Forget me not ดอกไม้ที่เลือนหายไป
เขียนโดย นาคายูอิ
วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 21.17 น.
แก้ไขเมื่อ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 19.46 น. โดย เจ้าของนิยาย
บทนำ
Forget me not
14 กุมภาพันธ์ Valentine’s Day
อืม….
เสียงของยู เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เอ่ยขึ้นมา พลางยกคิ้วขมวดเข้มขึ้น สีหน้าของเขานั้นดูเคร่งเครียดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเกาที่คางดูสับสนอยู่ที่หน้าร้านขายของอะไรซักอย่าง ดูเหมือนว่าตัวของเขานั้นต้องการที่จะซื้อของขวัญไปให้กับคนรักของเขา
ซึ่งวันนี้เองก็เป็น วันวาเลนไทน์ เป็นวันแห่งความรัก และเป็นวันของคนที่กำลังมีความรัก แต่ละคนก็ต่างพากันออกมาเที่ยวข้างนอกอย่างสนุกสนาน รวมถึงตัวของยู ตัวเขานั้นก็เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่กำลังมีคนที่ตัวเองรัก และหวังจะทำให้คนที่เขารักมีความสุขในวันวาเลนไทน์นี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าเขาก็ยังตัดสินใจซื้ออะไรไม่ได้ซักอย่าง ตัวเขาเองก็มัวแต่มองของขวัญชิ้นโน้น แล้วก็หันมามองชิ้นนี้ไปมาอยู่ตลอดอย่างลังเล
ตัวของยูเอง ก็ไม่เคยมีคนรักมาก่อน หรืออีกมุมคือเขาขาดประสบการณ์ของการมีความรัก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขากำลังจะเลือกของขวัญชิ้นที่พิเศษที่สุดไปให้กับคนที่เขารัก
“ฮานะจะชอบของแบบไหนกันนะ ดอกไม้ก็ดี ช็อกโกแลตก็เข้าท่า แต่ว่าถ้าเกิดเราซื้อไปแล้วเค้าไม่ชอบละ จะทำยังไงดี หรือว่าจะเอาเป็นสร้อยดี อ่ะ! ไม่สิถ้าซื้อแหวนน่ารักๆ ไปให้เค้าคงจะชอบมากกว่าละมั้ง”
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะซื้อของซักชิ้นหนึ่งเพื่อเป็นที่ของขวัญให้กับ ฮานะ แฟนสาวของเขา ที่ได้นัดเจอกันในวันนี้ และดูเหมือนว่าว่าเธอคนนั้นจะยังมาไม่ถึงที่ๆ เขาอยู่ ซึ่งเป็นการดีที่จะทำให้ตัวของยูเอง ได้มีเวลาในการเลือกของขวัญได้นานกว่านี้
ยูจัง....!
เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังของเขา ทำให้ตัวของเด็กหนุ่มที่กำลังยืนพะวักพะวงเกิดสะดุ้งตกใจขึ้นมาพร้อมกับเหลียวตามองไปทางด้านหลังของเขา
ฮานะ...เด็กสาวผมบลอนด์สีน้ำตาล รูปร่างบอบบางกำลังวิ่งตรงมาที่ตัวของเขา ด้วยสีหน้าที่ดูเหน็ดเหนื่อย อาจจะเพราะว่าเธอติดธุระอย่างอื่นเลยทำให้มาไม่ตรงเวลานัด เธอจึงต้องวิ่งมาจากที่ไกลๆ และมันยังเป็นการไม่ดีของตัวยูเอง ซึ่งเขานั้นยังไม่ได้เลือกซื้ออะไรซักอย่าง มัวแต่ยืนอ้ำอึ้งพูดกับตัวเองไปมาตั้งแต่ตัวเองมาถึงร้าน จนกระทั้งฮานะมาถึง เขาก็ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
แฮ่ก...แฮ่ก...!
เมื่อฮานะวิ่งมาถึงที่ๆ แฟนหนุ่มของเธอได้รออยู่ เธอก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาถอนหายใจอย่างเดียว เสียงของเธอมันฟังดูเหน็ดเหนื่อยและมันทำให้ตัวของยูรู้สึก เหนื่อยแทนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เธอก้มหน้าไปซักพักเธอก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหน้าของยู พร้อมกับเอ่ยยิ้มให้เขา พลางอมยิ้มเล็กๆ ดูน่ารัก
“ขอโทษนะ รอนานหรือเปล่า?”
“อ๋อ...ไม่หรอก ฉันก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เหมือนกัน” ตัวของเขารีบบอกปัดๆ ไว้ก่อน ขืนถ้าเขาบอกว่า ‘มาถึงนานแล้ว กำลังเลือกของขวัญให้อยู่’ มีหวังได้ถูกถามอีกแน่ว่า ซื้ออะไรมาเหรอ
“เหรอ...แล้วยูจัง มายืนทำอะไรที่หน้าร้านขายของสำหรับผู้หญิงละ?” เหมือนกับว่าฮานะ เธอจะจับพิรุธอะไรได้ซักอย่าง แต่เธอกลับแกล้งถามไปแบบนั้น หรือว่าเธอแค่แกล้งถามไปเฉยๆ
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน มันทำให้ตัวของยู เกิดอาการกระวนกระวายแต่ไม่แสดงออก จนทำให้เหงื่อของเขาออกมาเต็มที่ใบหน้า ทำให้เขาดูยิ่งหน้าสงสัยเพิ่มเข้าไปอีก แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองก็พยายามจะหลบสายตาของฮานะ ที่ดูเต็มไปด้วยคำถามไปหมด
“ก็แบบว่า...พอดีอากาศมันร้อน ฉันก็เลยมายืนหลบที่หน้าร้านนี่ไง เห็นมันร่มรื่นดีน่ะ ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนของเขา มันฟังดูแหบแห้ง และไม่น่าเชื่อถือเอาซะเลย
“เหรอ อืมๆ....แต่ทำไมเหงื่อเธอถึงไหลออกมาเยอะแบบนั้นละ ทั้งๆ ที่มายืนรอในที่ร่มแท้ๆ นะ” รู้สึกว่าสีหน้าของเขา มันจะไม่สัมพันธ์กับคำตอบซักเท่าไหร่ ทำให้ตัวของเขานั้นดูลุกลี้ลุกลนมากกว่าเดิมเสียอีก
เอ่อ...ก็...แบบว่า....!
เสียงพะอืดพะอมของเขามันแสดงให้รู้เลยว่าพยายามที่โกหก แต่ถึงอย่างนั้นในใจของเขากลับพยายามคิดคำแก้ตัวนาๆ ชนิดให้เต็มไปหมด เขาดูกระสับกระส่ายไปมาอย่างไม่มีจุดหมาย เหมือนกับว่าสติของเขาไม่ได้อยู่กับร่องกับตัวแล้ว
“งั้น ไปกันหรือยังละ?” เธอเห็นสีหน้าแฟนหนุ่มของเธอดูไม่ค่อยจะปกติ เลยทำให้เธอเปลี่ยนคำถามไปเป็นอย่างอื่น ถึงแม้ว่าในใจของฮานะเอง ยังอยากจะรู้คำตอบก็เถอะ
“เอ๋...ไปไหนเหรอ?”
“ก็วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ เป็นธรรมดาที่คู่รักจะไปเที่ยวกันไม่ใช่หรือไง?” เป็นคำพูดที่ดี ที่จะทำให้สติความเป็นคนของยูกลับมาอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นตัวของเธอเองก็ดูยุกยิกไปมาด้วยความเขินอายอยู่ไม่น้อย
“อะ...อื้ม งั้นเราไปกันเถอะ”
ในที่สุดสติของเขาก็กลับคืนมาหลังจากที่บ้าไปอยู่พักใหญ่ เขาได้ยื่นมือของตัวเองไปกุมที่มือของฮานะเหมือนกำลังจะบอกไปว่า ‘ไม่เป็นไรแล้ว’ หลังจากนั้นทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากตรงนั้นไป
ช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งคู่มันชั่งดูหวาน และอมยิ้มได้ตลอดทั้งวัน ทั้งคู่ต่างไปกันเที่ยวตามย่านการค้า ห้างสรรพสินค้า รวมไปถึงที่ ที่จัดนิทรรศการต่างๆ เกี่ยวกับวาเลนไทน์ จนตกเย็น เวลามันผ่านไปเร็วจนน่าโกหก ราวกับว่าช่วงเวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันมันแค่แปปเดียวเอง
หลังจากที่เที่ยวกันมาอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งวันๆ จนเย็น แล้วตอนนี้ทั้งคู่ก็กำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่ม้านั่งสวนสาธารณะเล็กๆ แห่งหนึ่ง และดูเหมือนว่าต่างคนต่างพากันหลบหน้าไปคนละฝั่ง เหมือนกับว่ามีบางอย่างที่อยากจะพูด แต่กลับเลือกที่จะหันหน้าหนี
นี่....ฮานะ
เสียงของยู เอ่ยขึ้นมาเพื่อเรียกฮานะแฟนสาวของเขา เสียงของเขาฟังดูเบาเหลือเกินเหมือนพูดให้มันแค่ลอยไปตามลม แต่ถึงอย่างนั้นฮานะ เธอกลับได้ยินเสียงยู เธอได้หันหน้ากลัมามองที่ใบหน้าของยู เขาเองก็กำลังมองไปทางอื่นเพราะยังไม่กล้าจะสบตา
“ขอบคุณนะ”
ขอบคุณ......?
ฮานะ ทำสีหน้ามึนงง กับคำพูดของยู ที่พูดขึ้นมาเมื่อกี้ แต่ถึงกระนั้นตัวเธอเองก็ยังไม่ละลดสายตาที่จะมองไปยังหน้าของยู
“ก็เรื่องที่เธอยอมคบกับคนที่ไม่เอาไหนแบบฉันไง ทั้งๆ ที่เธอก็ดูน่ารักและเป็นที่หมายปองของผู้ชายหลายๆ”
“ยูจัง หมายถึงอะไรเหรอ?”
“ฉันหมายถึง เป็นฉันจะดีเหรอ จะให้ฉันเป็นคนที่ดูแลเธอจริงๆ น่ะเหรอ ทั้งๆ ที่เธอเหมือนกับดอกไม้งาม ส่วนฉันมันไม่มีอะไรเลย”
“นี่ยูจัง พูดแบบนี้ฉันโกรธจริงๆ นะ” ฮานะทำสีหน้าไม่พอใจ พร้อมกับมีน้ำตาคลออยู่ที่นัยน์ตาของเธอเล็กน้อย
“ที่ฉันเป็นแฟนของยูจัง ไม่ใช่ว่าฉันจะลองคบ หรือทนคบ แต่ฉันรักที่ยูจังเป็น ฉันชอบที่ยูจังร่าเริง ชอบที่ยูจังยิ้ม ชอบที่ยูจังให้ความสำคัญกับทุกคน เป็นคนใจดี ฉันรักที่ยูจังเป็นแบบนั้น แต่ยูจังกลับบอกว่า เป็นยูจังจะดีเหรอ?”
ขอโทษ.....!
ยู ผลักตัวเองเข้าไปโอบกอดตัวของฮานะไว้อย่างแน่น แสดงออกถึงความอบอุ่นที่ไม่อาจจะบอกมาได้ด้วยคำพูด เพื่อไม่ให้ตัวของฮานะรู้สึกเศร้า แต่ตัวของเขากลับรู้สึกผิดกับตัวเองที่พูดอะไรบ้าๆ ออกไป
“จริงสิ ฉันมีอะไรจะให้ยูจังด้วย” ฮานะผลักตัวเองออกจากอ้อมอกอันอบอุ่นของยู แล้วเธอก็ได้หยิบมือของยูขึ้นมาพร้อมกับวางของอะไรซักอย่างไว้ในกำมือของเขา
“นี่มันอะไรน่ะ?” สิ่งที่ฮานะวางไว้ให้ก็คือ ถุงพลาสติกใสเล็กๆ ที่ข้างในเต็มไปด้วยเมล็ดของต้นอะไรซักอย่างเต็มไปหมด
“นั่นคือ เมล็ดดอก Forget me not น่ะ?”
Forget me not….?
ยู ทำสีหน้าดูไม่ค่อยเข้าใจ เพราะตัวเขาไม่เคยได้ยินชื่อดอกไม้นั่น และในใจเขากลับคิดว่าทำไมชื่อดอกไม้มันฟังดูเชยๆ ยังไงก็ไม่รู้
“มันหมายถึง ความรักซื่อสัตร์ที่ฉันมีให้กับยูจังมาตลอด มันคือความทรงจำแห่งความรัก และมันจะยังคอยเตือนยูจังอยู่เสมอว่า อย่าลืมฉันนะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม ชื่อของฉันมันแปลว่า ดอกไม้ ส่วนชื่อของยูจังแปลว่า ดูแลรักษา เพราะฉะนั้นยูจังต้องดูแลดอกไม้พวกนั้นให้ดี รักษามันไว้ดีๆ และให้ความรักกับมันเหมือนกับที่ยูจังรักฉัน ดูแลจนกว่ามันจะเติบโตงอกงาม เพราะฉันจะเป็นดอกไม้ของยูจังตลอดไป”
มันเป็นคำพูดที่ฮานะ กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจเธอจริงๆ ใบหน้าของเธอดูมีความสุข อมยิ้มจนแก้มปริยิ่งกว่าตอนไหนๆ เพราะเธอได้พูดสิ่งที่เธออยากพูดออกไปแล้ว แต่ว่าคำพูดนั้นมันกลับทำให้ยูอ้ำอึ้งไปอยู่ซักพักหนึ่ง ตัวของเขากลับรู้สึกผิดมากกว่าเดิมเสียอีก ที่คิดไปแบบนั้น
“ฉันรักเธอนะฮานะ ดอกไม้นี้ฉันจะดูแลเป็นอย่างดี เหมือนกับที่ฉันดูแลเธอเหมือนที่ผ่านมา” เขาไม่อาจจะหาคำพูดใดๆ มาทดแทนความรู้สึกดีๆ ที่ฮานะได้มีให้เขามาตลอด จนถึงตอนนี้
“อื้ม...ฉันรู้”
“นี่ ฮานะ ฉันมีร้านคาเฟ่อร่อยๆ ด้วยละ เธออยากจะไปกินก่อนกลับบ้านหรือเปล่า?”
“อื้มไปสิ”
ยู ก็พาฮานะไปยังร้านคาเฟ่ที่เขาได้แนะนำไปเมื่อครู่ ซึ่งคาเฟ่นี้ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย ซึ่งเป็นคาเฟ่ที่ตั้งติดอยู่ริมถนน ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับสวนสาธารณะ ที่พวกเขาได้ยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก
เมื่อไปถึงยังร้าน ยูก็พาฮานะไปนั่งยังโต๊ะที่อยู่ใกล้ที่สุด ที่อยู่ติดกับริมหน้าต่างฝั่งถนน ไม่นานก็มีสาว ที่ใส่ชุดเมดแม่บ้านสีขาวดำดูน่ารัก เดินออกมายืนรอรับเมนูที่โต๊ะของพวกเขา
“เอ้า...ยูจังจะไปไหนเหรอ?” ฮานะก็เอ่ยขึ้นมาในขณะที่เธอกำลังนั่งดูเมนูอยู่ เธอเห็นว่ายู กำลังจะลุกเดินไปที่ไหนซักที่หนึ่ง เธอจึงเอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัย
“ฉันว่าจะออกไปทำธุระข้างนอกแปปนึงน่ะ เดี๋ยวเธอนั่งรอในนี้แปปเดียวนะ เดี๋ยวฉันกลับมา ฉันไปไม่นานหรอก”
“อื้ม มาเร็วๆ นะ ฉันรออยู่”
แล้วยู ก็เดินออกจากประตูร้านไป เหลือทิ้งแต่ฮานะที่นั่งอยู่คนเดียว รวมกับลูกค้าโต๊ะอื่นๆ อีกไม่มากนักเพราะนี่มันก็ตกเย็นแล้ว ทุกๆ คนพากันกลับบ้านกันเกือบหมดแล้ว
ตัวของเข่าก็รีบเดินหาดูร้านขายของขวัญอะไรซักที่ ตัวเขาในตอนนี้อยากจะให้อะไรกับฮานะบ้าง เพราะเขาคิดว่าเขายังไม่ได้ให้อะไรเธอเลย มีแต่เธอที่เป็นฝ่ายให้เขามาตลอด
เอี๊ยดๆ....…!
เสียงมันเหมือนกับรถเบรคแตกเพราะมันฟังแสบแก้วหูมาก จนทำให้ตัวของเด็กหนุ่มหยุดเดินซักพัก เพื่อที่จะฟังว่าเสียงมันมาจากที่ไหน
ตรูมมม....!
ไม่นานก็มีเสียงดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา เหมือนว่าเสียงรถเบรคแตกเมื่อกี้นี้มันพุ่งชนกับอะไรซักอย่างเพราะว่าเสียงมันดังมาก ทำให้เขารีบวิ่งกลับไปดู ใจคอเขาเริ่มจะไม่ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องไม่น่าจะคิดขึ้นมาตอนนี้ แต่ว่าเขากลับหยุดที่คิดไม่ได้ ตัวของเขาก็ได้รีบวิ่งกลับไปยังทางที่ตัวเองได้เดินผ่านมา เพื่อกลับไปยังร้านคาเฟ่ที่ฮานะได้นั่งรอเขาอยู่
มะ...มะ....ไม่จริงง !
ภาพที่เขาเห็นเมื่อเขาวิ่งไปจนถึงร้านคาเฟ่คือ ภาพที่ดูเละเทะไปหมด ไม่เหมือนกับร้านที่เขาพึ่งออกจากมาเมื่อกี้ สภาพของมันถูกรถบรรทุกขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนอย่างเต็มๆ จนทำให้ร้านเละไปหมด เศษกระจกกระเด็นออกมาเต็มพื้นถนน ไม่ว่าจะโต๊ะหรือเก้าอี้ ก็กระเด็นหักไปทุกที่ และครึ่งนึงส่วนหัวของรถบรรทุกนั้นอยู่ข้างในร้าน และส่วนท้ายรถก็อยู่นอกร้าน เกิดจากการพุ่งชนอย่างแรง จนทะลุเข้าไป
“ไม่จริงใช่มั้ง ฮานะ!” ยูพยายามวิ่งวนไปรอบๆ ก็ไม่เห็นฮานะ เห็นแต่คนบาดเจ็บจากเศษกระจก และคนอื่นๆ ที่รอดมาได้ กำลังนั่งพะอืดพะอมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกคนดูช๊อคกันไปหมด แต่ว่ากลับไม่เห็นฮานะอยู่ในกลุ่มคนพวกนั้นเลย
ยูก็เดินเข้าไปดูในร้าน และสิ่งที่ฉีกหัวใจเขามากที่สุดก็คือ เมื่อเขาก้มสายตาลงไปมองยังข้างใต้ท้องรถบรรทุกคันนั้น เขาก็เหลือบสายตาไปเห็นร่างบอบบางของหญิงสาวที่นอนจมกองเลือดอยู่ใต้ท้องรถบรรทุกคันที่พุ่งชนเข้ากับร้าน สภาพร่างบอบบางนั้นดูนอนแน่นิ่งไม่ขยับไปไหน และมันยังย้ำเตือนในใจของเขาได้ชัดเจนมากขึ้นว่าเป็นฮานะ เพราะมุมของที่รถเข้าชนก็คือมุมโต๊ะติดหน้าต่าง ที่ตัวเขาเองให้ฮานะนั่งรออยู่คนเดียว
ตัวของเขาลงไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าร่างกายของฮานะที่ไม่อาจจะตื่นกลับมาได้อีก สติของเขาตอนนี้ได้ลอยหายไปหมดทุกอย่างแล้วแล้ว เขาทำได้แค่คุกเข่าร้องไห้กับร่างกายฮานะที่นอนจมกองโลหิตที่แดงสด ที่ไหลปะปนกับน้ำมันที่รั่วออกมาจากรถบรรทุกคันนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงแต่อย่างใด
“ฮานะ ไม่จริงใช่ไหม บอกสินี่คือความฝัน มันคือฝันร้าย ฉันจะได้ตื่นขึ้นมา หรือไม่เธอก็โทรมาปลุกฉันก็ได้ แล้วบอกว่าฉันสายนัดแล้วนะ”
น้ำตาของเขาไหลพรากออกมาราวกับหยาดฝนที่ไม่มีวันหยุดตก เขาเจ็บที่หัวใจเหมือนกับมีคนเอามีดมาทิ่มไว้ แล้ววิ่งหายไปดื้อๆ เขาทำได้แค่ยื่นมือของเขาไปกุมมือของฮานะไว้อย่างแน่น โดยที่รู้ว่าถึงทำแบบนี้ไปฮานะก็ไม่กลับมา ทำให้มือตัวเองเปื้อนเลือดไปเปล่าๆ แต่ถึงกระนั้นตัวของยูเองก็ยังคงกุมมือฮานะพร้อมกับร้องไห้ออกมา อยู่ท่ามกลางเหล่าผู้คนที่มายืนมุงดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น โดยที่ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรเขาได้เลย ทำได้แค่ตีสีหน้าเศร้าไปตามเขา บางคนถึงกับร้องไห้ออกมาเหมือนกับเขาเลยก็ว่าได้
“ตื่นมาสิฮานะ ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเดี๋ยวมา นี่ไงฉันกลับมาแล้ว พวกเรากลับบ้านกันเถอะนะ ฮานะ”
“นี่หนู ฉันว่าเธอออกมาก่อนดีกว่า รอจนกว่ารถพยาบาลจะมา เพราะพวกเราทำอะไรไม่ได้แล้ว รอความช่วยเหลือมาเถอะ” มีผู้ใหญ่คนหนึ่งยื่นมามาจับที่ไหล่ของยู เหมือนกับจะบอกว่า เสียใจด้วย และพยายามจะดึงให้ยู ออกห่างจากที่ตรงนั้น
“หนวกหู!” ยูสะบัดไหล่ตัวเองอย่างแรง จนทำให้มือของผู้ใหญ่ที่หวังดีคู่นั้นหลุดออกจากไหล่เขาไป
“เธอบอกให้ฉันดูแลดอกไม้นั้นไม่ใช่เหรอฮานะ แล้วไหนเธอกลับจากไปก่อนแบบนี้ ฉันยังไม่ทันจะปลูกมันเลย ฉันยังไม่ทันได้ให้ความรักมันเลย ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่ทำไมมันถึง มันถึงได้ลงเอยแบบนี้ จะให้ฉันปลูกมันไปได้ยังไงในเมื่อเธอไม่อยู่แล้ว ในเมื่อดอกไม้ของฉันมันไม่อยู่แล้ว จะให้ฉันดูแลมันยังไงกัน จะให้ฉันทำยังไง” เสียงของยู ตระโกนอยู่คนเดียวราวกับคนบ้า และต่อให้เขาตระโกนไปเท่าไหน ตระโกนไปเจียนตายแค่ไหน เสียงของเขาก็ส่งไปไม่ถึง ไม่มีทางไปถึงเพราะจุดหมายของเสียงมันไกลเกินไป
อยู่ๆ ในหัวของเขาก็เกิดนึกถึงคำพูดของฮานะที่เคยบอกไว้ว่า ‘มันคือความทรงจำแห่งความรัก และมันจะยังคอยเตือนยูจังอยู่เสมอว่า อย่าลืมฉันนะไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม’
น้ำตาของเด็กหนุ่กลับไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความโศกเศร้า ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึง และสิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจเมื่อลงจากรถลงมาแล้ว ก็คือภาพของเด็กหนุ่มที่นั่งกุมมือที่บอบบางของหญิงสาวที่จมกองเลือดอยู่ตรงไหน้พร้อมกับน้ำตา มันทำให้คนแถวนั้นร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจแทนตัวของเขาเอง
ดอกไม้ที่เธอให้ไว้......ยังคงอยู่กับฉันเหมือนเคย....ที่เดิม
เมื่อฤดูที่ดอกไม้...เติบโตผลิบานงดงาม....อยากร่ำร้องอีกครั้ง
เมื่อฤดูที่ดอกไม้...กลับมาเบ่งบานอีกครั้ง...อยากจะเรียกชื่อเธอ
ต้องมีซักวันหนึ่ง...ที่ดอกไม้นั้นกลับมาเบ่งบานอีกครั้ง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ