นาคาจตุรวงศ์

          นาคราชทั้งสี่ได้ออกมาพบเหล่าบรรดาบริวารที่เป็นลูกหลานของตนเองแล้วเรียกรวมพลกันปรึกษาหาผู้ที่เหมาะสมที่จะเข้ารับพระบัญชาจากองค์มหาราชจอมนาคา ต่างก็ไม่รู้จะเลือกใครจึงจำใจเลือกเอาโอรสธิดาของตนเองมาเป็นตัวแทนเพื่อการครั้งนี้ เนื่องจากพวกเขายังคงมีบุญญาบารมีที่สั่งสมมาเก่าก่อนคงพอช่วยเหลือตนเองขณะที่เดินทางไปทำภารกิจที่เมืองมนุษย์ได้

          และเมื่อได้เวลารวมพลท่านท้าวก็ออกมาที่ห้วงมหาสมุทรแทนการเข้าไปสนทนากันที่ถ้ำเพราะหนนี้ทุกฝ่ายต้องร่วมใจกัน กระทำให้สำเร็จมิเช่นนั้นทุกอย่างคงไร้ค่าและไม่สามารถช่วยเหลือผู้ใดได้เลย

          "“พวกเจ้าได้ตัวแทนของแต่ละตระกูลแล้วหรือยัง"”

          “"ได้แล้วพระเจ้าค่ะ” ทั้งสี่กล่าวตอบอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะส่งโอรสธิดาของตนออกมายืนที่เบื้องหน้าพระองค์"

         "“พวกเจ้าเต็มใจที่จะทำตามที่เราสั่งหรือไม่"

          "“หม่อมฉันเต็มใจเพคะ/ พระเจ้าค่ะ"” ทั้งหมดยืนยันว่าพร้อมที่จะทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข เพราะนี่นับเป็นการสร้างกุศลครั้งใหญ่ให้กับตนเองเช่นกัน  

          "“ก็ดีเราไม่รู้ว่าพวกเจ้าชื่ออะไร แต่ต่อไปนี้ พวกเจ้าจะได้ชื่อตามนี้ นธีธาร นกานดา นจิรา นฤสรณ์ หน้าที่ของพวกเจ้า คือการรวบรวมลูกหลานชาวนาคาที่ไปกำเนิดบนมนุษย์โลก แล้วคอยสั่งสอนพวกเขาให้ยึดมั่นอยู่ในพระพุทธ ศาสนา แม้จะใช้เวลาเนิ่นนานปีเพียงไร พวกเจ้าก็ต้องทำให้สำเร็จ เมื่อภารกิจลุล่วงไปแล้วพวกเจ้าจะสามารถกลับคืนมาสู่ภพภูมิเดิมได้ และหากไม่ปรารถนาจะกลับมาเราก็ไม่ว่าอันใด"” ทั้งสี่ยืนเรียงแถวกันตามชื่อเรียกยิ้มรับคำสั่งนี้อย่างไม่หวั่นเกรงใดๆ นาคานาคีทั้งสี่ต่างก็ยืนนิ่งสงบรอพระบัญชาขององค์จอมเทพอย่างตั้งใจ

          “"ก่อนจะไปเกิดเราจะให้สิ่งนี้ติดตัวพวกเจ้าด้วยเช่นกัน” ท่านท้าวร่ายเวทย์ดึงเอาดวงแก้วมณีรัตนาสีใสวับวาวขึ้นมาหนึ่งดวง"

          ท่านกล่าวอีกเพียงเล็กน้อยดวงแก้วนั้นก็ลอยตัวขึ้นสูงในอากาศแล้วแยกออกจากกันเป็นสี่ดวงลอยเข้าสู่อุ้งมือของตัวแทนทั้งสี่ทันที

           "“ดวงรัตนมณีนี้จะเป็นเครื่องช่วยตรวจสอบว่าผู้ที่เจ้าพบแล้วเป็นลูกหลานตนเองหรือไม่ หากพบพวกเขาประสบเคราะห์เข็ญใดๆ จงรีบหาทางช่วยให้พวกเขาได้พ้นจากความทุกข์ยากเหล่านั้นตามสมควรพร้อมน้อมนำเข้าสู่ร่มพระธรรมให้ได้ นั่นคือหน้าที่ของพวกเจ้า"”

          "“หม่อมฉันต้องไปเกิดใหม่ด้วยหรือเพคะ"” นางนาคีที่ท่านประทานชื่อให้ว่านกานดาเอ่ยถาม ท่านท้าวจึงตอบไขความข้องใจให้กับเธอเช่นกัน

          “"ใช่แล้ว กำเนิดใหม่ แต่เราจะให้พวกเจ้าแยกย้ายกันทำหน้าที่ และทุกอย่างจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อพวกเจ้าทั้งสี่รวมกันได้อีกครั้ง จงอย่าลืม ไม่ว่าจะอยู่ในร่างกายใดก็อย่าได้ไปสนใจรูปกายภายนอก ความดีตัดสินกันไม่ได้เพียงภายนอก จงตั้งมั่นในความดีแล้วงานของพวกเจ้าจะสำเร็จ เราขออำนวยพร"”  ทั้งสี่ก้มลงกราบจอมเทพแล้วท่านก็ร่ายเวทย์หอบเอาพวกเขาจางหายไปกับสายหมอกเบื้องหน้าทันที

          "พวกเจ้าก็เช่นกัน จดจำให้มั่น ทั้งสี่จะเป็นตัวแทนของเราชาวนาคา ที่จะออกไปทำนุบำรุงศาสนา พวกเขามีหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ผู้ใดประสบพบเห็นพวกเขาก็ให้การช่วยเหลือเกื้อกูลกันสืบไป”" เหล่านาคาทั้งหลายกล่าวสาธุการเสร็จสิ้นแล้วก็แยกย้ายกันเดินทางกลับยังเมืองของตนเอง ได้แต่ฝากไว้กับตัวแทนทั้งสี่ว่า ขอให้พวกเขาทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จเสร็จสิ้นด้วยเทอญ

____________

1.จาตุม หมายถึงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา จาตุมหาราชิกา (เป็นชื่อสวรรค์ชั้นที่ 1 ตามความเชื่อในพุทธศาสนา และเป็นสวรรค์ชั้นที่ต่ำที่สุดในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้น (จัดอยู่ในกามภูมิตามคติไตรภูมิ) เรียกสั้น ๆ ว่า ชั้นจาตุม ก็มี มีที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาพระสุเมรุ จาตุมหาราชิกา โดยศัพท์แปลว่า "แห่งมหาราชทั้งสี่"  "แดนเป็นที่อยู่ของท้าวมหาราชทั้งสี่" หรือ "อาณาจักรของท้าวมหาราช 4 องค์" กล่าวคือ สวรรค์ชั้นนี้เป็นดินแดนที่จอมเทพ 4 องค์ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ ซึ่งเรียกว่า ท้าวโลกบาล ท้าวจตุโลกบาล หรือ ท้าวจาตุมหาราช ปกครองอยู่องค์ละทิศ2. ท้าววิรูปักษ์เป็นหนึ่งในจาตุมหาราชแต่ละองค์ได้แก่ ท้าวธตรัฐ รักษาโลกด้านทิศตะวันออก ทำหน้าที่ปกครองเทวดา 3 จำพวกได้แก่ กุมภัณฑ์ วิทยาธร คนธรรพ์,ท้าววิรุฬหก รักษาโลกด้านทิศใต้ ทำหน้าที่ปกครอง ครุฑ,ท้าววิรูปักษ์ รักษาโลกด้านทิศตะวันตก ทำหน้าที่ปกครอง นาค,ท้าวกุเวร รักษาโลกด้านทิศเหนือ ทำหน้าที่ปกครอง ยักษ์ ท้าวกุเวรมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ท้าวเวสวัณ หรือ ท้าวเวสสุวรรณ3. พญานาคมีด้วยกันทั้งหมด สี่ตระกูล  ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลสีทอง, ตระกูลเอราปถ พญานาคตระกูลสีเขียว ,ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลสีรุ้ง และ ตระกูลกัณหาโคตมะ พญานาคตระกูลสีดำ นาคราชทั้งหมดนี้จะถูกปกครองโดย ท้าววิรูปักษ์

ขอบพระคุณสำหรับคอมเมนท์และการติดตามนะคะ

สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ติชม ชี้แนะได้เลยค่ะ