ลิขิตแห่งจันทร์ by พลอยลภัสร์ (โรแมนติด-แฟนตาซี)

8.3

เขียนโดย พลอยลภัสร์

วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.02 น.

  19 chapter
  9 วิจารณ์
  24.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557 20.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) บทที่ 5

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

บทที่ 5

 

 

“โอ๊ยยย!”

 

ขณะที่ศศิธรกำลังจะเดินผ่านห้องนอนใหญ่ เธอก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของเทพบุตรหลงโรงลิเกของเธอเข้าพอดี และตามมาด้วยเสียงดังโครมครามเหมือนมีอะไรหล่นภายในห้องนอนนั่น เธอจึงรีบเปิดประตูเข้าไปดูโดยเร็ว

 

คราแรกที่เปิดประตูเข้าไป เธอไม่เห็นใครในห้องนอนของพี่ชาย แต่ได้ยินเสียงร้องโอดครวญดังมาจากห้องน้ำ จึงเดินตรงไปยังที่มาของเสียงทันที ซึ่งภาพแรกที่เธอเห็นภายในห้องน้ำเล็กๆ คือขวดยาสระผม ครีมอาบน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน หล่นกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นห้องน้ำเต็มไปหมด พร้อมกับที่ฝักบัวถูกเปิดน้ำอย่างแรงห้อยต่องแต่งอยู่ริมผนัง เหมือนกับมีสงครามขนาดย่อมเกิดขึ้นภายในนี้

 

แต่ภาพที่ทำให้เธอหลุดขำออกมาเสียงดัง ก็คือภาพคนตัวโตลงไปนั่งกองหมดสภาพอยู่กับพื้นห้องน้ำด้วยใบหน้าเหยเกไม่สบอารมณ์

 

“เกิดอะไรขึ้น ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” ศศิธรพยายามกลั้นขำและถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบอารมณ์ของชายหนุ่มร่างยักษ์

 

“ข้าไม่เป็นอะไร แต่น้ำมันร้อนเกินไป” อินทุเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มๆ ของหญิงสาวที่โผล่เข้ามาเห็นสภาพอันน่าอายขายหน้าของตนเอง

 

อินทุกำลังทดลองหมุนนั่นหมุนนี่ไปเรื่อยๆ แล้วจู่ๆ น้ำร้อนจัด ก็พวยพุ่งออกมาจากสายยาวๆ ที่กำลังห้อยอยู่ข้างผนัง ราดรดลงมาถูกใบหน้าและลำตัวของเขา จนเขาตกใจกวาดเอาสิ่งของรอบตัวหล่นลงมากองกับพื้น พร้อมกับที่ตัวเขาก็ล้มลงกับพื้นด้วยเช่นกัน

 

“ลุกขึ้นไหวไหม” ศศิธรถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมขยับตัวลุกขึ้นมาเสียที

 

อินทุไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เขาลุกขึ้นด้วยตนเอง พร้อมกับชี้ไปที่ตัวต้นเหตุของความน่าอับอายนี้ทันที “ที่นี่มีน้ำพุร้อนด้วยรึ”

 

“น้ำพุร้อนรึ!” ศศิธรส่ายหน้า แล้วก็เดินเข้าไปหมุนปิดสิ่งที่ชายหนุ่มเรียกว่าน้ำพุร้อนทันที ซึ่งปุ่มปรับอุณหภูมิถูกหมุนปรับไปอยู่ที่อุณหภูมิสูงสุด พร้อมทั้งอธิบายในสิ่งที่ชายหนุ่มสงสัย “ไอ้นี่เขาเรียกเครื่องทำน้ำอุ่น ไม่ใช่น้ำพุร้อน...ท่านใช้ไม่เป็นหรือ”

 

“ข้า...”

 

ศศิธรจ้องมองอินทุด้วยดวงตาพราวระยับ เมื่อเห็นรอยเขินบนใบหน้าคมสัน เขาคงจะอายและเสียหน้าที่เธอเข้ามาเห็นเขาในสภาพนี้ แล้วตอนนี้เขาก็คงจะกลัวเสียฟอร์ม ถึงได้ไม่กล้ายอมรับออกมาตรงๆ ว่าเขาใช้เครื่องทำน้ำอุ่นไม่เป็น

 

“ข้าไม่เคยใช้ ข้าเคยแต่อาบในอ่างอาบน้ำ หรือไม่ก็ในลำธาร”

 

ศศิธรไม่อยากจะแกล้งชายหนุ่มฟอร์มเยอะอีก จึงเอื้อมมือไปจับฝักบัวไว้ พร้อมกับสอนการทำงานของเครื่องทำน้ำอุ่นให้ชายหนุ่มดูไปด้วย “ข้าจะสอนท่านให้...นี่ปุ่มเปิด ถ้ามันร้อนไปก็ปรับความเย็นตรงนี้” จากนั้นก็ร้องขอมือของชายหนุ่มเพื่อมาทดสอบอุณหภูมิของน้ำ “เอามือท่านมาซิ”

 

เมื่อชายหนุ่มยื่นมือออกมาให้เธอ เธอก็จับมือของเขามารองใต้น้ำฝักบัวที่เธอถือไว้ พร้อมกับเงยหน้าถามลูกศิษย์ตัวโต “อุ่นพอไหม”

 

อินทุไม่ได้ตอบคำถามของหญิงสาว เพราะเขามัวแต่จ้องหน้าของศศิธรอย่างพินิจพิเคราะห์ในความเหมือนของเธอกับภรรยาของเขา

 

“เอ่อ...อุ่นแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง” ศศิธรเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อเจอสายตาคมจ้องนิ่งมาที่เธอตรงๆ เช่นนี้ แล้วก็รีบปล่อยมือของชายหนุ่มทันที เพราะตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจว่า น้ำหรือมือของเขาร้อนมากกว่ากัน

 

จากนั้นก็เสหันไปเก็บข้าวของที่ตกเกลื่อนอยู่บนพื้นห้องน้ำขึ้นมา “ส่วนนี่สบู่เหลว ยาสระผม ยาสีฟัน แปรงสีฟัน...ท่านรู้จักไหม”

 

อินทุส่ายหน้าแทนคำตอบ

 

“ไอ้นั่นก็ไม่รู้จัก ไอ้นี่ก็ไม่รู้จัก...แล้วจะอาบน้ำอย่างไร จะต้องให้สอนหมดทุกอย่างเลยหรือไง” ศศิธรเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด เพราะไม่คิดว่าชายหนุ่มจะเอาจริง

 

“ก็อาบให้ข้าซิ”

 

ซึ่งการตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมกับสายตาคมที่จ้องนิ่งมาที่เขาอย่างท้าทาย กลับทำให้ศศิธรตกใจจนเผลอทำควรยาสระผมในมือล่วงหล่นลงพื้นอีกครั้ง “อาบให้ท่านเนี่ยนะ! จะบ้ารึ ใครเขาอาบน้ำให้คนตัวโตๆ กัน ถ้าท่านเป็นเด็กเล็กๆ อาบน้ำไม่เป็นก็ว่าไปอย่าง”

 

“ถึงข้าจะไม่ใช่เด็ก แต่ข้าก็อาบน้ำไม่เป็น ดังนั้น เจ้าก็สมควรจะอาบน้ำให้ข้า” อินทุช่วยคิดหาวิธีแก้ปัญหาให้หญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับตอบออกมานิ่งๆ อย่างไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไรตรงไหนกับการอาบน้ำให้แก่เขา

 

จากตอนแรกที่ศศิธรคิดว่าการสอนคนโตๆ อาบน้ำว่าแปลกแล้ว แต่การต้องอาบน้ำให้คนที่โตๆ กันแล้วนี่ กลับแลดูแปลกยิ่งกว่า แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะสายตาที่ดูใสซื่อที่บอกให้เธออาบน้ำให้เขา หรือสายตาที่เขาชอบใช้สะกดให้เธอทำตามคำสั่งของเขา หรือเพราะมนตราแห่งอะไรกันแน่ เธอถึงได้ยอมพยักหน้าตอบตกลงออกไปง่ายๆ “เฮ้ออออ...ก็ได้ๆ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ ต่อไปท่านจะต้องอาบน้ำเอง” หญิงสาวถอนหายใจออกมาหนักๆ แล้วก็หันไปสั่งชายหนุ่มต่อ “ถอดเสื้อผ้าออกซะสิ”

 

หลังจากสั่งให้ผู้ชายแก้ผ้า...เอ๊ย! ถอดเสื้อผ้าแล้ว ศศิธรก็เดินออกไปหยิบเก้าอี้ไม้ที่อยู่ตรงระเบียงนอกห้องเพื่อมาให้เขานั่ง

 

ทว่าเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องน้ำอีกครั้ง เธอก็แทบจะเอาเก้าอี้ไม้ตัวเล็กในมือ ฟาดใส่ผู้ชายตัวโตที่ท่อนอกเปลือยเปล่า ผู้ชายที่กำลังยืนแก้ผ้าต่อหน้าต่อตาเธอ แบบไม่อายหญิงสาวที่เพิ่งจะทำความรู้จักกันเพียงแค่วันเดียวเช่นเธอเลยสักนิด

 

“นี่! หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้”

 

“หือ” ชายหนุ่มที่มือกำลังจะรูดกางเกงลงมากองกับพื้น หยุดการกระทำของทำของตนทันที พร้อมทั้งหันไปมองหญิงสาวที่ยืนเอามือปิดตาอยู่ตรงหน้าเขา

 

“ท่านจะถอดต่อหน้าข้าแบบนี้ได้อย่างไร ถอดแล้วก็ต้องใส่ผ้าขนหนูไว้ด้วยซิ” หญิงสาวพูดไปด้วย ก็ค่อยๆ เดินเอาผ้าขนหนูไปยื่นให้ชายหนุ่มด้วย

 

แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มเอื้อมมือมารับไปอย่างงงๆ โดยที่ไม่ได้คิดจะจัดการกับตัวเองให้มันเรียบร้อย เธอก็เลยขยับเข้าไปใกล้แล้วจัดการนุ่งผ้าขนหนูให้เขาเองซะเลย

 

และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยและโอเคสำหรับเขาและเธอแล้ว ศศิธรก็บอกให้เขาถอดกางเกงนอนขายาวที่เขาสวมออกได้ “ถอดกางเกงออกได้แล้ว”

 

ซึ่งครานี้ชายหนุ่มทำตามคำสั่งของเธอได้อย่างถูกต้องและถูกใจ เธอจึงไม่ได้ร้องโวยวายอะไรออกมาอีกจากนั้นศศิธรก็หันไปหยิบเก้าอี้ไม้ตัวเล็กมาวางไว้ใต้ฝักบัว แล้วเรียกให้ชายหนุ่มมานั่งลงตรงหน้าเธอ “นั่งลงตรงนี้”

 

หลังจากนั้นศศิธรก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจผู้ชายรูปงามเบื้องหน้า ด้วยการเอ่ยชวนคุยเรื่องทั่วๆ ไปเพื่อลดความกระดากอายของตนให้เบาบางลง “นี่ท่านความจำเสื่อมจริงๆ หรือ...แม้แต่อาบน้ำ ยังอาบไม่เป็นเลย”

 

“ความจำเสื่อมอะไร ข้าไม่ได้ความจำเสื่อม ข้าแค่...”

 

“พรุ่งนี้ไปหาหมอกันนะ” ศศิธรไม่ได้สนใจฟังคำตอบของชายหนุ่ม เธอตัดสินใจแทนเขาในทันที เมื่อคิดว่าเขาอาจจะได้รับความกระทบกระเทือนทางสมองขณะที่ตกน้ำ หรือไม่ก็สมองอาจจะขาดออกซิเจนนานเกินไปตอนที่เขาจมน้ำ เขาถึงได้มีอาการ...เพี้ยน...เช่นนี้

 

ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้ เธอก็ชักจะติดคำพูดคำจาแบบเพี้ยนๆ ที่เขามักใช้พูดไปเสียแล้ว ตอนแรกเธอแค่อยากจะกระแนะกระแหนท่าทางวางอำนาจ ทำเหมือนเธอกับเขาอยู่กันคนละชนชั้นเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเธอติดการใช้คำพูดคำจาแบบเขา และพูดมันออกมาอย่างเคยชินเสียแล้ว

 

“ท่านไม่มีอะไรติดตัวมาเลยหรือ...เงยหัวขึ้นหน่อย” ศศิธรถาม แล้วก็สั่งให้ชายหนุ่มร่างยักษ์เงยหัวขึ้นเล็กน้อย เพื่อจะได้ราดน้ำเพื่อที่จะสระผมให้กับเขาได้ง่ายขึ้น

 

“เจ้าก็เห็นว่า...ไม่มี” อินทุเอ่ยออกมายิ้มๆ

 

ศศิธรส่ายหัวกับตัวเอง เมื่อคิดได้ว่าเธอไม่น่าจะถามคำถามนี้ เพราะเธอก็เห็นอยู่ว่าคืนนั้น เขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยสักชิ้นเดียว จึงเสเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน “ขวดนี้คือยาสระผม...ทำแบบนี้นะ”

 

หญิงสาวเทยาสระผมใส่ฝ่ามือของตัวเอง แล้วก็ขยี้ยาสระผมลงบนผมหยักศกหนานุ่มของชายหนุ่มอย่างเบามือ แต่เมื่อหันไปเห็นสายตาของเขาที่แหงนเงยขึ้นมองเธอ เธอก็สั่งให้เขาหลับตาทันที “หลับตาซะ”

 

“ทำไมต้องหลับ”

 

“ฟะ...ฟองสีขาวมันแสบ”

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของคนทั้งสองอีกเลย จนกระทั่งอินทุร้องท้วงขึ้นมาเบาๆ หลังจากที่ศศิธรล้างเอาฟองสีขาวบนศรีษะของอินทุออกหมดแล้ว “ข้าลืมตาได้หรือยัง”

 

“อืม” ศศิธรอนุญาตเบาๆ ในลำคอ ใจจริงเธออยากจะให้เขาหลับตาจนกว่าเธอจะอาบน้ำให้เขาเสร็จนั่นแหละ เพราะลำพังแค่ร่างกายอันสมบูรณ์แบบที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา ก็ทำให้หญิงสาวบริสุทธิ์เช่นเธอประหม่าจนมือไม้สั่นไปหมด

 

ถ้าขืนเธอเห็นสายตาคมของเขา ที่มักจะจ้องมองเธอนิ่งๆ เธอคงจะสั่นจนทำภารกิจไม่สำเร็จแน่ๆ

 

แต่จะสั่งให้เขาหลับตาต่อไป ศศิธรก็เกรงว่าเขาจะไม่รู้เรื่อง แล้ววันหลังเธอจะต้องมาอาบน้ำให้เขาอีก เธอก็เลยทำเป็นไม่สนใจ และก็เลือกที่จะหลบการสบตากับเขาตรงๆ แทน แล้วก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองต่อไปอย่างขยันแข็งขัน “อันนี้เรียกสบู่เหลว ใช้ฟอกตัวแบบนี้”

 

หญิงสาวหยิบขวดสบู่เหลวขึ้นมาเทลงบนฝ่ามือของตนเอง แล้วก็ฟอกแขน หน้าอกกว้าง ไหล่หนา และแผ่นหลังแกร่งให้กับชายหนุ่มหลังจากเอาน้ำรดบนตัวเขาจนเปียกดีแล้ว

 

“หอม”

 

หญิงสาวที่ตอนนี้หูอื้อตาลายหน้าแดงไปหมด หลังจากได้เห็นและสัมผัสลูบไล้เนื้อตัว ซิคแพคของชายหนุ่มทั้งแท่งเป็นครั้งแรก จนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะละลายหายไปจากตรงนี้ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก เมื่อได้ยินชายหนุ่มหลุดคำพูดอะไรออกมาสักคำ

 

“ทะ...ท่านว่าอะไรนะ”

 

“เปล่า” อินทุปฏิเสธ แต่ก็แอบอมยิ้ม เมื่อเขารู้แล้วว่าเขามักจะได้กลิ่นหอมของอะไรมาจากผมและเนื้อตัวของหญิงสาวคนนี้ ยามที่เธอขยับเข้าใกล้เขา ซึ่งมันก็คือกลิ่นของยาสระผมและสบู่แหลว กลิ่นเดียวกับที่เขากำลังใช้อยู่ตอนนี้

 

ศศิธรลดตัวลงนั่งยองๆ เพื่อจะฟอกขาให้กับชายหนุ่ม แต่เธอก็ทำมันอย่างลวกๆ ด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ เธอก็เพิ่งจะเคยอาบน้ำให้ผู้ชายเป็นครั้งแรก แถมยังเป็นชายหนุ่มรูปงาม เสน่ห์ล้นเหลืออีกต่างหาก ถ้าเธอต้องอาบน้ำให้เขาทุกวัน เธอต้องตื่นเต้นจนตายวันละสามรอบเป็นแน่ ก่อนจะหันไปสั่งให้ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เพื่อฉีดน้ำล้างฟองสบู่ออกจากตัวของชายหนุ่ม “ยืนขึ้น”

 

เมื่อราดน้ำให้ชายหนุ่มจนเนื้อตัวสะอาดดีแล้ว ศศิธรก็ข่มความกระดากอายแล้วสั่งเสียงเข้ม “ข้าจะออกไปข้างนอก ท่านก็เอาผ้าขนหนูที่ใส่อยู่นี่ออก แล้วใช้น้ำจากฝักบัวนี่ล้างตัวอีกรอบ แล้วก็ปิดน้ำตรงนี้ จากนั้นก็หยิบผ้าขนหนูผืนที่แขวนอยู่ที่ราวนั่นเช็ดตัวให้แห้ง เสร็จแล้วก็ใส่ชุดนี้ แล้วก็ตามข้าออกไปกินข้าวข้างนอกนะ”

 

ศศิธรเอ่ยอธิบายยืดยาว ก่อนที่ความคิดของเธอจะเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับ แล้วก็ตบท้ายด้วยประโยคคำถาม “เข้าใจไหม”

 

หลังจากที่ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยความจำยอม หญิงสาวก็รีบหันหลังเดินหนีออกไปจากห้องน้ำทันที ซึ่งแท้จริงแล้ว เขาอยากจะให้เธอแต่งตัวให้เขาจนเสร็จมากกว่า เพราะเขายังรู้สึกอยากจะเป็นตุ๊กตาตัวโตของเธอต่อไปอีกนิด

 

มือสั่นๆ เล็กๆ นุ่มนิ่มคู่นั้นของเธอ ที่ค่อยๆ ลูบไล้เนื้อตัวของเขา...ทำเอาเขาเกือบลืมตัวลืมใจคว้าตัวหญิงสาวเข้ามาแนบอกตั้งหลายครั้งหลายครายามที่เธอฟอกสบู่ให้กับเขาด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับหญิงสาวรับใช้ที่เคยอาบน้ำให้กับเขาคนไหนมาก่อน จนอดที่จะเอ่ยถามลมถามแล้งออกมาเบาๆ ไม่ได้ “ศศิธร เจ้าร่ายมนต์อะไรใส่ข้ากันนะ”

 

///////////////////////////////

 

เช้าวันรุ่งขึ้นศศิธรก็ขับรถพาอินทุไปหาหมอในตัวเมืองเพื่อตรวจดูความผิดปกติของสมองและร่างกายของเขา ซึ่งหมอก็ยืนยันกลับมาว่า เขาปกติดีทุกอย่าง แถมหมอยังบอกอีกด้วยว่าร่างกายเขาแข็งแรงมาก เหมือนคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ

 

ถึงจะมีผลตรวจจากหมอยืนยันว่าอินทุปกติดี แต่ศศิธรก็ไม่อยากจะเชื่อหมอสักเท่าไรว่าเขาปกติ เพราะท่าทาง ความคิด คำพูดคำจาของเขา มันไม่มีอะไรบ่งบอกหรือแสดงออกมาสักนิดว่า...เขาปกติ

 

เขาจะปกติได้อย่างไร ในเมื่อเขาแทบจะไม่รู้จักอะไรเลย...รถยนต์ โทรทัศน์ โทรศัพท์ ตู้เย็น หม้อหุงข้าว หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่สถานที่ๆ เธอพาเขาไป ท่าทางของเขาก็จะดูตื่นกลัวพิกล

 

ถึงแม้ว่าตัวชายหนุ่มเองจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสิ่งของเหล่านี้เลยสักนิด ทำให้พยาบาลพิเศษของแม่เธอต้องรับหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งตำแหน่ง นั่นก็คือการเป็นคุณครูสอนเด็กโข่ง เพื่อให้เด็กโข่งคนนี้สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง

 

และเหมือนเด็กโข่งก็รู้ตัวเองดี เขาถึงได้พยายามปรับตัวเองอยู่เงียบๆ ภายในบ้านหลังน้อยของเธอ อินทุจะคอยสังเกตว่าเธอทำอะไร อย่างไร แล้วเขาก็จะทำตาม โดยไม่ปริปากบ่นหรือถามให้เธอรำคาญใจสักคำ ซึ่งชายหนุ่มก็ดูจะทำมันได้ดี

 

ถึงแม้จะดูน่าขันไปบ้างในบางครั้ง...อย่างเช่นครั้งแรกที่เขาได้เห็นโฆษณาในโทรทัศน์เป็นครั้งแรก เขาดูตกใจกลัว มือสั่น หน้าซีด จนแทบไม่หลงเหลือเค้าของเทพบุตรกรีกรูปงามแบบที่เธอกับพยาบาลสาวน้อยชอบวิจารณ์ในรูปร่างหน้าตาของเขาเลยสักนิด

 

หรือจะเป็นสีหน้าทึ่งจัด เมื่อได้เห็นพยาบาลสาวสาธิตการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

 

เขาดูเหมือนคนปกติทุกอย่าง...

 

แต่พอเธอถามว่าเขามาจากไหน เขาก็จะชี้ไปที่บ่อน้ำหลังบ้าน สถานที่ๆ เธอเจอเขาเป็นครั้งแรกนั่นทุกครั้ง จนเธอเริ่มไม่แน่ใจว่า...เขาปกติดี

 

ซึ่งคำตอบของเขาก็ไม่ได้ให้ความกระจ่างกับเธอมากไปกว่าวันแรกที่เขาฟื้นขึ้นมาแล้วเธอซักถามเขา แต่ดีหน่อยที่ตอนนี้ เขาไม่ได้เรียกเธอว่าจันทรพิมพ์แล้ว และก็ไม่ได้เรียกนกน้อยว่าบุหรงแล้วด้วยเช่นกัน

 

เธอรู้ว่าเขาพยายามอยู่อย่างเงียบๆ เจียมเนื้อเจียมตัว ไม่พยายามจะกวนเธอเหมือนกับวันแรกๆ ที่ฟื้นขึ้นมา และด้วยเหตุนี้เอง เธอจึงไม่รู้จะตัดสินใจทำอย่างไรกับเขาดี...จะให้ไล่เขาออกไปจากบ้าน หรือจับส่งตำรวจ ก็ดูจะใจร้ายไปสักหน่อย

 

ในทุกๆ วัน เขามักจะเดินไปด้อมๆ มองๆ หาอะไรสักอย่างแถวๆ บ่อน้ำหลังบ้าน พร้อมกับใบหน้าครุ่นคิด เหมือนเช่นตอนนี้ที่เขาก็กำลังเขี่ยๆ หาอะไรสักอย่างที่ขอบบ่อน้ำ จนเธออดจะเดินเข้าไปถามด้วยความสนใจใคร่รู้ไม่ได้ “ท่านหาอะไร”

 

“สร้อย”

 

“สร้อยอะไร”

 

“สร้อยของข้า ข้าจำได้ว่าข้าพกมันติดตัวมาด้วย” อินทุตอบพลาง สายตาก็สอดส่ายหาสร้อยคอของเขาไปพลาง

 

“ท่านจำได้แล้วหรือ” ศศิธรรีบก้าวเดินเข้าไปประชิดตัวของชายหนุ่มด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่อได้ยินเขาตอบทำนองว่าเขาพอจะจำอะไรได้บ้างแล้ว

 

“ข้าจำได้ทุกอย่าง”

 

“แสดงว่าท่านก็จำได้แล้วนะซิ ว่าท่านมาที่นี่ได้อย่างไร”

 

ชายหนุ่มเอี้ยวตัวชี้ไปยังบริเวณกลางบ่อน้ำให้หญิงสาวดู “ข้ามาจากตรงนั้น”

 

“เฮ้อออ...ไหนบอกว่าจำได้หมดทุกอย่างแล้ว” เมื่อได้ยินว่าคำตอบของชายหนุ่มยังคงเป็นเช่นเดิม ศศิธรก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนและหมดอารมณ์ที่จะซักถามเขาทันที

 

“ข้าจำได้จริงๆ ข้ากำลังเล่นน้ำอยู่ แล้วข้าก็เห็นเจ้า แล้วข้าก็มาอยู่ที่นี่”

หญิงสาวส่ายหน้าหนีชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินเรื่องเหลวไหลออกมาจากปากของเขาอีกแล้ว พร้อมทั้งหันหลังเดินหนีเขากลับไปนั่งอ่านหนังสือที่ศาลาริมน้ำตามเดิม “ข้าไม่ฟังท่านแล้ว”

 

“ก็เพราะเจ้าเป็นแบบนี้นี่ไง ข้าถึงไม่อยากเล่าอะไรให้เจ้าฟัง”

 

คำพูดของชายหนุ่มสามารถทำให้หญิงสาวที่กำลังจะก้าวเดินหนี หันหลังเดินกลับมาหาเขาอีกครั้งได้ในทันที “แบบนี้! มันแบบไหน...”

 

“ก็แบบที่เป็นอยู่ตอนนี้นี่ไง...อยากให้คนอื่นฟังเหตุผลของเจ้า แต่เจ้ากลับไม่ยอมฟังเหตุผลของคนอื่น และสุดท้ายคือ...ชอบเถียง” อินทุแอบต่อประโยคหลังเบาๆ เพราะขืนเขาพูดออกไปดังๆ ศศิธรคงจะกระโดดเข้ามาขย้ำคอเขาเป็นแน่

 

“ข้า...ข้าไม่ได้เป็นคนแบบที่ท่านว่า” ศศิธรเกือบจะระงับอารมณ์ไม่อยู่ เมื่อเจอประโยคจี้ใจดำแบบนี้

 

“ฮึๆ...” อินทุรู้สึกขำกับอาการของหญิงสาวช่างเถียงตรงหน้า เธอเหมือนจะโกรธเขาจนตัวสั่น แต่เธอก็พยายามจะเก็บไม้เก็บมือของเธออย่างเต็มที่เช่นกัน

 

หญิงสาวยืนกอดอกแน่นและพยายามข่มอารมณ์ไม่พอใจของตนเองเอาไว้เต็ที่ เพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นคนแบบที่เขากำลังกล่าวหาอยู่ “ก็เล่ามาซิ ว่าท่านมาจากที่ไหน มาได้อย่างไร ข้าพร้อมจะฟังแล้ว”

 

“ตอนนี้ข้ายังไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหน และข้ามาได้อย่างไร ข้ารู้แค่เพียงว่าข้ามาจากที่ไหนเท่านั้น”

 

“มาจากบ่อน้ำเนี่ยนะ”

 

“ข้าก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ให้เจ้าเชื่อข้า”

 

“ก็อธิบายในสิ่งที่ท่านรู้”

 

อินทุส่ายหน้าแทบจะทันที

 

“ทำไม”

 

“เพราะถึงข้าอธิบายไป เจ้าก็ไม่เชื่อข้าอยู่ดี แล้วเจ้าก็จะบอกว่าข้าความจำเสื่อมอีก”

 

“ข้า...ข้าจะฟังท่านพูดจนจบ โดยที่ไม่ว่า ไม่ขัดท่าน”

 

“และไม่เถียง”

 

“ได้...ไม่เถียง” ศศิธรยอมกัดฟันพูดออกไป...ทำไมใครๆ ก็ชอบบอกว่าเธอชอบเถียง ทั้งๆ ที่เธอแค่พยายามจะอธิบายเท่านั้น...ไม่ได้เถียงสักหน่อย

 

“แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว...ข้าจะเล่าก็ต่อเมื่อเจ้าสัญญาว่าจะเชื่อข้า” อินทุเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ด้วยความเป็นต่อ

 

“นี่!” ศศิธรรู้สึกว่าเธอต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในการพูดคุยกับผู้ชายคนนี้

 

“ถ้าเจ้าไม่สัญญา...ข้าก็ไม่เล่า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับข้า มันดูไม่น่าเชื่อ แต่ข้าก็อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า ข้าพูดความจริง”

 

ด้วยความอยากรู้ว่าอินทุจะเล่าเรื่องอะไรให้เธอฟัง ศศิธรจึงตัดสินใจพยักหน้ารับคำง่ายๆ “ก็ได้ๆ ข้าสัญญา ข้าจะเชื่อท่าน”

 

 

+++++++++++

 

ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะคะ

 

รัก

พลอยลภัสร์ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา