ลุ้นรัก...นางร้ายเจ้าเสน่ห์
เขียนโดย ploynin
วันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10.55 น.
แก้ไขเมื่อ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.54 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
ลุ้นรัก…นางร้ายเจ้าเสน่ห์
“ทำไม! คิดว่าคนอย่างฉันต้องอายใครกัน” สายตาปวดร้าวแต่แผงด้วยเปลวไฟโชติช่วงแห่งอารมณ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่ทุ่มเททุกอย่าเพื่อคนที่เธอรักและปรารถนา แต่สิ่งที่ได้ตอบแทนกับคืนมาคือคำปฏิเสธความรักและตัดขาดเธอออกไปจากชีวิต
“แต่ผมรักแก้ว คุณเข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจ ทำไม รักมันทำไม มันไม่เคยทำอะไรให้คุณเลย แต่ฉัน ฉันเจอคุณก่อน รักคุณก่อนมัน ทำทุกอย่างเพื่อคุณ แล้วสิ่งที่คุณตอบแทนฉันคือ คำพูดที่ว่า ‘เราจบกัน’ อย่างนั้นหรอ”
“ผมคงจะพูดผิด ใช้คำว่า ‘เราจบกัน’ ไม่ได้หรอกนะพลอย เพราะผมกับคุณเราไม่เคยคบกันเลย”
“อ๊าย!” เสียงกรีดร้องสุดเสียงจากความไม่ได้ดั่งใจพร้อมกับอากัปกิริยากระทืบเท้าระบายอารมณ์ของคนเอาแต่ใจทำให้ชายหนุ่มถึงกับถอนหายใจส่ายหน้าแล้วเดินจากไป ปล่อยให้หญิงสาวอยู่ตรงนั้นท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา
“คัท!” เสียงสั่งจากผู้กำกับเป็นสัญญาให้นักแสดงทุกคนออกจากอารมณ์ หญิงสาวหอบหายใจจากการแสดงที่ใส่อารมณ์เต็มที่ก่อนเดินไปดูผลงานที่จอมอนิเตอร์
“พี่ปัด เดย์แสดงเป็นยังไงบ้างค่ะ” หญิงสาวถามเพราะกลัวว่าจะแสดงได้ไม่ดีพอ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของเธอเสียด้วยกับงานด้านการแสดง
“แล้วเราเต็มที่รึเปล่าล่ะ” เสียงผู้กำกับถามกลับมาเสียงดุจัด
“เดย์เต็มที่ที่สุดแล้ว” หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจทำให้ผู้กำกับวัยกลางคนค่อยๆ คลี่รอยยิ้มออกอย่างพอใจ ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอถอนหายใจโล่งอกสบายใจขึ้นมากจริงๆ ยิ้มตอบกลับให้กับผู้กำกับก่อนที่เขาจะสั่งเลิกกอง
“เอา! วันนี้เลิกกองแค่นี้” ทั้งทีมงานและนักแสดงต่างทยอยเก็บของแล้วพากันเตรียมตัวกลับที่พัก เดย์ก็เตรียมกลับที่พักของตัวเอง หญิงสาวเก็บของทุกอย่างของตัวเองใส่เป้ใบโปรดที่ใช้ประจำเสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถตู้ของกองถ่ายเพื่อติดรถกลับบ้าน พอขึ้นไปนั่งปุ๊บ ดอกกุหลาบช่อใหญ่สีแดงสดก็ถูกส่งให้จากด้านนอกตัวรถทำให้เธอประหลาดใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้รับไว้ทันทีจนเจ้าของช่อดอกไม้ที่ดูแล้วน่าจะเป็นพนักงานส่งดอกไม้เสียมากกว่าต้องกล่าวเพื่อให้เธอยอมรับ
“มีคนฝากมาให้คุณเดย์ครับ”
“ใครคะ” หญิงสาวถามก่อนมองสำรวจหาการ์ดหรือข้อความอะไรก็ตามที่บ่งบอกถึงเจ้าของดอกไม้
“เอ่อ… คือ…” พนักงานอ้ำอึ้งก่อนจะยื่นช่อดอกไม้ไปใกล้ๆ เพื่อเป็นการตัดบทให้เธอรับไปแต่หญิงสาวกลับไม่รับพร้อมกับฝากข้อความถึงผู้ส่งแทน เดย์เขียนข้อความแล้วยื่นให้กลับพนักงานส่งดอกไม้พร้อมกับเงินค่าบริการ
“ดิฉันไม่รับของที่ไม่ทราบที่มาและจุดประสงค์ แต่ดิฉันของฝากข้อความถึงเขาคนนั้นหากเขากลับมาใช้บริการของร้านคุณอีกครั้งนะคะ ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าวแล้วลุกจากที่นั่งตัวเองเดินเข้าไปด้านในสุดของรถเพื่อตัดปัญหา พนักงานส่งดอกไม้ทำอะไรไม่ถูก นอกจากเดินกลับร้านเท่านั้น
“แหม! น้องเดย์ชักจะฮอทใหญ่แล้วนะเราน่ะ พี่เห็นนะ มีช่อดอกกุหลาบช่อโตส่งมาให้เสียด้วย แต่พี่แปลกใจว่าทำไมน้องไม่รับไว้ละค่ะ”
“โธ่! พี่แหวว ของใครก็ไม่รู้ ให้เราหวังอะไรรึเปล่ายังสงสัย อีกอย่างเดย์ไม่มีความหวังให้ใครหรอกค่ะ เดย์มีความหวังของเดย์คนเดียว” หญิงสาวตอบช่างแต่หน้าด้วยรอยยิ้มหวาน
“แล้วน้องเดย์หวังอะไรค่ะ”
“เดย์หวังแค่แม่น้ำหายป่วย แล้วก็กลับมาอยู่บ้านกับเดย์เหมือนเมื่อก่อนคะ”
“ค๊า คุณลูกกตัญญูหมายเลขหนึ่ง พยายามเข้านะค่ะ พี่เอาใจช่วย”
“ขอบคุณคะ” สองสาวยิ้มให้กันก่อนรถจะออกมาเป้าหมายคือบริษัทนั่นเองเพราะทีมงานต้องเอาของบางส่วนเข้ามาเก็บ รวมถึงม้วนฟิล์มของงานวันนี้เพื่อส่งให้ฝ่ายตัดต่อ เดย์ติดรถที่บริษัททุกครั้งที่ต้องไปถ่ายทำที่ไกลๆ และกลับมาให้ถึงบริษัทก่อนแล้วค่อยเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมผู้เป็นมารดาที่ป่วยด้วยโรคตรอมใจ เธอมาหามารดาเธอทุกวันพูดคุยเล่นถึงแม้ว่าท่านจะไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ แค่ตื่นมาเหม่อลอยและหลับไปวันๆ เท่านั้น
ทางบ้านของเธอแยกทางกัน พ่อบอกเลิกแม่ด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวของผู้ชายทำให้แม่ตรอมใจ และที่ตรอมใจหนักขึ้นไปอีกคือการที่พ่อแย่งเอาลูกชายของแม่ไปด้วยอีกคน ด้วยเหตุผลที่แม่เถียงไม่ออกคือ แม่ไม่มีความสามารถที่จะเลี้ยงดูลูกได้ดีเท่าเขาด้วยที่ฐานะทางครอบครัวดีกว่า คนเป็นพ่อต้องการได้ลูกสาวไปด้วยแต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเดย์เป็นลูกสาวคนโตที่บรรลุนิติภาวะแล้วเขาจึงเอาเธอไปจากผู้เป็นมารดาไม่ได้ ส่วนน้องชายของเธอนั้นยังเด็กเล็กนักผู้เป็นพ่อใช้ความได้เปรียบด้านกฎหมายทำให้ตัวเองได้เป็นผู้ปกครองน้องชายแต่เพียงผู้เดียว ด้วยเหตุผลนี้ทำให้แม่ตรอมใจและเข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลหลังจากวันที่ศาลตัดสินความแล้วสามวันจนมาถึงวันนี้ก็ร่วมสามเดือนแล้วอาการของแม่ก็ยังไม่ดีขึ้น เดย์ในฐานะที่เป็นลูกคนโตต้องแบกรักภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ของบ้านรวมถึงค่าเล่าเรียนของตัวเองด้วย เนื่องจากเธอสมัครเรียนในระดับปริญญาโทด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัวที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้ภาระเธอมากขึ้นเนื่องจากค่ารักษาพยาบาลของมารดาที่ป่วยแบบไม่รู้วันหาย ค่ารักษาพยาบาลไม่เท่าไรแต่ต้องมีคนคอยดูแลตลอดเวลาเพราะกลัวมารดาคิดสั้นทำร้ายตัวเอง แต่เธอก็ไม่ได้คิดน้อยใจในโชคชะตาที่มีนั้น กลับมองว่ามันเป็นอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟันและเธอจะพบกับความสุขแน่นอนเมื่อเธอผ่านพ้นมันไปได้
ในส่วนของเรื่องงาน โชคดีมากที่เธอได้มีโอกาสรู้จักกับช่างแต่งหน้าอย่างพี่แหวว ช่วงนั้นพี่เขาต้องการผู้ช่วยเธอเลยได้มีโอกาสเข้าไปในที่ของเหล่าดารานักแสดงทั้งหลาย ประจวบเหมาะกับมีการแคสติ้งตัวละครเรื่องที่กำลังจะเปิดกล้อง พี่แหววเลยให้เธอทดลองเพียงบอกแค่ว่า
“คิดว่าตัวเองเป็นคนนี้ อ่านให้เข้าใจ ใส่ได้เต็มที่เลยนะ” นี่คือคำแนะนำ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะทำได้ เพราะไม่มีประสบการณ์อะไรเลย แต่พออ่านบทแล้วทำความเข้าใจตัวละคร อารมณ์ ความรู้สึก และองค์ประกอบที่ตัวละครนั้นประสบ จากนั้นแทบไม่ต้องติวเพิ่มอะไรเลย เธอกลายเป็นตัวละครตัวนั้นจริงๆ พอเสร็จจากการแคสก็ไปช่วยงานพี่แหววเหมือนเดิมโดยที่รู้ตัวอยู่แล้วว่าไม่น่าจะได้เพราะก่อนหน้านั้นเห็นมีแต่นักแสดงฝีมือดีทั้งนั้นที่เข้าไปแคสบทนี้
ตกเย็นพี่แหววเดินยิ้มกริ่มเข้ามาก่อนจะบอกด้วยร้อยยิ้มยินดีเต็มพวงแก้มเดินเข้ามากอดเธอด้านหลังขณะที่เธอกำลังเก็บของต่างๆ ของพี่แกเข้ากระเป๋าเหมือนทุกวัน
“ยินดีด้วยจ้า นางร้ายคนใหม่” แหววพลิกคนที่เธอถือว่าเป็นน้องสาวหันกลับมาหาแล้วบีบจมูกเขย่าไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
“อะไรคะพี่แหวว” เดย์ได้แต่งงกับการกระทำดังกล่าว แล้วแหววก็ไขความกระจ่างให้
“ก็ที่ไปแคสเมื่อเช้าน่ะ เขาตอบรับเดย์นะ”
“เป็นไปได้หรอพี่แหวว”
“เป็นไปแล้ว”
“พี่แหวว” เดย์กอดแหววยิ้มตาหยีดีใจจนบอกไม่ถูก เพราะเธอคิดว่ายังไงก็ไม่ได้แล้วแต่พอได้จริงกลับดีใจสั่นไปทั้งตัว แต่อีกใจก็มีความกังวลอยู่ไม่น้อย
“แล้วเดย์จะทำได้หรอพี่แหวว”
“เดย์ทำได้อยู่แล้ว แค่ใส่เต็มที่ตามบทก็พอ”
“คะ เดย์จะพยายาม”
“แล้วยังรับงานแปลอยู่มั้ยเดี๋ยวนี้”
“รับค่ะ ทำหมด รวมถึงเขียนนิยายด้วย”
“จ้า พยายามเข้านะจ๊ะเดย์ พี่เชื่อว่าเก่งๆ ขยันๆ อย่างเดย์ฟ้าไม่ทิ้งขว้างให้เดย์ลำบากนานๆ หรอก อาจจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาว อุ๊ย! ไม่ใช่ สมัยนี้ขี่ม้าไม่ได้ล่ะ คงต้องเป็นเมอร์ซิเดสสินะ อิอิ”
“พี่แหววก็ ว่าไปนั่น ไม่เอาล่ะ กลับบ้านดีกว่า” เดย์ว่างอนๆ กับคำแซวเล่นของเพื่อนรุ่นพี่คนนี้เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีนั่นเอง พอเห็นเดย์ทำงอน ทำให้แหววรีบตามง้อเพราะรู้ว่าแซวเรื่องนี้ทีไรเดย์ต้องอายแล้วเดินหนีเธอทุกครั้ง
“โอ๋ๆ ไม่พูดแล้ว รู้หรอกว่าเดย์ไม่คิดเรื่องนี้ แล้วรู้ด้วยว่าจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย”
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคะพี่แหวว เดย์เชื่อว่าถ้ามีกรรมผูกกันอยู่ถึงเดย์อยากโสด เดย์ก็คงโสดไม่ได้ แต่ถ้าไม่มีเลยก็ดีเพราะเดย์จะถือว่ามันเป็นความโชคดีมากๆ”
“ทำไมละ” แหววถามอย่างงงๆ เพราะปกติคนเรานั้นมักอยู่คนเดียวไม่ได้ต้องหาคู่อยู่กันไปเรื่อยจนกว่าจะถูกใจลงที่ใครสักคน แต่ความคิดของน้องสาวคนนี้แปลกทำให้เธอต้องถาม
“ก็เดย์คิดไว้แล้วนะสิว่าบั้นปลายชีวิตจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร”
“โอ้ น้องเลิฟ พี่ว่าพี่เข้าใจล่ะ แต่ว่าคนเราต้องทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก่อนนะจ๊ะ”
“คะ เดย์เข้าใจเพราะเวลาที่มีอยู่ตรงหน้าเป็นเวลาที่สำคัญที่สุดที่เราจะใช้”
“จ๊ะ โอเค วันนี้ก็ได้แนวคิดดีๆ อีกแล้วสิ อ๊ะ! ถึงบริษัทแล้ว”
สองสาวหยุดคุยกันและช่วยกันขนของลงจากรถก่อนแยกย้ายกันกลับ เดย์มาหามารดาเธอตามปกติ พูดคุยแล้วก็กลับบ้านเพราะเธอมีงานอื่นที่ต้องทำอีกมากนั่นเอง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ