Fate/Blood มหาสงครามจอกศักดิ์สิทธุ์

9.2

เขียนโดย DarkJoker

วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 16.40 น.

  1 บท
  3 วิจารณ์
  3,373 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 16.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เริ่มต้น/ความเบื่อหน่าย/อดีต

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

.

.

"...ความโลภของมนุษย์..."

.

.

.

"....มักจะนำพาความหายนะมาสู่มนุษย์เอง..."

.

.

.

"....และความโลภในครั้งนี้...."

.

.

.

'จะพาความหายนะครั้งยิ่งใหญ่มาสู่เหล่ามนุษย์'

.

.

Holy Grail หรืออีกชื่อคือ จอกศักดิ์สิทธิ์ จอกศักดิ์สิทธิ์เป็นชื่อเรียกการต่อสู้เพื่อแย่งชิงจอกซึ่งเป็น เครื่องบันดาลความปรารถนา ที่ถูกอ้างอิงจากตำนานเก่าแก่ของศาสนาคริสต์ผู้ทีได้ครอบครองมัน......คือผู้ที่ได้ครอบครองปราณนาทั้งหมดทั้งมวลของตนเหล่าผู้ที่มีความโลภและกิเลศอันไร้ขีดจำกัด ต่างพากันเข่นฆ่าและแย่งชิงมันมาเพื่อสนองความ โลภของตน

 

     “บลาๆ...น่าเบื่อชะมัด...กะอีแค่ตำนานหลอกเด็กยังอุส่าห์เอามาทำเป็นนิยายอีกนะ...”ชายหนุ่มอายุราวๆ18ปีคนนึ่งในชุดประจำโรงเรียนสีน้ำตาลอ่อน ผมของสีดำสนิด สีหน้าที่กำลังแสดงออกถึงความผิดหวังและเบื่อหน่ายได้ปิดหนังสือที่ตนกำลังอ่านแม้ว่าเขาพึ่งจะเปิดอ่านเพียงหน้าเดียวก็ตาม

” Holy Grail ” 

     เป็นชื่อของหนังสือที่เขาอ่าน ซึ่งมันเป็นหนังสือขายดี ที่เหล่าผู้ชื่นชอบตำนานโบราณซื้อมาอ่านกันซึ่งมันกลับไม่ได้ทำให้ชายคนนี้รู้สึกสนุกหรืออินไปกับเนื้อเลยแม้แต่น้อย

     ชื่อของเด็กหนุ่มผู้นี้คือ โคโตมิเนะ คิโตเงะหรือชื่อเล่นก็คือ คิเงะ นักเรียนของวิทยาลัยโฮมุระบาระแห่งเมืองฟูยูกิ ประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นนักเรียนดีเด่นในทุกๆด้านไม่ว่าจะกีฬา วิท คณิตและอื่นๆเขามักจะโดดเด่นอยู่เสมอแม้ว่าตัวของเขาจะไม่ต้องการความโดดเด่นอะไรเลยก็ตามแต่

     “นี้เธอ! โคโตมิเนะเธอกำลังอยู่ในชั่วโมงเรียนนะ อย่าเอาสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวกับวิชาเรียนของชั้นขึ้นมาทำสิ!!!”อาจารร่างหอมแห้ง ผมตัดทรงแหวกกลางน่าตลก และสีหน้าที่ดูเหมือนคนอดยากที่ไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน พร้อมกับแวนตาทรงกลมที่ไม่ว่าจะดูอีกกี่รอบอาจารคนนี้นั้นก็เหมือนกับเด็กเนิร์ท คนนึ่งไม่ผิดเพี้ยน

     “.................เฮ้อ....”คิเงะหันไปมองทางต้นเสียงซึ่งก็คืออาจารย์ที่กำลังสอนในชั่วโมงอยู่อย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับถอนหายใจ”อาจารย์...ผมว่าคุณกำลังเข้าใจผิดอยู่นะ...ที่จริงผมเอาหนังสือนี้ขึ้นมาอ่านแต่ไม่ได้เอาอะไรขึ้นมาทำ..และแค่2วินาทีผมก็เลิกอ่านแล้วซึ่งไม่น่าจะมีผลอะไรกับการเรียนการสอนครั้งนี้และสุดท้าย...วิชาของคุณมันน่าเบื่อยิ่งกว่าหนังสือนี้อีก...”หลังจากที่คิเงะพูดจบในห้องกลับเงียบสนิดนักเรียนคนอื่นๆไม่กล้าแสดงความคิดเห็นอะไรต่อเลยแม้แต่นิดเดียว

     “หน่อย!!แก!!!ถ้าเบื่อนักก็ออกไปจากห้องนี้เลยไป”อาจารผู้สอนแสดงอาการโกรธจัดในทันทีพร้อมกับชี้ออกไปที่ทางประตูเพื่อเป็นการบังคับให้เขาออกไปจากห้องเรียนนี้

     “หึ.....กำลังรอประโยคนี้เลยละ”เหมือนกับคิเงะจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า เขาไม่พูดพร่ามฮัมเพลงลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างพร้อมกับหยิบกระเป๋านักเรียนและเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจใยดีสายตาของใครทิ้งไว้ซึ่งความโกรธของอาจารย์ผู้สอนที่ไม่พอใจกับการกระทำของคิเงะอย่างมาก

 

ณ ดาดฟ้าของวิทยาลัย

     “ถึงจะน่าเบื่อแต่ก็ยังดีกว่าฟังหมอนั้นบ่นแต่เรื่องวิชาง่ายๆละน้า”ในทันทีที่พูดจบคิเงะได้ทิ้งตัวลงนอนกลางดาดฟ้านั้นโดยใช้กระเป๋าของตนเองในการหนุนหัว

สายลมค่อยๆไหลมาดังกระแสน้ำอ่อนๆ แสงแดดที่ไม่ร้อนและสว่างจนเกินไปบรรยากาศที่สงบ ทำให้คิเงะที่กำลังเบื่อหน่ายเผลอหลับไปในทันที

ภาพต่างๆในอดีตของคิเงะเริ่มจางขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยภาพเรื่องราวอันเน่าเหม็นและเจ็บปวดของเขานั้น

ในฝันนั้น

.

     คิเงะได้เฝ้ามองตนเองในวัยเด็กที่ไม่ได้ทุกข์ยากอะไรแม้แต่น้อย ซ้ำร้ายคิเงะนั้นยังมีฐานะในตระกูลที่ร่ำรวยเสียอีก

โคโตมิเนะ ถือว่าเป็นตระกูลนักเวทย์โบราณที่ยังคงสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่เกิดในตระกูลนี้จะได้รับการแต่งตั้งเป็นจอมเวทย์ระดับสูงแม้แรกเกิด แต่กลับกันคิเงะนั้นไม่ได้ชอบหรือภูมิใจที่เกิดในตระกูลนี้แม้แต่น้อย

     ตัวเขาที่เฝ้ามองแต่ผู้นำตระกูลโคมิเนะคนที่แล้วหรือก็คือโคโตมิเนะ คิราอิพี่ชายของเขารู้สึกชื่นชมและอิจฉาในตัวของพี่ที่เก่งกว่าเขาในทุกด้านๆและมีความสุขกับชีวิตต่างจากเขาที่แม้จะเก่งในทุกด้านเหมือนกันแต่ก็ยังเป็นรองแค่พี่และไม่เคยมีความสุขกับอะไรเลย

...แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นมุกตลกร้าย...

     คิเงะได้ล่วงรู้ความจริงเกี่ยวกับการขึ้นเกี่ยวกับการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำตระกูลก่อนวัยของคิราอิ เมื่อสามปีก่อนสาเหตุการเสียชีวิตของแม่และพ่อของพวกเขาไม่ได้เป็นเพราะอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่อย่างใด

     แต่เป็นเพราะคิราอิที่ต้องการที่จะควบคุมตระกูลให้เป็นไปตามที่เขาต้องการ เลยต้องวางแผนการสังหารพวกเกะกะที่น่าจะเป็นตัวทำให้แผนของเขานั้นล้ม ซึ่งก็คือผู้ที่ให้กำเนิดเขา พ่อและแม่ของตนนั้นเอง 

ในคืนนั้น

 ในคืนที่คิเงะได้รู้ถึงความจริง เขาไม่ต้องคิดอะไรให้มากความเลย เขาได้พยายามที่จะหนีออกจากปราศาทแห่งนี้

     “คิเงะ”เสียงที่ดูอบอุ่นแต่แฝงความมืดมิดในจิตใจของชายผู้นึ่ง กล่าวเรียกชื่อของผู้เป็นน้องอย่าง สนิดสนม

     “พ....พี่ฮะ!!”เพียงชั่วอึดใจ แม้จะมองเห็นไม่ชัดเพราะเป็นตอนกลางคืนแต่ เสียงที่คุ้นเคยที่เรียกตัวเขาทุกวันนั้นไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร

     “นี้ก็ดึกมากแล้วนะจะออกไปไหนละหืม”ชายเจ้าของเสียงค่อยๆเดินออกมาจากมุมมืดเภยให้เห็นร่างของเขา โคโตมิเนะ คิราอิ

      “ผะ!!!..ผมแค่จะออกไปเดินเล่นข้างนอกเท่าไหร่เอง พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า”ในทันทีที่เขาพูดจบก็ได้เดินมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่พยายามสบตากับคิราอิ

     “งั้นหรา....ว่าแต่คิเงะ เมื่อกี้น่ะเหมือนมีคนจะแอบมาฟังพี่พูดธุระกับพวกลุงๆด้วยละ เห็นบางหรือป่าว”ในทันทีที่คิราอิพูดจบคิเงะถึงกับหยุดชะงักโดยทันทีเพราะว่าคนที่แอบฟังนั้นก็คือตัวของคิเงะนั้นเอง

     “.....ผะ...ผมจะไปรู้หรือไงผมเคยไปที่ห้องทำงานของพี่ไหมละ!!”คิเงะเริ่มพูดแก้สถานะการณ์โดยทันทีแม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะดูลุกลีลุกลนก็ตามที

     “งั้นหรา อืมขอบใจแล้วกันนะที่ไม่ค่อยได้ช่วยพี่เท่าไหร่ฮะฮะ”พูดจบ คิราอิก็ใช้มือขวายื่นนิ้วซ้ายออกมาเกาแก้มเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มแห้งๆ

     “ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วผมขอตัวละ”พูดจบคิเงะก็รีบเดินไปทางประตุเพื่อที่จะได้หนีออกไปจาสถานที่นี้และชายผู้นี้

แต่ว่า

     “โอ๊ะ! เดียวก่อนสิคิเงะ”อิคาริพูดดักคิเงะที่กำลังเดินอยู่ซึ่งถึงกับทำให้คิเงะนั้นไม่สามารถก้าวขาเดินออกไปข้างหน้าได้เลย”พี่ว่าพวกเราก็ไม่ได้เล่นกันมานานแล้วนะ มาเล่นกันสักหน่อยไหมละ”

     “ละ.....เล่นหรอ”น้ำเสียงของคิเงะเริ่มสั่นหวาดกลัวเล็กๆหน่อยๆ

     “อืมๆ มาเล่นกันสักนิดไหมละ?”คิคาอิ ยื่นมือซ้ายร่วงเข้าไปในเสื้อโค้ทที่เขาสวมอยู่เพื่อหยิบอะไรบางอย่าง

     “ผมไม่ว่างมาเล่นไร้สาระเสียเวลาหรอกนะ!!”ในทันทีที่พูดจบคิเงะไม่พูดพร่ามเขารีบเร่งฝีมือให้สูงขึ้นโดยไม่สนใจคำพูดของคิราอิอีกต่อไป

     “ไม่เป็นอะไรหรอกการเล่น นี้น่ะแค่3นาทีก็จบแล้วละ”คิราอิเริ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับก้าวขาช้าๆเดินไปหาคิเงะ”แล้วก็มันเริ่มแล้วสะด้วยสิ”

     “!!!”ในทันทีที่สิ้นสุดประโยคสุดท้ายของคิราอิช่วงอกของเขาเหมือนกับมีอะไรยื่นออกมามันมีสีเงิน ปนกับสีแดงฉานและไม่กี่วินาทีจากนั้นเขาก็ได้รู้แล้วว่าสิ่งที่ยื่นออกมานั้นคือมีดขนาด2เมตรที่ทิ่มแทงจากด้านหลังทะลุมาช่วงอกของคิเงะเอง”..อั่ก...อ้าก!!!!!’

เมื่อรู้สึกตัวความเจ็บปวดก็แร้นเข้ามาอย่างฉับพลั้นมันเป็นความเจ็บปวดอันแสนสาหัส

     “ฮะฮะเป็นอะไรหรือป่าวคิเงะ”คิราอิ มองคิเงะด้วยสีหน้าที่ห่วงใยแม้ว่าเขาจะเป็นปามีดนั้นใส่คิเงะก็ตาม

          ”พี่ว่าเรามาจบการเล่นนี้ดีกว่าเนอะ”ในทันทีที่ พูดจบคิราอิก็ได้ใช้ผลักให้คิเงะล้มลงไปนอนให้ด้านหน้าระนาบลงกับพื้นและใช้ส้นเท้าตอกใส่ก้นมีดที่ยังแทงหลังของคิเงะอยู่ให้ทิ่มทะลุเข้าลึกไปจนฝังกับพื้นสร้างความเจ็บปวดที่ทำให้คิเงะนั้นทั้งร้องไห้และร้องไม่เป็นภาษาด้วยความเจ็บที่มากขนาดไม่เคยได้รับมาก่อน

     “ทำไม!!ทำไม!!”คิเงะพยายามที่จะทนความเจ็บที่มหาศาลนี้เพื่อคุมสติและพยายามถามคำถามกับตนเองและคิราอิ

     “........นี้ๆคิเงะรู้หรือป่าว”คิราอิไม่ได้ตอบคำถามนั้นแถมยังใช้เท้าซ้ายยันศีรษะ ของคิเงะเอาไว้”ก่อนที่คุณพ่อและคุณแม่จะเสียชีวิตน่ะ...พวกนั้นเอาแต่พูดชื่อนายจนน่ารำคาญเลยละ”เมื่อพูดจบคิราอิก็ได้หยิบมีดอีกเล่มที่มีขนาดเท่ากับเล่มแรกออกมาจากข้างในเสื้อโค้ทพร้อมกับควงมันเล่นก่อนที่ก้มตัวลงและใช้มือซ้ายยิกผมของคิเงะขึ้นมาเล็กน้อย

“ลาก่อนนะ ไอ้น้องรัก”

.

.

.

*****************************

     “!!!!!”กลับมาที่โลกแห่งความเป็นจริง คิเงะสะดุ้งเล็กน้อยตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่แสนทุกข์ทรมานโดยที่เขาได้ตื่นขึ้นมานั้นเพราะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจิ้มแก้มของเขาเบาๆจนทำให้เขาตื่น

     “เย้ ในที่สุดก็ตื่นสะทีนะ”น้ำเสียงที่ดูสดใจอ่อนโยนของหญิงสาวคนนึ่งซึ่งกำลังนอนอยู่ๆข้างตัวของคิเงะซึ่งเธอมีผมเหลืองอ่อนออกไปทางส้มเล็กน้อย สวมเสื้อประจำวิทยาลัยหญิง

     “ยุยเองหรอกหรอ”คิเงะลุกขึ้นมานั่งและหันไปมองหญิงสาวที่ชื่อว่ายุยหรือโทซากะ ยุยเธอเป็นนักเรียนดาวเด่นของวิทยาลัยซึ่งความสวยและน่ารักบวกกับนิสัยที่อ่อนโยนมากๆนั้นทำให้เป็นที่หมายตาของคนในวิทยาลัยและที่อื่นเป็นประจำ”ว่าแต่เธอมาทำอะไรที่นี้ละเนี้ย...หรือว่าโดดเรียน”

     “ไม่ใช่สักหน่อย! เพราะว่านี้มันตอนพักเที่ยงแล้วตั่งหากละ”ยุยพูดเสร็จก่อนที่จะทำหน้ามุ้ยเพราะว่าถูกเข้าใจผิดว่าโดดเรียนเหมือนกับคิเงะ

     “เดียวนะ....ถ้าเธออยู่ที่นี้ละก็ไอ้เจ้าพวกนั้นก็......”พูดจบคิเงะก็ได้หันมองด้านหน้าซึ่งมีกลุ่มผู้ชายสามคนกำลังนั่งกินอาหารกลางวังพิงตาข่ายที่ติดรอบๆดาดฟ้าซึ่งเมื่อชายสามคนนึ่งเห็นคิเงะนั้นหันมามองพวกตนก็ได้ยกมือทักทายอย่าง สนิดสนม

     “อ่า.....ให้ตายสิน่ามากันจนได้....1ในสามสิ่งที่ทำให้ชีวิตของชั้นไม่น่าเบื่อน่ะ”คิเงะยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะลุกขึ้นมายืนและเดินไปหาทางชายสามคนนั้น

 

****************

บทต่อไป ชะตากรรม/พลักผัน/ของฝาก

*************

 

 

วู่ว!!!!! ในที่สุดก็อัพเสร็จแล้วขะรับท่านผู้อ่านทั้งหลายกับนิยายเรื่องใหม่นี้ ผมเชื่อว่าถ้าทุกคนมาเป็นกำลังใจให้โปรเจทนี้จะจบอย่างแน่นอนครับ ยังไงก็ฝากติดตามผลงานนี้และผลงานอื่นๆด้วยนะครับ >w<b !!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา