Sulwa ลิขิตปริศนา
เขียนโดย sasie
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เวลา 19.57 น.
แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 21.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
บทนำ
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร และมาทำอะไรอยู่ตรงนี้
ฉันเพียงแค่ยืนนิ่งอยู่ข้างโคมไฟข้างถนน เงยหน้าขึ้นมองฟ้า คิดทบทวนว่าตัวเองเป็นใคร แล้วมายืนทำอะไรอยู่ท่ามกลางสายฝนกลางดึกแบบนี้ แต่จนแล้วจนรอด ฉันก็คิดไม่ออก รู้สึกเหมือนตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งใดในโลกนี้เลยสักนิด
หันมองรอบตัว ข้างหลังคือป่าทึบ เบื้องหน้าคือถนนร้างผู้คน ส่วนบนหัวคือท้องฟ้าสีดำมืดที่กำลังร้องไห้
แล้วตัวของฉันล่ะ?
ฉันก้มลงมองตัวเอง เห็นชายกระโปรงลายดอกไม้สีชมพู รองเท้าบูทเปื้อนโคลน แล้วก็เส้นผมเปียกชุ่ม
ฉันคงเป็นเด็กผู้หญิงสักคนหนึ่ง…
พอฝนหยุดตก ฉันก็หนาวจนยืนแทบไม่ได้ จึงต้องนั่งลงกอดเข่าตัวเองด้วยความหนาวสั่น ในหัวมีแต่ความว่างเปล่า ถ้ารู้ว่าตัวเองเป็นใคร คงรู้ว่าต้องทำอะไร หรือควรทำอะไรที่ดีกว่านี้
ทว่านั่นแหละคือปัญหา เพราะฉันไม่รู้จักตัวเองเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉันเอาแต่นั่งตัวสั่นอยู่แบบนี้ ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งมีใครสักคนทักเข้า ถึงได้เงยหน้าขึ้นเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
“คุณหนูน้อยที่น่ารักมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ มันอันตรายมากนะครับ” ผู้ชายคนหนึ่งถาม ลักษณะท่าทางของเขาดูไม่น่าไว้วางใจมากนัก ใบหน้ายิ้มแย้มทว่าดูเจ้าเล่ห์ ท่าทางเป็นมิตรทว่าดูน่ากลัว แต่ดวงตาสีดำขลับของเขากลับส่องประกายสดใสยิ่งกว่าดวงดาวบนฟากฟ้า พอได้สบเข้าก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาถึงแม้จะมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ ก็ตาม
ฉันไม่รู้ว่าควรทำยังไง จึงถามไปแค่ว่า “คุณคือใครคะ”
ผู้ชายคนนั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาคงรู้ว่าฉันกลัวเขาอยู่นิดหน่อย “ผมคือฮีโร่ที่ต้องการช่วยเหลือคุณหนูตัวน้อยยังไงล่ะครับ” เขาพูดแล้วนั่งลงตรงหน้าฉัน เพื่อให้พวกเรามองเห็นหน้าของอีกฝ่ายได้ชัดขึ้น ตอนนี้ใบหน้าของพวกเราอยู่ในระดับเดียวกัน ฉันจึงเห็นดวงตาสีดำขลับที่เปล่งประกายของเขาชัดเจนมากขึ้น
คุณฮีโร่เอียงคอมองฉันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “ผมว่าผมรู้จักคุณหนูนะครับ”
“คุณรู้จักหนูเหรอคะ” ฉันถามด้วยความงุนงงในขณะชี้หน้าตัวเอง ทำไมถึงมีคนรู้จักฉัน ในขณะที่ฉันไม่รู้จักตัวเองเลยแม้แต่น้อย
เขาพยักหน้ายืนยัน แล้วฉีกยิ้มหวานให้ ใบหน้าที่แสนเจ้าเล่ห์จึงถูกทำลายลงด้วยความสดใสของดวงตาคู่นั้น “หยิบบางอย่างในกระเป๋ากระโปรงออกมาสิครับ”
ฉันทำตามที่เขาพูด โดยไม่เอะใจว่าทำไมเขาถึงรู้ว่า มีบางอย่างอยู่ในกระเป๋ากระโปรง พอเอามือล้วงเข้าไป ก็พบว่าสิ่งของข้างในเป็นแผ่นกระดาษอะไรสักอย่าง พอเอามือดึงขึ้นก็ขาด ฉันก็เลยต้องขยุ้มมันเป็นก้อน แล้วหยิบออกมา แต่มันเป็นแค่ก้อนกระดาษเปื่อยยุ่ยก้อนหนึ่งเท่านั้น ฉันก็เลยได้แต่มองมันด้วยความงุนงง ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี
ผู้ชายคนนั้นมองก้อนกระดาษในมือฉัน ดวงตาของเขาเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “คุณหนูช่างโชคร้ายเหลือเกิน” เขาพูดในขณะลุกขึ้นยืน สีหน้าเต็มไปด้วยความเห็นใจ
ฉันเห็นแบบนั้นก็รีบเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของเขาไว้ ถึงจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ถ้าอยู่ๆ เขาก็จะจากไป ฉันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “คุณฮีโร่จะไม่ช่วยหนูแล้วเหรอคะ”
“ผมไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้” ถึงเขาจะพูดแบบนั้น แต่ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นกลับเอาแต่จ้องฉันไม่หยุด ราวกับต้องการให้ฉันขอร้องเขา
ฉันเม้มปากแน่น ก่อนจะพูดขอร้องออกไปว่า “หนูไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่คุณบอกว่าคุณรู้ คุณช่วยหนูเถอะนะคะ อย่างน้อยให้หนูรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากที่ไหนก็ยังดี” ฉันพูดในขณะกุมชายเสื้อของเขาไว้แน่นยิ่งกว่าเดิม
คุณฮีโร่ลูบหัวฉันเบาๆ “ผมคงบอกไม่ได้ว่าคุณหนูเป็นใคร เพราะนั่นเป็นแค่อดีตของคุณหนู แต่ถ้าผมช่วยคุณหนูมากกว่าที่ควร เรื่องมันก็จะยุ่งเอานะครับ” เขาตอบด้วยความร่าเริง
“หนูเป็นพวกตัวปัญหาเหรอคะ ทำไมถึงช่วยหนูไม่ได้” ฉันเอ่ยถามพลางเงยหน้ามองเขา
ผู้ชายคนนั้นพยักหน้ารัว “ใช่ครับ คุณหนูน่ะเป็นตัวปัญหาของใครบางคนฮ่าๆ เรื่องบางเรื่องผมก็ไม่ควรพูดจริงๆ นั่นแหละครับ โดยเฉพาะเมื่อตัวเองเป็นยิ่งกว่านั้น”
ฉันขมวดคิ้วงุนงง “หนูไม่เข้าใจค่ะ”
“ถ้าเข้าใจก็แปลกแล้วครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดพลางยีหัวฉันเล่นจากนั้นเขาก็นิ่งไป เอาแต่มองฉันตาปริบๆ พอเขาเห็นฉันมองเขาด้วยความหวัง เขาก็หัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
“คุณหนูคิดว่าผมเป็นพวกใจไม้ไส้ระกำ ทนเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กจิ๋วยืนตัวเปียก จนหนาวเหน็บตอนกลางคืนได้หรือครับ”
ฉันเบิกตากว้าง เงยหน้ามองเขาด้วยความดีใจ “หมายความว่าคุณฮีโร่จะช่วยหนูใช่ไหมคะ” ฉันถามอย่างมีความหวัง เขาไม่ตอบ แต่ยื่นมือมาสัมผัสหัวที่เปียกชุ่มของฉันอย่างอ่อนโยนแทน มีไออุ่นบางอย่างเคลื่อนเข้าสู่ร่างกายช้าๆ จนในที่สุดก็ไม่รู้สึกหนาวอีก
“จะพูดว่าช่วยคุณหนู หรือตัวเองดีนะ แต่ช่างมันเถอะครับ พวกเราไปกันเถอะ ขืนมัวชักช้า คุณหนูคงได้เป็นหวัดกันพอดี” เขาพูดแล้วก็จูงมือฉันเดินไปตามถนนที่มืดมิด
พวกเราเดินกันไปเรื่อยๆ จากถนนเปลี่ยววังเวง สู่ถนนสีทอง จากถนนสีทอง สู่เมืองศิวิไลซ์ แต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง จนกระทั่งพวกเราเดินไปถึงหน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง คุณฮีโร่ก็หยุดเดิน แล้วนั่งลงตรงหน้าฉัน
“ผมคงช่วยคุณหนูได้แค่นี้”
“ที่นี่คือที่ไหนคะคุณฮีโร่” ฉันถามพลางหันมองไปรอบตัวที่นี่เต็มไปด้วยบ้านเรือนมากมาย ทั้งขนาดเล็ก และขนาดใหญ่ แต่ฉันกลับไม่รู้สึกถึงคำว่า ‘บ้าน’ หรือ ‘อบอุ่น’ เลยสักนิด
“จะตอบว่ายังไงดี คงเป็นสถานที่ที่จะช่วยเหลือคุณหนูได้ต่อไปน่ะครับ” เขาพูดแล้วก็ลูบหัวฉันเบาๆ ด้วยความเอ็นดู “คุณหนูจะเติบโตเป็นผู้หญิงที่ดีมากๆ คนหนึ่ง ถึงชีวิตจะไม่ค่อยราบรื่น แต่คุณหนูไม่ต้องกังวล ผมเชื่อว่ายังไงคุณหนูก็ต้องผ่านมันไปได้ คุณหนูเข้าใจใช่ไหมครับ”
ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด แต่ก็พยักหน้าตอบไปอยู่ดี คุณฮีโร่เห็นแบบนั้นจึงหัวเราะ แล้วหยิกแก้มฉันเบาๆ จากนั้นก็โยกหัวฉันไปมา
หลังจากนั้นร่างของคุณฮีโร่ก็เหมือนจะจางหายไปต่อหน้าต่อตา ยิ่งกว่านั้นคือความทรงจำเกี่ยวกับเขาก็เหมือนจะเลือนหายไปพร้อมกันด้วย
ฉันจำใบหน้าของเขาไม่ได้ ทุกอย่างมันเลือนรางไปหมด
พอเขาหายไปแล้ว ฉันก็ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าคฤหาสน์นั่นสักพักหนึ่ง ก็มีผู้หญิงใจดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหา แล้วพาฉันเข้าไปในคฤหาสน์หลังโตที่คุณฮีโร่พาฉันมาทิ้งไว้
และหลังจากวันนั้น ฉันก็รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่สิ... ควรเรียกว่าได้มีตัวตนเป็นของตัวเองมากกว่า
ฉันคือ ‘ซัลวา จาบาล’ เด็กกำพร้าของบ้านเลี้ยงเด็กจาบาล
by Sasi K.don
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ