Dare to Die กล้าเข้ามาก็ต้องกล้าตาย

9.5

เขียนโดย Popete

วันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 22.57 น.

  3 ตอน
  10 วิจารณ์
  6,606 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 มกราคม พ.ศ. 2558 23.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ตอนที่ 2 : บ้านร้าง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2 : บ้านร้าง

               “หนาวจังเลย ทำไมลมต้องมาพัดแรงตอนนี้ด้วยวะ” นิสัยขี้กลัวของลาเต้เริ่มกำเริบอีกแล้ว

                “นี่นายหยุดพล่ามสะทีเถอะฉันรำคาญ” จีเอ่ยอย่างไม่พอใจ แต่ใจจริงแล้วเธอก็ไม่ได้โกรธลาเต้สักเท่าไหร่

                ทันทีที่เบอร์ดี้ก้าวเข้ามายังสถานที่แห่งเธอก็ไม่วางมือจากกล้องถ่ายรูปของเธอ เธอพยายามถ่ายให้ได้ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้

                ตอนนี้ทั้งห้าอยู่ที่สวนหน้าบ้าน ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่..แต่ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย..พื้นสวนเป็นพื้นดินที่แห้งกรัง..ไร้หญ้าสีเขียวที่ปกปิด

                “เอาหละ เราจะแยกกัน เบอร์ดี้เธอคอยถ่ายรูปไปละกัน..เออ ถ่ายวิดีโอด้วยก็ดีนะ ส่วนจีมากับฉันเราจะไปเล่นผีถ้วยแก้วข้างในบ้าน..เอ่อ..และมิดฟิลด์กับลาเต้ พวกนายสองคนไปสำหรวจบ้านละกันจะได้เอามาเขียนเป็นเรียงความถูก”

                ทุกคนเข้าไปในบ้านพร้อมกัน บ้านไม่ใช่บ้านทรงไทย แต่เป็นบ้านที่เกือบจะเป็นคฤหาสถ์ น่าจะเป็นของคนรวยสมัยก่อน

                ไลท์ผักประตูบานใหญ่เข้าไป แสงไฟจากข้างนอกทำให้ข้างในมีแสงเรไรอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งมันผ่านรอกรูกระจกเข้ามา..ดวงไฟในบ้านหลังใช้ไม่ได้เลยสักดวง

                “งั้นฉันกับจีจะอยู่ที่ห้องโถงตรงนี้ส่วนคนอื่นจะไปไหนก็ได้”

 

                เบอร์ดี้เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง..เธอไม่อยากขึ้นมาเลยแต่มันเป็นหน้าที่ เพราะถ้าเธอไม่มีรูปกลับไปจะโดนไลท์ด่าแน่ๆ..เธอรู้สึกกลัว แต่เธอพยายามบอกตัวเองว่า ‘ผีหนะ ไม่มีจริงหรอก’ อยู่เสมอ..บรรยากาศในบ้านหลังนี้มันมืดเสียจริง เธอเลยควักไฟฉายที่เตรียมมาจากกระสะพายหลังของเธออกมา และเธอก็จัดการถ่ายรูปด้วยมือข้างเดียวของเธอที่เหลืออยู่ ด้วยความกลัวจึงทำให้ภาพสั่น แต่เธอก็เธอพยายามสงบสติอารมณ์แล้วพยายามถ่ายรูปพลางเดินต่อไป ทางเดินเป็นทางยาวประกอบด้วยหลายๆห้องที่เรียงรายกันอยู่ มีโคมเทียนติดอยู่ตามผนัง แต่เทียนส่วนใหญ่ก็ละลายหมดแล้ว

               เธอเดินจนเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องหนึ่ง เธอตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปในห้องด้วยความกลัว..คาดว่าคงเป็นห้องทานข้าว มีโต๊ะยาวตั้งอยู่กลางห้องและเก้าอี้เรียงรายเป็นระเบียบ ไม่ต่างอะไรจากข้างนอก มีโคมเทียนติดอยู่ตามผนังห้อง แต่แล้วเธอก็ไปสะดุดตากับหนังสือเล่มนึงที่วางอยู่บนโต๊ะที่มุมห้อง..เธอเดินตรงไปเพื่อที่จะดูสมุดนั้น เธอเปิดมันออกเพื่อที่จะอ่านมัน

                นี่มันไดอารี่หนิอ่านหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไร

               เธออ่านอย่างรีบๆ คร่าวๆ เพื่อที่เธอจะได้ไปถ่ายจุดอื่นๆของบ้านหลังนี้ได้ต่อ..แต่แล้วสายต่อของเธอมาสะดุดอยู่ที่หน้าสุดท้ายของไดอารี่เล่มนี้..เหงื่อของเธอเริ่มใหลพรากเนื่องจากความกลัว

               วันที่เสาร์ที่ ๑๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๔๘

               วันนี้มีแขกไม่ได้รับเชิญห้าตนมาเยือนที่นี่ พวกเขาเข้ามาสำหรวจบ้านหลังนี้มีจุดประสงค์อะไรก็ไม่รู้ พวกเขาหวังว่าจะออกไปจากบ้านหลังนี้ได้แต่..ไม่มีทาง !! ตอนนี้ฉันกำลังเฝ้าดูเด็กสาวตัวเล็กน่ารักที่มาอ่านไดอารี่ของฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตที่เก้าอี้ทานข้าวตัวที่สาม และกำลังคิดว่าโทษฐานที่เธอคนนั้นเปิดอ่านไดอารี่ของฉันโดยพละการจะเป็นยังไงดี..ทำให้เธอพิการดีไหม..หรือฆ่าเธอเลยดี..

               กรี้ดดดดด !!!

               เบอร์ดี้กรีดร้องออกมาด้วยความกลัวพลางหันขวับไปมองที่โต๊ะกินข้าวเก้าอี้ตัวที่สาม..ผีสาวแสยะยิ้มให้อย่างน่าขยะแขยง “กรี้ดดดดด!!!”

               เบอร์ดี้วิ่งหนีโดยไม่คิดชีวิต..แทนที่เธอจะวิ่งลงบันได..แต่เธอกลับวิ่งไปอีกทางซึ่งที่ขึ้นไปยังชั้นสาม..ตอนนี้เธอกลัวจนไม่สามารถสั่งการสมองเธอได้

               กรี้ดดด !! มันคือผีจริงๆหรอเนี่ย !!

               “กรี้ดดด!! อย่าตามมานะ” เบอร์ดี้วิ่งไม่คิดชีวิตขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลไปยังชั้นสามของคฤหาสถ์แห่งนี้เข้าไปยังห้องห้องหนึ่ง..มันคือห้องน้ำนั่นเอง

               ทำไมมันเหม็นอย่างงี้อย่างกับซากคนตาย..

               พอเธอพบว่ากลิ่นนั้นมาจากหลังม่านที่กั้นปิดบังเวลาอาบน้ำ..เธอเปิดมันออกด้วยความรวดเร็ว

               “กรี้ดดด !! ไม่เอาด้วยแล้ว ฮือๆๆ” ปรากฎว่าต้นตอของกลิ่นเน่านั้นคือซากมนุษย์ที่ถูกสับแยกเป็นส่วน..เลือดสาดกระจายไปทั่วบริเวณ..พร้อมกับศรีษะที่ไร้ลูกตากำลังแสยะยิ้มให้เธออยู่..เธอรีบวิ่งออกมาจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว..ด้วยความกลัวที่มีสุดใจ..

 

               ทางฝั่งของลาเต้กับมิดฟิลด์

               เด็กหนุ่มทั้งสองสำหรวจบ้านหลังนี้อย่างกล้าๆกลัวๆ..จนพวกเขาเดินไปพบกับบันไดซึ่งเป็นบันไดลงไปยังใต้ดิน

               “เต้เราลงไปชั้นใต้ดินกัน” มิดฟิลด์เสนอพลางหยิบไฟฉายออกมาใช้เพื่อทำให้บริเวณที่พวกเขายืนอยู่สว่างขึ้น

               “ไม่เอาอะมิดฟิลด์กลับกันเถอะ” ลาเต้เอ่ยพลางไปเกาะหลังเพื่อนด้วยความกลัว

               “อะไรวะ ถ้าแกไม่ไป ฉันจะทิ้งแกไว้ตรงนี้นะ”

               “เห้ยๆ ไปด้วยก็ได้” ลาเต้เอ่ยพลางดกาะตามหลังเพื่อนของตนไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ทั้งสองเดินลงมายังห้องโถงล่างใต้ดินซึ่งประกอบไปด้วยหลายๆห้อง มิดฟิลด์จึงนำเพื่อนของตนเข้าไปยังห้องห้องหนึ่ง

               “นี่มันห้องเด็กนี่หว่า ไหงห้องของเด็กมาอยู่ใต้ดินได้วะ” มิดฟิลด์เอ่ยพลางกระชับไฟฉายในมือให้แน่นส่องไปรอบๆห้องพลางเดินสำหรวจไปด้วย ในห้องประกอบไปด้วยของเล่นเด็กหลากชนิดและตู้หนังสือที่มีหนังสือเรียงรายกันสิบกว่าเล่ม

               ระหว่างที่มิดฟิลด์ขยับไฟฉายไปมานั้นเพียงชั่ววูบเหมือนเขาจะสะดุดสายตากับอะไรบางอย่าง เขาหันไฟฉายไปส่องสิ่งนั้นอีกที..ตุ๊กตาพลาสติกสาวน้อยที่ตั้งอยู่บนเชลฟ์หนังสือนั่นเอง

               ตอนนี่ลาเต้เกาะอยู่หลังมืดฟิลด์กลัวจนตัวสั่นทื่อเนื่องความเกร็ง เขามองไปรอบๆห้องด้วยความรู้สึกระแวง เพียงชั่ววูบที่มิดฟิลด์หันไฟฉายไปอีกทางแล้วหันกลับมาที่ตุ๊กตาตัวนั่นใหม่..มันหายไปแล้ว !!..มันหายไปไหน..เหงื่อของมิดฟิลด์เริ่มจะผุดออกมาจากผิวของเขาด้วยความกลัว เขาค่อยๆถอยหลังพร้อมกับลาเต้ที่ถอยหลังตามไปด้วย..เตรียมพร้อมที่จะหนีได้ทุกเวลา

               “โอ้ย!! นี่เราเหยียบอะไรวะ” ลาเต้บ่นพลางมองไปยังขาขวาของเขาที่เหยียบไปบนอะไรสักอย่างข้างหลังเขา..มันคือตุ๊กตาตัวนั้นแสยะยิ้มให้อย่างน่าขยะแขยง

               “เห้ย !! หนีเร็ว !!” ลาเต้ไม่รอช้ารีบวิ่งไปที่ประตูที่เปิดคาอยู่แต่แล้ว

               ปัง !!! ประตูกลับปิดลงอย่างแรง !! เกือบจะปิดทับนิ้วลาเต้สะแล้ว ถ้าเขายื่นนิ้วไปอีกนิด..นิ้วเขาคงขาดไปแล้ว

               “เห้ยนี่มันอะไรวะ เปิดดิวะ เปิด !!” ลาเต้พยายามที่จะเปิดประตูแต่มันก็เปิดไม่ออก เหงื่อของเขาเริ่มใหลพรากเนื่องจากความกลัว

               “เห้ย !! เต้ !!” มิดฟิลด์ส่องไฟฉายไปยังตุ๊ตาตัวเมื่อกี้ ตุ๊กตายืนขึ้นราวกับมีชีวิตพร้อมกับมีดอาบเลือดอันคมแหลมถือชี้มาทางพวกเขาสองคน

               “อยู่เล่นด้วยกันสิคะ..พี่ๆ..หนูเหงาจังอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนเล่นด้วยเลย” ไม่รอช้าตุ๊กตาตัวนั้นค่อยๆเดินอย่างช้าๆตรงมายังพวกเขาทั้งสอง

 

               ทางฝั่งไลท์กับจี

               “เอาหละนะฉันจะจุดธูปหละนะ” จีเอ่ยพลางจุดธูปไหว้แล้วนำควันใส่เข้าไปในแก้วใบเล็กที่เธอเตรียมมาแล้วเธอก็คว่ำลงบนกระดาษที่เธอขีดเป็นตารางตัวอักษรไว้เรียนร้อยแล้ว เนื่องจากมันเป็นกระดาษที่เธอใช้มาตั้งแต่สมัยประถม หมึกจึงจะจางไปนิดหน่อย

               “ตั้งจิตอิฐานและสมาธิให้มั่นนะไลท์แล้ววางนิ้วลงบนแก้วเบาๆ” จีเอ่ยพลางสงบสติอารมณ์สักพักแล้วเธอจึงวางนิ้วเธอลงบนแก้วใบเล็กพร้อมกับไลท์

               “อย่าลืมนะไลท์ อย่าดึงนิ้วออกกลางคัน แล้วอย่าเปิดแก้วให้ควันออกจากแก้วเด็ดขาด” จีเตือนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เธอจะเริ่มไถ่ถามวิญญาณ แต่ดูเหมือนไลท์จะทำหน้าเบ้ไม่เชื่อที่จีเตือนสักเท่าไหร่

               “คุณใช่วิญญาณในบ้านหลังนี้หรือไม่” แก้วนั้นเลื่อนอย่างช้าๆไปที่คำว่าใช่ ทำเอาไลท์ขนลุกขึ้นมาเลยทีเดียว ทั้งสองเลื่อนแก้วกลับมายังที่พัก

               “จะ..จี..เธอขยับมันใช่มั้ย” ไลท์เอ่ยด้วยเสียงที่ตะกุกตะกักเนื่องจากความตกใจ..เขาไม่เคยคิดว่า..ผีมีจริง

               “จะบ้านหรอไลท์..นี่มันผีจริงๆ” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถะ ไลท์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเชื่ออยู่ดี

               “บ้านนี้เป็นบ้านที่มีผีเฮี๊ยนตามคำล่ำรือจริงรึเปล่า” คราวนี้ไลท์เป็นคนถามบ้าง แก้วนั้นไม่ขยับ มันเกิดอะไรขึ้น !!

                “ที่นี่มีผีกี่ตัว” จีเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ แก้วนั้นไม่ขยับ ผีไม่ตอบหรือว่าผีเองก็ไม่รู้กันแน่

                “เห็นมั้ย เธอต้องเป็นคนขยับมันแน่ๆ รอบหลังถึงไม่ขยับแบบนี้” ไลท์เอ่ยอย่างสงใสไม่น้อย

                “ฉันปล่าวนะไลท์” จีพูดความจริงออกไป..ใช่แล้วเธอไม่ได้ขยับแก้วเลยแม้แต่น้อย

               “ถ้ามีสิ่งมีชีวิตเข้ามา..จะไม่มีวันได้ออกไป จริงหรือไม่” แก้วนั้นเลื่อนช้าๆไปยังคำว่าใช่ !!

               “ตะ..ตาย !! กรี้ดดด !!” จีกรีดร้องด้วยความตกใจพลางชักนิ้วออกจากแก้วอย่างรวดเร็วด้วยความยั้งคิด

               “เห้ย !! จี !!” ร่างของจีลงไปนอนกระตุกอย่างรุนแรง..ราวกับว่าจะชักตายให้ได้

               ซวยแล้วไง !!

               อยู่ๆร่างของจีก็หยุดสั่น..เธอลืมตาเบิกโพลงมองมาทางไลท์ด้วยความโกรธแค้น..ไม่รอช้าเธอหันไปคว้าคัตเตอร์ที่อยู่ในกระเป๋าของเธอออกมา..แล้วพุ่งมายังไลท์

               “เห้ยอย่านะ !!” ไลท์เอ่ยพลางจับมือของจีทั้งสองข้างไว้..ไม่สิ..นั่นไม่ใช่จี..มันคือผีของบ้านหลังนี้

               มะ..มันมีจริงๆด้วย..ผะ..ผีมีจริง !!

               “แกตาย !!!”

               “เห้ย ช่วยด้วย !!!”

 

               ฉันจะไปทางไหนดี !!

               “กรี้ดดดด !!” เธอมองไปยังบันได..ผีสาวตัวเดิมกำลังเดินขึ้นมาอย่างช้าพลางลากโซ่เหล็กมาด้วย..เธอวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปอีกทางแต่แล้วเธอกลับสะดุดขาตัวเอง

               “โอ๊ย !! ฮือๆ” เธอล้มหน้าไถลไปกับพื้น..ฟันของเธอเฉาะไปกับพื้นอย่างแรงจนเลือดไหลกลบปากของเธอ..ข้อเท้าเธอแพลง เธอลุกไม่ขึ้น !! กล้องถ่ายรูปที่ห้อยคอเธออยู่..มันแตกละเอียด..แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะเก็บส่วนที่สำคัญที่สุดไว้..ส่วนหน่วยความจำ..ผีสาวค่อยๆเดินตรงมายังเธอ เบอร์ดี้ดิ้นรนพยามยามจะคลานหนีไป..แต่ไม่ทันแล้ว !!

               “จะไปไหนสาวน้อย มาให้สั่งสอนซะดีๆ !!” ผีสาวตวาดลั่นพลางหวดโซ่เหล็กไปที่หลังของเธอแบบเต็มๆ พัวะ !!

               “กรี้ดดดด !!” เลือดได้ซึมออกมาจากเสื้อผ้าของเธออย่างมหาสาร..ปวดร้าว..ความรู้สึกเหมือนจะตาย

               “ฮือๆๆ ช่วยด้วย !!”

               “เมื่อกี้สำหรับที่เธอเปิดไดอารี่ของฉันโดยพละการ..และรู้ใช้มั้ย ถ้าเข้ามาในบ้านหลังนี้หนะ..เธอจะไม่มีวันได้ออกไปแน่ !!..เห็นศพในห้องน้ำแล้วสินะ..นั่นแหละจุดจบของชีวิตเธอ !!”

               “กรี้ดดดดดดด !!!” ผีสาวจับขาข้างนึงของเธอแล้วลากเธอไปตามทางลงบันไดไปยังชั้นสอง ร่างของเบอร์ดี้ถูกกระแทกยามลงบันไดแต่ละกัน..ตอนนี้เธอไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว

               “ก้ากกกกๆๆ ฮ่าๆๆ!!!!”

 

               สร้อยพระอยู่ในกระเป๋า..จะเอาไปออกมายังไง

               ไลท์พยายามคิดหาทางไปเอาสร้อยพระในกระเป๋าของเขาออกมาให้ได้ เพื่อหวังว่าจะไล่ผีที่สิงร่างของจีอยู่ออกไปได้

               ไลท์ผลักจีด้วยแรงกำลังเท่าที่มี..มันได้ผล..เธอกระเด็นล้มลงไป..ไลท์รีบกระโจนทันทีไปที่กระเป๋าของเขา..เขาหาสร้อยพระด้วยความเร่งรีบ..เขาเจอมันแล้ว !!

               ฉึบ !! โอ้ย !!

               คัตเตอร์อันแหลมคมได้เสียบทะลุหลังของไลท์..เขารีบหันไปเขวี้ยงสร้อยพระใส่..มันได้ผล !! ผีกรีดร้องด้วยความทรมานพลางชักคัตเตอร์ออกจากตัวไลท์อย่างรวดเร็ว..และอยู่ๆจีก็สลบไปอีกครั้ง

               จะทำยังไงดี..ทุกอย่างไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย..ผะ..ผีมันมีอยู่จริง..และนี่เรามาทำบ้าอะไรเนี่ย..พาทุกคนเข้ามาเสี่ยงกันแบบนี้

               แผลที่เกิดจากการที่โดนคัตเตอร์แหลมเสียบทำให้เขาขยับตัวแทบไม่ได้..ถ้าเขาขยับแผลก็จะยิ่งฉีกแต่เขาไม่มีทางเลือก..เขาจะต้องขึ้นไปช่วยเบอร์ดี้..เขารู้ว่าเบอร์ดี้กำลังตกอยู่ในอันตราย..เขาจึงตัดสินใจทิ้งจีที่นอนสลบอยู่ไว้ตรงนั้นแล้วตัดสินใจลุกตัวขึ้นแล้วขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง..ตามคราบเลือดไปยังห้องห้องหนึ่ง

 

               “ทำยังไงดีวะ ประตูเปิดไม่ออก !!” ลาเต้พยายามเปิดประตูด้วยความกระวนกระวายหรือความกลัวตายนั่นเอง

               “เต้ ถอยไป” เมื่อความกลัวหรือตกใจครอบงำจิตใจมนุษย์ทำให้สารอดรีนะลีนหลั่งออกมามีอยู่สองมีสองหนทางให้เลือก จะสู้ หรือ..จะหนี

               ปัง !!

               มันได้ผล !! ประตูถูกทำลายออก

               “เห้ย !! ทำได้ไงวะ” ลาเต้เอ่ยด้วยความสงใส

               “ไม่มีเวลาแล้ว หนีเร็วเหอะ” มืดฟิลด์เอ่ยพลางวิ่งหนีสุดชีวิตออกมาจากห้องและขึ้นบันได้มายังชั้นปกติพร้อมกับลาเต้ที่วิ่งตามมาด้วย

               “หนีงั้นหรอ ไม่ให้หนีหรอกนะ คิกๆ” ตุ๊กตาสาวหัวเราะคิกๆพลางเดินตามออกมาอย่างช้าๆ

               พวกเขาทั้งสองวิ่งหนีมางยังห้องโถง และตกใจกับสิ่งที่เห็น

               “เห้ย !! จี !!” มิดฟิลด์เอ่ยพลางเข้าไปเอานิ้วทาบตรงจมูก..เธอยังหายใจ !!

               “เบอร์ดี้กับไลท์หละ” ลาเต้เอ่ยอย่างกระวนกระวายพลางมองไปรอบๆเพื่อหาไลท์กับเบอร์ดี้ แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับสิ่งสิ่งนึง..ตุ๊กตาสาวยังไม่เลิกไล่ตาม..ตอนนี้เธอกำลังมุ่งหน้ามาที่ห้องโถง !!

               “มิดฟิลด์หนีกันเถอะ !!” ลาเต้สกิดมิดฟิลด์พลางชี้ไปยังตุ๊กตาตัวนั้น

               “แล้วไลท์กับเบอร์ดี้หละ..จะทิ้งพวกเขาไว้มนนี้เหรอ”

               “ตุ๊กตามันตามเรามาแล้วนะ เราจะไม่รอดก่อนหนะสิ !!” ลาเต้ตวาดลั่นพลางวิ่งออกจากบ้านไป พร้อมกับมิดฟิลด์ที่แบกจีวิ่งตามไปด้วย พวกเขาออกมาจากบ้านหลังนั้นได้สำเหร็จ

               “เหนื่อยว่ะ” ลาเต้บ่นพลางหอบเนื่องจากความเหนื่อย

               “จบสักทีเนอะ” มิดฟิลด์เอ่ยอย่างรู้สึกโล่งอก

               “เดี๋ยวหนูจะตามไปเล่นกับพวกพี่นะคะ คิกๆ” เสียงของตุ๊กตาสาวโผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ รู้แค่ว่าคำพูดของตุ๊กตาสาวทำเอาสีหน้าของลาเต้กับมิดฟิลด์เสียเลยทีเดียว

 

               “เอาหละจะสับส่วนไหนก่อนดีนะ” ผีสาวครุ่นคิดอย่างหนักพลางแกว่งมีดสับหมูในมือไปมา เบื้องหน้าคือเบอร์ดี้ที่อยู่ในสถาพที่ถูกมัดข้อมือไว้กับฝาผนังทำให้ตัวเธอลอยขึ้น

               “ฮือๆๆ ฉันขอโทษ ปล่อยฉันไปเถอะ” เบอร์ดี้กล่าวอ้อนวอนชีวิต แต่ไม่มีท่าทีว่าผีสาวจะไว้ชีวิตสาวน้อลเลยแม้แต่น้อย

                “เงียบ !! กล้าเข้ามาก็ต้องกล้าตาย !!” ผีสาวตวาดลั่น

               “หยุดนะ !!” ไลท์ตะโกนจากหน้าห้องพร้อมกับชี้กระบองเหล็กที่อยู่ในมือชี้มายังผีสาว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.4 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา