ภารกิจพิชิตหัวใจยัยเทพเจ้าแห่งดอกไม้
เขียนโดย khanom_thai
วันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 เวลา 04.35 น.
แก้ไขเมื่อ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
15) บทส่งท้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทส่งท้าย
เคเคียว
100 ปีต่อมา..........
ฉันเดินเล่นในทุ่งดอกไม้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยตั้งแต่กลับมา ฉันนั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเองเสมอ จนวันหนึ่งฉันก็ได้รู้ว่าฉันสามารถลืมโอเซียได้ รักแรก ของฉัน
"เฮ้อ~~" ฉันถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแล้วนึกถึงหน้าของใครคนหนึ่ง เจ้าชายทีเฟียร์ ไงฉันคิดถึงดวงตาสีฟ้าครามน้ำทะเลอ่อนๆของเขา
"สวรรค์กลั่นแกล้งข้าชัดๆ" ฉันพึมพำแล้วกล่าวตำหนิเทพพระเจ้าแห่งท้องฟ้า ฉันล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้าแล้วคิดถึงพวกพ้องทุกคนในวันนั้น ฉันแอบยิ้มออกมาแล้วถอนหายใจ ร้อยปีแล้วสินะที่ข้ายังจมอยู่กับความคิดถึง ไม่ใช่โอเซีย แต่เป็นเจ้าชายทีเฟียร์ ไอ้เจ้าชายแวมไพร์นั่นมันจะคิดถึงฉันบ้างหรือเปล่า
เขาไม่เคยพูดว่ารัก แต่การแสดงออกมันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขารักรักเทพแห่งดอกไม้ตนนี้ด้วยหัวใจ ฉันนอนคิดอะไรเพลินก้ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
"ทาบีลัสเคเคียวอยู่ไหน" เสียงของสมายด์ดังขึ้น ใช่สิฉันลืมบอกไปว่าทาบีลัสแต่งงานกับสมายด์ไปแล้ว
"ข้าอยู่นี่" ฉันตะโกนออกไป แล้วก็เริ่มเห็นสมายด์ที่จูงมือลูกตัวน้อยๆมา
"ท่านป้าเคเคียว" เด็กน้อยตัวอ้วนกลมวิ่งข้ามากอดฉัน
"จ๊ะ เจ้าทานอะไรหรือยัง" ฉันเอ่ยถามเด็กน้อยตัวอ้วนกลมตรงหน้า
"ตินยังไม่ได้ทานอะไรเลยตินอยากทานเนื้อมนุษย์" เด็กน้อยตัวอ้วนกลมซุกอกของฉัน
"นี่แนะ! คริสตินเราเป็นแวร์วูฟล์ไม่บริโภคเนื้อมนุษย์นะ" สมายด์เอ็ดลูกรักด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก
"ก็ตินอยากกินอ่ะท่านแม่ก็" เด็กน้อยตัวอ้วนกลมหันไปทำหน้าบึ้งใส่สมายด์
"ติน เจ้านี่จริงๆเลยนะ ป้าว่าเรามาหาเกสรดอกไม้กินดีกว่า" ฉันเอ่ยเพื่อเป็นการห้ามศึกระหว่างทั้งสอง
"วันนี้ข้าจะกินลาเวนเดอร์" เด็ดน้อยตัวอ้วนกลมยืดตัวขึ้น แล้วพูดอย่างหมายหมั้น
"เด็ดให้ได้ก่อนเถอะ" น้ำเสียงเหน็บแนมของเด็กชายคนหนึ่งทำให้เราทั้งสามหันไปมอง
"ไลออน อย่าไปว่าน้องเขาแบบนั้น" เสียงของเชอร์บี้ทำให้ฉันใจเต้นรัว
"สวัสดี เคเคียว" ฉันเงยหน้ามองโอเซีย
"สวัสดีเพื่อนรัก" ฉันรู้สึกดีใจที่สามารถพูดคำนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ แล้วเงยหน้าสบตาโอเซียและเชอร์บี้อย่างบริสุทธิ์ใจ
"ท่านพี่เคเคียวข้าขอโทษสำหรับทุกอย่างนะ" เชอร์นั่งลงตรงข้างของฉัน
"ช่างมันเถอะ" ฉันส่งยิ้มบางๆให้กับเชอร์บี้แล้วหันไปมองหาใครคนหนึ่ง
"ท่านพี่ไม่ได้มาหรอก" เชอร์บี้เอ่ยบอกราวกับรู้ใจฉัน
"งั้นหรอ" ฉันทำหน้าหงอยลงไปทันที
"ไว้โอกาสหน้าข้าจะพาท่านพี่ข้ามาเยียมท่านนะ" เชอร์บี้เอ่ยปลอบฉัน
"อืมขอบใจ" ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสนจะเศร้าสร้อย
"เคเคียวทำไมเจ้ายังไม่แต่งงานสักทีล่ะ" โอเซียทำฉันด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
"ข้ายังไม่สามารถลืมใครคนหนึ่งได้" ฉันหลุบตาลงต่ำ
"ใครกันหรอ" เชอร์บี้ถามฉันด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงฉัน
"เออคือ" ฉันอ้ำอึ้ง
"หือว่าไง" โอเซียเสริมอีกคน
"เจ้าชายทีเฟียร์" ฉันเงยหน้าสบตาทุกคนเพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริง
"ท่านพี่งั้นหรอ" เชอร์บี้ตะโกนออกมาอย่างดัง
"หาๆๆๆอะไรขอฟังด้วยคนซิ" สมายด์กระโดดเข้ามาหากลางวง
"ข้ารักเจ้าชายทีเฟียร์" ฉันเอ่ยเสียงอ่อย
"แล้วทำไมเคเคียวไม่ไปหาท่านพี่ข้าที่โลกแวมไพร์ล่ะ" เชอร์บี้เลิกคิ้วถามฉัน
"ข้ากลัว" ฉันลุกยืนขึ้น
"เจ้าจะกลัวอะไร" เสียงทุ้มๆของคนหนึ่งทำให้ฉันหันไปมองและก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจ
"เออคือ" ฉันอึกอักที่จะตอบคำถาม
"เงยหน้าสบตาฉันสิ" เจ้าชายทีเฟียร์เดินเข้ามาใกล้ๆฉันแล้วเชิดหน้าฉันขึ้น
"ข้ารักเจ้า แต่ข้ากลัวว่าคนอื่นจะมองข้าไม่ดี" ฉันสบตาสีฟ้าครามน้ำทะเลอ่อนๆของเขา
"ยังไง เจ้าเป็นเจ้าสาวของข้านะ" ทีเฟียร์ประคองใบหน้าของฉันไว้
"ทีเฟียร์" ฉันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
"ข้ามาขอเจ้าตั้งแต่เมื่อร้อยปีก่อนแต่เจ้ากลับไม่สนใจใยดีที่จะออกมาพบข้า เจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้าชายจากแคว้นอื่นหรอ" เจ้าชายทีเฟียร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
"ใช่ข้าคิดว่าไม่ใช่เจ้า" น้ำตาของฉันเริ่มไหลอีกครั้งแท้ก็เป็นเขา เขานั่นเองผู้ชายเมื่อร้อยปี คนที่มาขอฉัน
"ตอนนี้ใช่แล้วนะ" เจ้าชายทีเฟียร์ประคองใบหน้าฉันขึ้นจูบโดยไม่สนใจใครเลย
"เจ้าชายทีเฟียร์" ฉันเอ่ยออกมาด้วยน้ำตาที่สุดแสนจะดีใจฉันรักเขามากๆเลยหรือเนี่ย
"ข้ารักเจ้าแล้วเจ้าก็จะต้องเป็นของข้าคนเดียวเข้าใจ๋" เจ้าชายทีเฟียร์เอ่ยสั่งฉัน
"เข้าใจ" ฉันก้มหน้าลง
"งั้นข้าจะไม่สนแล้วนะ ว่านี่กี่โมงเจ้าสาวของข้า" เจ้าชายทีเฟียร์เข้ามาตวัดฉันขึ้นแล้วหายตัวไปยังห้องนอน ห้องนอนของฉันเอง
"ไม่ๆๆๆๆ" ฉันหลับตาปี๋แล้วดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของโอเซีย
"เจ้าไม่รักข้าเลยหรอ" เจ้าชายทีเฟียร์พูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
"ข้า...." ฉันอ้ำอึ้งแล้วก้มหน้าซุกอกของเจ้าชายทีเฟียร์
"เจ้ารักข้าหรือเปล่า" เจ้าชายทีเฟียร์ใช้เวทย์หายตัวพาฉันขึ้นมาบนห้อง
"งืม" ฉันก้มหน้าลงอีก
"งืมนี่คืออะไรหรอ" เจ้าชายทีเฟียร์เลิกคิ้วถามฉัน
"ก็บอกว่ารักไง" ฉันพูดเสียงเบาๆ
"ข้าก็รักเจ้า" เจ้าชายทีเฟียร์วางฉันลงบนเตียง
"เดี๋ยวๆๆๆ" ฉันใช้มือตบมือของเจ้าชายทีเฟียร์ที่เริ่ปลดกระดุมฉันออก
"อะไรอีกล่ะ" เจ้าชายทีเฟียร์มุ่นคิ้ว แล้วตวัดตามองฉันขวางๆ
"เจ้าชายใจร้ายทำไมต้องมองข้าด้วยสายตาแบบนั้น" ฉันมองค้อนเจ้าชายทีเฟียร์ประหลับประเหลือก
"เคเคียวเจ้าหยุดเรียกข้าว่าเจ้าชายได้แล้วต่อไปนี้เรียกข้าว่าที่รัก ไม่ก็ทีเฟียร์เฉยๆนะ" เจ้าชาย เออ ทีเฟียร์ทำเสียงดุใส่ฉัน
"ก็ได้ทีเฟียร์ก่อ" ฉันทำเสียงงอนๆใส่แล้วตบมือที่กำลังปลดกระดุมของฉันอีกรอบ
"โอ๊ยเจ็บนะเคเคียว" เจ้าชายทีเฟียร์ร้องเสียงหลง
"ข้าขอถามอะไรก่อนได้ไหม" ฉันเอยท้วงก่อนที่เจ้าชายทีเฟียร์จะยุ่มย่ามไปมากกว่านี้
"อะไรอีกอ่ะ" เจ้าชายทีเฟียร์ทำเสียงจิจ๊ะในลำคอ
"เจ้าชาย เอ๊ย ทีเฟียร์กับเชอร์บี้เป็นพี่น้องกันจริงๆหรือเปล่า" ฉันดันตัวเจ้าชายทีเฟียร์ที่ทับตัวฉันออก
"ไม่ใช่หรอก เชอร์บี้เป้นลูกของท่านน้าน่ะ ทีนี้หายสงสัยหรือยัง" เจ้าชายทีเฟียร์เอ่ยแล้วใช้มือบีบเค้นทรวงอกฉัน
"เดี๋ยวๆๆๆๆยังไม่หมด" ฉันดันหน้าของเจ้าชายทีเฟียร์ออกห่าง
"อะไรอ่ะ" เจ้าทีเฟียร์ทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
"ทีเฟียร์ต้องสัญญากับข้าก่อนว่า......" ฉันเอ่ยทิ้งท้ายแล้วลอบสังเกตกิริยาของเจ้าชายทีเฟียร์
"ว่า..." เจ้าชายทีเฟียร์ต่อคำ
"ทีเฟียร์ต้องหยุดดื่มเลือดมนุษย์" ฉันยื่นคำขาดแล้วสะบัดหน้าหนี
"จะบ้าหรอเคเคียว" เจ้าชายทีเฟียร์ลุกขึ้นทันทีแล้วเบิกตาออก
"ถ้าทำไม่ได้เราก็ไม่ต้องมาคุยกันชิ" ฉันสะบัดหน้าหนีพรืด แล้วเบะปากออก
"จะให้ข้าเป็นแวมไพร์กินมังสวิรัติหรือไงกัน" เจ้าชายทีเฟียร์ทำเสียงงอนๆ
"ชิชะ" ฉันไม่สนใจใยดีคำพูดของเจ้าชายทีเฟียร์สักนิด
"แล้วข้าจะกินอะไรล่ะถ้าเจ้าไม่ให้ข้ากินเลือดมนุษย์" เจ้าชายทีเฟียร์เลิกคิ้วสูงขึ้นอย่างสงสัยแล้วยกมือเท้าเอวจ้องฉัน
"ก็กินอย่างอื่นก็ได้นี่นาอย่างเช่นกินดอกไม้เป็นเพื่อนข้า" ฉันส่งยิ้มแห้งๆไปให้เจ้าชายทีเฟียร์ที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
"เคเคียวใจร้าย เคเคียวทำอย่างงี้กับเค้าได้ยังไง" เจ้าชายทีเฟียร์ร้องออกมาเหมือนเด็กๆ
"ทีเฟียร์เจ้าเป็นอะไรของเจ้าเนี่ยกะอีแค่ข้าขอให้เลิกกินเลือดมนุษย์เท่านั้นเอง" ฉันแห้งใส่อย่างงอนๆแล้วเดินไปนั่งที่โซฟากลางห้อง
"แล้วเจ้าจะให้ข้ากินอะไร" เจ้าชายทีเฟียร์เดินมานั่งข้างฉันทันทีแล้วจ้องหน้าอกของฉันอย่างไม่กระพริบตาใช่สิฉันลืมติดกระดุมอ๊ายยยยยยยยย
"งั้นกินเลือดข้าก็ได้นะ ถือว่าข้าขอล่ะข้าโตที่โลกมนุษย์นะ" ฉันหันไปทำเสียงอ้อนๆใส่
"ไม่เอาข้าจะกินเลือดมนุษย์" เจ้าชายทีเฟียร์สวนอย่างทันควัน
"ก็บอกว่ากินเลือดข้าก็ได้เลือดหวานออก เจ้าก็เคยกินมาแล้วนี่นะๆๆๆ" ฉันทำแป๋วแล้วขยับเข้าไปอ้อน
"ไม่เอาๆๆๆๆๆๆ" เจ้าชายทีเฟียร์สะบัดหน้า
"งั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับข้าเลยนะ" ฉันยกมือติดกระดุมทันที
"ขะ ขอโทษเคเคียว ข้าจะไม่กินอีกแล้วเลือดมนุษย์อ่ะนะปี๊งๆ" เจ้าชายทีเฟียร์ทำเสียงน่าสงสาร
"แน่ใจ๊" ฉันทำเสียงสุงแล้วทำตาลุกลิก
"ข้าแน่ใจอย่างมากๆๆๆ" เจ้าชายทีเฟียร์พูดเสียงดังอย่างจงใจ
"แค่ไหน" ฉันยักคิ้วกวนประสาท
"เท่าฟ้า ข้ารักเจ้ามากนะ" เจ้าชายทีเฟียร์รวบตัวฉันเข้าไปในอ้อมกอด
"ข้าก็รักเจ้า ทีเฟียร์" ฉันหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงกับอ้อมกอดของเจ้าชายทีเฟียร์
และในค่ำคืนนั้นก็จบลงอย่างแสนหวาน สำหรับฉันในเวลานี้ฉันรู้สึกมีความสุขมากที่สุด ความรักที่ฉันอยากจะรักษามันไว้ตลอดไป แม้มันจะไม่ได้เริ่มจากการขอเป็นแฟนอย่างที่พวกมนุษย์ทำ แต่มันเริ่มจากการที่เราต่อสู้กันจนเจ็บตัว มันเริ่มจากความขัดแย้งที่เรามีให้กัน มันอาจจะไม่เหมือนที่ฉันรักโอเซีย มันอาจจะไม่เหมือนความรักของทุกคน แต่ฉันเชื่อในพรหมลิขิต พรหมลิขิต เป็นผู้เขียนให้มันเป็นอย่างนี้และจบลงอย่างนี้ ฉันเชื่อแบบนั้น ในเมื่อตอนนี้เวลานี้ฉันมีความรัก ฉันก็ขอสัญญาว่าฉันจะดูความรักของฉันให้งดงามเช่นนี้ตลอดไป ความรักมันเกิดได้ทุกเมื่อแต่เราทุกคนก็ควรที่จะพิจารณาคำว่ารักของเราด้วย ความรักจะมีค่าขึ้นถ้าหากเราทั้งสองฝ่ายพร้อมเอาล่ะ พวกมนุษย์ทั้งหลาย ฉันชักอยากจะเห็นความรักสิ ฉันจะคอยเฝ้ามองพวกเธอตลอดไป
เรเทล( ซาชิกิวาราชิ ผีบ้านผีเรือน )
ฉันกลับมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์อีก แต่การกลับมาของฉันในครั้งนี้ฉันไม่ได้มาคนเดียว เดาซิๆๆๆๆว่าใคร.......................... ไม่ต้องเดาให้เสียเวลากันแล้วเสียเวลาเกิน 55+ ก็เซนอนว่าที่คู่หมั้นของฉันไงทุกคน รู้ไหมว่ากำลังจะมีข่าวดี ฉันกลับมาคราวนี้ฉันฉันมีเจ้าตัวเล็กมาฝาก เจ้าตัวเล็กตัวอ้วนกลมของฉัน สำหรับฉันตอนนี้อายุก็ย่างเข้า 200 ปีแล้วเริ่มแก่อย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้ฉันก็ย้ายบ้านที่ดูแลไปอีกเรื่อยๆ ตอนนี้ฉันภูมิใจมากๆเลยล่ะที่ฉันมีเจ้าตัวไว้เชยชมได้สำเร็จ ฉันก็คงจะต้องเอาเวลาที่มีค่าทั้งหลายเหล่านี้ไปเลี้ยงลูก ฉันจะไม่พูดอะไรมากแล้วอิอิ แค่อยากจะบอกว่าฉันมีลูกๆๆๆๆ เอ้ากริ๊ดๆๆๆๆกริ๊ดกันให้มันส์ สำหรับวันนี้ ซาชิกิวาราชิ ผีบ้านผีเรื่อนตนนี้ขอไปเลี้ยงลูกก่อนนะ และที่สำคัญก็อยากจะเห็นทุกคนที่ร่วมเดินทางมากับฉันประสบความสำเร็จแบบนี้บ้างจัง สำหรับวันนี้ ขอตัวไปก่อนนะจุ๊บๆ
ยูกิ ( ยูกิอนนะผีสาวหิมะ )
หลังจากจบเรื่องราวในวันนั้นฉันก็กลับมาเรียนตามปกติที่โรงเรียนฉันยังพบปะกับพวกเพื่อนๆที่ไปร่วมผจญภัยด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้ฉันชักจะอิจฉาพวกของเคเคียวจังซะแล้วสิ จะไม่ให้ฉันอิจฉาได้ไงล่ะ ก็ทุกคนเล่นแต่งงานกันไปหมดเลย ฉันกะว่าตอนปิเทอมจะไปเฝ้าภูเขาหิมะสักหน่อยนะ เผื่อจะได้ชายในฝันโอ้ โรแมนติกเป็นบ้าเลย ตอนนี้ฉันชักอิจฉาเคเคียวแล้วเจ้าชายทีเฟียร์และสิ555 ฉันก็ยังหวนคิดถึงชายอันเป็นที่รักอ่ะนะฉันไม่น่าขึ้นมาตายบนภูเขาหิมะในเวลาที่ยังท้องอยู่เลยไม่งั้นฉันก็คงจะต้องมีเจ้าตัวเล็กก่อนทุกคน แต่ก็อย่างว่าแหละมันก็ขึ้นอยู่กับพรหมลิขิตด้วย แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปเรียนก่อนนะจ๊ะ กริ่งออกเตือนแล้วขอให้พวกเธอโชคดี บ๊าย...บาย...
ไมตะ,คามะและทะจิ ( คาไมทาจิ ภูติลมเจ้าอารมณ์ )
พวกเราทั้งสามกลับมาอยู่ที่บนเขาเช่นเคย ใช่!! พวกเราไม่เรียนแล้ว พวกเราทั้งสามมักจะคอยฟาดฟันเหล่านักเดินทางที่ผ่านเข้ามาบนนี้ แปลกดีที่นิสัยดุร้ายของพวกเราทั้งสามไม่หาย พวกเรายังทำตามวิถีชีวิต และสัญชาติญาณของพวกเราต่อไป แม้มันจะดูโหดร้ายสำหรับมนุษย์แต่คาไมทาจิทั้งสามอย่างเราไม่แคร์อะไรทั้งนั้นขอแค่ได้ทำตามที่ใจสั่งก็พอพวกเราได้รับข่าวดีมาจากเคเคียวว่าเธอกำลังจะมีทายาทให้พวกเราทั้งหลายได้เชยชม พวกเราก็คนปลื้มปิติและยินดีกับความรักของทั้งสองด้วย แต่ในเวลานี้มีนักเดินทางขึ้นมาบนหุบเขาแล้วพวกเราชักอยากจะฟาดฟันให้นักเดินทางเหล่านั้นเจ็บตัวซะแล้ว อีกอย่างพวกเราก็รักการต่อสู้ด้วยสิ แหละหวังว่าคราวนี้นักเดินคนนี้จะต้อสู้กับพวกเรานะ พวกเราทั้งสามไปนะพอดีว่าพวกข้าอยากออกโรงแล้ว ขอให้พวกเจ้าโชคดี
เซเลน( ยองกองอีตอง ปีศาจแห่งโรงอุปรากร )
โอ้พระเจ้ากระผมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆที่ได้กล่าวอะไรเล็กๆน้อยๆก่อนจากๆ ก่อนอื่นกระผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนนะขอครับ กระผมมีนามว่า เซเลน หรือยองกองอีตอง นั่นเอง วันนี้กระผมก็ยังออกเร่ร่อนพเนจรตามปกติพร้อมกับหมุนเทียนที่มือไปด้วยส่วนสาเหตุที่ผมชอบหมุนนั้น ก็คงบอกได้คำเดียวว่า ก็ไม่รู้สินะตอนนี้กระผมก็ยังคงหวังว่าสักวันผมจะได้เจอคนที่ใช่ ยิ่งคิดแล้วยิ่งเอียนว่ะ และในเวลานี้ผมว่าผมได้เวลาไปเก็บถุงเงินแล้วไปนะครับ
เรมิ( ผีสาวคอยาว โระคุโระคุบิ )
อ้าวๆถึงตาฉันแล้วหรอ ( ถามไปจะใครตอบฟ่ะเนี่ย ) สวัสดีอีกครั้งก่อนจาก ฉันคงอยู่คุยด้วยนานไม่ได้เพราะฉันจะต้องออกไปหาเหยื่อรายใหม่ของฉันไง ช่วงนี้รู้สึกความสวยลดเลือนหายไปนะ เอาล่ะหนุ่มๆทั้งหลายระวังตัวให้ดีๆนะคืนนี้ฉันจะไปดูดเอาพลังชีวิตของพวกเจ้าคอยดู๊ อ๊ะ แค่พูดแค่นี้อย่ากลัวกันนะ ฉันเป็นโดยกำเนิด ( ตรงไหนฟ่ะ ) ว้าว ฉันลืมบอกอะไรไปนะ ฉันแอบชอบหมอหนุ่มของฉันด้วยล่ะ ล้อเล่นๆ เอาเป็นว่าฉันขอตัวไปหาพลังชีวิตก่อนนะ ขอให้พวกเจ้าทุกคนมีความสุขกับหารใช้ชีวิตของนะ สวัสดีตอนจาก....
ริกะ ( แบนชี่ เสียงร่ำร้องแห่งยมโลก )
เอิ่ม...ฉันชื่อแปลกไหม เออคือตัวฉันไม่ได้แบนสมชื่อนะ ทุกวันนี้ฉันก็ยังนั่งซักผ้าแจ้งข่าวให้พวกมนุษย์เธอว่าฉันแปลกไหม ที่ไปนั่งซักผ้าเนี่ย ฉันชอบติดสินบนนะตัวเธอ แบบว่าถ้ารำคาญฉันแล้วมาจับ ฉันจะบอกเธอๆทั้งหลายว่าจะถึงมาต โอ๊ะโออย่าเพิ่งมองฉันในทางไม่ดีนะฉันกะแค่มาร่ำร้องบอกเตือนให้พวกเจ้าเท่าเอ๊ง ไม่ได้มีเจตนาอะไร ถึงแม้จะน่ารำคาญตรงชอบโหยหวนบ้างก็เถอะ แต่ผีแบบฉันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายใครเลยนะได้เลยจริงๆ ปกติฉันเอาแต่โหยหวนเมื่อรับรู้ถึงกลิ่นแห่งความตาย ฉันไม่ได้ประสาทก็แล้วกันนะและก็ไม่ได้แปลกประหลาดกว่าใครเพื่อนด้วยแค่มีจมูกรูเดียว ดวงตาแดงกล่ำจากการร้องไห้ ผมที่ยุ่งเหยิง ฉันไม่เห็นจะประหลาดเล๊ย 55 ฉันรับรู้ถึงกลิ่นแหงความตายแล้วฉันไปก่อนนะ
ออนไลน์( คายาโกะ จูออน )
สวัสดี แบร่ๆ ฉันมาแบบตลกใช่ไหม แต่ถ้าเจอฉันตัวจริงเข้าเธอจะตลกไม่ออก เพราะอะไรน่ะเหรอ หึๆ ก็ฉันคือ คายาโกะ จูออนยังไงล่ะ( ฉันเคยเป็นนามปากกาให้กับนักเขียนคนนี้ด้วยนะ ) พอดีว่าฉันเป็นผีหน้าสลอนที่ชอบแวบไปแวบมาอ่ะนะ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่ห้องข้างๆของยัยยูกิจึงเจอหน้ากันบ่อยๆ ฉันยังมีความอาฆาตแค้นเช่นเดิม แต่ตอนนี้ฉันเก็บพับมันไว้ก่อน ไว้ว่างๆฉันจะไปโผล่ที่ช่องฟรีซแถวๆบ้านเธอนะฮิๆฉันน่ะน่ารักออกขอบอกชอบคลานดุ๊กดิ๊กๆน่ารักจะตาย ( เพราะไม่มีกระดูก ) แล้วอีกอย่างฉันก็ขาวสวยหมวยเอ็กซ์ ( สองคำหลังไม่เกี่ยวนะ ) เพราะเป็นโรคเลือดจางฮี่ๆเอาเป็นว่าเราไปเจอกันในทีวีไม่ก็ช่องฟรีซบ้านเธอดีกว่าเนาะ สำหรับวันนี้ ลาก่อนนะจ๊ะ แบร่ๆๆ
นากาเสะ( ซาดาโกะ ตำนานแห่งนกกระเรียนพันตัว )
สวัสดีวันนี้ฉันก็ยังนั่งเหม่อลอยออกนอกหน้าต่างเพื่อรอความหวังแห่งสันติภาพเช่นเคย ก็ฉันเคยหวังไว้นี่เนาะว่าสักวันสันติภาพจะกลับมาครองโลกอีกครั้ง และหวังว่าลูกๆของทุกคน จะเป็นความหวังให้กับฉันต่อไป ช่วงนี้ฉันก็รู้สึกว่าความหวังของฉันจะเพิ่มจำนวนขึ้น 55 ร้อยปีแล้วสินะที่ฉันไม่ได้เจอทุกคน ทุกวันนี้ฉันก็ยังเก็บตัวเงียบอยูที่บ้าน ฉันยังพับนกกระเรียนเพื่อความหวังแห่งสันติภาพ ตอนนี้ฉันก็คงไม่เคยคิดจะรักใครหรอก ในใจมีแต่ความห่วง ฮือๆ คิดแล้วเศร้า ตอนนี้ฉันก็ยังนั่งพับนกกระเรียนต่อไป โดยไม่สนใจว่ามันจะมีสักกี่ล้านตัว ฉันเฝ้าภาวนานะอย่าให้มีสงครามเกิดขึ้นอีกเลยเพราะฉันไม่อยากเห็นใครตายไปอีกแล้ว แต่ตอนนี้ฉันขอร้อยกระเรียนพันตัวก่อนนะ ขอให้พวกเธอโชคดี
ชิเมะ ( ปีศาจสุนัขจิ้งจอก คิตสึเนะ )
สวัสดีชาวโลกปีนี้ก็ปีที่ 200 แล้วนะหางข้าก็เพิ่มขึ้นมาอีกหางหนึ่งตอนนี้ข้ากำลังดังเลย เพราะอะไรน่ะหรอเพราะหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับจำแลงไง ( ก็จำแลงจริง ) ข้ามักพบเจอกับเรเทลและลูกของเธอบ่อยๆส่วนน้องเคเคียวคนสวยก็บินกลับไปอยู่โลกเทพแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งข่าวคราวอะไรมาให้เลย ตอนนี้ผมก็กำลังตามหาหวานใจสักคนอยู่ เผื่อจะได้ทายาทอีกคนไปเป็นเพื่อนเล่นกับลูกของทุกคน แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนตอนนี้ผมกำลังดังนี่ถ้าแฟนคลับเห็นผมล่ะ คงไม่กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่เลยหรอ แหมๆๆเป็นคนดังก็งี้แหละครับ แต่ตอนนี้ผมเจอแล้วพรหมลิจิตของผมว้าวมนุษย์น่าตาน่ารักคนหนึ่งกำลังจ้องมาที่ผมด้วยผมควรทำไงดี ใช่ๆสิจีบๆๆๆๆ ว่าแล้วผมก็ไม่รอช้านะตรงเข้าไปจีบสาวน้อยคนนั้นทันที และเธอก็ตอบตกลงซะด้วยว้าวๆผมกำลังจะมีทายาทผมขอตัวไปก่อนนะครับ
ฮานาโกะ ( ฮานาโกะซัง วิญญาณเด็กในห้องน้ำ )
ค่า............................ อ๊าว อ้าวๆๆๆนึกว่ามีคนมาเคาะประตูเรียกฉันอีกนี่ที่ เอ๊าสวัสดีจ๊ะ ตอนนี้ฉันกลับมาเฝ้าห้องน้ำแล้วนะ อ๊ะๆๆอย่าคิดว่าฉันโสโครกนะ พอดีว่าฉันตายในห้องน้ำคิดแล้วสยองใช่ไหม ฉันออกจะน่าสงสารเสียด้วยซ้ำจริงสินะ ตอนนี้ทุกคนก็สบายกันไปแล้วและแต่ล่ะคนก็กลับไปที่ของตนเอง ใครคิดถึงฉันบ้างยกมือขึ้นหน่อนซิ ถ้าคิดถึงก็มาเจอฉันได้นะ ฉันจะบอกที่อยู่ให้ฮี่ๆๆ ฉันอยู่ที่ห้องทางขวามือห้องสุดท้าย ถ้ามาก็กรุณาเคาะประตูสามครั้งนะ แล้วเรียกฉันด้วยฉันจะออกไปเล่นด้วย ฮึๆ แต่ถ้าตอนกลางคืนล่ะก็เธอมาหาฉันแล้วมาบอกว่า ฮานาโกะซัง ตื่นเถอะ ก็ระวังตัวเอาไว้ดีๆนะ ฉันจะจับขาเธอไป เอาล่ะๆๆ ตอนนี้ฉันก็คงต้องไปเฝ้าห้องน้ำต่อนะ ขอให้เธอมีความสุขกับการเข้าห้องน้ำนานๆ ฮึๆๆ
แฟรงก์ ( แฟรงก์เกินสไตน์ ผีดิบผู้เดียวดาย )
ฮึกๆๆๆ ฮือๆๆ ทำไมพระเจ้าถึงทำกับกระผมแบบนี้ ฮือๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ้ๆๆๆกระผมแค่รู้สึกว่ากระผมเหงาเดียวดายเพราะท่านวิคเตอร์ท่านไม่ยอมสร้างตัวตนแบบข้าขึ้นมาอีกตัว ทำไมพระเจ้าถึงโหดร้ายแบบนี้ เฮ้ย มันจะมากไปแล้ว และตอนนี้กระผมก็นอกเรื่องมามากแล้ว งั้น ขอสวัสดีอย่างเป็นทางการก่อนนะขอรับ ตั้งแต่กระผมกลับจากการตามหากุหลาบให้น้องเคเคียวกระผมก็กลับมานั่งเหงาเดียวดายท่ามกลางแสงเดือน ยิ่งคิดแล้วมันยิ่งเศร้า ผมอยากจะมีคู่เหมือนกับใครเขาบ้างแต่ก็คงได้เพียงแค่ฝันมันน่าน้อยใจนัก ตอนนี้กระผมก็คงขอตัวไปนั่งร้องไห้รอวันที่จะมีคู่กับเขาแล้วนะขอรับ แง้ๆๆๆ
ฟ้า ( ผีฟ้า นางเทียน )
สวัสดียามเช้าที่แสนจะสดใสจ๊ะ วันนี้ฉันก็ยังออกเที่ยวตามปกติเพราะตั้งแต่กลับมาจากญี่ปุ่นฉันก็ไม่มีเวลาเที่ยวเลย จริงสินะอีกไม่นานฉันก็คงจะได้อุ้มหลานแล้ว เพราะเคเคียวกำลังจะมีทายาทเพิ่มอีกคน ฉันล่ะดีใจแทนจริงๆแต่ก็แอบเสียใจเหมือนกันที่ฉันไม่สามารมีทายาทกับเขาได้เพราะฉันไม่อยากกลายเป็นปอบผีฟ้าน่ะสิ จริงด้วยใครมีปัญหาอะไรก็จุดธูปแจ้งฉันได้นะช่วงนี้ตะลอนออนแอนทั่วประเทศไทย เพื่อที่จะไปร่ายรำบำบัดความทุกข์ และโรคภัยให้กับทุกคน ที่ป่วย ฉันไม่ใช่ผีอย่างที่ใครๆเรียกหรอกนะเออฉันเป็นเทวดา นางฟ้าผู้งดงามากกว่าผีนะ ทุกคนฉันไปนะ ได้เวลาเดินทางแล้วขอให้วันพรุ่งนี้เป็นวันของพวกคุณ
คุชิโกะ ( คุชิซาเกะอนนะ ผีสาวปากชีก )
คมบังวะ สวัสดีตอนค่ำในวันที่หมอกลงนะจ๊ะ ฉันสวยไหม ทุกคนคงคิดว่าฉันหลงตัวเองอยู่ล่ะสินะแต่เปล่าเลยฉันน่ะเป็นสาวสวยที่งามเลิศที่สุดในปฐพีชนิดที่ว่าไม่เป็นรองใครเลยล่ะ แต่ตอนนี้รูปสวยนั่นฉันขอเอาไปเก็บไว้ไกลเนื่องจากท่านซามูไรเป็นผู้ใช้มีดกนีดปากของฉันให้ชีกถึงหู อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยย ฉันอยากจะกรี๊ดให้ดังกว่านี้ แต่กลัวว่าปากมันจะกว้างกว่าขอหุบๆลงหน่อยล่ะกัน ฉันสยองตัวเอง ตอนนี้ฉันก็ได้รับข่าวดีมาอีกแล้วนะ ก็เพราะเจ้าคิตสึเนะกำลังจะมีทายาทอ๊ากอิจฉาตาร้อน แต่ตอนนี้ฉันคงจะสู้หน้าใครไม่ได้เพราะปากฉันชีก เศร้าใจ ร้องไห้กระซิกๆอย่างน่าสงสาร อ้าวมีคนมาแล้ว ฉันไปขอขนมแล้วเช็คความสวยของตัวเองก่อนนะ ไปแหละ จุ๊บุ๊ ( แอบอ้าปากกว้างก่อนจาก )
มิโอะ ( เทเคเทเค ขาหนูอยู่ไหน )
เทเคเทเค เสียงลากตัวของฉันดังขึ้น ตั้งแต่กลับมาจากที่นู้นฉันก็ยังคงมาหาตัวตายตัวแทนต่อก็คงจะเป็นพวกผู้หญิงที่อกหักจากความรักแล้วมากระโดดรางรถไฟอ่ะนะ ฉันแอบปวดประสาทไม่น้อยที่เห็นโดดกันเกือบทุกวัน อันไอ้อกหัก ฉันก็เข้าใจนะแต่ทำไมต้องทำร้ายตัวเองด้วยอ่ะ ขนาดเคเคียวที่ผิดหวังจากความรักยังไม่ทำเลย เธอว่าแปลกไหม โฮ้ สังคมของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ทำไมช่างเป็นแบบนี้ เอาแล้วไงมีคนขึ้นมาบนรางรถไฟแล้วอย่าๆๆๆๆๆๆๆอ๊ากกกไม่ โอ้ทุกคนฉันคงต้องไปเกิดแล้วเพราะมีเทเคเทเคตัวใหม่มานั่งเฝ้ารางรถไฟแทนฉันแล้ว ทำไมเจ้าคิดสั้นเยี่ยงนี้ ฉันไม่มีเวลาแล้วไปเกิดก่อนน๊า
เรน ( โอบะเกะ ผีร่ม )
Hi !!!! เฮ้ยฉันทักทายเสียงอังกฤษมาได้ไง ทั้งที่ตัวเองเป็นผีญี่ปุ่น 55+ คงเป็นเพราะฉันชื่อเรน เอ้าล่ะๆ ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันจะฝากฝังกับทุกคนแล้วสินะ อ่ะ แฮะ อ่ะแฮ่ม ฉันก็คงไม่มีอะไรจะฝากหรอก ฉันพูดไม่ค่อยเก่งด้วยสิยังไงๆก็ดูแลสุขภาพของทุกคนให้ดีๆถ้าเจอผีก็ตั้งสติให้ดีนะ ฉันขอตัวก่อนล่ะ ไม่มีอะไรจะพูด
น้ำ ( ผีพราย จิตวิญญาณขนาดเล็ก )
เงอะเง้อ สวัสดีตอนเช้านะค่ะ ตอนนี้ใครรู้สึกเจ็บระบมไปทั่งตัวโดยที่ไม่ทำอะไรบ้าง ยกมือขึ้นหน่อยๆ อิอิ ถ้าเธอมีอาการปวดเจ็บราวกับไปฟัดกับใครมา เธอก็ลองคิดดูให้ดีๆว่าเคยรึเปล่าถ้าไม่เคยก็คงอาจจะเป็นเพราะฉัน อิอิ ผีพรายผู้นี้ไงเพราะอะไรน่ะหรอ ฉันชอบใส่ยำผู้คนที่ออกมาเล่นน้ำตามลำพังน่ะสิ แล้วลืมบอกไปว่าฉันเป็นภูติผีจำพวกเดียวกับนางไม้แต่ติดจะอยู่ในน้ำมากกว่า แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่นิยมพาย ตามชื่อหรอกนะ 55 เอาเป็นว่าอย่าลงแล่นน้ำในที่ลึกคนเดียวล่ะกันเป็นห่วง ฉันเจอคนตายกับน้ำมานักต่อนักแล้วนะ สำหรับวันนี้ สวัสดีตอนจาก
( The and )
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ