แผนการ(รัก)ของนายขี้เซา

3.0

เขียนโดย doduo

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 20.55 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  4,330 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 07.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) INTRO

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                วันนี้เป็นวันที่อากาศแจ่มใส   แดดออกพอประมาณมีลมน้อยๆ  กับเสียงร้องใสๆของนกน้อยต่างๆ  ขนาดเสียงคุณป้าข้างบ้านบ่นลูกชายตอนออกจากบ้าน   แม้แต่เสียงสุนัขข้างบ้าน(อีกหลัง)เห่าไล่   หรือเสียงตดของคนที่ยืนข้างๆบนรถเมล์  มันไม่ได้ทำอารมณ์หรือบรรยากาศดีๆ ของฉันเสียไปเลยแม้แต่น้อย  เพราะอะไรน่ะเหรอ  ก็เพราะวันนี้เป็นวันประกาศผลสอบระดับโรงเรียนไงล่ะ   และแน่นอน  ฉันต้องได้ที่  1 อยู่แล้ว  โฮะๆๆๆ

                ฉันเดินก้าวเข้ามาในรั้วโรงเรียนมัธยมชั้นนำที่ใครต่างก็อยากเข้าแต่เพราะค่าเทอมที่แพงหูฉีกกับระดับการสอบที่เทียบขั้นมหาลัยทำให้น้อยคนนักที่จะสอบเข้าได้แม้แต่พวกลูกหลานไฮโซหลายคนยังเข้าไม่ได้เลย  หรือก็คือที่น่ะไม่มีการแบ่งชนชั้น  เพราะแบ่งตามระดับสมองล้วนๆ  ฉันที่ฐานะทางบ้านธรรมดาแต่ระดับสมองสูงจึงสอบชิงทุนเข้ามาได้อย่างง่ายดาย (อันที่จริงอ่านหนังสือก่อนสอบเป็นเดือนต้องอดหลับอดนอนแทบทุกคืน)

                “นั่นไงล่ะ ยัยแว่นเขียวคนนั้นไง”

                เสียซุบซิบของนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ฉันกำลังเดินผ่านดังแว่วเข้ามาในหู 

                “เอ๋  ใช่เหรอเธอ นั่นเด็กม.ต้นรึเปล่า คนที่ว่านั่นอยู่ม.ปลายนี่ ดูสิ ไซส์อย่างกับเด็กประถม”

                ว่าใครเด็กประถมยะ อย่างฉันเขารียกไซส์มินิพกพาง่ายต่างล่ะ -^- (สูงแค่ 161 เซนฯ)

                “ไม่นะ  คนนั้นแหละฉันจำได้ถึงจะหน้าตาจืดไม่โดดเด่นก็เถอะ”

                ฉันไม่ชอบแต่งหน้าต่างหากล่ะ มันเสียเวลาศึกษาของฉันยะถ้าแต่งหน้าแล้วฉลาด  ฉันจะได้แต่งทุกชั่วโมงเลย! ชิ

                “เอ๋  จริงเหรอเนี้ยยัยหมากระเป๋านั่นสอบได้ที่ 1 ของโรงเรียนอีกแล้ว  อุ้ย!”ตวัดสายตามองยัยพวกปากสุนัขด้วยสายตาหงุดหงิดยัยพวกนั้นรีบหันหนีหลบหน้าฉันกันใหญ่  ฉันถอนหายใจ ปล่อยวาง ทำสมาธิ ปลงเพื่อให้อารมณ์คงที่แน่ล่ะวันนี้ฉันต้องอารมณ์ดีสิ  จะให้หน้ายุ่ยไปรับรางวัลนักเรียนดีเด่นได้ยังไง 

                หลังจากนั้นฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นเพื่อไปยังโดมประชุมตลอดทางสายตาของนักเรียนต่างจับจ้องมาที่ฉันแทบจะเป็นตาเดียว  ฉันเดินหน้านิ่งสงบเข้าไปที่โดมประชุมใหญ่  สาเหตุที่เป็นโดมเพราะนักเรียนที่นี่มีมากเกินกว่าจะสร้างเป็นตึกใหญ่  และโดมมันดูดีกว่า  ฉันเดินไปนั่งประจำที่พลางนึกถึงความทรหดก่อนหน้านี้กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้

                มีคนเคยถามว่า ทำไมฉันถึงทุ่มให้กับการศึกษาเล่าเรียนขนาดนี้  ฉันก็มักจะตอบไปว่าชอบ  ฉันไม่ได้โกหกนะฉันชอบที่จะเรียนไปเรื่อยๆแม้จะไม่มีอาชีพหรือสิ่งที่อยากทำอนาคตก็ตาม  แต่จุดมุ่งหมายน่ะฉันมีนะ  ฉันต้องการเข้ามหาวิทยาลัยจีเนสซึ่งเป็นเครือเดียวกับโรงเรียนที่ ฉันเรียนอยู่และแน่นอนเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่คนทั่วทั้งประเทศต้องการสอบเข้าให้ได้เช่นกัน

                เมื่อพิธีมอบรางวัลเสร็จสิ้นฉันก็เดินถือโล่รางวัลและใบประกาศนียบัตร ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มของความดีใจ  หลังจากนี้ฉันก็จะตรงกลับบ้านเลยเพราะนี่เป็นวันสุดท้ายของการเรียนแล้ว  โรงเรียนนี้จะมีวันหยุดให้สองอาทิตย์ก่อนสอบวัดผลเพื่อตัดเกรด ที่ฉันได้รางวัลนั้นเป็นการกระตุ้นและสอบแข่งภายในโรงเรียนเท่านั้น  ภายในสองอาทิตย์นักเรียนจะทำอะไรก็ได้แต่เมื่อถึงวันสอบต้องมาให้ตรงเวลาและสอบให้ได้คะแนนตามที่กำหนดโดยเฉพาะนักเรียนที่จะต่อมหาลับ’จีเนสจะได้แยกสอบเป็นพิเศษเพราะระดับคะแนนนั้นสามารถใช้เข้ามหาลัย’ได้เลย

~~     เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากระโปรงกดรับและยกแนบหู

                “สวัสดีค่ะ”ฉันกรอกเสียงไป

                “ลูกโป่ง  แม่เองนะ  ตอนนี้กำลังกลับบ้านรึเปล่าลูก”

                “ค่ะ  หนูกำลังกลับ”

                “รีบกลับมาหน่อยได้มั้ยแม่มีข่าวดีจะบอกด้วยนะ”

                “ค่ะ หนูจะรีบกลับนะคะ  แล้วเจอกันค่ะแม่....รักแม่เช่นกันค่ะ”

                เมื่อจบบทสนทนาฉันก็รีบจ้ำออกจากโรงเรียนและตรงไปยังป้ายรถเมล์ทันที    ฉันยืนรออยู่ชั่วครู่รถเมล์ก็มาฉันขึ้นไปและหาที่นั่งแต่กลับไม่มีที่ว่างเหลือเลยฉันจึงเดินไปเกาะเสาตรงประตูหลังแทน(เตี้ยเกินกว่าจะจับราวถึงT^T) ฉันมองวิวข้างทางไปเรื่อยจนกระทั่งรู้สึกว่ามีใครมายืนอยู่ด้านข้าง 

                ฉันหันไปมองแต่ก็ต้องผงะจับเสาแน่นด้วยความตะลึง  คนที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเป็นผู้ชายตัวสูงน่าจะประมาณ 185 ขึ้นเห็นจะได้ ฉันต้องเงยหน้ามองจนปวดคอเพราะความสูงที่ต่างกัน(มาก)กับฉัน  ฉันมองการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์ดังของเขาและลักษณะท่าทางคงจะอายุประมาณ  21  ฉันไล่มองตั้งแต่เท้าจรดศีรษะและสายตาก็ไปจับจ้องอยู่กับผมยุ่งๆสีเหมือนคนเพิ่งลุกจากที่นอนที่มีส้มแสบตามีปอยผมด้านหน้าสีดำของเขาคนนั้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะมองใบหน้าขาว  จมูกโด่ง  และสายตาปรือดูลอยๆ เหมือนคนง่วงนอน  สำหรับฉันแล้วฉันคิดว่าคนคนนี้เหมือนเด็กน้อยยังไงยังงั้นเลย 

                “อ๊ะ..”ฉันร้องเบาๆละหันหน้าหนีเมื่อคนคนนั้นใช้สายตาปรือๆนั่นมองมาที่ฉัน  ไม่รู้ทำไมแต่รู้สึกใบหน้ามันเห่อร้อนแปลกๆ

                เมื่อรถหยุดลงฉันก็รีบลงมาทันทีและตรงกลับบ้านทั้งๆที่หัวใจยังเต้นตึกตักๆ แปลกๆ อยู่ พอถึงหน้าบ้านฉันมองรถคันหรูที่เล่นออกไปด้วยความสงสัย และมองไปที่บ้านสองชั้นธรรมดากว้างพอประมาณก่อนจะเดินเข้าไป

                “มาแล้วเหรอลูก  มานั่งนี่สิ”พอย่างก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นฉันก็โดนแม่ทักทันที  ฉันเดินเข้าไปนั่งข้างๆแม่ที่โซฟาตัวยาว และหันไปถาม

                “แม่มีอะไรจะบอกหนูเหรอคะ”

                “จบปีนี่ลูกจะสอบเข้าที่มหา’ลัยจีเนสใช่มั้ย”

                “ค่ะ”

                “ลูกก็รู้ใช่มั้ยที่นั่นไม่มีชิงทุนเหมือนโรงเรียนและค่าเทอมก็แพงมาก  และลูกก็บอกแม่เองว่าจะหางานพิเศษรายได้ดีทำ”

                “ค่ะ หนูเคยพูดแบบนั้น  ทำไมเหรอคะ?”

                “ก็แม่จะบอกว่า....แม่หางานให้หนูได้แล้วไงล่ะ”แม่พูดพลางยิ้มกว้าง  ฉันมองด้วยความสงสัย

                “งานอะไรเหรอคะแม่”

                “เมื่อกี๊เพื่อนสนิทแม่ที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเค้ามาปรึกษาเรื่องลูกชายคนโตของเขา เขาบอกว่ากลับมาที่นี่ได้ไม่นานนักต้องไปดูงานต่อที่อีกประเทศหนึ่งประมาณ 1  เดือน  เพื่อนแม่คนนี้เขาห่วงลูกชายคนโตที่ไม่ยอมไปมหา’ลัยหรือออกจากบ้านไปไหนเลย เอาแต่กินและนอน คือว่า เพื่อนแม่คนนี้กำลังหาคนมาดูแลและดัดนิสัยลูกชายคนนี้ให้หน่อยน่ะ เพราะอยู่แบบนี้เขาเป็นห่วง แม่เลยบอกไปว่า จะลองถามลูกสาวให้เพราะกำลังหางานอยู่พอดี เพื่อนแม่ก็ตอบตกลงและเพิ่งออกไปได้ไม่นานนี้เองล่ะจ่ะ”ฉันฟังแม่อธิบายนิ่งๆ  และนึกตาม  อืม...กินกับนอน ไม่ไปมหา’ลัย  พวกโอตาคุ หรือไม่ก็เป็นฮิโคโมริสินะ  แต่..มันดียังไงล่ะ

                “แล้วมันดียังไงล่ะคะแม่”

                “เพื่อนแม่บอกว่าถ้าลูกยอมตกลงเขาจะส่งลูกเรียนจนจบปริญญาตรีของมหา’ลัยจีเนสเลยน่ะสิลูก”ฉันตาโตเป็นประกายเมื่อได้ยิน

                “ค่ะแม่  หนูรับงานค่ะ”ฉันตอบตกลงทันทีไม่มีความลังเล  แม่ยิ้มบางและอธิบาย

                “งานนี้เพื่อนแม่กำหนดเวลาให้ด้วยนะลูก เขาให้เวลา 1 เดือนก่อนเขาจะกลับมาลูกชายของเขาจะต้องต่างไปจากเดิมไม่งั้นสัญญาเป็นโมฆะ”

                “.....”ฉันเงียบและคิด

                “ถ้าไม่ไหวก็ไม่เป็นไรหรอกลูกเดี๋ยวแม่ช่วยหาเงินออกค่าเทอมให้เอง”แม่พูดขึ้นมา  ฉันมองท่านก่อนจะพูดบอก

                “หนูจะรับงานนี้ค่ะ”แม่ถอนหายใจเมื่อได้ยินก่อนจะยิ้มบางให้ฉัน  แม่รู้ว่าฉันไม่อยากให้แม่ลำบาก

                “งั้นแม่ขอตัวโทรไปบอกเพื่อนก่อนนะ”พูดจบแม่ก็ลุกออกไป 

               

                “แค่ดูแลคนโตคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง...คิดว่าน่ะนะ”ฉันพึมพำกับตัวเองเพราะเริ่มรู้สึกไม่ได้ขึ้นมาตะงิด        

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา