Cibil Skull (กะโหลกซีบิล)

-

เขียนโดย คุกกี้คามุอิ

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 23.26 น.

  4 ตอน
  6 วิจารณ์
  7,613 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 06.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) part 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ยามท้องฟ้ามืดมน แสงไฟจากเสาไฟฟ้าต่างยินดีต้อนรับโดยการทำหน้าที่ส่องแสงให้ผู้คนปลอดภัย 
มีบ้านหลังหนึ่ง ใหญ่ สองชั้นทำด้วยหินปูน เสาอิฐที่ดูว่าสูงก็ทำจากอิฐเยอรมัน ทำไมชอบเยอรมัน เจ้าของบ้านเป็นท่านเคาท์แดรกคิวลาร์ต้องโรมาเนียสิ แปลกเนอะ เมียท่านเคาท์แดรกคิวลาร์เป็นผู้หญิงปกติ 
ปกติท่านเคาท์แดรกคิวลาร์จะนอนหลับพักผ่อนในช่วงเวลากลางวันและตื่นกลางคืน เป็นผีดิบอย่างนี้ก็ต้องพึ่งพาภรรยาตนที่เป็นมนุษย์ให้ทำงานและกลับมาดูแลครอบครัว 

วันนี้ ตอนสี่โมงเย็น ภรรยาท่านเคาท์กลับมา 

"กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ โอ๊ะ" เหตุการณ์งี่เง่าเกิดขึ้นทันทีเมื่อภรรยาท่านเคาท์กลับมาถึงบ้าน ท่านเคาท์จะคุยอะไรสักหน่อยก็ต้องตกบันไดลงมา แต่ไม่ตายก็ถือเป็นบุญ 

"อูย เมียจ๋า พี่คอหัก" ท่านเคาท์บอกว่าคอหัก 

"นั่นก็ต้องตายสิพี่ พี่ไม่ได้คอหัก^^" " ภรรยารู้ความจริง "มาๆพี่ ฉันจะพันแผลที่ขาให้" 

ท่านเคาท์ลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆห้องโถง มีประตูหลายบาน ภรรยาได้เข้าประตูหน้าบ้านและปิดเรียบร้อย ท่านเคาท์เกาคาง"ไปห้องนั่งเล่นกันนะ" 

และทั้งสองก็เดินไปเคาะประตูห้องนั่งเล่น ป๊อกๆ "ซีบิล แม่เอง" 

"เข้ามาเลย" เสียงหนุ่มๆวัยรุ่นชายตอบรับ 

และผู้ใหญ่ทั้งสองก็เปิดประตู "ลูกพาใครมาเอ่ย" 

"สวัสดีครับท่านเคาท์เคิร์ท วาตานาเบ้" เสียงผู้ใหญ่คนที่สาม เป็นแขกรับเชิญของวันนี้ 

"ลูกพาใครมาน่ะ"ท่านเคิร์ทยิงคำถาม 

"หมอตำแยครับ"ซีบิลและแขกรับเชิญยิ้มและตอบคำถาม "ฮารุกิ มูราคามิครับ"หมอตอบ 

"ลูกคุณเป็นผีกระดูกได้ยังไงท่านเคาท์"ฮารุกิ มูราคามิเป็นชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้ "จำอดีตได้ไหม" 

"อั๊วหาคำตอบให้ลื้อไม่ได้เหมือนกันไอ้หมอ เออ และสมัยนั้นนะ เมื่อยี่สิบปีก่อน ใครเป็นทำคลอดหว่า" 

"ตอนนั้นเพื่อนผมเอง ชื่อมุสิก"ฮารุกิตอบ 

ย้อนไปเมื่อยี่สิบปีก่อน 

"คุณหมอมุสิกๆ ดิฉันจะถึงเวลาแล้วค่ะ"ภรรยาท่านเคาท์สมัยยี่สิบปีที่แล้ว ความสวยที่งดงามที่สุด และท่านเคาท์ก็หล่อเหลาเอาเรื่อง เป็นคู่รักที่เข้าคู่กัน เมื่อยี่สิบปีนั้น ภรรยาไว้ผมยาวดัดเป็นลอน ทำอาชีพเจ้าของโรงงานขนม 

"อ้าว ถึงเวลาแล้วเหรอ"หมอตำแยมุสิกกล่่าว"ไปที่ห้องนอนครับ" 

ภรรยาท่านเคาท์ได้นอนลงกับเตียง ยิงคำถามออกมา 

"คุณหมอคะ เออ ดิฉันขอทราบเกี่ยวกับเด็กในท้องได้ไหมคะ?" 

"ได้ครับ ถามมาเลย โอ๊ เค่" 

"หมอสามารถดูเป็นไหมคะ ว่าในท้องเป็นลูกชายหรือลูกสาว" 

"อืม วิธีนี้ก็ต้องรอให้คลอดออกมา" เฮ้ย ภรรยาท่านเคาท์ทำหน้างง ทำไมวิวัฒนาการประเทศนี้ไม่ก้าวหน้าเหมือนประเทศอื่นเขาวะ ไอ้หมอก็จ้องๆ ไม่รู้ว่าจ้องทำไม "คุณมีเรียว คุณช่างสวยงามจัง" 

"นี่มันใช่เวลาชมดิฉันว่าสวยเหรอคะ ดิฉันแต่งงานแล้ว จะคลอดลูกแล้วเนี่ย"มีเรียวตอบด้วยความรู้สึกว่าเจ็บจะคลอดลูกแล้ว ลำบากใจกับหมอตำแย 

"ครับๆ อืม สวยจัง ไม่ใช่ใบหน้านะ" 

"ไอ้ทุเรศ!" 

แล้วจุดกำหนดก็มาถึง เฮ้ย หัวๆ "คุณมีเรียว หัวเด็กมัน...ออกมาแล้วครับ" 

เด็กทารกไม่ร้องเลยสักแอะ นี่มันหมายความว่า ลูกมีเรียวไม่ใช่มนุษย์ 

"เฮ้ย คุณ คุณมีสามีเป็นผีเหรอครับ" 

"เดี๋ยวๆ ขอดมยาดมกลิ่นกล้วยหอมก่อน ดิฉันอธิบายไม่ถูก" 

"ที่รัก !"ท่านเคาท์เคิร์ทตื่นจากห้องนอนมาดูภรรยา "ลูกผม" 

"ลูกมึงเป็นกระดูกอะ"หมอมุสิกใช้ภาษาพ่อขุนรามคำแหง 

"เอ่อ อะไรเนี่ยมีเรียว นี่ลูกเหรอ? นี่มันตายแล้วหนิ ไม่มีเนื้อหนัง" 

"ยัง ยัง." กระดูกส่งเสียง ลุกขึ้นนั่ง"ผมขอกล่าวสวัสดี เลอแปร์ ลาแมร์(พ่อและแม่ในภาษาฝรั่งเศส) ครับ ผมพูดได้ ผมมีชีวิตด้วย ว่าแต่ ผมเป็นใครเนี่ย อยู่ที่ไหน" 

"ออ เจ้าเป็นกระดูกแรกคลอด ข้าภูมิใจจัง ที่นี่บ้านของลูกนะ" 

ตั้งแต่นั้นมา ซีบิลก็โตมาจนอายุยี่สิบ แม่เป็นผู้ตั้งชื่อให้ว่า ซีบืล หมอฮารุกิ มูราคามิถามถึงอดีต "มุสิกเพื่อนผมเห็นมีเรียว ผมล่ะอิจฉา"เฮ้ยๆ แกเป็นหมอหรือเป็นใครวะ มาพูดอย่างงี้ได้ "ผมไม่สนใจหรอก ผมแต่งงานแล้ว อายุก็ปาเข้าไปหกสิบกว่าแล้ว ภรรยาชื่อ โยโกะ ทากาฮาชิ" 

"คุณใช่หมอจริงเหรอ" 

"ผมเป็นนักเขียนครับ" 

"ไอ้ส้มจีนแล้วมาบอกว่าเป็นหมอ เฮ้อ แล้วซ๊บิล ลูกอะ รู้จักเขาหรอ" 

"ผมชอบอ่านหนังสือครับ เพราะการอ่านหนังสือเหมือนพัฒนาสมาธิของมนุษย์ครับ ลุงแกเขียนหนังสือนิยายป็อบโด่งดัง ผมมีหลายเล่ม อ่านไม่จบ" 

"อย่าพูดแบบนี้สื มันเหมือนงานน่าเบื่อ"ฮารุกิเกิดอาการซึม 

ทั้งสี่คนอยู่ในอาการเงียบ ห้องนั่งเล่นห้องนี้ มีเตาผิงจุดไฟไว้ 

"เออ ลืมไปเลยที่รัก ต้องพันแผลที่ขา"ท่านเคาท์ความรู้สึกข้าไปหน่อย 

"ใช่ค่ะที่รัก ลืมจริงๆ" 

"ซีบิล ลูกยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ นี่กี่โมงแล้ว"ท่านเคาท์มองไปที่มือขวา ดูนาฬิกาสีเงิน"ห้าโมงเย็น" 

ฮารุกิ มูราคามิกล่าวลา และพบกับสาวน้อยสวนทางที่ทางเข้าบ้าน ฮารุกิเหลือบสายตาไปมอง และก็หันเดินจากไป สาวน้อยผมยาว หน้าตาสวยหมดจด เสื้อผู้หญิงสีชมพูอ่อนๆ กระโปรงเป็นจีบ กดกริ่งหน้าประตู 
ทันใดนั้น ซีบิลก็โผล่หัวออกมา"สวัสดี แมรี่ วันนี้กะว่าจะออกไปข้างนอกเสียหน่อยนะ เชิญจ้ะ สุดสวย" 
สาวน้อยยีนถอดรองเท่้า ข้ามธรณีประตู สะดุดกับลูกบอลจิ๋วสักหลาด "อุ๊ยแม่ร่วง ตกใจเลย" 

"ฮ่าๆ โผล่มาจากไหนเนี่ยไอ้ลูกบอล" ซีบิลเก็บบอลเข้าห้องเก็บของ เสื้อลายเส้นขาวดำกางเกงยีนส์สีดำเข้ากับผิวกระโหลก ศีรษะเป็นส่วนเดียวที่เห็นชัดเจนว่า ซีบืลเป็นผีกระดูก "ขอต้อนรับด้วยน้ำชาอูหลงละกัน" 

"ซีบิล ในมหาลัยของเรามีใครที่เป็นเพื่อนของซีบิลบ้าง"แมรี่ถามถึงเรื่องในมหาวิทยาลัย 

"ก็มี มาเรียคนหนึ่งล่ะนะ ที่ชมเราว่าชอบอ่านหนังสือหลายเล่ม"ซีบิลภูมิใจ แมรี่ กับ มาเรีย เป็นสาวสวยมากๆทั้งคู่ มาเรียเองก็ชอบอ่านวรรณกรรมเยาวชน ชอบหลายเรื่อง แต่งานฮารุกิที่เขาชอบไม่ใช่งานเยาวชน มาเรียทำงานวรรณกรรมคลาสสิค และงานเขียนของมาเรียก็มีรูปแบบฮารูกิด้วย 

"ตอนนี้พวกเราก็ขึ้นปีสองของมหาวิทยาลัยแล้ว แมรี่ ฉันชอบวัฒนธรรมประเทศสวีเดน แต่มีอุปสรรคที่ทำให้ฉันต้องมาเรียนสิ่งอื่น รู้ไหม มันเหมาะกับฉันแล้วล่ะ ที่จะเรียนเยอรมันและฝรั่งเศส ฉันเลือกเอกฝรั่งเศสอะ ส่วนท่านฮารุกิเขาเลือกภาษาเยอรมัน" ซีบิลขยับกะโหลกศีรษะไปทางขวา"มาเรียเขาเอาวัฒนธรรมไทย พวกเราก็เก่งไปคนละแบบกันเนอะ" 

"มาเรียตอนอยู่ในมหาวิทยาลัยพูดว่า สวัสดีครับ ซึ่งเพื่อนๆเขาล้อเลียนแกว่า ยัยทอมบอย"แมรี่ขำออกมา"มันพลาดไปน่ะ เพื่อนๆมาเรียที่เรียนวัฒนธรรมไทยล้อคุณเธอกันทั้งชั้น" 

"จริงดิ เหอๆ เรื่องนี้คงน่าอายสำหรับเธอ ส่วนภาษาที่ฉันเรียนน่ะ ฉันกำลังทำความเข้าใจนะ ไอ้ le la les l'amour ฯลฯ"ซีบิลรู้ภาษาฝรั่งเศสแค่เล็กน้อย 

"ไร้สาระจริงๆ ทำไมไม่เรียนพื้นฐานมาตั้งแต่มัธยมล่ะเนี่ย" แมรี่ประนาม มาเรียที่เป็นเพื่อนอีกคนเรียนภาษาไทยแล้วรู้ภาษาดีกว่าซีบิล 

"เหอๆ ก็นี่ประเทศคุกกี้ยุคใหม่ใช่มั้ยล่ะ แต่ฉันสิ ผียุโรป มาเกิดที่คุกกี้ เรียนมหาลัยเอกชนในเมืองหลวง" 

"ซีบิลก็นะ เรียนวิทยาศาสตร์มาหนิตอนมัธยม แต่ก็เพราะกะโหลกนายน่ะ หนามาก มันไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลยนะ เพื่อนๆเขาล้อกันว่าไอ้กะโหลกหนาซีบิล ความจริงถ้ามีเขางอกขึึ้นมาสองเขาด้วยนี่......เป็นควายเลย" 

"พูดแบบนี้ไม่ดีนะ เบบี๋" ซีบิลน้อยใจนิดหน่อย"ฉันไม่เก่งวิทยาศาสตร์หรอก เพราะเทรนเพื่อนฉันน่ะ ที่เรียนหมอน่ะ ทำการสลับชีวิตกับฉัน จนฉันรู้สึกว่าความรู้ถูกเทรนขโมย มันเอาวิทยศาสตร์ไปใช้หมด มันเก่งนะมันสอบแพทย์ได้ แพศยาเปล่าไม่รู้"ซีบิลเล่าเหตุการณ์หนึ่งในชีวิต 

แมรี่เป็นเพื่อนสาวที่มาจีบซีบิล 

"ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยนะ เจ้าเทรนเนี่ย เห็นนายบอกว่าสลับชีวิตกับนายน่ะ นายเกิดมาหัวกะโหลกบางไม่ใช่เหรอ ไปเรียนวิทยาศาตร์เจอเทรนเข้า สนิทกันมาก แลกเปลี่ยนกัน ความรู้อะหาย ตอนแรกเทรนมันเรียนไม่เก่งเลยไม่ใช่เหรอ แต่นายน่ะอยากเป็นหมอใช่ไหมล่ะ ไปเรียนวิทยาศาสตร์แล้วไม่มีเพื่อนสนิทเหมือนเทรน เทรนเอาชีวิตนายไปหมดเลยนะ ทั้งหล่อ ทั้งเก่ง ทั้งสาวมาจีบตรึม ฉันเองก็เห็นใจนายนะที่นายเป็นผีกระดูก สำคัญที่กะโหลกนายน่ะ มันน่าดูจัง น่ารัก" 

"มันก็แล้วแต่คนจะมองฉันอะนะ ฉันเกิดมากะโหลกยังบาง แต่การเจริญเติบโตของฉันทำให้สูงขึ้น และ กระดูกแข็งขึ้น ฉันไม่มีเนื้อ ไม่มีเลือด ฉันก็เป็นสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่น่าศึกษา "ซีบิลภูมิใจกับตนที่ตนเป็น"ฉันเป็นผี เทรนเป็นเพื่อนผี เทรนบอกว่า ฉันเรียนเก่ง ความจำเป็นเลิศ แต่ฉันไม่มีเพื่อนมนุษย์ เทรนเขาขอคบฉัน ฉันให้ชีวิตฉันถ่ายทอดไปที่เทรน ฉันกลายเป็นคนเรียนไม่เก่งวิทยาศาสตร์เลย เทรนเอาชีวิตที่สมองความจำเป็นเลิศไปเรียนวิทยาศาสตร์ อธิบายเป็นหลักวิทยาศาสตร์ไม่ได้กับเหตุกาารณ์เช่นเทรนกับฉันทำการสลับชีวิต" 

แมรี่สงสัยแล้วถาม "นายน่ะ ลองคบกับฉันและแลกเปลียนไหมล่ะ เผื่อว่านายจะเรียนภาษาฝรั่งเศสแล้วจำเร็ว" 

"ไม่เอาหรอก แมรี่อะ จะขโมยความรู้ภาษาฝรั่งเศสไป ฉันก็สอบตกเลยน่ะสิ"ซีบิลปัดการช่วยเหลือไป"ฉันขอบคุณนะแมรี่ที่เป็นเพื่อนฉันน่ะ ก็แมรี่สงสารฉันที่เป็นแบบนี้ เป็นผีเดินได้ ฉันและเธอเลือกเรียนทางภาษามาด้วยกัน" 

"ตายล่ะ"แมรี่อุทาน"หกโมงแล้วเหรอเนี่ย เฮ้ยนาฬิกาถูกผีเข้าเหรอ ทำไมหกโมงเร็วจัง" 

"ไม่ใช่ความผิดฉันนะ"ผีกระดูกกล่าว"เราไปข้างนอกกันไหม ไปภัตตาคารราเม็งชาบูตง ราเม็งนี้อร่อยนะ เป็นแชมป์รายการ TV champion" 

"โอเคค่ะ" 

ทั้งสองนั่งรถส่วนตัวของผีกระดูก ผีกระดูกสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ใส่ซีดี L'arc en ciel อัลบั้ม heart กดไปเพลงที่สามของอัลบั้ม รถยนต์เคลื่อนออกตามถนน"ซิงกิง อิน เดอะ เรน นี่ไฮด์พี่แกแต่งเอง แจ๊สร็อคที่ฉันชอบนะ มันให้บรรยากาศร้านอาหารนะ" ซีบิลกล่าว "ปัจจุบันพวกเขามีผงานถึงปี 2012 ซึ่งพวกเขาคุณภาพดีทุกอัลบั้ม ฉันก็แปลกใจ วง glay เมื่อก่อนดังจริงๆ แต่ตอนนี้มันดังแบบว่า คุณภาพมันตกอะ โดยอัลบั้ม justice เพลงมันไม่ค่อยเพราะอะ เสียดายจริงๆสำหรับวงนี้ อัลบั้ม Be love,pure soul,heavy gauge ขายได้ล้านแผ่นเลยนะ แต่ตอนหลังนี่ไม่ถึงแล้ว และปัจจุบัน ความไพเราะอะ มันหายไป หลังจากอัลบั้ม glay (ชื่ออัลบั้มที่ใช้ชื่อวงเป็นชื่ออัลบั้ม) แค่ satlelite of love เท่านั้นที่ไพเราะ" 

"นายเรียนภาษาฝรั่งเศสแต่นายบ้าญี่ปุ่นพวก j rock เหรอ"แมรี่ถาม 

"อือ ฉันชอบเพลงดีๆทั้วไปแหละ แต่ฉันชอบฟังเพลงญี่ปุ่นเพราะ ญี่ปุ่นทำคุณภาพดีเป็นที่สองรองจากเพลงอังกฤษ"ซีบิลรู้เรื่องราว 

รถจอดที่ห้างสรรพสินค้า ชาบูตงอยู่หน้าห้าง ซีบิลและแมรี่ต่างเปิดประตูออกจากรถนั่งส่วนบุคคล 

"สวัสดีซีบิล"หนุ่มหล่อนักศึกษาแพทย์นั่งรอพวกเขาในร้านราเม็ง "วิชากายวิภาคของฉันน่ะ มันทำให้ฉันรู้จักกระดูกหลายชิ้นนะ แก้ผ้าหน่อยสิ" 

"เฮ้ย ทะลึ่งแล้ว แกมารอนานหรือยัง" 

"ก็นานพอสมควร ทางร้านเขาด่าใหญ่เลยว่า ไม่สั่งอาหารสักที"เทรนเล่าเหตุการณ์ของเทรน 

"อืมๆ มาเรียเป็นไงบ้าง"กระดูกถาม 

"ก็ กลับบ้านไปอ่านหนังสือบ้าง ทำงานบ้าง เขียนนิยายทางอินเตอร์เน็ทบ้างล่ะ ก็ถือว่า ดังในประเทศไทยนะ นิยายที่คุณเธอเขียน เรื่องเหนือธรรมชาติ คุณเธอรับอิทธิพลมาจากฮารุกิ มูราคามิน่ะ"เทรนสาธยาย"ฉันเรียนหมอก็ ยากนะ แต่ฉันก็พยายามเข้า จนฉันไปทำทรงผมใหม่ให้เป็นคล้ายหมวกกันน็อค ย้อมสีเทาทั้งหัวและย้อมสีน้ำเงินที่ปลายผมนะ ฉันเรียนดีขึ้น เขาหาว่าฉันบ้าว่ะ ที่เรียนดีขึ้น แปลกเนอะทำไมทำอย่างนี้แล้วมันเรียนดีขึ้น" 

"เหอๆ แกนี่ก็บ้าบอไปตามประสาวัยรุ่นเลยเนอะ" 

ราเม็งแกงกระหรี่ชามใหญ่ มาถึงโต๊ะพวกเขา เหมือนแมรี่จะโปรดแกงกระหรี่มากมาย 

"อ๋อ แมรี่เป็นกระหรี่"เทรนทะลึ่งถาม 

"เฮ้ย แกงกระหรี่่นะ ไม่ใช่สาวกระหรี่ curry ไปเลยศํพท์อังกฤษอะ" 

"เฮ้ย แกมีความรู้ด้วยเหรอ ฉันนึกว่าแกจะเป็นคนโง่นะเนี่ย"เทรนดูถูกซีบิลอย่างแรง 

"ดูถูกกันนี่หว่า ฉันเรียนมอหนึ่งถึงมอสามได้ 4.00 นะเว้ย เออ แต่พอฉันรู้จักแกเข้า ฉันก็ไม่มีความรู้ระดับมัธยมปลายแล้ว ฉันเหลือความรู้ที่จดจำไว้แค่มัธยมต้น เพราะฉะนั้นแกก็ขอโทษแมรี่ซะ" 

"จ้า ขอโทษ แมรี่ สวยไม่เบานะเธอ" 

"จ้ะ ฉันสวย" 

"สวยน้อยกว่าผมน่ะ"อ้าว ไหงเทรนพูดแบบนี้ 

"นี่มึงเป็นผู้หญิงหรือชายวะ"ซีบิลกำลังงงๆ 

สุนัขตัวอวบอ้วนตัวหนึ่ง กำลัวหิวโซ มาจ้องร้านราเม็งอยู่ตรงทางเข้า มันมองด้วยสายตาเศร้าๆ ผู้คนจึงสงสารมัน ซีบิลสั่งพนักงานว่าขอ ทงคตสึ ชาชูเมนเป็นชามที่สอง พนักงานตอบรับโดยการก้มหน้าและนำใบจดรายการไปวางให้ที่โต๊ะเจ้าหน้าที่ พ่อครัวก็รีบทำอาหารให้มันเร็วขึ้น 

"ฉันอดสงสารมันไม่ได้ว่ะ"ซีบิลใช้มือขวาชี้ไปยังสุนัขตัวนั้น 

เทรนมองแล้วก็เฉยๆ คุนกับแมรี่"น่าสงสารหรือเปล่าอะ" 

"น่าสงสารเหมือนกัน มีอะไรให้มันบ้างล่ะ" 

"ฉันรู้แล้ว หมามันกินกระดูกได้ใช่ไหมล่ะ เฮ้ย ซีบิล เอ็งไปซิ"เทรนเข้าแหย่ 

"เฮ้ย ฉันไม่นะ" 

"ทงคตสิ ชาชูเมนคร้าบ"พนักงานบริกรมาเสิร์ฟราเม็งแล้ว 

"เนื้อหมูในชามมีสามชิ้น ฉันจะให้มันกินหนึ่งชิ้น" 

ซีบิลใช้ตะเกียบคีบเนื้อหมูวงกลมไปให้เจ้าสุนัข สุนัขมันก็ดมกลิ่นเนื้อหมู มันเลีย และมันก็คาบไปเคี้ยวๆ เมื่อมันกลืนแล้ว มันก็เงยหน้ามองซีบีล 

เสียงเพลง 1/3 no Junjou na Kanjou ของวง siam shade ดังออกมาจากเจ้าสุนัข เป็นการตอบแทนผู้ให้อาหาร 

"เฮ้ย อะไรเนี่ย !?"ซีบิลตกใจ 

kowareru hodo aishitemo sanbun no ichi mo tsutawaranai junjou na kanjou wa karamawari I love you sae ienaideiru my heart 

"โห Amazing dog"เทรนปรบมือไปกับเสียงเพลงแนว j rock 

"เออ แกไปถามฮารูกิ มูราคามิซิ ว่าจะอธิบายเรื่องเหลือเชื่อนี้ได้เปล่าเนี่ย" 

"ฉันว่าลุงแกก็ไม่รู้ว่ะ เหอๆ" 

ทั้งสามคนกินเสร็จ จ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ลูบหัวเจ้าสุนัข แยกทางกับเทรน ซีบิลไปส่งแมรี่ที่บ้านเธอ 

"ขอบคุณค่ะ ซีบืล" 

ซีบิลยกแขนเป็นสัญลักษณ์ว่า ไม่เป็นไร เขาขับรถยนต์บีเอ็มดับบลิวเปิดเพลง dream ของ siamshade จากแผ่น mp3 

ได้เวลากลับบ้านแล้ว หนึ่งทุ่มเข้าแล้ว ซีบิลรับโทรศัพท์มือถือ "อะไรล่ะเทรน" 

"ไอ้เจ้าสุนัขนั่นน่ะ มันตามฉันมาว่ะ ฉันขึ้นเรือข้ามฟากมันก็ขึ้นมาด้วย เพลงก็ยังเพลงเดิม" 

"ฉันว่าไปถามฮารูกิ มูราคามิเขาก็อธิบายไม่ได้ว่ะ นี่ รับมันไปเลี้ยงสิ ^^" " 

ยามกลางคืนท่านเคาท์เคิร์ทคึกคักเป็นพิเศษ มีเรียวเตรียมอาหารเย็น ซีบิลมาบอก "ผมกินราเม็งมาแล้วครับแม่" 

"จ้ะๆ " 

"หิวเลือดจังเลย"ท่านเคาท์หิวเลือด"มีเรียว ฉันจะออกไปทำธุระข้างนอกหน่อยนะ" 

และท่านเคาท์ก็แปลงร่างเป็นค้างคาว บินออกนอกหน้าต่างไปในเมือง อาจจะได้เลือดมาเต็มอิ๋ม 

ซีบิลอยู่ในห้องนอนของตนชั้นที่สองของบ้าน รับโทรศัพท์ตรงหัวเตียง "ฮัลโหลครับ อะไรเทรนหรอ" 

"นี่ ไอ้สุนัขน่ะ ฉันก็อดสงสารมันไม่ได้ ฉันก็เอาเนื้อให้มันกิน พ่อแม่ด่าฉันใหญ่เลย ว่าหมามันส่งเสียงเพลงรบกวนกลางดึกจนนอนไม่ได้อะ = ='' '' 
============================================= 
เกี่ยวกับซีบิล ซีบิล ครึ่งผีครึ่งมนุษย์ อายุยี่สิบปี ลูกของท่านเคาท์แดรคิวลาร์ เคิรืท วาตานาเบ้ และ แม่ มีเรียว เวลาสวมเสื้อผ้าไว้ก็จะมีแค่หัวกะโหลกศีรษะและกระดูกมือที่ไม่ได้ปกคลุม เคยรอดจากเหตุการณ์ยิงปะทะกันในผับมาแล้ว เพราะกะโหลกแข็ง ถ้ายิงที่ขาอาจจะทำให้กระดูกขากระเด็น ตอนเด็กๆ มีความจำเป็นเลิศ แต่ไม่ได้คบกะใคร ตอนโตรู้จักเทรนและทำการสลับชีวิตกัน แมรี่เขาบอกว่า ทำไมไม่เลือกเพื่อนคนอื่น ซ๊บิลอยากเป็นหมอแต่ไม่มีความรู้วทิยาศาสตร์อีกเลย เขาจึงมาเลือกเรียนทางภาษาแทน แต่ก็ยังคบกับเทรนอยู่ 

เกี่ยวกับประเทศคุกกี้ ประเทศนี้ไม่ได้มีจริง เป็นประเทศที่ผู้แต่งจินตนาการขึ้นมา ภาษาที่ใช้คือภาษาคุกกี้ ซึ่งในเรื่องนี้มีตัวละครเลือกศึกษาภาษาและวัฒนธรรมไทยอย่างมาเรีย 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา