มัธยมวิปลาส มิตรฆาตวิทยา

-

เขียนโดย bluemouse

วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 15.53 น.

  6 บท
  0 วิจารณ์
  9,145 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) วิชาสามัญชั่วโมงสุดท้าย - ๓ พี่ (ครึ่งแรก)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

วิชาสามัญชั่วโมงสุดท้าย


บทที่ ๓ - พี่

 

 

 

 

 

 
              "ที่ลือกันว่าสุขภาพ ผอ. แย่ลงนี่ท่าจะจริง"


              งามตาเปรยขึ้นลอย ๆ ขณะเก็บของใส่กระเป๋า

              "อืม  คงเหนื่อยมั้ง"  พิมพ์พรตอบ  แม้จะไม่แน่ใจว่าเพื่อนหมายความตามที่เธอพูด  หรือแฝงนัยเหน็บแนมว่า ผอ. 'ชักจะเฟอะฟะจนทำอะไรแปลก ๆ' อย่างที่งามตามักวิจารณ์อยู่เป็นประจำตลอดสองสามเดือนให้หลังมานี้

              แต่มันก็แปลกจริง ๆ นั่นแหละ  ตั้งแต่เรียนที่นี่มา  การประกาศงดการเรียนการสอนคาบถัดไปทุกระดับชั้น  และสั่งให้นักเรียนรีบเดินทางกลับบ้านชนิดปุบปับแบบเมื่อกี้นี้ก็เพิ่งเจอเป็นครั้งแรก

              'สงสัย ผอ. แกนัดเด็กไว้ว่ะ'  นักเรียนชายคนหนึ่งพูดขึ้นมา  คนอื่น ๆ รอบ ๆ โต๊ะหัวเราะก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อไปสู่  'เฮ้ย  ร้านเดิม'  'เออ  จัดไป'  ในขณะที่นักเรียนหญิงเกือบทั้งห้องยังคับข้องใจในสาเหตุ  พากันซุบซิบตั้งข้อสันนิษฐานแปลก ๆ กัน...โดยเฉพาะกลุ่มของเธอ

              "เรื่องพี่จิรวรรณโดนลักพาตัวแหง ๆ"  ไพลินว่า  "พวกครูเลยตัดปัญหานักเรียนอยู่จนค่ำมืดด้วยวิธีนี้"

              "จริงอ้ะ?"  วรัสยานั่งเท้าคาง  ท่าทางไม่ค่อยตื่นเต้นกับเขานัก  "ไม่ใช่แค่ว่าพี่เขาลาหยุดเหรอ"

              "ต้องจริงสิ  ต้นตอข่าวมาจากพี่กาก้าม.ห้านะ  ข่าวเจ๊แกส่วนใหญ่มีมูลทั้งนั้นล่ะ"

              "ถ้าหมายถึงพี่กรรณิการ์  เขาชื่อก๋ากั่น"  งามตาแก้

              พิมพ์พรจำฉายาของรุ่นพี่คนที่ถูกกล่าวถึงได้  เพื่อนสนิทของพี่ศุทธวีร์ที่ (ไพลินบอกว่า) เด็กทั้งโรงเรียนยอมรับในความน่าเชื่อถือ  แต่โดยส่วนตัว  เธอคิดว่าข่าวลือจากพี่คนนี้ที่เพื่อนเอามากระจายให้รับรู้ดูไม่มีอะไรเป็นแก่นสารสักเท่าไร  และไม่มีเรื่องไหนที่เธออยากให้เป็นความจริงเลย  ยิ่งข่าวนี้ยิ่งไม่อยาก  มันน่ากลัวออก

              "แล้วเขาจะสั่งให้กลับเร็วแบบนี้ไปกี่วันวะ  ฉันต้องซ้อมเชียร์ลีดเดอร์นะ"  ไพลินโอดโอย  "งานกีฬาสีจะโดนเลื่อนมั้ยเนี่ย  อุตส่าห์ลดน้ำหนักด่วนจะได้แจ่มเจิดเฉิดฉายตอนอยู่หน้าสแตนด์แท้ ๆ"

              "ดีไม่ดีปีนี้จะไม่จัดเอา"  งามตาแสดงความเห็น

              "เป็นเพราะตาพุงใหญ่นั่นแหละ  เอะอะอะไรก็ห้าม"  ไพลินหมายถึงครูชนันธรที่ช่วงนี้รับหน้าที่ดำเนินกิจการในโรงเรียนชั่วคราวแทน ผอ. ที่หยุดงานเป็นระยะ ๆ  "ถ้า ผอ. เป็นโรคร้ายแรงใกล้ตายก็ช่วยแพร่เชื้อใส่ตาลุงพุงใหญ่ก่อนจะลงโลงทีเถอะ  จะได้เท่งทึงตาม ๆ กันไปแล้วหาครูฝ่ายปกครองคนใหม่มาซะที"  หลังจากโดนครูชนันธรเอ็ดเอาเรื่องสีโบว์ผิดระเบียบกับเรื่องดึงกระโปรงขึ้นสูงจนชายพ้นหัวเข่าอย่างละรอบ  ไพลินก็เผาพริกเผาเกลือครูทางวาจาทุกครั้งที่นึกขึ้นได้

              "บาปกรรมจริง  แช่งชักครูบาอาจารย์"  งามตาติ

              "นังคนที่นินทา ผอ. เช้าครั้งเย็นสองครั้งอย่างแกมีสิทธิ์มาวิจารณ์ฉันด้วยเหรอยะ  อีตี้"

              งามตามีชื่อเล่นหรูหราว่าบิวตี้  เจ้าหล่อนบอกเพื่อน ๆ ให้เรียกย่อ ๆ กันเอง ๆ ว่า 'บิว' ก็ได้  แต่ไพลินผ่าเหล่าไปเรียกว่า 'ตี้'  นานเข้าก็เติมยศให้เป็น 'อีตี้'

              'ถ้าจะเหนื่อยพูดตั้งสองพยางค์  เรียกฉันบิวตี้จะง่ายกว่ามั้ย'  งามตาเคยถาม

              'ง่ายทางกาย  ลำบากทางใจ'  ไพลินตอบ  และปัจจุบันบางทีก็เรียก 'อีนี่'  ('เป็นการเพี้ยนเสียงของภาษาน่ะ'  ไพลินอ้าง)

              ด้วยเหตุนี้  แทนที่จะเรียกไพลินด้วย 'ลิน' ที่เป็นชื่อเล่น  งามตาเลยเรียกด้วน ๆ ว่า 'ไพ'  บ่อยครั้งก็เรียก 'อีเภทภัย'

              "คุยกับอีนี่ไม่รู้เรื่องละ  แกว่ามั้ยพิม  ตาพุงใหญ่นี่มันเผด็จการชัด ๆ"  ไพลินเริ่มหาพวก

              "คือ...ไม่รู้สิ"  พิมพ์พรอ้ำอึ้ง  ครูชนันธรสอนในระดับชั้น ม.ห้าขึ้นไป  และตัวเธอเองก็ไม่เคยโดนตำหนิหรือลงโทษ  อีกทั้งไม่เคยมีเหตุให้ต้องเข้า 'ห้องเย็น'  เลยบอกไม่ได้ว่าครูเป็นคนยังไง  แต่ถ้าพิจารณาจากข้อที่ว่า  จนถึงป่านนี้พี่ชายของเธอที่โดนเรียกเข้าเป็นกิจวัตรยังสามารถคงสถานะนักเรียนเอาไว้  ครูชนันธรก็น่าจะใจเย็นและมีเหตุผลพอสมควร  พี่พงศ์พิชหัวดื้อจะตายไป  พิมพ์พรที่คอยตามคุมความประพฤติมาตลอดสิบห้าปีรู้ดี

              'งั้น ๆ แหละ'  พี่ชายของเธอตอบอย่างนั้นเมื่อถามถึงครูชนันธร

              จะว่าไป  พูดถึงเรื่องนี้แล้ว...

              "ตอนพักเที่ยง  พี่พงไปมีเรื่องกับพี่อชิระที่สนามบาสเหรอ"  เด็กสาวหันไปถามวรัสยาที่อยู่ในเหตุการณ์  หลังจากจบคดีกับพี่กรกฎไปไม่ทันพ้นชั่วโมง  เหตุวิวาทครั้งใหม่ของพี่พงศ์พิชก็ลอยมาเข้าหูเธออีกแล้ว  พิมพร์คิดจะไปคาดคั้นเอาความจริงจากพี่ชาย  แต่จำใจต้องเก็บไว้สะสางกันทีหลัง  เพราะถึงเวลาเข้าเรียนช่วงบ่ายซะก่อน

              "ต่อปากต่อคำกันนิดหน่อย"  เพื่อนของเธอยิ้ม  "พี่พงเขาไม่ได้ทำอะไรหรอก  อีพี่ลิงแกก็เลือดร้อนตามสภาพอากาศน่ะ"

              ไม่รู้ว่าแค่กลบเกลื่อนให้เธอสบายใจรึเปล่า  วรัสยาคอยเป็นห่วงเรื่องที่เธอกังวลเสมอ  พิมพ์พรขอบคุณมาตลอดในข้อนั้น  แต่ก็เพราะอย่างนั้น  เธอจึงไม่มั่นใจว่าตัวเองได้รู้เรื่องที่ควรจะรู้ครบถ้วนตามความเป็นจริงแล้วหรือยัง  เธอไม่คิดว่าเพื่อนโกหก  เพียงแต่นิยาม 'นิดหน่อย' ของเธอกับของเพื่อนบางทีมันก็ต่างกันแบบไม่นิดหน่อยเท่าไร

              เอาเถอะ  พิมพ์พรถอนหายใจ  อย่างน้อยคงไม่มีเรื่องถึงขั้นลงไม้ลงมือล่ะนะ

              "งั้นไปกันได้รึยัง"  วรัสยาเปลี่ยนเรื่อง  "ครูเขาบอกให้รีบกลับนี่  บิว  ลิน  ถ้ายังไม่เลิกทะเลาะกัน  ยาจะทิ้งไว้ตรงนี้นะ  ไปกันพิม"  ว่าแล้วก็จูงมือเธอเดินออกจากห้อง

              "เอ่อ  วันนี้ยากลับก่อนเลยจ้ะ  พิมมีธุระ"

              "ธุระเหรอ  ยาไปเป็นเพื่อนมั้ย"  วรัสยาเสนอ

              "อย่ารบกวนเลย"  เธอรีบตอบ  "ไปคนเดียวได้"

              "ครูเขาเพิ่งบอกอยู่หยก ๆ ว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว"

              "คือ...  เป็นเรื่องสำคัญมาก"  พิมพ์พรอึกอัก  "แล้วก็...แล้วก็...เป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ"

              "เอ๊าะอ๋อ"  วรัสยาพยักหน้าช้า ๆ

              พิมพ์พรผงกหัวอาย ๆ  เพื่อนเธอคนนี้เป็นอีกคนนอกจากพี่ศุทธวีร์ที่รู้...เรื่องของเธอกับพี่ไชยพศ

              "น่าหมั่นไส้เป็นที่สุด"  วรัสยาพูดเสียงสะบัด ๆ  "จ้า ๆ  งั้นตามสบายนะ  ถ้าเรียบร้อยแล้วโทรมาบอกด้วยละกัน"

              เด็กสาวหน้าร้อนผ่าว  "เรียบร้อยอะไร  แค่กลับบ้านด้วยกันเท่านั้นเอง  คิดไปถึงไหนน่ะ"

              "ยาก็หมายความว่าถ้าไปถึงบ้านแล้วนั่นแหละ  พิมต่างหากคิดไปถึงไหน"  วรัสยาตอบลอยหน้าลอยตา

              "ไม่โทรไปบอกหรอก  รีบ ๆ กลับไปเลย"  พิมพ์พรงอนเพื่อน  แลบลิ้นไล่แล้วหมุนตัวจะเดินหนี --  "อุ๊ย!"

              เธอหันไปชนนักเรียนหญิงที่เดินผ่านมาพอดี...พี่นุชนาถ  ดาวโรงเรียนชั้น ม.ห้า

              ว้าย!  สวยจัง -- ไม่ใช่สิ  ไม่ใช่เวลาตะลึงเรื่องนี้  พิมพ์พรรีบยกมือไหว้  "ข...ขอโท --"

              "ไม่เป็นไร"  รุ่นพี่สาวตอบห้วน ๆ  ก้าวเท้ายาว ๆ เดินผ่านไป

              พิมพ์พรพนมมือค้างเติ่ง

              "สงสัยพี่เขาอารมณ์ไม่ดีมั้ง"  วรัสยายิ้มแห้ง ๆ

              "อู๊ย  นี่อารมณ์ดีแล้ว  แค่โดนตอกใส่หน้าว่า 'ไม่เป็นไร' เนี่ย"  ไพลินโผล่มาจากข้างหลัง  "ถ้าอารมณ์ไม่ดี  ฉันว่าแกโดนทึ้งหนังหัวไปแล้วพิม"

              "เหอ  พี่นุชเถื่อนขนาดนั้นเชียว"  วรัสยาทำหน้างง  "เท่าที่เคยเห็น  เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสดีนะ"

              "สร้างภาพ"  ไพลินย้ำเสียงหนัก  "ฉันได้ยินมา...จากเจ๊กาก้าขาเดิมแหละ  เขาว่าจริง ๆ แล้วพี่นุชนี่อย่างหยิ่ง  ขี้ประจบครู  ชอบทำงานเอาหน้า  เวลาเขาหาตัวแทนไปทำงานอะไรที่มันเด่น ๆ ดี ๆ เป็นเกียรติเป็นศรีแก่โปรไฟล์  พี่แกก็ไปเฟลิร์ตให้เพื่อนผู้ชายในห้องโหวตให้ตัวเองได้รับหน้าที่ประจำ"

              "อย่างกับตัวร้ายในละครเลย  ข่าวบอกไว้ว่าพี่นุชแกชอบร้องกรี๊ด ๆ ด้วยเปล่า"  วรัสยาแซว

              "แกไม่เคยได้ยินรึไงยา  ว่าชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละคร"  ไพลินดูเคือง ๆ ที่ถูกล้อเลียน  "ทีแรกฉันก็ฟังหูไว้หูนะ  จนตอนพักวันนี้นี่แหละ  เห็นมาเต็มเบ้า"  เพื่อนของเธอยกสองนิ้วจ่อที่ตา  "พี่นุชที่ใคร ๆ ก็ชื่นชมนักหนาว่าเป็นกุลสตรี  ไปอี๋อ๋อออเซาะตามเต๊าะพี่เจ๋ง!"

              พิมพ์พรชะงัก

              "หา?"  วรัสยาเหลือบตามาทางเธอแวบหนึ่ง  "จำถูกคนแน่นะ  อาจเป็นคนหน้าโหลอะไรแบบเนี้ย"

              "คนนี้ 'หล่อ' ย่ะ  ไม่ใช่ 'โหล'  เห็นจากไกล ๆ แต่ฉันมั่นใจว่าใช่เลย  น่าเคี้ยวแบบนั้นมีสักกี่คนในโรงเรียน"  ไพลินยืนยัน  "ตรงบันไดกลางชั้นล่างนี่เลย  พี่นุชแบมือขออะไรจากพี่เจ๋งก็ไม่รู้  พี่เจ๋งเขาอิดออดหน่อย ๆ แต่สุดท้ายก็ให้ไป  ฉันว่านะ  ขู่เข็ญจะเอาเบอร์โทรแหง ๆ  ใช่มะตี้  แกก็เห็นใช่ปะ"

              "อือ  เห็น"  งามตาตอบสั้น ๆ

              "นั่นไง  อีตี้ที่ค้านฉันทุกเรื่องยังคอนเฟิร์มเลยว่าจริง"  ไพลินรีบสำทับ  "แรงมั้ยล่ะแก  ล่าเบอร์จากผู้ชายกลางวันแสก ๆ"

              "ฉันเห็นแค่ว่าพี่เจ๋งเขายื่นกระดาษให้  ไม่ได้บอกว่าเห็นเขาให้เบอร์"  งามตาขยายความ  "รู้สึกจะเป็นปึกเล็ก ๆ เลยนะ  เบอร์พี่เจ๋งแกคงยาวเป็นร้อยหลักเลยมั้งถ้าต้องใช้กระดาษเยอะขนาดนั้น"

              "อีตี้  ตอนมุดออกจากท้องแม่ฉันก็ไม่ได้ไปเหยียบสายรกแกนะ  จะขัดฉันทำไมทุกเรื่องวะเนี่ย"  ไพลินเท้าเอว  "ฉันว่าเบอร์โทรชัวร์  ประมาณว่าจู่โจมกันสายฟ้าแลบ  แล้วแถวนั้นไม่มีกระดาษ  พี่นุชก็เลยเอาชีทเรียนที่ถือติดตัวมาส่งให้พี่เจ๋งจดกันสด ๆ ตรงนั้นเลย"  ("เม็มใส่มือถือไม่ง่ายกว่าเหรอ"  งามตาพูดแทรก  ไพลินเหมือนจะไม่ได้ยิน)  "พี่เจ๋งเขาสุภาพบุรุษขนาดนั้น  จะปฏิเสธก็คงกลัวจะเป็นการหักหน้าผู้หญิงเลยต้องยอม"

              "แหม  วันหลังยาลองไปขอตังค์พี่เขาดูดีกว่า  เผื่อจะสุภาพบุรุษให้มาสักพัน"  วรัสยาหัวเราะ  แต่แล้วก็รีบปิดปาก  เหลือบตามาทางเธออีกที  "เอ่อ  อาจจะขอไว้ติดต่อเรื่องงานกันก็ได้มั้ง  พี่นุชเขาอยู่กลุ่มเดียวกับพี่รจเรขที่เป็นฝ่ายกิจกรรมไม่ใช่เหรอ  ทางโน้นเขาอาจวานให้มาทาบทามพี่เจ๋งไปเป็นตัวชูโรงการแสดงเปิดปิดงานกีฬาสีก็ได้"

              วรัสยาพยายามพูดแก้ให้เรื่องเป็นไปในแง่ดี  พิมพ์พรรู้ว่าเพื่อนไม่อยากให้เธอคิดมาก  แต่เธอเริ่มจะเชื่อหน่อย ๆ แล้ว  อาจจริงอย่างที่ไพลินว่า  "ทีรุ่นน้องผู้หญิงเอ่ยขอโทษแทบจะไม่เสียเวลามอง  แต่กับเพื่อนร่วมรุ่นผู้ชายคุยด้วยได้เป็นวรรคเป็นเวร"

              "ช่าย  ไม่น่าให้อภัยจริง ๆ"  วรัสยาขมวดคิ้วเออออ  "รวมกับที่ลินสาธยายความชั่วร้ายของพี่ขวัญเมื่อวานด้วยก็ยาวพอเอาไปเย็บเล่มขายได้แล้วล่ะยาว่า  ตั้งชื่อ 'ล้วงตับดาวโรงเรียน' เป็นไง"

              "ฉันจะเอามาบังคับซื้อพร้อมแจกลายเซ็นบนหน้าผากแกคนแรก  ยัยยา  ประชดฉันดีนัก"  ไพลินหยิกแก้มเพื่อน  "ไอ้ที่ฉันร่าย ๆ ให้ฟังเนี่ย  หลักฐานคาตาทั้งนั้นนะยะ  ไม่ได้มโนเอาเอง  อย่างไอ้โขลงที่ตามล้อมหน้าล้อมหลังเจ๊ขวัญสุดาสามเวลาบวกก่อนนอนน่ะ  สังเกตดิ  มีผู้หญิงมั้ย  เจ๊แกไม่รับคบเพื่อนผู้หญิงค่า  ...ฉันไม่ได้อยากพูดนะ  แต่นี่มันแรดปลอมตัวมาขายหอยชัด ๆ"

              "ตกลงรุ่นพี่เราที่สวย ๆ ไม่มีใครดีเลยเนาะ"  วรัสยาโคลงหัว  พูดกลั้วขำ  "แล้วนี่เกิดในอนาคตลินได้เป็นดาวโรงเรียน  จะมานั่งด่าตัวเองด้วยมั้ยคะเนี่ย"

              "ต๊าย  แก  พูดอะไรก็ไม่รู้"  ไพลินทำท่าขวยอาย  "ถ้าถึงวันที่ชายไม่รักดีทั่วทั้งโรงเรียนหายตามืดบอด  ยกย่องให้ฉันเป็นดาวเด่นแล้วล่ะก็นะ"

              "ไม่มีวันนั้นหรอก"

              "อีตี้  ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้นะ  หรือถ้ามี  แกก็รับ ๆ ไปเหอะ  เวลาเผยอปากขึ้นมา  แกน่ารักกว่าตัวอิกัวนาหน่อยเดียว"

              "เอาล่ะค่ะ  นักเรียนทุกคน"  เสียงครูดวงแก้วดังผ่านโทรโข่งกังวานมาตามระเบียง  "ขอให้รีบเก็บสัมภาระและปฏิบัติตามที่สมาชิกฝ่ายกิจกรรมบอกอย่างเคร่งครัดนะคะ"

              "โหย"  ไพลินเบะปาก  "ไอ้ที่ ผอ. บอกว่าให้รีบกลับบ้านนี่เอาจริงว่ะ  พวกครูถึงขนาดจัดชุดขับไล่มาคอยกวาดต้อนเลย  อี๋  พี่สี่ตานี่หว่า"  เพื่อนของเธอทำหน้าเหยเก  เมื่อเห็นคนที่กำลังเดินมา

              ถ้าคัดเลือกจากความเห็นชอบของครู  เขาคงเป็นตัวเก็งว่าที่ประธานนักเรียนคนถัดไป...พี่กลทีป์ ม.ห้า  หัวหน้าห้องหนึ่งผู้เปี่ยมคุณสมบัติ  เทพผู้พิทักษ์กฎระเบียบ  ไพลินเรียกเขาว่า 'ชนันธรปางสวมแว่น'  งามตาแย้งว่าเหมือนโปรแกรมราคาถูก  ตอบโต้ได้แค่ 'ไม่ได้ครับ'  'ไม่อนุญาตครับ'

              "ชั้นเราดันแจ็คพ็อตเป็นอีตานี่อีก"  ไพลินบ่นงึมงำ  "มีหวังโดนคุมตัวไปส่งถึงหน้าประตูรั้วแน่"

              แบบนั้นก็แย่สิ  เธอนัดพี่ไชยพศเอาไว้  พิมพ์พรรีบเดินผละไปทิศตรงกันข้าม

              "น้องคนนั้นจะไปไหนครับ"  ถูกเรียกตัวตามคาด  "นักเรียนม.สี่ที่อยู่ทางปีกอาคารด้านนี้  ขอให้ใช้บันไดกลางเดินลงเพื่อให้ง่ายต่อการตรวจเช็คครับ"

              "คือ...  คือว่า..."  เด็กสาวตะกุกตะกัก

              "ถ้าลืมของให้เข้าไปเอาแล้วกลับมาลงบันไดที่ตรงนี้ครับ"  พี่กลทีป์บอก  เสียงราบเรียบเหมือนสวดมนต์  "หรือถ้ามีธุระเร่งด่วนที่เกี่ยวข้องกับทางโรงเรียน  ทางคณะครูแจ้งอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษแล้ว  สามารถดำเนินการในวันพรุ่งนี้แทนได้ครับ"  ("แสดงว่าลงฟังก์ชั่นเพิ่มเติมแล้ว  ตอบได้ซับซ้อนขึ้น"  งามตากระซิบเบา ๆ)

              "หนู...นัดเพื่อนไว้ค่ะ"

              "หา?  พิม  แกนัดใคร  ทำไมฉันไม่รู้"  ไพลินถามโพล่ง  พิมพ์พรหน้าร้อนฉ่าถึงหลังหู

              พี่กลทีป์ยังคงมองมาอย่างเรียบเฉย  "จุดของประสงค์ของ ผอ. คือให้รีบออกจากโรงเรียนนะครับ  ถ้าไม่ได้เป็นนัดหมายสำคัญ  ขอให้ยกเลิกหรืออย่างน้อยก็เปลี่ยนสถานที่นัดพบเป็นข้างนอกดีกว่าครับ"

              นัดเจอกันข้างนอกตอนนี้น่ะเหรอ  ระยะทางจากหน้าโรงเรียนถึงป้ายรถเมล์เต็มไปด้วยเพื่อนร่วมโรงเรียนทั้งนั้น  ถึงจะเดินไปด้วยกันก็ต้องรักษาท่าทีไม่ให้ผิดสังเกต  ไหนจะสาว ๆ ชั้นปีอื่นที่พอเห็นพี่ไชยพศก็จะพากันเข้ามาทักทาย  ตามติดไปจนถึงขึ้นรถ  บางครั้งจนถึงลงรถ  จะให้ไปเจอกันที่อื่นที่ไกลจากที่นี่  ก็จะกลายเป็นเสียเวลา  กลับบ้านช้าจนแม่ต้องเป็นห่วงและพี่อาจสงสัย  ตัวเธอเองไม่ได้อยากเถลไถลถึงขนาดนั้นด้วย

              'เป็นสาวเป็นนางจะให้ไปไหนมาไหนคนเดียวได้ยังไง'  พี่พงศ์พิชพูดอยู่เสมอและคอยไปกลับพร้อมกันทุก ๆ วัน  เฉพาะเวลามีงานแข่งใหญ่  หรือช่วงกีฬาสีแบบเดือนนี้เท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นเพราะพี่ชายเธอต้องอยู่ซ้อมจนค่ำ  แต่หน้าที่ก็จะเปลี่ยนมือไปเป็นของพี่ศุทธวีร์ที่ดูจะไม่ค่อยสนับสนุนเรื่องของเธอกับพี่ไชยพศ  ดังนั้นถึงจะพูดอ้อม ๆ ว่าเขาไม่ต้องมาก็ได้  พี่ศุทธวีร์ก็จะทำเป็นไม่เข้าใจและตามประกบไปส่งถึงบ้านอยู่ดี

              ถ้าไม่ใช่ตรงตึกเก่าข้างแผนกประถมก็ไม่มีความหมาย  มีแค่ตรงนั้นที่ห่างจากสายตาของระดับมัธยม  เธอสามารถบอกกับพี่พงศ์พิชว่าออกจากโรงเรียนแต่เนิ่น ๆ แล้ว  และแว่บไปนั่งรอที่นั่นจนนักเรียนส่วนใหญ่กลับไปกันเกือบหมดได้โดยที่พี่ชายไม่รู้และไม่มีใครมาเห็นแล้วเอาไปฟ้อง

              ...เป็นโอกาสที่จะได้กลับบ้านด้วยกันแค่สองคนแล้วแท้ ๆ

              รุ่นพี่ผู้ไม่ยอมโอนอ่อนผายมือให้เธอเดินไปเข้าแถว  พิมพ์พรตัดใจทั้งที่ยังเสียดาย

              "ว้าย  พี่คะ ๆ!  ตรงโน้นวิ่งลงบันไดกันใหญ่เลย  หวาดเสียวมากค่ะ!"  เพื่อนของเธออุทานพลางชี้มือชี้ไม้  น้ำเสียงเร้าอารมณ์เกินค่าปรกติสำหรับวรัสยาผู้ไม่เคยตกใจกับอะไรใด ๆ

              "กรุณาปฏิบัติตามที่บอกไปนะครับ"  พี่กลทีป์พูดทิ้งท้ายแล้วเดินไปหานักเรียนกลุ่มนั้น  "ทยอยลงจากอาคารอย่างเป็นระเบียบด้วยครับ"

              "ค่า  รับทราบค่า"  วรัสยาโบกมือส่งพร้อมกับหันมาขยิบตาให้

              พิมพ์พรอยากกระโดดกอดเพื่อนแต่ต้องเอาไว้ก่อน  เด็กสาววิ่งเร็วจี๋  และรู้สึกดีใจที่ในความเป็นจริงการเลือกประธานขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงจากนักเรียน  ("เฮ้ย  เดี๋ยวสิพิม"  ตกลงแกนัดใคร"  ไพลินตะโกนไล่หลัง)

              บันไดที่สุดอาคารอีกด้านหนึ่งซึ่งเดินไกลกว่า  ทั้งยังแคบและมืดกว่า  จึงไม่ค่อยไม่มีใครใช้  และวันนี้ไม่มีใครใช้เลย  นับเป็นทางสะดวก  แต่เธอลืมไป  ว่าจะต้องเดินผ่านพิกัดที่ไม่อยากเข้าใกล้ที่สุดในโรงเรียน

              ที่มุมอาคารชั้นล่างสุด  เมื่อลงจากบันไดก็จะเจอเข้าพอดี

              ...ห้องเก็บอุปกรณ์พิธียังคงดูขรึมขลัง

              นอกจากกีฬาสีที่ทุกคนให้ความสนใจ  ทุกช่วงเวลานี้  โรงเรียนของเธอยังมีอีกหนึ่งงานประจำปีที่แทบไม่มีใครจดจำ  งานเล็ก ๆ  ใช้สถานที่เล็ก ๆ  ...พิธีที่เล่าลือว่าเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดต่อกันมาของตระกูลผู้ก่อตั้งโรงเรียน

              เทียนสีขาวซีดส่งกลิ่นหอมประหลาดอบอวล  กระถางสีดำคร่ำคร่ามีรอยแตกบิ่น  โต๊ะตั้งของบวงสรวงที่อายุเก่าแก่ไม่แพ้กัน  ตำแหน่งที่ควรจะเป็นรูปเคารพทางศาสนาถูกแทนที่ด้วยรูปปั้นแปลก ๆ  คงเป็นลัทธิความเชื่อที่ไม่ใช่สากล...พิมพ์พรสงสัย  แต่ก็รีบปัดมันออกจากความคิด  เดินไปที่จุดนัดหมาย


              :  :  :  :  :  :  :  :  :


              พิมพ์พรมองรอบ ๆ ดีแล้วว่าไม่มีใคร  จึงค่อยเคลื่อนตัวจากหลังเสา  จ้ำอ้าวตัดผ่านที่โล่งไปหลบที่ข้างผนังอาคารถัดไป

              เหมือนนักโทษหลบหนีเลย

              หลายครั้งที่พิมพ์พรถามตัวเอง...'เธอทำอะไรผิดกันนะ'

              และไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเขียนแบบนี้ลงไปในไดอารี่

              'งานอดิเรกอย่างกับนางเอกนิยาย'  พี่ไชยพศล้อ

              'ก็พิมชอบนี่นา'

              ตอนนั้นเธอโกรธเขาอยู่นาน  อุตส่าห์เผยความลับให้ฟังแต่ดันมาหัวเราะซะได้  เรื่องนี้แม้แต่พี่พงศ์พิชกับแม่ยังไม่รู้เลย

              สมัยก่อน  เธอเป็นคนขี้อายมาก  แทบไม่กล้าพูดกับใคร  ได้แต่คุยกับตัวเองผ่านไดอารี่  แล้วก็ติดนิสัยชอบเขียนบันทึกมาจนโต  ทั้งเรื่องที่ประทับใจ  เรื่องที่มีความสุข  เรื่องที่อัดอั้น  เรื่องที่เป็นความทุกข์

              มีแค่เรื่องความรักที่แม้จะจดบันทึกไว้บ้างแต่ก็ไม่ได้ละเอียดนัก  ขนาดชื่อของพี่ไชยพศเธอยังไม่เขียนลงไปตรง ๆ  แต่ใช้เป็นตัวย่อแทน  พี่ไชยพศก็หัวเราะ  บอกว่าดีแล้ว  เขาเขิน

              เธอเองก็อาย  แต่เหตุผลสำคัญคือที่เธอจดบันทึกเพราะอยากถ่ายทอด  ต้องการระบายออก  การเขียนทำให้รู้สึกเหมือนได้กระซิบให้ใครสักคนได้ยิน  ได้จารึกไว้ให้ใครสักคนได้เห็น  แต่กับเรื่องนี้เท่านั้นที่เธออยากให้เป็นของเธอกับพี่ไชยพศ  แค่ระหว่างเขากับเธอ  จึงเก็บมันไว้เป็นเพียงภาพในหัว

              จดจำเพื่อไม่ให้เลือนหาย  สวยงาม  มีค่า  น่าทะนุถนอม...นั่นล่ะความรัก  เธอได้รู้แล้ว

              แต่พี่พงศ์พิชไม่รู้  ไม่เคยเข้าใจ  และไม่เคยยอมให้ผู้ชายคนไหนเฉียดใกล้น้องสาว

              อย่างเมื่อตอนกลางวัน  หัวใจเธอแทบกระดอนออกทางปาก  พี่เจ๋งนี่ก็เล่นไม่ดูเลย  พี่พงยืนตัวเบ้อเร่อระยะเผาขนขนาดนี้  ถ้าความแตกล่ะก็...  ภาพยักษ์แยกเขี้ยวกำลังเคี้ยวหัวเพื่อนลอยเคว้งขึ้นมา

              พี่ไชยพศเคยนินทาไว้  "ถ้าเอาไอ้พงไปขังในห้องพร้อมกับสาวสวยหนึ่งและลูกบอลอีกหนึ่ง  ตัวเลือกที่จะถูกมันจับปล้ำคือลูกบอล"

              เด็กสาวหัวเราะและตีแขนเขา  บอกว่าพูดเวอร์ไป  แต่มาตอนนี้  เธอก็ชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน  พี่ชายเธอเล่นไม่สุงสิงกับสาวไหนให้เห็นเลย  ไม่ใช่ว่าไม่มีสาวมาสนหรอกนะ  มี  ไม่น้อยเลยด้วย  ไพลินเองยังชมเปาะอยู่บ่อย ๆ ว่าพี่บึกบึนมาดแมน  วรัสยาก็บอกว่าพี่เป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือเด็กผู้หญิง  อันที่จริงก็อยู่ในสถานะที่น่าจะมีความรักและเข้าใจมันได้ไม่ยาก  แย่ที่พี่ไม่กระตือรือร้นต่อเพศตรงข้าม  แถมวางตัวห่างไกลความเจริญและสังคมมนุษย์นี่สิ  กระทั่งโทรศัพท์มือถือยังไม่ยอมพก

              พี่ศุธวีร์ก็อีกคน  ถ้าจะพูดเรื่องความเข้มงวด  พี่ศุทธวีร์ก็พอ ๆ กัน  ไม่ใช่แค่เรื่องความรักด้วย

              มีครั้งหนึ่ง  ตอนยังเด็ก  เธอออกปากว่าตุ๊กตาตัวใหม่ของเพื่อนข้างบ้านสวยดี  พี่ไชยพศกับพี่พงศ์พิชก็นึกแผลง ๆ ช่วยกันปีนกำแพงเข้าไปฉกมาให้  พี่ศุทธวีร์คนเดียวที่ยืนกรานว่าทำไม่ถูก  ทั้งขู่ทั้งปลอบพยายามแย่งมันจากเธอเพื่อเอาไปคืนเจ้าของ

              ตอนนั้นพิมพ์พรคิดว่าเขาไม่ชอบเธอ  สีหน้าฟ้องชัดเจนอย่างนั้น

              แต่ไป ๆ มา ๆ  นานวันเข้า  เขากลับเป็นคนที่ยอมตามใจเธอมากที่สุด  แม้แต่เรื่องที่พี่ไชยพศเห็นต่าง  เขาจะบอกว่าเห็นด้วยกับเธอ  เวลาถกเถียงกับพี่ชาย  เขาจะช่วยเธอพูดถ้าพี่พงศ์พิชเป็นฝ่ายทำไม่ถูก  และถ้ามีครั้งไหนที่พี่พงศ์พิชก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว  เขาจะวางตัวเป็นกลางซะอย่างนั้น  เรียกได้ว่าจากตอนเด็ก ๆ ที่เคยตั้งแง่กับเธอทุกเรื่องกลายเป็นเข้าข้างเธอทุกเรื่อง  พิมพ์พรคิดว่าพี่ศุทธวีร์เห็นเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง  เธอเอง  ก็เห็นเขาเป็นเหมือนพี่ชายอีกคน

              ติดแค่เรื่องเดียวนี่ล่ะ  เรื่องเดิม

              'คิดดีแล้วเหรอพิม'  พี่ศุทธวีร์ถาม

              'คือ...ไอ้เจ๋งมันก็ไม่ใช่คนเลวอะไรหรอกนะ  เพียงแต่...'  พี่ศุทธวีร์พูด

              'ในฐานะพี่ชาย  พี่ว่าพงมันมีสิทธิ์ที่จะรู้  พงมันห่วงพิมมากนะ'  พี่ศุทธวีร์ย้ำ

              เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนผิดที่ปิดบัง  ผิดที่คบกับพี่ไชยพศ  เธอไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้  เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย

              'หนูจะบอกพี่พงเองค่ะ'  พิมพ์พรตอบไป  "แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น  พี่กล้าช่วยเก็บไว้เป็นความลับก่อน  นะคะพี่กล้า"

              เธอยอมรับว่าจนถึงวันนี้ก็ยังขอผัดมาเรื่อยไม่ได้บอกซะที  และพี่ศุทธวีร์ก็คอยตามตื๊อตามเตือนไม่ยอมเลิก

              'พี่กล้าไม่เคยมีความรัก  พี่กล้าไม่เข้าใจหรอก'  ครั้งหนึ่งที่เธอเผลอตอบโต้ออกไป  เลียนแบบคำพูดของพี่ไชยพศ

              ตัดบทได้ชะงัด  พี่ศุทธวีร์ไม่พูดเรื่องนี้กับเธออีก...ไม่อีกเลย

              บางทีอาจจะเป็นคำพูดที่แรงเกินไป  เธอจะไปขอโทษเขาทีหลังก็แล้วกัน

              แต่พิมพ์พรลืมไปซะสนิท  คงเพราะพี่ศุทธวีร์ไม่เคยโกรธเธอ  และหลังจากนั้นก็ยังพูดคุยกับเธอตามปรกติ  ตอนกลางวันที่พี่ศุทธวีร์ห้ามไม่ให้ทะเลาะกับพี่พงศ์พิช  เธอยังไปตวาดใส่เขาอีก

              'พรุ่งนี้จะต้องคุยกับพี่กล้า'  เธอจดไว้  ต้องขอโทษ

              เด็กสาวลัดเลาะมาเรื่อย ๆ จนถึงหน้าประตูสองของตึกเก่า  โต๊ะหินที่ประจำ

              "พี่เจ๋งคะ"  พิมพ์พรโทรหาทันทีที่มาถึง

              "ว่าไงคะพิม"  พี่ไชยพศลงท้ายคะขาเวลาพูดกับเธอมาตั้งแต่เด็ก  ดูใจดีและเป็นหนึ่งในจุดที่เธอชอบ  จนโตขึ้นวิธีพูดแบบนี้จากเขาก็ค่อย ๆ หายไป  เด็กสาวขอให้กลับมาทำเวลาที่คุยกันแค่สองคน

              "พิมมารออยู่ตรงที่เดิมแล้วนะคะ"

              พี่ไชยพศเงียบไป

              "พี่เจ๋งคะ?"

              "จริง ๆ พิมไม่ต้องรอพี่ก็ได้นะคะ  ไหน ๆ ก็เลิกเร็ว  ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างก็ได้"  เขาหัวเราะ  แต่พิมพ์พรรู้สึกได้ว่าไม่ใช่เสียงหัวเราะจริง ๆ

              "พี่เจ๋งมีธุระเหรอคะ"  เธอถาม

              "เปล่า ๆ  ไม่มี  งั้นเดี๋ยวพี่ไปหา  รอแป๊บนึงนะคะ"

              "พี่เจ๋ง  มีอะไรรึเปล่า"  เธอไม่ยอมให้เขากลบเกลื่อน

              พี่ไชยพศเงียบไปอีกพักหนึ่ง  ก่อนจะเอ่ยออกมาช้า ๆ  "...เราห่าง ๆ กันสักพักมั้ย"

              พิมพ์พรชาวาบไปทั้งตัว

              "ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ"  เขารีบพูดต่อ  "พิมไม่ได้ทำอะไรผิด  พี่ไม่ได้หมายความว่าจะให้เราจบ  ก็แค่...ช่วงนี้พี่มีความจำเป็นหลาย ๆ อย่าง  อาจทำให้มาเจอพิมเหมือนอย่างเคยไม่ได้"

              "ความจำเป็นที่ว่านี่คือพี่นุชนาถรึเปล่าคะ"

              พี่ไชยพศเงียบไปอีกครั้ง  นานกว่าครั้งก่อนหน้า

              "ตอนพักกลางวัน  พิมเห็นพี่เจ๋งคุยกับพี่นุชนาถตรงบันได"  เธอโกหก

              "ไม่ใช่นะพิม"  เขาปฏิเสธ  "พี่แค่เก็บของให้เฉย ๆ  ไม่มีอะไรมากกว่านั้น"

              "ค่ะ"  เด็กสาวตอบ  "ถ้างั้น  สาเหตุมาจากอะไรล่ะคะ"

              "คือ..."  เสียงจากปลายสายฟังดูหนักใจ  "ไอ้กล้ามัน...เพิ่งปราม ๆ พี่เรื่องที่เราจะคบกัน"

              "พี่กล้าอีกแล้วเหรอคะ!"  เธอโกรธพี่ศุทธวีร์ขึ้นมา

              ทำไมกัน  เธอก็แค่สนิทสนมกับรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่ง  และเป็นการคบหาที่ไม่ได้ล้ำเส้นความเหมาะสม  ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย  ที่แล้วมาเธอเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทมาตลอด  ทำไมกัน  แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่เธอขอ  แค่นั้น...

              "พี่เจ๋งก็เลยไม่อยากอยู่ใกล้พิม"  พิมพ์พรห้ามก้อนสะอื้นไว้ไม่ได้  "จะไม่สนใจพิมแล้วใช่มั้ยคะ"  เธอรู้สึกว่าตัวเองเริ่มงี่เง่างอแงแล้ว  และข้อนั้นเธอก็ห้ามไม่ได้เหมือนกัน

              "ไม่ใช่แบบนั้น  อย่างที่พี่บอกนั่นแหละ  แค่สักพัก"

              "ไม่รู้ล่ะ  พิมจะรออยู่ที่เดิม  ถ้าพี่เจ๋งไม่สนใจพิมแล้วก็กลับไปก่อนเลยค่ะ"

              เด็กสาวกดตัดสาย  และโทรหาพี่ศุทธวีร์ต่อทันที  เธอต้องคุยกับเขาให้รู้เรื่อง  ทำแบบนี้ได้ยังไง

              ไม่มีสัญญาณ?  เมื่อกี้ยังใช้ได้อยู่แท้ ๆ

              พิมพ์พรลองอีกหลายครั้ง  ยังติดต่อไม่ได้  คงต้องรอ  เธอปาดน้ำตา  ไม่รู้จะไประบายกับใครหรือกับอะไร  ได้แต่ไปลงกับไดอารี่  'เกลียดพี่กล้าที่สุด'

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา