในที่สุด สองมือรีบปาดน้ำตาเช็ดให้ตัวเอง ในเมื่อต่อไปคงไม่มีใครคอยเช็ดให้นับตั้งแต่วินาทีนี้ก็ควรเข้มแข็ง
แต่ว่า...พูดมันง่ายแต่ทำสิยากนัก...
รอบข้างหยุดนิ่งไปราวมีเพียงตัวตนของฉันบนพื้นถนน เสียงสัญญาณดังขึ้นเตือนให้รถเตรียมออกวิ่ง แต่ฉันยังคงเหม่อลอยไม่มีสติใดหลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย สายตาจับจ้องแต่แหวนของเสี่ยวหมิงบนพื้นถนน สองขาก้าวเดินแล้วก้มตัวลงหยิบมัน ตอนนี้เสียงสัญญาณหยุดไปแล้ว คนรอบข้างก็ได้หายไปเหมือนกัน เมื่อครู่ที่ไม่ได้ยินเสียงใดกลับได้ยินเสียงผู้ชายตรงหน้าคนหนึ่งร้องเตือนดังลั่นชัดเจน
“ซูหลิน!!!”
“โครม!”
เสี่ยวหมิงนี่เอง...
ฉันยิ้มออกมาพร้อมร่างที่ล้มลงกับพื้นถนน ว่าแต่ทำไมเขาถึงร้องไห้ละ?
“เสี่ยว...หมิง...” พยายามพูดแต่เลือดดันสาดกระเซ็นกลบปาก เลยได้แต่กระอักพ่นออกมา ตัวฉันถูกรถชนออกมาไกลจนไถลห่างทางข้าม ความเจ็บปวดในร่างกายครั้งนี้ทำให้รู้ว่าเวลาของตัวเองเริ่มนับถอยหลังรวดเร็ว แมวเจ็ดชีวิตเคยเป็นฉายาของฉันแต่ตอนนี้ชีวิตฉันคงเป็นชีวิตที่เจ็ดอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งมองแววตาหวาดกลัวตกใจของผู้คนที่ยืนออบนทางกั้นยิ่งทำให้รู้ว่าว่าวินาทีนี้ฉันคงไม่รอดแน่...เสี่ยวหมิงวิ่งเข้ามาหาประคองร่างฉันขึ้นแนบตัว เขาร้องไห้เพราะเหมือนตัวเองเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เสี่ยวหมิงเป็นคนอ่อนไหวง่ายเพราะฉะนั้นหากฉันเป็นอะไรไปเขาต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตแน่
ไม่นานเสียงรถพยาบาลได้ดังขึ้น ใบหน้าเขาที่เคยชัดเจนบัดนี้กลับเรือนรางพร่ามัว
“ซูหลิน...ซูหลินฟังผมนะ...”
ฉันยิ้มเป็นครั้งสุดท้าย ในมือกำแหวนของเขาไว้แน่น เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงช้าๆเสียงของเสี่ยวหมิงหายไป ประโยคที่เขาต้องการจะบอกฉันคืออะไรกัน เหตุใดสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งไม่ให้ฉันได้ยินเล่า?...รอบข้างมืดสนิทแถมยังหนาวจนตัวฉันสั่นเทิ้มไปหมด ฉันมองหาแสงสว่างใดก็ได้รอบตัวเพราะบัดนี้ขาฉันคงได้ก้าวเข้าสู่ปรโลกแล้ว
อัพครั้งแรก : 1/2/58 รีไรท์ : 7/2/58สวัสดีเจ้าค้า!!!
พบกันอีกแล้วกับเหม่ย >_< ไรท์ผู้ทรมานจิตใจฮูหยินเมื่อเรื่องก่อน ครั้งนี้ "บันทึกรักข้ามเวลา" อาจจะเปิดมาเครียดๆแต่บอกเลยว่าไม่ได้เครียดขนาดนั้นเจ้าค่ะ! ฮูหยินอย่าเพิ่งท้อแท้ 555 เหม่ยจะลงจั่วหัวกับเพลงบรรเลงเฉพาะช่วงที่เปิดตัวละครบทนั้นๆ จะใช้เป็นคนจริงๆเพื่อความแซ่บ คิคิคิ ขอบคุณฮูหยินที่มาเม้นเจิมให้เหม่ย แอบเห็นน้าาาาา หลายคนเลย เหม่ยซาบซึ้งใจมากเจ้าค่ะ! ดังนั้นเหม่ยเลยให้สิทธิพิเศษฮูหยินที่ทำการเจิมบทแรกทุกคนเลือกเฮียๆให้อยู่ข้างกายได้ไม่จำกัด 555 >_< เอาเป็นว่าบทหน้าเหม่ยจะพาฮูหยินไปทัวร์เฮียคนแรกและเฮียๆที่ฮูหยินกรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่คือ เฮียหยางเฟิ่ง หรือ จักรพรรดิหมิงหยางเฟิ่ง ผู้ครองแคว้นฉี! เอาเป็นว่ารับรองได้หลงเฮียแน่ๆ เช่นเดิมสำหรับฮูหยินก๊กเก่าและใหม่ เหม่ยขอเตือนว่า "นิยายเรื่องนี้ทุกตัวละครมีเหตุมีผลของตนเองทั้งสิ้นเจ้าค่ะ"
ปล. คิดถึงฮูหยินม๊ากมากเจ้าค่ะ! หวังว่าจะสนุกกับนิยายเหม่ยนะเจ้าค่ะ!
จากใจรัก เฟิงเหม่ยหลิง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ